ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) Up In The Air | Kaisoo/Kaido

    ลำดับตอนที่ #8 : Up In The Air : 07

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 672
      10
      28 ก.ย. 58




    Title : Up In The Air 07

    Author : Mithunajune













    อากาศช่วงเดือนกรกฎาคมของเซี่ยงไฮ้ร้อนจัดเสียจนไม่นึกอยากทำอะไร






    ยิ่งกับคยองซูที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชามะนาวเย็นเจี๊ยบสักแก้วกับไอแพดไว้ดูซีรีย์เป็นสองอย่างที่เขาต้องการเท่านั้น ไอ้บรรดาคนที่ยั้วเยี้ยไปรอบตัวเนี่ย ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายจะได้ไหม?


    ถึงหน้าตาของนักเขียนดังจะราบเรียบ แต่คนใกล้ชิดอย่างจงอินก็รู้ดีว่าคยองซูไม่สบอารมณ์แค่ไหน นายแบบหนุ่มหน้าเจื่อนลง ได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนขอลุแก่โทษไปยังอีกคนเท่านั้น







    .







    คิมจงอินมีถ่ายแบบให้กับสตูดิโอเล็กๆแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ เพราะมีสัมพันธ์อันดีกับช่างภาพชาวจีนคนนี้มานาน พออีกฝ่ายออกมาเปิดสตูดิโอของตัวเองเป็นจริงเป็นจังจงอินเลยตกปากรับงานอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้แม้แต่จะดูว่าต้องถ่ายงานร่วมกับใคร!



    อันที่จริงนายแบบและนางแบบในงานนี้มีอยู่หลายคนทีเดียว จงอินก็รู้จักอยู่แทบทุกคน รวมไปถึงนางแบบสาววัยขบเผาะเพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง ปาร์คจินฮี ด้วย คุณหนูจินฮีที่แสดงออกชัดเจนโจ่งแจ้งมาแต่ไหนแต่ไรว่าเล็งคิมจงอินเอาไว้และไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจสักที ไอ้ตัวเขาน่ะก็ไม่เคยรำคาญอะไรเพราะปกติไม่ได้เจอกันบ่อยนัก และก็ไม่ได้มีโอกาสให้ใกล้ชิดกันด้วย 



    แต่งานคราวนี้ดันเป็นงานที่มีคนเกาหลีแค่สองคน จินฮีก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษคล่องนักเพราะเดินแบบแต่ในประเทศเป็นหลัก นางแบบสาวเลยสบโอกาสเกาะจงอินหนึบไม่ยอมไปไหน เรื่องมันก็จะไม่บานปลายเท่าไหร่หรอกถ้าจินฮีไม่ดันไปปากมากเอ่ยทักคุณนักเขียนดังเขาด้วยคำพูดผ่าซาก ตอนที่เจอะกันที่สนามบิน











    ‘อ้าว.. นี่คุณโดคยองซูที่เขาลือกันว่าตามติดคุณจงอินอยู่นี่คะ?’










    แน่นอนว่าทำเอาคนเนี้ยบสุภาพใจเย็นอย่างคยองซูคิ้วกระตุกกับความไร้มารยาททางสังคมของนางแบบสาวเลยทีเดียว ไอ้เรื่องข่าวลือจำพวกนี้คนเขาก็พูดกันไปเรื่อย แต่ ‘คนปกติ’ ใครเขาจะเอามาพูดต่อหน้าแบบนี้เล่า อย่างน้อยก็ต้องสำเหนียกได้ว่าที่ลือๆกันมันจริงอยู่สักแค่ไหนเชียว หรือถ้าเชื่อข่าวลือเขาก็ไม่พูดกันออกมา! ไม่รู้จะโทษความเยาว์วัยหรืออะไรที่ทำให้จินฮีหลุดปากออกมาแบบนั้นได้








    ‘ผมไม่คิดว่าคุณจินฮีจะมีส่วนได้ส่วนเสียในความสัมพันธ์ใดๆของคิมจงอินกับผมนะครับ’









