Pairing : ไลท์/แอล
AU John Wick ที่คนไม่ดูจอห์นวิคก็รู้เรื่องจ้า
หากอยู่ในวงการใต้ดินคุณจะเคยได้ยินเรื่องของ ‘แอล’
นักฆ่าในตำนาน คนที่สามารถดับชีวิตมาเฟียฮ่องกงหน้าคอนติเนนทัลโดยไม่มีใครรู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ใด เพียงมาเฟียรายนั้นก้าวขาออกมาจากตัวตึก กระสุนจุดสามศูนย์แปดวินเชสเตอร์ก็พุ่งทะลุศีรษะในทันที
การเล็งยิงที่ศีรษะเป็นเรื่องยากเพราะโอกาสเข้าเป้าน้อยกว่าตามลำตัวมาก แต่แอลก็สามารถทำได้ เขาปิดงานโดยใช้กระสุนเพียงนัดเดียว
ว่ากันว่าหากต้องการจ้างงานแอล ให้ติดต่อผ่านทางพนักงานต้อนรับคนหนึ่งของคอนติเนนทัล แต่แอลจะรับหรือไม่นั้นก็อีกเรื่อง หากสำเร็จลุล่วงให้จ่ายค่าจ้างผ่านพนักงานคนนั้น กระนั้นก็แทบไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่รับงานให้กับแอลเป็นใคร
เคยมีมืออาชีพแอบสะกดรอยตามเพื่อดูว่าพนักงานต้อนรับคนนั้นจะนำค่าจ้างไปให้กับใคร…ผลลัพธ์ก็คือไม่ เขาแค่กลับไปที่พักของตัวเอง กลับมาทำงานที่คอนติเนนทัลในตอนเช้าเหมือนทุกครา ข้อสันนิษฐานที่ว่าแอลก็คือพนักงานคนนั้นจึงถูกตั้งขึ้น และถูกปัดทิ้งไปเมื่อแอลได้ทำการเป่าหัวมือขวาของมาเฟียรัสเซีย ขณะพนักงานคนนั้นยังทำงานอยู่ในคอนติเนนทัล
แอลที่ลึกลับราวกับเป็นเพียงตัวอักษรไร้ตัวตนถือเป็นตำนานหนึ่งของคอนติเนนทัลสหราชอาณาจักร เป็นที่กล่าวขานพอๆ กับตำนานบูกี้แมนของสหรัฐอเมริกา
ร่างโปร่งกระชับเสื้อโค้ทที่กลืนไปกับความมืดมิดของยามค่ำคืนขณะเดินไปตามฟุตปาธ ไม่นึกชื่นชอบสภาพอากาศของวินเชสเตอร์ในช่วงฤดูหนาว หิมะทำให้เขาทำงานลำบาก มันโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าจนเครื่องแต่งกายสีดำของเขาเด่นชัดขึ้นมา
ขาเรียวก้าวเข้าไปในที่แห่งหนึ่งตรงหัวมุมของถนน สถานที่ที่เขาคุ้นเคย
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่คอนติเนนทัล"
"ผมต้องการห้อง"
มือวางเหรียญสีทองลงเคาน์เตอร์ก่อนเลื่อนไปให้พนักงานต้อนรับ ลอบมองชายชราตรงหน้าและได้รับรอยยิ้มบางๆ จากอีกฝ่ายตอบกลับมา "ไม่เจอกันนานเลยนะครับ"
ใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยแมสก์สีดำ สวมหมวกและชุดเนื้อหนากันความหนาว ไม่มีสิ่งใดบอกได้ว่าหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร
"ช่วงนี้มีของหวานอะไรบ้างครับ?"
"อืม..." คนตรงหน้าหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง "เค้กสองสามรส แต่คุณคงไม่สนใจ"
"รู้ได้ไงว่าผมจะไม่สนใจ" ทั้งน้ำเสียงและดวงตากลมสีดำสนิทที่โผล่พ้นแมสก์ราบเรียบไม่สื่อถึงอารมณ์ใด
พนักงานต้อนรับเลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความประหลาดใจ "คุณหิวเหรอ?" ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะถามหาของหวานก่อน ปกติจะเป็นเขาที่คอยจัดแจงให้อยู่เสมอ
"คงจะแบบนั้น"
"ทางเรามีบริการรูมเซอร์วิส...สนใจไหมครับ?"
