ตอนที่ 119 : Say you won't let go (แอล/ไลท์)
ผมเชื่อเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล
เชื่อเสมอว่าทุกอย่างในชีวิตเกิดขึ้นเพราะเราได้สร้างปัจจัยบางอย่างเพื่อให้เกิดมันขึ้นมา
แต่น่าแปลก ที่สำหรับคุณแล้ว
เหตุผลดูจะไม่สำคัญอะไร ไม่มีหลักการอะไรที่ให้คำตอบได้
ว่าทำไมเราถึงมาเจอกัน และทำไม
ความรักที่ผมมีมันมากขึ้นทุกวัน..
You made me feel as though “I was enough”
หยดน้ำเกาะพร่างพราวที่หน้าต่างบานใหญ่ ม่านขาวพลิ้วไหวตามแรงลมอ่อนพัดโชย แสงสีม่วงทอบางที่ขอบฟ้า กลิ่นฝนและดินชื้นเจือพร้อมละอองน้ำจากฟ้าที่โปรยปรายลงมาเบาๆ
ผมมองดูคุณนั่งอยู่ตรงนั้น ชันเข่าขึ้นกอดตัวเองไว้ท่ามกลางสายฝนเย็นสบาย คุณอยู่ในเสื้อแขนยาวตัวโปรด ท่านั่งผ่อนคลายไม่ไขว่ห้างเหมือนทุกครั้ง สายตาคุณทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมแอบมองคุณจากด้านหลัง มองดูคุณแหงนมองหยดน้ำที่เกาะอยู่ขอบหน้าต่าง มุมนี้ผมเห็นคุณเหม่อมองออกไปเบื้องนอก เห็นคุณนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ผ้าห่มผืนหนากองอยู่ข้างๆ หนังสือเล่มโปรดของคุณสอดไว้ด้วยเศษกระดาษที่คุณชอบเอามาแทนที่คั่นหนังสือ
ผมเดินเข้าไปหาคุณ วางถ้วยกาแฟที่โต๊ะข้างกาย ขณะเดียวกันที่คุณหันมาหาผม ดวงตาของคุณเจือแววหม่นหมอง ปลายจมูกเจือสีแดง หยดน้ำตาอาบแก้มของคุณ
แต่ผมยิ้ม..
I’ll bring you coffee with a kiss on your head
ผมนั่งลงข้างคุณ ไม่พูดอะไร คว้าเอามือของคุณมากุมไว้ ยกขึ้นจุมพิตที่หลังมือนั้น สอดประสานนิ้วของผมเข้ากับของคุณ บีบเบาๆ มือของคุณเย็นเฉียบเพราะอากาศหนาว แต่ผมไม่นึกอยากปล่อยมัน
เงยหน้าขึ้นมองดูน้ำตาหยดสุดท้ายของคุณหยดลู่ลงข้างแก้ม โน้มตัวไปจูบซับมันเบาๆ ได้ยินเสียงสูดหายใจลึกของคุณ
ผมเบียดตัวเข้าหาคุณ ยกแขนขึ้นโอบรอบตัวของคุณ
คุณเบียดตัวเข้าหาผม อิงศีรษะของคุณลงที่บ่าผม กอบกุมมืออีกข้างนั้นไว้แน่น
เรามองดูสายฝนนั้นด้วยกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา..
เวลาผ่านไป นานเท่าไรไม่รู้
คุณผล็อยหลับไปแล้ว ผมค่อยๆ เอนตัวคุณลงนอนบนโซฟา ห่มผ้าให้คุณอย่างเบามือ
ผมมองคุณหลับไป มองดูใบหน้าของคุณที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ความรู้สึกเมื่อได้มองก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เกลี่ยปอยผมของคุณให้ไม่ปรกหน้าผาก แอบอมยิ้มให้กับใบหน้าไร้เดียงสาเวลาหลับใหล เปลือกตาที่หลับพริ้มนั้นเป็นอีกสิ่งที่ผมชอบเหลือเกิน
ผมก้มลง กดริมฝีปากของผมลงที่หน้าผากของคุณ
นั่งลงข้างๆ คุณ เอาแต่มองคุณอยู่อย่างนั้น
แล้วก็ยิ้มให้กับตัวเอง
I’m so in love with you
And I hope you know
Darling, your love is more than worth its weight in gold
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นตรงไหน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันไหนที่เราจะจากกันไป
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือจะเป็นครั้งนั้นที่ผมแอบมองคุณ หรือตอนที่คุณหันมายิ้มให้ผม
มันต่อเติมมาจากตรงไหน หรือจะตอนนั้นที่ผมตัดสินใจเข้าไปทักทายคุณ หรือตอนที่คุณยอมรับความห่วงใยจากผม
มันเพิ่มพูนขึ้นมากแค่ไหน หรือมันมากพอที่ทำให้เราขยับเข้ากัน มากพอที่จะทำให้ผมฝากความสุขของผมไว้กับคุณ และคุณฝากความสุขของคุณไว้กับผม
รู้ตัวอีกที เราก็มาถึงจุดนี้แล้ว วินาทีนี้ ที่เราสองคนไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องให้ใครคนอื่นเข้ามาแทรกกลางระหว่างคุณกับผม
จุดที่ผมและคุณตัดสินใจจะเป็นความสุขให้กันและกันไปเรื่อยๆ..