    ร้ายกาจไหมล่ะโดคยองซูคนนี้น่ะ.. แค่สั้นๆง่ายๆก็ทำให้จินฮีหน้าม้านไปกับประโยคตอกกลับเรียบๆนั่นได้ ความจริงจงอินก็รู้ดีว่าคยองซูเตรียมเปิดปากจะด่าต่อแล้ว เขาเลยรีบตัดบทไปก่อนให้ไม่ต้องปะทะกัน โชคดีที่เวลาทำงานแล้วเขากับคยองซูจะแยกกัน ฉะนั้นจงอินเลยไปนอนโรงแรมหนึ่งร่วมกับนางแบบนายแบบคนอื่นที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ ส่วนคยองซูก็ไปนอนบูทีคโฮเทลในอีกย่าน แยกกันอยู่จนกว่าจงอินจะเสร็จงานทั้งอาทิตย์ถึงจะค่อยไปเที่ยวกัน



    ลดคำครหานินทาด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักๆคือคยองซูน่ะขี้รำคาญ ขืนต้องอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆที่มาวุ่นวายมีหวังสติแตกไปเสียก่อน ซึ่งคยองซูเองก็ทำมาได้จนกระทั่งวันที่สามของการทำงาน คิมจงอินส่งข้อความมาหาบอกว่ามีช่วงว่างอยู่ จะแวะมากินข้าวด้วย



    ด้วยความที่ใจอยากกินติ๋มซำเด็ดๆ คยองซูเลยลงทุนออกแต่เช้าไปจองร้าน Jade Garden ร้านดังจากฮ่องกงที่มาเปิดสาขาที่นี่ คำนวนไว้แล้วว่ารออยู่เกือบ 2 ชั่วโมงก็จะพอดีกับที่จงอินมาถึง ปกติแล้วร้านนี้จะต้องจองเป็นเดือนๆ ถ้า walk-in เข้าไปก็ต้องรอแบบนี้ แต่ร้านนี้ไม่ใช่จะหากินได้ทุกวัน อยากกินก็ต้องลงทุนหน่อย









    นึกว่าจะได้นั่งกินติ๋มซำสบายๆ ใครจะไปคิดว่าจะมีคนอีกเพียบติดสอยห้อยตามจงอินมาด้วย?














    (20%)













         จงอินไม่ได้นึกอยากพาคนอื่นมารบกวนมื้อเที่ยงสบายๆของตัวเองหรอก ส่วนมากแล้วคนจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนอัธยาศัยดีเยี่ยม อุตส่าห์บอกผู้จัดการอย่างจงแดไปแล้วว่าจะมาคนเดียว คราวนี้เพราะว่า เจียจิ้ง ช่างภาพชาวจีนที่เรียกตัวมาทำงานด้วยกันดันเป็นแฟนคลับตัวยงของลู่หาน พอรู้ว่าคนที่เขาจะไปกินข้าวด้วยคือโดคยองซูเพื่อนสนิทของนักเขียนจีนคนนั้นก็เลยขอตามมาเจอด้วย ลำพังแค่เจียจิ้งกับโปรดิวเซอร์คงจะไม่เป็นไร แต่จินฮีที่อยู่แถวนั้นบังเอิญได้ยินเลยตามมาเช่นกัน นางแบบสาวขนมาทั้งสไตลิสต์ส่วนตัว ผู้จัดการ และล่ามภาษาจีน จงอินแทบจะไม่มีเวลาส่งข้อความไปบอกคยองซูก่อนเลย 



    พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายตอนที่ทุกคนแห่เข้ามาก็นึกเสียใจที่ไม่ได้ทำแบบนั้น..