"เค้กอะไรก็ได้ กาแฟหนึ่งถ้วย น้ำตาลก้อนหนึ่งถ้วย”
“นี่คีย์การ์ดครับ ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อน”
เขารับมันมาก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟต์ ปฏิเสธไม่ให้พนักงานขนกระเป๋า สัมภาระที่ติดตัวมามีเพียงกระเป๋ากีต้าร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งเขาไม่ยินดีให้ใครเสนอตัวดูแลแทนทั้งนั้น เพราะน้ำหนักที่มากผิดปกติอาจทำให้สงสัยได้ว่าด้านในมีสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เครื่องดนตรี
แต่เป็นของที่สำคัญสำหรับเขามากพอๆ กับการปกปิดหน้าตาของตัวเอง
วางกระเป๋ากีต้าร์ลงบนเตียงอย่างเบามือเมื่อเข้ามาในห้องพัก เดินตรงไปยังระเบียงห้องแล้วใช้มือแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองบรรยากาศด้านนอก หิมะยังคงตกลงมาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดลงโดยง่าย
เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาปิดม่านลงดังเดิม ร่างโปร่งเดินตรงไปยังประตูก่อนจะส่องดูที่ตาแมวว่าใครอยู่ด้านนอก
เมื่อเห็นว่าเป็นพนักงานของคอนติเนนทัลที่นำอาหารมาเสิร์ฟ จึงยอมเปิดประตูให้แต่โดยดี
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง”
เขาดัดเสียงของตัวเองให้แหลมขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพนักงานคนนั้นกำลังจะก้าวเข้ามาในห้อง มือภายใต้ถุงมือหนังสีดำยกขึ้นห้ามเป็นเชิงว่าไม่ต้องเข้ามา คว้ารถเข็นอาหารแล้วดึงให้เข้ามาในห้องก่อนปิดประตูลง
อาหารบนรถเข็นนั้นมีเพียงเค้กสตรอเบอร์รี่ เค้กกาแฟ ชีสเค้ก กาแฟและน้ำตาลก้อนอย่างละถ้วย สองนิ้วคีบช้อนคนกาแฟก่อนพบกับเหรียญทองจำนวนไม่น้อยที่ซ่อนอยู่ เขาตักมันออกมาวางบนผ้าเช็ดปาก ยกจานเค้กทั้งสามขึ้นก่อนหยิบซองจดหมายที่ถูกทับเอาไว้ขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อย เมื่อพบว่ามันไม่มีร่องรอยการถูกเปิดอ่านมาก่อนจึงทำการแกะซอง สิ่งที่อยู่ในนั้นมีเพียงกระดาษโน้ตธรรมดาของคอนติเนนทัล และรูปถ่ายสามใบของคนสามคน
'เค้กสตรอเบอร์รี่
เค้กกาแฟ
ชีสเค้ก'
เขาเดินไปปิดไฟก่อนจะคว้าปากกายูวีในเสื้อโค้ทขึ้นมาส่องกระดาษแผ่นนั้น รายชื่อและสถานที่ของเป้าหมายปรากฎแก่สายตา สุ่มเลือกหนึ่งในนั้นจากเค้กที่ตัวเองไม่อยากกินมากที่สุด เขาไม่สามารถรับหลายงานพร้อมกันได้เพราะไม่อยากให้ตัวเองโด่งดังมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ยิ่งมีชื่อเสียงในวงการนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนมากเท่านั้น
‘เค้กกาแฟ ไลท์ ยางามิ บันไดหน้าศาลแขวงวินเชสเตอร์ ยี่สิบเอ็ดนาฬิกาวันมะรืน 1.3M 10C’
เขาหยิบรูปถ่ายของเป้าหมายออกมาดู ใบหน้าผู้ชายชาวเอเชียคนหนึ่งที่ดูไม่มีพิษสงใดๆ ปรากฎแก่สายตา คิ้วเผลอขมวดเข้าหากันยามคิดหาตอบว่าเพราะเหตุใดชายคนนี้ถึงได้ถูกสั่งเก็บ
แต่นึกไปก็เท่านั้น ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย
เขาตรงไปยังห้องน้ำก่อนทำการเผารูปและจดหมายทั้งหมด กดชักโครกซ้ำสองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเศษเถ้าถ่านใดๆ หลงเหลืออยู่
ใบหน้าของเป้าหมายถูกเขาจดจำไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แอลตื่นขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน
กระชับเสื้อโค้ทของตัวเองหลังจากที่ตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นฆ่าเวลาแถวนี้เสียหน่อย กระเป๋ากีต้าร์ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟที่ซ่อนอยู่หลังรูปภาพในห้องพัก สวนสาธารณะใกล้คอนติเนนทัลคือจุดหมาย ขาเรียวก้าวเดินไปตามทาง
ฝูงนกพิราบแตกฮือเมื่อเขาเดินตรงไปที่น้ำพุ ท้องฟ้ามีสีเทา อากาศเย็นลงจนสังเกตเห็นควันสีขาวจางๆ จากลมหายใจของคนที่ผ่านไปมา
เขาเดินไปนั่งตรงน้ำพุ มองฝูงนกที่บินหนีผู้คนที่เดินเข้ามาใกล้...ไม่มีใครแตะตัวนกพิราบได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะแตะอยู่แล้ว
หิมะโปรยปรายลงมาจนทำให้ขอบน้ำพุเริ่มชื้น หากเขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
"ไม่หนาวเหรอคุณ"
เขาหลุดจากภวังค์ ละสายตาจากฝูงนกก่อนเงยขึ้นมองชายหนุ่มที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายสวมโค้ทสีน้ำเงินเข้มและผ้าพันคอสีขาว ในมือถือร่มใสซึ่งโน้มเอียงมาจนกันเขาจากหิมะที่กำลังตกอยู่
แอลจำใบหน้าของชายผู้นี้ได้
ไลท์ ยางามิ
เป้าหมายของเขา
"ไม่"
แมสก์สีดำสนิทที่คาดปิดใบหน้าทำให้เสียงอู้อี้เล็กน้อย กระนั้นมันก็ยังฟังดูห้วนอยู่ดี การผูกมิตรกับเป้าหมายไม่ใช่เรื่องที่ดี มันจะทำให้งานยากขึ้น
ดวงตากลมโตฉายแววไม่เป็นมิตรไปให้ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่งยิ้มมาให้เขาเสียจนตาปิด
ท่าจะพิลึก
แอลเบือนหน้าหนีไปทางอื่น อย่างน้อยการดูพวกนกพิราบก็คงจะดีกว่ามามองหน้าเป้าหมายของตัวเอง
"นั่งอยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ?" ดูฝ่ายนั้นจะไม่เลิกผูกมิตรกับเขาง่ายๆ เจ้าตัวนั่งลงบนขอบน้ำพุข้างเขาแล้ว "ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไหม?"
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
มันออกจะเป็นสถานการณ์ที่ประหลาดไปเสียหน่อย เมื่อแอลเอาแต่นั่งมองฝูงนกพิราบ โดยมีไลท์ผู้เป็นเป้าหมายในคืนพรุ่งนี้นั่งถือร่มให้อยู่ข้างๆ
"คุณเป็นใคร?"
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมกับทำลายกฎของตัวเองหนึ่งข้อ
กฎที่จะไม่ทำความรู้จักกับเป้าหมาย
"ไลท์ ยางามิ เป็นตำรวจน่ะ" รอยยิ้มบางจุดบนใบหน้า "แล้วคุณล่ะ?"
"ใครสักคน" เขาตอบ นึกแปลกใจที่อีกฝ่ายบอกทั้งชื่อและอาชีพโดยไม่นึกสงสัย
"ไม่แฟร์นี่" ไลท์ท้วง "คุณไม่ยอมบอกชื่อผม"
เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เผลอยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างยียวน "แล้วทำไมผมต้องบอกด้วยล่ะ?” ก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งดังเดิมเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังเกิดอารมณ์ร่วมไปกับเป้าหมาย
แหกกฎข้อที่สองอีกจนได้
"โอเค ไม่บอกก็ไม่บอก" ไลท์ถอนหายใจเป็นการยอมแพ้ "คุณมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียว อากาศหนาวจะตาย"
"ดูนก"
แอลพึมพำก่อนหันไปมองฝูงนกพิราบ ในใจนึกหาสาเหตุที่ทำให้ตำรวจแผนกสืบสวนคนนี้กลายเป็นเป้าหมายของเขา คงไม่พ้นไปทำอะไรขัดแข้งขัดขาพวกอิทธิพลเหนือกฎหมายเข้า
"ไปดื่มกาแฟด้วยกันไหม?"