We’ve come so far, my dear
Look how we’ve grown
และในวันนี้ ที่น้ำตาของคุณไหล
ผมไม่กล้าพูดหรอกว่าผมเองก็เจ็บไม่แพ้กัน ไม่กล้าพูดหรอกว่าเข้าใจความเจ็บปวดของคุณอย่างถ่องแท้
ผมทำได้แค่อยู่ข้างคุณ ทำได้แค่ให้คุณแน่ใจว่าเมื่อไรที่คุณเหนื่อยล้า
แค่คุณหันมา ผมจะอยู่ตรงนั้น
เมื่อไรที่คุณเสียน้ำตา ผมจะไปหาคุณตรงนั้น
เมื่อไรที่ใจคุณเรียกหา ผมจะไปอยู่กับคุณ..
I’m gonna love you ’til my lungs give out
I promise ’til death we part like in our vows
ผมมองคุณอยู่นาน มองดูร่างนั้นที่ผ่านเทนนิสมาด้วยกันหลายสนาม มองดูใบหน้าที่ชอบยิ้มให้ผมบางๆ มองดูไหล่ที่แบกอะไรไว้มากมายเกินกว่าที่ใครจะรู้ มองดูใครบางคนที่ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้ใกล้ชิด ได้เคียงข้าง
ผมขอบคุณ
ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้พบกับคุณวันนั้น ขอบคุณที่ทำให้ผมและคุณได้ใกล้ชิดกัน
ขอบคุณที่ทำให้ผมกล้าพอที่จะรักคุณ และคุณไม่กลัวที่จะรักผม
ขอบคุณอุปสรรคหลายอย่างที่เข้ามาหา ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
ทำให้เรารู้ว่าเรารักกันมากขึ้นทุกวัน
ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหน เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
แต่ถ้าเป็นไปได้
ผมอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
อยากให้วันเวลาผ่านไปโดยที่คุณรู้และวางใจว่าจะมีผมอยู่ข้างๆ เสมอ ไม่ว่าจะสุข ทุกข์…ผมอยู่ตรงนี้เสมอ
อยากให้ช่วงชีวิตของคุณมีผมเป็นส่วนหนึ่งในนั้นไปนานๆ นานหลายเดือน นานหลายปี
อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
จนรู้ตัวอีกที เราอาจกำลังยิ้มให้กันด้วยดวงตาฝ้าฟางและใบหน้าเหี่ยวย่น
เส้นผมของเราอาจเป็นสีขาวแล้วก็ได้เมื่อผมหันไปมองดูคุณอีกทีหนึ่ง
เสียงของเราอาจแตกพร่าและยานคางแล้วก็ได้เมื่อผมลองฟังอีกครั้งหนึ่ง
I wanna stay with you until we’re grey and old
Just say you won’t let go
Just say you won’t let go
พรุ่งนี้เราอาจจากกันไปแล้วก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมไม่เสียใจ
เพราะผมได้รู้แล้วว่า ครั้งหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ณ วินาทีนี้ทำให้ใจผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง
เรียนรู้แล้วว่าความสุขคืออะไร เพราะใครบางคนตรงหน้าผมตอนนี้
เรียนรู้ว่าความห่วงใยคืออะไร เพราะผมไม่อยากให้คนที่ผมแคร์ที่สุดต้องเศร้าเสียใจ
เรียนรู้ว่าความรักคืออะไร เพราะว่าตอนนี้ ผมได้ให้มันไปกับคนที่หลับใหลอยู่ตรงหน้าผม..
ผมไม่เสียใจไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เพราะผมได้รู้แล้วว่า อย่างน้อย ครั้งหนึ่ง
ความรักของคุณคือผม และความรักของผมคือคุณ
"ยางามิ ไลท์ ผมรักคุณ"
...Say you won’t let go...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แรงบันดาลใจจากเพลง Say you won't let go มันดีมากจริงๆ TvT
ช่วงนี้มีเขียนมุมมองแอลบ้างรู้สึกเหมือนได้ก้าวข้ามบางอย่างของตัวเองเลยค่ะ การใช้สรรพนามว่าคุณในการเล่าเรื่องเหมือนกัน ตอนแรกไม่กล้าใช้ชื่อเพลงเป็นชื่อตอนเลย กลัวคิดว่าฟิคมาม่า ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

(สารภาพว่าอ่านมาจะครึ่งตอนก็ยังระแวงอยู่ จับผิดละเอียดมากเผื่อจะมีfactส่อดราม่าผ่านตาไป แต่ไม่มี.. ผิดคาด แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ)
HNYนะคะไรท์o(`ω´ )o ปีใหม่นี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวและจะขอติดตามนิยายของคุณไปเรื่อยๆนะคะ
แฮปปี้ย้อนหลังค่ะ เราเองก็ขอติดตามนิยายคุณลูกศรต่อไปเรื่อยๆ นะคะ ทั้งด้อมเดธโน้ตแล้วก็ High&Low เลย~!