    คนทั้งแปดจับจองโต๊ะกลมในมุมหนึ่งของร้าน เจียจิ้งในฐานะเจ้าบ้านอาสาสั่งอาหารให้เอง ซึ่งทำให้คยองซูอารมณ์ดีขึ้นอีกนิด เขาสนทนาภาษาอังกฤษกับเจียจิ้งเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังจะออกกับลู่หาน ทำเองดวงตาอีกฝ่ายเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น โปรดิวเซอร์ที่ฟังอยู่ด้วยเลยนึกสนใจความคิดคยองซู คุยต่อยอดไปถึงรายละเอียดหนังสือเล่มอื่นๆ


    คิมจงอินถูกผูกติดกับจินฮีขยับตัวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย จินฮีมารยาทบนโต๊ะอาหารไม่บกพร่องอะไร เสียอยู่แค่เธอพูดคุยเป็นภาษาเกาหลีตลอดเวลากับทีมงานของเธอ ซึ่งนับเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ร่วมโต๊ะชาวจีนอย่างเจียจิ้งและโปรดิวเซอร์หวางที่ฟังเกาหลีไม่ออกเลย จงอินที่ถูกลากเข้าวงสนทนาพยายามตอบเธอทั้งสองภาษาเพื่อให้คนอื่นเข้าใจร่วมกัน โชคดีที่จินฮีก็ดูจะเข้าใจจุดประสงค์ดี







    “ทีแรกจินฮีนึกว่าคุณคยองซูจะมาอยู่กับพวกเราด้วยนะคะ อุตส่าห์บินตามมาถึงนี่แล้ว” เด็กสาวหันมาพูด








    “ผมไม่ชอบเข้าไปก้าวก่ายงานของคนอื่นครับ ยิ่งจะทำให้คนอื่นยุ่งยากกันไปมากกว่า” นักเขียนคนเก่งยกมือขึ้นประสานแล้วส่งยิ้มบางเบาไปให้








    “นี่ถ้าไม่ได้คุณจงอินมาด้วย จินฮีคงแย่เลยล่ะค่ะ ดีที่คุณจงอินเขาก็ดูแลจินฮีดีมาก ไม่ยอมให้ห่างตัวเลย” เธอส่งยิ้มน่ารักไปให้คนที่ถูกพูดถึง จงอินเองก็ยิ้มรับเงียบๆ ห้ามใจไม่ให้พูดอย่างอื่นออกไป








    ถ้าคุณจินฮีน่ารัก ใครๆก็ต้องอยากช่วยอยู่แล้วล่ะครับ” คยองซูกระตุกยิ้ม เด็กสาวเผลอหน้าระเรื่อให้กับสายตาพุ่งตรงนั่น 









    “แล้วคุณคยองซูลางานมากับคุณจงอินหลายๆวันนี่ไม่ลำบากแย่เลยหรือคะ” จินฮีว่าพลางคีบกวางตุ้งราดน้ำมันหอยเข้าปากเล็กๆ








    คยองซูลอบถอนหายใจในอกแล้วนึกสงสัยว่าทำไมตัวเองที่อายุอานามไม่ใช่น้อยๆแล้วจะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กอายุยังไม่ 20 ดีด้วยหัวข้อเหมือนละครหลังข่าวแบบนี้ด้วย “ผมเป็นนักเขียนนี่ครับ อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้น”







    “อ้อ..” เด็กสาวพยักหน้าน้อยๆ “ชีวิตง่ายดีนะคะ จินฮีเองก็อยากทำงานสบายๆแบบนี้บ้าง เป็นนางแบบต้องเทียวไปเทียวมา เหนื่อยสายตัวจะขาด” เธอหัวเราะตบท้ายเบาๆ








    “ถ้าจินฮีได้ไปลองทำงานอย่างอื่น ก็อาจจะเข้าใจได้ครับว่างานหนักหนากว่านี้มีเต็มไปหมด” คยองซูเปรย “ดูจากบุคลิกลักษณะของจินฮีแล้ว คุณน่าจะขอบคุณพ่อแม่นะครับที่ให้รูปโฉมสมบูรณ์แบบมา ไม่อยากนั้นผมก็นึกไม่ออกว่าจินฮีจะไปทำงานชนิดอื่นอะไรดี ถือเป็นโชคดีที่คุณเจองานสบายๆที่ตัวเองชอบ”