คนที่นั่งเคียงข้างยังไม่เลิกล้มความพยายามที่จะชวนคุย ไลท์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเลื่อนตัวมาหยุดยืนตรงหน้า บดบังสายตาของเขาจากฝูงนกพิราบเสียมิด ดวงตากลมเงยหน้ามองคนที่ยังคงถือร่มให้ และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงได้ลุกขึ้นยืน
ความอบอุ่นของคาเฟ่ทำให้รู้สึกแปลกประหลาด
สถานที่ธรรมดาเต็มไปด้วยคนธรรมดาทำให้แอลรู้สึกไม่คุ้นชิน
เพียงแค่ก้าวเข้ามาในร้านก็รู้ได้เลยว่าเขาไม่เข้ากับที่นี่ ไม่เข้าสุดๆ
"คุณเอาอะไร เดี๋ยวผมสั่งให้"
คนที่เดินตามเข้ามาหุบร่มใส่ในตะกร้าหน้าร้านก่อนถาม เมื่อเห็นเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
ดวงตากลมซึ่งเป็นส่วนเดียวที่โผล่พ้นแมสก์มองเมนูที่อยู่บนกระดานติดผนัง
"โกโก้ร้อน"
อีกฝ่ายยิ้มเมื่อได้ยินชื่อเครื่องดื่ม เขารู้ดีว่าสายตาแบบนั้นคือสายตาเอ็นดู เหมือนที่คนธรรมดารู้สึกกับเด็กตัวเล็กๆ ไม่ก็หมาแมว ไม่ก็อะไรสักอย่างที่ตัวน้อยน่ารัก
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนั้นเท่าไร เขาก็รู้ว่าสายตาแบบไหนคือสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
"คุณนั่งรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวผมสั่งเครื่องดื่มแป๊ปนึง"
แอลทำตามที่ได้ยินอย่างว่าง่าย เขาไม่ชอบเป็นจุดเด่น รวมถึงไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร โต๊ะที่อยู่ตรงมุมด้านในสุดของร้านจึงเป็นคำตอบ
ไม่นานอีกฝ่ายก็เดินมาพร้อมถาดใส่ของกิน บนนั้นมีโกโก้ร้อนของเขา แก้วกาแฟของอีกฝ่าย และครัวซองต์สองชิ้นพร้อมแยมสตรอเบอร์รี่
"ขนมที่นี่อร่อยนะ คุณลองสิ"
ไลท์ชวนมือก็เลื่อนจานครัวซองต์มาให้ แอลคว้าโกโก้มาก่อนจะชะงัก
ถ้าเขาดื่มก็ต้องถอดแมสก์ออก
และนั่นก็ทำให้มือขาวซีดเอาแต่ประคองแก้วไว้อยู่อย่างนั้น
"คุณไม่ดื่มเหรอ?"
อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งนิ่ง แอลส่ายหัวแทนคำตอบ
นั่นเป็นกฎที่เขาจะไม่มีวันทำลายเด็ดขาด เขาจะไม่มีวันเปิดเผยใบหน้าของตัวเองให้ใครเห็น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กทารกหรือคนใกล้ตายก็ตาม
"ทำไมล่ะ ไม่อยากให้ผมเห็นหน้าคุณเหรอ?"
ได้แต่เบนสายตาไปทางอื่น เริ่มรู้สึกว่าไม่ควรมานั่งที่นี่กับคนตรงหน้านี้เลย
ความอึดอัดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้สึก
ดูจากการปาดแยมสตรอเบอรี่ลงบนครัวซองค์แล้วเอาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยนั่นแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าระหว่างรู้แต่ไม่สนใจกับไม่รู้อะไรเลย อีกฝ่ายเป็นแบบไหนกันแน่
"ที่ผมมานั่งกับคุณ" ไลท์พึมพำขึ้นมาเสียงแผ่ว "แค่รู้สึกว่าคุณดูเหงาๆ เหมือนต้องการเพื่อน อีกอย่าง คนปกติเขาไม่นั่งตากหิมะกันหรอก ผมว่าคุณแปลกดีเลยอยากรู้จัก"
"คุณต่างหากที่แปลก" คนโดนว่าเหน็บกลับ "คนปกติเขาไม่ชวนคนแปลกหน้ามานั่งดื่มกาแฟกันหรอก"
อีกฝ่ายหัวเราะเสียงใส "อื้ม งั้นเราทั้งคู่ก็แปลก"
หลังนั่งมองคนตรงหน้าจัดการครัวซองต์สองชิ้นนั้นจนหมด แก้วโกโก้ของเขาก็หายร้อนเสียแล้ว
"ผมคงต้องไปแล้ว" ไลท์ก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง "คุณจะกลับเลยไหม?"
