คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : พลับพลึงดอกที่ 12 ว่าใคร?
“พี่ไปเล่านิสัยอะไรของหนูให้เพื่อนฟังคะ? พวกเขาถึงเรียกหนูว่าน้องแปลก” พลับพลึงจ้องไปที่ชายหนุ่ม จนเขาเกิดอาการมือไม้อ่อน
“ไม่ครับ ก็เรื่องทั่วไปที่พ่อพี่เล่าให้พี่ฟังเท่านั้นเอง” จอมทัพแก้ตัวพัลวันจนเหมือนลิ้นจะพันกันอยู่รอมร่อ “แต่พวกมันก็แค่ไม่เคยเห็นและไม่ชินก็เลยเรียกหนูแบบนั้น อีกอย่างพี่ไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีให้มันเรียกหนูแบบนั้นนะ พวกมันเรียกกันเอง”
“อนาคตกลัวเมีย” เทวินทร์ที่เห็นว่าจอมทัพรีบแก้ต่างให้ตัวเองกับหญิงสาวฟังก็อดที่จะแซวชายหนุ่มกับสองแฝดไม่ได้ และสองแฝดเองก็เห็นด้วย
“อือ” ทั้งสองพยักหน้า ก่อนจะมองไปทางจอมทัพที่นั่งขัดสมาธิทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้าของพระนายและส่ายหัวออกมาพร้อมกัน
จากนั้นยังไม่ทันที่พลับพลึงจะได้ถามอะไรคนตรงหน้าต่อ ที่ด้านหน้าหน้าของอนามัยก็ได้มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น พลับพลึงจำได้ดีว่าเสียงแหลมๆ นี้เป็นของบัวตอง ลูกพี่ลูกน้องสาวของกระทิงและถ้าสิ่งที่หญิงสาวคิดเอาไว้ไม่ผิด จะต้องมีดอกอ้อ โสน (สะ-โน) และก้านพลูอยู่ด้วย
“มีหมออยู่มั้ยจ๊ะ!!!”
“อีบัวตองเบาๆ สิอีห่า!” เสียงนี้น่าจะเป็นเสียงของก้านพลู ซึ่งเป็นผู้หญิงที่คนในหมู่บ้านรู้ดีว่าเป็นคนปากตรงกับใจ คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น มีปัญหาหรือข้องใจอะไร ก้านพลูจะเป็นคนที่พูดและถามออกมาเลยไม่ปล่อยให้มันค้างคาหรือขมุกขมัว ขุ่นเคืองกันข้ามวัน
คนต่อมาคือโสน หญิงสาวคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของดอกอ้อ มีนิสัยขี้เกียจพูดชอบฟังอย่างเดียว แต่อย่าให้ได้อ้าปากด่าแม่นางจะด่าแบบไม่สนว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร
“ถ้าเบาๆ พี่ทัพจะได้ยินเสียงกูรึไงล่ะ” บัวตองตอบกลับ
“ก่อนที่พี่เขาจะได้ยินเสียงมึง แม่มึงจะมาได้ยินก่อนน่ะสิ” ก้านพลูตอบ
“กูเห็นด้วยกับที่อีก้านมันพูดนะอีบัวตอง” โสนพูดขึ้น ซึ่งคำพูดของโสนก็ทำให้บัวตองที่กำลังจะอ้าปากเถียงก้านพลูตอบเงียบลง เพราะหากโสนพูดมาแบบนี้แสดงว่าเสียงของหล่อนมันคงจะดังจริงๆ
“เออๆ กูรู้แล้ว” บัวตองพูดเสียงเหวี่ยง “อีดอกอ้อไปไหน?”