    ฟังเผินๆอาจจะดูเหมือนคยองซูชื่นชมที่จินฮีมีหน้าตาสะสวยและอาชีพที่เธอชอบ แต่ไอ้ประโยค ‘คุณน่าจะขอบคุณพ่อแม่นะครับที่ให้รูปโฉมสมบูรณ์แบบมา ไม่อยากนั้นผมก็นึกไม่ออกว่าจินฮีจะไปทำงานชนิดอื่นอะไรดี’ นี่เล่นเอาจงอินกับผู้ฟังเกาหลีออกคนอื่นหน้าสั่นกันเป็นแถวๆ มันแทบจะด่าตรงๆเลยว่านอกจากเรื่องใช้หน้าตา จินฮีก็ไม่มีคุณสมบัติอื่นๆในการประกอบอาชีพเลย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังคิดตามไม่ทันเท่าไหร่


    จงอินชิ่งหนีโดยการรีบหันไปคุยกับเจียจิ้งยาวๆ ส่วนคยองซูก็พยายามจะไม่สนทนาต่อกับเด็กที่อายุห่างกันหลายปีด้วยการหยิบเปาไส้ไหลหน้ากรอบมาบิเข้าปากตามด้วยชาอู่หลงร้อนๆ นึกโทษตัวต้นเหตุอย่างจงอินในใจที่ทำให้ต้องมาวุ่นวายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ หงุดหงิดผิดปกติจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้เย็นได้ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นผู้ใหญ่กว่าอีกฝ่ายตั้งเยอะ






    ยิ่งเห็นมือเรียวเล็กนั่นสอดเข้ากุมท่อนแขนสีแทนเข้มของคิมจงอินยิ่งตากระตุกเข้าไปอีก!








    .










    คยองซูผละออกจากคนทั้งกลุ่ม พยักหน้าน้อยๆให้กับคิมจงอินที่ทำท่าว่าจะโทรหา เห็นร้านชานมไข่มุกเลยสั่งแบบธรรมดาใส่น้ำแข็งมาสักแก้วหนึ่ง ถ้าไม่บอกให้ใส่น้ำแข็งก็จะได้แบบอุณภูมิปกติมาแทน ไม่สดชื่นเท่าไหร่ เขาเดินเตร่ดูดชานมไข่มุกในย่านเมืองของเซี่ยงไฮ้เลยไปจนเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวยืนออกันอยู่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ชะเง้อชะแง้จนได้รู้ว่าเป็นวัดจิงอัน ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ คยองซูเดินตามกลุ่มทัวร์เข้าไปห่างๆ พอได้ยินที่ไกด์ภาษาอังกฤษอธิบายรายละเอียดของวัด 


    เขามักจะทำอย่างนี้เสมอ เพราะคยองซูเป็นคนชอบเที่ยวเอง แต่ก็ยังอยากได้เกร็ดความรู้จากไกด์อยู่ เวลาไปเที่ยวสถานที่ใหญ่ๆจะคอยไปยืนใกล้ๆกรุ๊ปทัวร์แล้วแอบฟังข้อมูล บางครั้งเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสายลับอะไรอย่างนั้น






    วัดจิงอันเป็นหนึ่งในสามวัดดังของเซี่ยงไฮ้ สร้างเมื่อราวๆสามพันปีที่แล้ว ก่อนจะเข้าสู่ยุคพุทธกาลเสียอีก มีองค์พระศากยมุนี แม่กวนอิม พระถังซำจั๋ง และ พระยูไลให้ผู้คนเข้ามาขอพรกัน นอกจากนั้นยังมีสิบแปดอรหันต์ให้กราบไหว้กันด้วย คนจีนนี่ออกจะเชื่อถือพระเหล่านี้กันอยู่มาก สืบเนื่องจากตอนที่ประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ถูกกวาดล้างวัฒนธรรมเก่าๆไปหมด เราจะไม่เห็นคนจีนในจีนแผ่นดินใหญ่กราบไว้บรรพบุรุษ กินเจหรือไหว้พระจันทร์อย่างคนจีนที่ย้ายไปต่างแดน