เขาส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ ขณะยื่นธนบัตรห้าปอนด์ให้
"ไม่เป็นไรหรอกคุณ ผมเลี้ยง"
"ขอบคุณ"
มือขาวซีดหยิบแก้วของตัวเองแล้วลุกเดินตามอีกฝ่ายออกมาจากร้าน ความหนาวเย็นกลับมาอีกครั้ง
"คุณมี...เบอร์โทรศัพท์ไหม?"
คนที่ยืนเคียงข้างถามเสียงแผ่ว เขาสบสายตากับดวงตาสีน้ำผึ้งคู่นั้นขณะส่ายหน้าช้าๆ
อีกฝ่ายมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเอง จดอะไรบางอย่างลงบนนามบัตรแล้วยื่นให้เขา "เอาเป็นว่า นี่เบอร์ผม ถ้าคุณอยากจะ...เอ่อ...คุยกันอีกก็โทรมาได้นะ"
เอื้อมมือข้างที่ว่างไปรับนามบัตรใบนั้นก่อนจะพลิกดูด้านหลัง ตัวเลขหลายหลักถูกเขียนด้วยลายมือประณีตปรากฎแก่สายตา
"งั้นผมไปแล้วนะ"
"ลาก่อน"
แอลเอ่ยลาก่อนจะเดินจากมา รู้สึกวูบโหวงขึ้นมาในอกเล็กน้อย แต่ก็ต้องบอกให้ตัวเองรีบไล่ความรู้สึกพวกนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวก่อน!"
ยังไม่ทันเดินไปถึงมุมตึก อีกฝ่ายก็เอ่ยเรียกเสียก่อน เขาหันไปมองด้วยสายตางุนงง
"เอ่อ...คุณคงจะหนาว" ไลท์คลายผ้าพันคอของตัวเองออก "อย่างน้อยนี่ก็คงทำให้คุณอุ่นขึ้นบ้าง"
ผ้าพันคอสีขาวผืนนั้นย้ายมาอยู่ที่เขาในที่สุด กลิ่นน้ำหอมจางๆ ของอีกฝ่ายที่ติดอยู่ลอยอวลไปทั่ว เขาเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย และได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา
ใบหูของเขาขึ้นสีแดงจัด อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเกินไป ไม่ก็อาจเป็นเพราะเหตุผลเดียวกันกับที่ทำให้รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก
หิมะยังคงตกอยู่ ท้องฟ้าเองก็ยังคงเป็นสีเทาเข้ม
แต่แอลกลับรู้สึกอบอุ่นราวกับได้รับแสงแดดอ่อนๆ อบอุ่นยิ่งกว่าฤดูใบไม้ผลิไหนๆ ที่เขาเคยสัมผัส
เขากลับมาถึงคอนติเนนทัลพร้อมโกโก้ที่เย็นชืดและผ้าพันคอสีขาว
แหวกม่านตรงระเบียงห้องออกเล็กน้อยก่อนจะมองย้อนไปตามทางที่เขาเพิ่งเดินกลับมา ยืนเหม่ออยู่อย่างนั้นและเผลอนึกไปถึงคนแปลกประหลาดที่เจอในสวนสาธารณะ
แบบนี้ไม่ดีแน่
เขานึกตำหนิตัวเองที่ไปทำความรู้จักกับเป้าหมายจนเผลอนึกถึงอีกฝ่ายแบบนี้ เขาปิดม่านลงดังเดิม ถอดผ้าพันคอลงถังขยะแถวนั้นก่อนนำโกโก้ไปเททิ้งในห้องน้ำ
ไม่เป็นมืออาชีพเลย
เช้าวันถัดมา แอลลุกจากที่นอนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า
เขาสั่งรูมเซอร์วิสและหมกตัวอยู่แต่ในห้องพักของตัวเอง นำกระเป๋ากีต้าร์ออกมาจากตู้เซฟและเปิดดูสิ่งที่อยู่ด้านใน
มือเรียวหยิบปืนพีเอสจีวันที่ถูกแยกชิ้นส่วนออกมาทำความสะอาดและตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งทีละชิ้น ก่อนจัดเก็บลงที่เดิมเพื่อรอให้ถึงเวลาทำงานของมัน
และเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นความมืดมิด เขาก็คว้ากระเป๋ากีต้าร์ขึ้นสะพายและเดินออกจากคอนติเนนทัลเพื่อเริ่มงานของตัวเอง
คืนนี้ไม่มีหิมะ
มือภายใต้ถุงมือหนังกระชับกระเป๋าบนบ่าขณะก้าวขึ้นไปตามบันไดเหล็กข้างตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากศาลแขวงวินเชสเตอร์ไปไม่ถึงหนึ่งช่วงตึก จนในที่สุดก็ขึ้นมาถึงดาดฟ้าของอาคาร ดวงตากลมโตกวาดหาที่กำบัง ก่อนพบเข้ากับกองเศษเหล็กที่ถูกคลุมด้วยผืนผ้าใบขนาดใหญ่