“ตามพี่ชายมึงไง” เมื่อได้ยินบัวตองถามหาเพื่อนอีกคนอย่างดอกอ้อ ก้านพลูก็ได้ตอบขึ้นมา
“มันจะเอาพี่กูจริงๆ สินะ” บัวตองเท้าเอวพูดเหมือนกำลังจะว่าแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น เหมือนว่าแค่พูดบ่นออกมาเฉยๆ
ทั้งสามสาวยืนคุยกันอยู่ที่หน้าอนามัยพักใหญ่ ก่อนที่เสียงพูดจะเงียบไปแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้าก็ปรากฏร่างของทั้งสามคนให้ผู้ที่อยู่ด้านในสถานีอนามัยทั้งหกคนได้เห็น
พลับพลึงที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงไม่ได้คิดสนใจตั้งแต่แรก นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือของพระนายต่อ แม้จะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ถ้าว่ามันช่วยฆ่าเวลาได้ดี
“หมอจ๊ะ!! ฉันปวดหัวมากเลยยยยย” พอเข้ามาด้านในอนามัยแล้ว เสียงแปดหลอดของบัวตองที่ดังพอๆ กับดอกอ้อก็เอ่ยออกมา พลับพลึงรู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีอาการอะไรตามที่พูดมาหรอก แค่อยากจะมาอยู่ใกล้ผู้ชายเฉยๆ
พลับพลึงไม่ได้อยากจะว่า แต่การกระทำของบัวตองมันแสดงออกมาแบบนั้น
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าปวดหัวมากมั้ย” จากคำถามที่ถามออกมาบัวตองตั้งใจที่จะเรียกความสนใจมาจากจอมทัพ แต่กลายเป็นพระนายที่เอ่ยถามหญิงสาวก่อน
แม้จะไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดตั้งแต่เริ่ม แต่บัวตองก็ยังพอยิ้มออกมาได้ เพราะต่อให้ในสายตาของเธอจะมองว่าจอมทัพนั้นหน้าตาดีที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าเพื่อนๆ ของเขาอีกสี่คนก็ดูดีไม่แพ้กัน
“ขออนุญาตนะครับ” พระนายพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือเรียวบางคล้ายมือผู้หญิงไปวางที่หน้าผากของบัวตองเพื่อตรวจสอบความร้อน ส่วนสาเหตุที่ชายหนุ่มเลือกใช้วิธีนี้นั้นก็เป็นเพราะอุปกรณ์ในสถานีอนามัยตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะใช้งานหรือรองรับผู้ป่วยเอาเสียเลย
“ตัวไม่ร้อนมาก อาการปวดหัวน่าจะมาจากการเดินตากแดดนะครับ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อน พักดื่มน้ำนั่งในร่มสักครู่ก็หายแล้วครับ”
“อ๋อจ่ะ จ่ะ...” เจอการกระทำของพระนายเข้าไป แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นชอบอีกคน แต่มันก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ให้กับอีกคนไม่ได้ ใบหน้าของบัวตองตอนนี้จึงมีสีแดงระเรื่อปรากฏออกมาเป็นริ้วๆ
“มึงหน้าแดงจังอีบัวตอง เป็นไข้แดดจริงๆ สินะ?” เสียงนี้เป็นของก้านพลูที่พูดขึ้นมา ทำให้ใบหน้าที่มีริ้วสีแดงระเรื่อจางๆ ของบัวตองหายไป แม้จะยังหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ชัดเท่าตอนแรก คำพูดของก้านพลูทำให้พระนายที่กำลังหันหลังเดินไปหยิบน้ำเปล่ามาให้หญิงสาวต้องหันหลังกลับไปมอง
“จริงด้วยหน้าคุณแดงมาก เป็นไข้แดดจริงๆ สินะครับ มาครับ นั่งตรงนี้ก่อน” พระนายเดินเข้าไปหาบัวตองและประคองหญิงสาวให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อคนไข้สาวนั่งลงเรียบร้อยแล้วพระนายก็เดินไปเทน้ำใส่แก้ว แล้วเดินกลับมายื่นให้หญิงสาว บัวตองรับไปและยกขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่าย
ด้านโสนและก้านพลูเมื่อเห็นว่าเพื่อนได้นั่งพักสองสาวก็เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ และอดสงสัยไม่ได้ไหนตอนแรกบัวตองบอกว่าตัวเองสบายดี ที่มาที่นี่ก็แค่อยากมาหาพี่จอมทัพเฉยๆ ไฉนมาจบที่มันเป็นไข้แดดจริงๆ เสียได้
นั่งไปสักพักก็เห็นว่าสีหน้าของบัวตองเริ่มดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ก้านพลูจึงได้กวาดสายตามองไปรอบๆ สถานีอนามัยและได้เห็นว่านอกจากชายหนุ่มทั้งห้าคนในที่นี้ยังมีหญิงสาวอยู่ด้วยอีกคน ซึ่งคนๆ นั้นพวกเธอก็รู้จักเป็นอย่างดี
“อีพลับพลึง?”
“หือ??” เมื่อได้ยินเรียกเสียงคนชื่อตัวเอง พลับพลึงที่กำลังสนใจหนังสือและพยายามทำความเข้าใจกับมันอยู่จึงได้เงยหน้าขึ้นมองไปตามเสียง “มีอะไร?”
“มึงมาทำอะไรที่นี่วะ? เป็นไข้แดดเหมือนอีบัวตองหรอ?” ก้านพลูถาม ถึงจะไม่ได้สนิทกัน แต่ก้านพลูกับโสนก็ไม่ได้ถึงขั้นว่าเกลียดหรือไม่ชอบขี้หน้าของพลับพลึง ความรู้สึกของสองสาวก็แค่เฉยๆ กับอีกฝ่ายเท่านั้น
“เปล่า”
“อ้าว?” ก้านพลูและโสนส่งเสียงสงสัยออกมาพร้อมกัน แต่พอพลับพลึงจะตอบกลับเสียงของบัวตองก็ดังแทรกขึ้นมาเสียงก่อน
“ถ้าไม่ได้ป่วยแต่มาที่นี่ ก็แสดงว่ามันแรด อยากอยู่ใกล้ อยากสนิทกับเพื่อนพี่ทัพเพราะเห็นว่าเป็นผู้ชายจากข้างนอกน่ะสิ” จบประโยคนั้นของบัวตอง ก้านพลูกับโสนก็ได้หันไปมองเพื่อนของตัวเองพร้อมๆ กัน
นั่นมันมึงไม่ใช่หรออีบัวตอง
ทั้งสองคนคิดเหมือนกันแต่ไม่ได้พูดออกมา แต่นั่นไม่ใช่กับพลับพลึงในเมื่อไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนสนิท เป็นแค่คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงใจหากจะพูดอะไรแรงๆ ตอกกลับ
“มึงว่าตัวเองอยู่หรออีบัวตอง?”