    ลู่หานเคยเขียนไว้ในบทความวิเคราะห์หนึ่งว่า หลังช่วงที่คอมมิวนิสต์หนักๆคนจีนไม่มีที่พึ่งทางใจเลย การได้กลับมากราบไว้พระเหล่านี้ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวที่ได้รับความนิยมมาก โดยปกติแล้วชาวเอเชียมักจะต้องการที่พึ่งทางจิตใจอยู่แล้วด้วย เป็นธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ที่สะท้อนผ่านวัฒนธรรมอันหลากหลาย


    คยองซูเดินวนรอบวัดไม่นานก็เก็บหมด เขาไปตีระฆังโบราณของราชวงศ์หมิงอายุกว่าพันปีเพื่อเอาโชคลาภ แล้วก็โยนเหรียญขึ้นไปบนเจดีย์ ว่ากันว่ายิ่งโยนได้สูงชั้นก็ยิ่งดี ถ้าให้เด็ดต้องโยนเข้าหน้าต่างชั้นบนสุด นักเขียนคนเก่งโยนได้แค่กลางๆก็พอใจแล้ว ขอพรไปถึงสุขภาพของพ่อแม่และคนใกล้ชิดถึงได้ผละออกมา


    เดินวัดแค่นี้ก็ร้อนจนเหงื่อออก คยองซูเลยหลบไปพักในร้านกาแฟแถวนั้น แช่แอร์เย็นฉ่ำให้หายเหนื่อย











    เสียงโทรศัพท์สั่นไม่หยุดทำเอาต้องหยิบขึ้นมาดู



    แชทรวมสามคนของคยองซู ลู่หาน และจุนมยอนเด้งเป็นสิบๆข้อความ เข้ากดเปิดเข้าไปอ่านเห็นเป็นรูปไอ้จุนตัวดีเดินอยู่กับพ่อนายแบบที่ปากก็บอกว่ารำคาญๆแต่ไหงปล่อยตัวปล่อยใจให้ไอ้ลู่หานไปเจอได้ที่งานเปิดตัวนิทรรศการภาพถ่ายได้ล่ะนั่น รอบนี้ลู่หานเจอะเองกับตัวเลยส่งรูปมาฟ้องเขาเสียดิบดี




    ส่วนตัวต้นเรื่องน่ะหรือ? 




    ก็ยังปากแข็งบอกว่าถูกลากไปน่ะซี้ ไม่รู้ว่าถูกลากไปยังไงถึงได้แต่งตัวเข้ากันราวกับนัด คริสใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวผ้าลินินปลดกระดุมถึงอก ทับด้วยเบลเซอร์สีน้ำเงิน สวมคู่กับกางเกงสีน้ำเงินลายทางแดงยาว นายแบบขี้เต๊าะหล่อชนิดที่ต้องเหลียวหลังดู ส่วนจุนมยอนใส่เสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีขาว มีลายปักสีแดงเป็นหย่อมๆ ทับด้วยคาร์ดิแกนเนื้ออ่อนสีฟ้าคราม และกางเกงผ้าขายาวสีขาวตุ่นๆจนเกือบครีม โทนสีนัดกันมาขนาดนี้ กลัวใครเขาไม่รู้หรือยังไงว่ากิ๊กกั๊กกันอยู่! ในภาพเป็นตอนที่สองคนนั้นยืนคู่กันดูภาพหนึ่งอยู่ เห็นแววตาคริสก็รู้แล้วว่าหลงขนาดไหน




    Kyungsoo : รอกูกลับไปก่อนนะ กูจะซักให้ขาวเลยคอยดู





    JUN : ตอบคำถามเรื่องตัวเองให้ได้ก่อนเถอะครับ เรื่องของกูน่ะง่าย สั้น ไม่วุ่นวาย





    Kyungsoo : อะไรที่มันง่ายๆก็น่าเบื่อสิ





    JUN : เอ้อออออออ กูจะคอยดู!!