เขาเดินไปเปิดผ้าใบผืนนั้นเพื่อเช็คว่าไม่มีตัวอะไรหรือใครแอบซ่อนอยู่ และเมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติใด จึงค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงและขยับไปชิดกับกำแพงของดาดฟ้า
เลิกแขนเสื้อโค้ทขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
เพิ่งจะสองทุ่มครึ่ง ยังพอมีเวลา
แอลเปิดกระเป๋าออกก่อนเริ่มประกอบปืน
พาดปากกระบอกปืนลงบนสันกำแพง จัดแจงท่านั่งให้อยู่ในท่าที่สบาย สอดนิ้วเข้าไปในโกร่ง แตะเบาๆ เข้าที่ไกปืน และเริ่มงานที่ตัวเองถนัดมากที่สุด นั่นคือการรอ
การฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องยากนักสำหรับเขา ตราบเท่าที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ เข้ามาร่วม
มันไม่ต่างจากการล่าสัตว์...เพียงแค่การล่าสัตว์ เขาจะได้อาหาร แต่ถ้าเขาฆ่าใครสักคน เขาจะได้เงิน
มันคืองานอย่างหนึ่ง แม้จะไม่สุจริตก็ตาม
เขาเล็งลำกล้องไปยังศาลแขวงวินเชสเตอร์ ตึกที่ใช้เป็นที่เฝ้ารอนั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องมาทางด้านขวาของศาล จึงทำให้สามารถเล็งไปที่หน้าประตูได้ ในตอนนี้เหลือเพียงแค่รอให้เป้าหมายเดินออกมาจากประตูเท่านั้น
แอลเม้มปากแน่น อากาศค่อยๆ เย็นลง
ความรู้สึกโล่งอกแล่นเข้าสู่หัวใจทุกครั้งเมื่อประตูของศาลเปิดออกและคนที่เปิดนั้นไม่ใช่เป้าหมาย
ความรู้สึกแปลกประหลาดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจของเขาทีละนิด
ในที่สุด ประตูของศาลก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เขาชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังเดินออกมาเต็มๆ ตาผ่านลำกล้องของปืน
ไลท์
เขาจำได้และรู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นคือเป้าหมาย ค่าหัวของอีกฝ่ายคือหนึ่งล้านสามแสนปอนด์และเหรียญทองของคอนติเนนทัลอีกสิบเหรียญ
เป็นจำนวนเงินมากพอจะทำให้เขาไม่ต้องรับงานใดๆ ไปอีกหลายปี
เขาพยายามบังคับให้ตัวเองเหนี่ยวไกเสียเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะหมดเวลา ทว่านิ้วมือของเขามันกลับแข็งทื่อราวกับหิน ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งไลท์หลุดออกจากวิถีปืนในที่สุด
"โธ่เว่ย!!!"
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง วันที่เขาไม่กล้าเหนี่ยวไกปืนสังหารเป้าหมาย
เขาทำงานไม่สำเร็จ
ตำนานของแอลถูกปิดฉากลงแล้ว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครติ่งจอห์นวิค ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ---
อุแง้ บรรยายเพลินหนุกหนานมากค่า แอลในนี้ก็ฟิลเตอร์น้องมากจนเราเปลี่ยนโพแบบงงๆ เอ็นดูความประหยัดคำพูด เอ็นดูความสับสนในตัวเอง เอ็นดูเขานะคะ :)
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
แว๊บแรกนึกว่าจะเปิดมาด้วยการที่ไลท์ไปฆ่าหมาแอลซะแล้วนะนี่555
สนุกมากเลย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 / 22:34
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 2 มีนาคม 2563 / 23:36