    Luhan : กูรอเสือกอย่างเดียวนะครับ รบกวนพิมพ์เป็นรายงานให้อ่านด้วย





    Kyungsoo : มึงน่ะ รอบหน้าถ้าจะถ่ายเอาให้มันหลายๆช็อตหน่อย ไม่งั้นก็ไปขอรูปจากช่างภาพในงานเขามาซะ







    คยองซูทิ้งท้ายไว้แบบนั้นแล้วก็ปิดแชทไป ปล่อยให้จุนมยอนโวยวายไปนั่นล่ะ ถึงจะโวยวายยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะไปเชื่อ ก็ความจริงตรงหน้ามันชัดเจนกว่า จริงไหม?


    เขาไล่ดูรูปวัดที่ถ่ายมาเมื่อครู่แล้วก็นึกไปถึงวิเวียน หญิงสาวน่าจะชอบอะไรแบบนี้ พวกสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แล้วยิ่งเป็นประวัติศาสตร์เก่าแก่อย่างของจีนด้วย คยองซูเลือกรูปสวยๆสองสามรูป แคปให้เหลือแต่บางส่วนเท่านั้นแล้วเปิดไปหน้าแชทของวิเวียน ส่งรูปที่เลือกไปให้แล้วพิมพ์ทิ้งไว้สั้นๆ






    ลองเดาดูว่าผมอยู่ที่ไหน?’





    ปิดล็อกหน้าจอเรียบร้อยก็หยิบหนังสือเล่มเล็กที่พกติดตัวขึ้นมาอ่าน พอพ้นช่วงบ่ายมาแล้วอากาศก็ไม่ร้อนจัดอย่างเก่า แดดร่มลงหน่อยพอให้นั่งริมหน้าต่างได้สบายๆ คยองซูลุกขึ้นไปสั่งกาแฟเย็นอีกสักแก้ว พอกลับมานั่งก็ได้ยินเสียงแชทเตือนข้อความเข้า






    ‘เก็บให้ครบสามวัดเลยสิคะ ไหนๆก็ไปถึงที่นั่นแล้ว’







    คยองซูยิ้มอย่างชอบใจ เขานึกอยู่แล้วว่าวิเวียนจะต้องรู้







    ‘เอาไว้เก็บครบแล้วจะส่งไปให้ดูใหม่นะครับ’









    นั่งอ่านหนังสือในมือไปได้อีกสักพันจนกาแฟเกือบหมดแก้ว เขาก็นึกเบื่อเสียแล้ว เริ่มมืดลงทุกทีๆเลยกะจะเดินเล่นแถวถนนหนานจิงนี่เสียหน่อย ถ้าเดินไหวก็คงจะเดินเลยไปถึงหาดไวทั่นเพื่อชมตึกเก่าสวยๆ หรืออาจจะหามื้อเย็นดีๆแถวนั้นกินทดแทนที่มื้อเที่ยงบ้าบอคอแตกทำเสียอารมณ์


    คยองซูเดินเล่นบนถนนหนานจิงที่มีร้านค้ามากมาย แต่เขาไม่นึกอยากจะซื้ออะไร เห็นหนุ่มสาวแต่งตัวกันมาเดินรับอากาศดีๆของหน้าร้อนแล้วก็รู้สึกสนุกไปด้วย ถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ๆหรือขนาดกลางก็จะอยู่ขึ้นห้างไปหมด แต่ตามถนนก็จะเป็นแบรนด์เล็กๆ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าบรรดาแบรนด์เล็กๆเนี่ยแหละมักจะมีขุมทรัพย์สวยๆอยู่หลายร้านทีเดียว คิมจงอินชอบนักมาคุ้ยหาของที่ถูกใจในราคาถูกสุดๆ



    นึกแล้วคยองซูก็ถ่ายรูปส่งไปให้เจ้าตัวดูเสียหน่อย






    ‘ทำงานให้เสร็จสักที จะได้มาช้อปปิ้ง’







    ข้อความตอบกลับมาแทบจะในตอนนั้นเลย จงอินถามว่าเขาอยู่ที่หนานจิงหรือ? หลังจากนั้นไม่ถึง 10 นาทีคยองซูที่กำลังเลือกขนมขบเคี้ยวสำหรับแกล้มเบียร์วันนี้ก็ถูกดึงเข้าไปชิดอกอุ่นๆ






    “กินอะไรอะ กินด้วยสิ” จงอินส่งยิ้มทะเล้นมาให้








    “มาได้ไง?” แววตาภายใต้แว่นกรอบกระเหวอมากถึงมากที่สุด นี่มันนิยายหรืออะไร ทำไมตามมาเจอจนได้!








    “ผมกินข้าวอยู่แถวนี้กันพอดี นี่หนีออกมาก่อนเลยนะ คยองซูกินอะไรหรือยัง?”









    คนแก่กว่าส่ายหน้า “คิดว่าจะไปกินแถวหาดไวทั่นนู่น”







    “กินแถวนี้ไหม เจียจิ้งบอกว่ามีไก่อบเด็ดๆอยู่บนตึก 818 Plaza เดินจากนี้ไปไม่ไกลหรอก ถ้าไปตอนนี้ก่อนช่วงอาหารเย็นคนจะได้ไม่เยอะมาก” จงอินเสนอ




    พอคิดถึงไก่อบอุ่นๆหอมๆแล้วคยองซูก็นึกหิวมาทันที เลยตกลงรีบวิ่งไปกับจงอินไม่ให้ชนเวลาข้าวเย็น โชคดีที่ทั้งคู่มาทันเวลาเลยไม่ต้องรอนานมาก 


    คยองซูและจงอินเลือกสั่งไก่อบที่เป็นเมนูเด็ดของร้าน หมูสามชั้นอบ ไก่ผัดถั่ว ผัดผักกวางตุ้ง และข้าวผัดซอส XO ตบท้ายด้วยชาจีนร้อนๆอีกสักกาเป็นอันจบข้าวเย็น ไก่อบออกมาก่อนใครเพื่อน หนังไก่กรอบ เนื้อเนียวนุ่ม ฉ่ำไปหมดทั้งตัว เรียกได้ว่าอร่อยสุดยอด หมูสามชั้นอบเองก็เด็ดสุดๆ อบมากับน้ำซอสเค็ม ตัดเลี่ยนด้วยหน่อไม้อ่อนที่เสริมอยู่ด้านล่างชาม ไก่ผัดถั่วรสชาติดี แต่ติดจะเผ็ดไปนิดหนึ่ง ผัดผักผ่านฉลุย และข้าวผัดที่จงอินประทับใจมากกกกกก นาบแบบหนุ่มหวุดหวิดจะสั่งเพิ่มอีกจานแล้วถ้าคยองซูไม่ห้ามไว้ก่อน เพราะข้าวไม่แฉะ และหอมกลิ่นกระทะดีมาก







    “วันนี้ขอโทษนะ รู้เลยว่าหงุดหงิด” จงอินเปรยขึ้นมา








    “ฉันเข้าใจ เจอคนบ้างก็ดีเหมือนกัน คุณเจียจิ้งกับโปรดิวเซอร์หวางมีความคิดความอ่านที่แปลกใหม่จากฉันไปเยอะ ชอบนะ” คยองซูเสมือไปหยิบชามาจิบ








    “จินฮียังเด็กมาก..”








    “พวกเราน่ะแก่กว่าเธอเยอะ ถึงต้องทำตัวไม่ให้น่าอายแบบนั้นไงล่ะ” คยองซูว่า “ไม่ต้องห่วง ระดับโดคยองซูแล้วไม่ไปตีกับเด็กผู้หญิงหรอก”








    “ปกติผมก็ไม่ห่วงหรอก แต่รอบนี้เธอดูล้ำเส้นเกินไป” จงอินเองก็ไม่ชอบใจนัก แต่จะทำอย่างไรได้ 








    “ทำตัวตามสบายเถอะ ฉันรู้ว่านายทำอะไรไม่ได้มาก”







    จงอินนึกขอบคุณคยองซูในใจ เป็นคนอื่นถ้ามีเด็กมาพูดจาลามปามแบบนี้ใส่คงจะไม่ทนแล้ว แต่คยองซูเองก็คงไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดไปไกล อีกอย่างถ้าคยองซูเกิดจะเอาเรื่องขึ้นมาเขาคงจะลำบากใจไม่น้อยเลย ต่อให้อยู่ในวงการแฟชั่นมานาน แต่คิมจงอินก็รับงานต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ค่อยได้สุงสิงกับวงการในบ้านเกิดให้เป็นขี้ปากใคร มาช่วงหลังๆที่สนิทกับคยองซูเนี่ยแหละคนถึงสนใจขึ้นมา แล้วเขาเองก็ประวัติดีไม่เคยมีเรื่องราวอะไรด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะรักษามันไว้




    ถึงอย่างนั้น.. เขาก็ยอมไม่ได้หรอกถ้าให้ใครมาลามปามใส่คยองซูอยู่เรื่อยๆ















    “แต่ถ้าคยองซูไม่โอเคก็ขอให้บอก ผมแคร์คยองซูมากกว่าอยู่แล้ว โอเคไหม?”




    “อืม.. รู้แล้ว”













    รอยยิ้มเล็กๆจุดขึ้นที่มุมปากทั้งคู่













    (mithuna's talk)


    มาอย่างรวดเร็วชดเชยช่วงที่หายไปเนอะ แฮ่ พี่คยองนี่หล่อเท่ได้ใจจริมๆ มิชอบผู้ชายใส่แว่นแต่งตัวดีฉลาดๆเป็นพิเศษ เจอแบบนี้เข้าไปต่อให้เป็นปาร์คจินฮีก็มีใจสั่นกันด้ายยยยยย


    #UITAkaido @mithunajunejune



    * Jade Garden ที่คยองซูอุตส่าห์ไปนั่งรอตั้งนาน เอ้อ อร่อยไม่พอสวยด้วยนะ



    * ดูเป็ดย่างหมูแดงเขาซิค้าา อื้อหือออออ หนังกรอบแน่ๆแบบนี้ หมูแดงก็ดูเนื้อแน๊นเน่น



    *สุดยอดในใจคงหนีไม่พ้นบันสัปปะรด คือจริงๆก็ไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกอะไร แต่ภาษาอังกฤษมันเรียก Pineapple Bun น่ะค่ะ อร่อยม้ากกกกกกก มันคล้ายๆเปาไส้ไหลดีๆนี่เอง แต่ข้างบนจะกรอบๆ โอ๊ย... เด็ดอย่าบอกใคร




    โฮฮฮฮ กลับมาแล้วค่ะ ;____; กลับไทยไป 20 วันคือมิเที่ยวเล่นอย่างเดียวเลย 5555555 ภารกิจพันล้านเจอะคนทุกวัน เล่นเอาคิมจงอินหายต๋อมไปจากมโนสำนึก ก็เลยชดเชยให้คนอ่านด้วยทริปสุดร้อนแรงในเซี่ยงไฮ้ของเจ้าพวกปากแข็งใจแข็งค่ะ แฮ่ อย่าโกรธหนูเลยนะ


    แอบเอาออเดิร์ฟกับข้าวตอนหน้ามาให้ดูกันด้วย ถ้าสตาร์ครอสฯเป็นฟิคเที่ยว เรื่องนี้ก็คงเป็นฟิคกิน 55555555 เดี๋ยวไว้สักตอนจะพาไปกินอาหารเลบานอนนะคะ อื้อหือออ รับรองติดใจแน่




    แจกันอีก 80% ฮ่ะ 

    #UITAkaido @mithunajunejune




    mithuna

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×