“อีพลับพลึง!!” พอได้ยินคำพูดที่งสวนกลับมาเข้าตัวเอง บัวตองมีอาการโกรธจนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก จะเถียงก็เถียงไม่ออกเพราะเป็นเรื่องจริง ความโกรธที่ถูกย้อนทำให้บัวตองขาดสติ ขณะที่กำลังจะพุ่งตัวเข้ามาตบคู่อริ ร่างของหญิงสาวก็โดนโสนกับก้านพลูดึงรั้งเอาไว้ได้ทัน
“อีบัวตอง มึงใจเย็นอีเหี้.ย!! คนอยู่เต็มเลยเห็นมั้ย” โสนพูดเตือนสติเพื่อนสาว ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนได้สติ ยินยอมกลับไปนั่งอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิม
พลับพลึงที่เห็นว่าหากตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไป อีกไม่นานหลังจากนี้น่าจะมีการวางมวยกับบัวตอง จึงวางหนังสือลงและลุกจากเก้าอี้เดินไปที่ตะกร้าสานของตัวเองที่หน้าประตู จอมทัพเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้ามาหาหญิงสาวโดยเร็ว
“หนูจะไปไหนคะ?”
“หนูจะกลับแล้วค่ะ อยู่ต่ออีกหน่อยพี่จอมกับเพื่อนน่าจะได้ดูมวยที่นี่แทนที่จะเป็นงานวัด” พลับพลึงตอบและทำท่าจะก้มตัวลงไปจับที่สายสะพาย แต่เมื่อจะย่อตัวลงไปสะพายมันขึ้นหลังก็ถูกจอมทัพดึงตัวไว้ให้ยืนเหมือนเดิม
“ไม่เอาค่ะ พี่บอกแล้วไงคะว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง ดูสิแดดแรงแบบนี้ เดินฝ่าไปเดี๋ยวหนูเป็นไข้แบบบัวตองหรอก แบบนั้นอาภพจะดุเอานะคะ” น้ำเสียงนุ่มละมุนหูที่จอมทัพคุยกับพลับพลึง ทำให้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น ทั้งเพื่อนของเขาและกลุ่มของบัวตองต่างพากันอ้าปากค้าง
เหล่าชายหนุ่มทั้งสี่ตื่นตะลึงไม่น้อยที่ไอ้เพื่อนตัวดีจะมีอารมณ์พูดเพราะกับผู้หญิง ทุกทีเห็นแค่ถามตอบหน้าปลาตายไร้ความรู้สึก แต่พอมาอยู่กับผู้หญิงที่แอบชอบก็คือกลายเป็นคนสุภาพทันที
ความรักทำให้คนเปลี่ยนไป นี่คือความคิดของทั้งสี่คน
ด้านกลุ่มของบัวตองต่างก็พากันตาโตเพราะการที่จอมทัพแทนตัวเองว่าพี่ก็ว่าหาฟังได้ยากยิ่งแล้ว แต่นี่ชายหนุ่มยังยอมให้เรียกด้วยชื่อ จอม ซึ่งเป็นชื่อที่สงวนให้เรียกได้เฉพาะคนในครอบครัวเรียกเท่ากันและการที่ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไรทำให้บัวตองรู้สึกอิจฉา แต่ถ้าจะให้เรียกเหมือนคนที่ตัวเองไม่ชอบก็เกรงว่าจะโดนชายหนุ่มพูดว่า
ใครอนุญาตให้เรียกครับ เพราะขนาดเพื่อนยังเรียกเขาว่าทัพแทนที่จะเป็นจอมเลย
“หนูอยากกลับบ้านแล้ว ที่นี่หนวกหู” ได้ยินพลับพลึงพูดมาอย่างนี้ ชายทั้งห้าก็หันไปมองทางบัวตองเป็นตาเดียว โดยที่ไม่ได้พูดอะไรและนั่นก็ทำให้บัวตองอดที่หลบสายตาและรู้สึกไม่ชอบใจไม่ได้
ทำไมพวกพี่เขาต้องดูตามใจอีพลับพลึงด้วยนะ บัวตองได้แต่บ่นอย่างน้อยใจ
“อยู่รอให้แดดร่มก่อนนะครับ พี่สัญญาว่าถ้าแดดร่มแล้วพี่จะพาหนูไปส่งที่บ้านทันทีเลย” จอมทัพพยายามหว่านล้อมหญิงสาวตรงหน้า
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือแผนการที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ก่อนเดินออกจากป่าไผ่ เพื่อให้ตนเองได้มีเวลาได้พูดคุย ได้มองหน้า ได้อยู่ใกล้ๆ กับหญิงสาว
“ถ้าแดดหุบแล้วพี่ไม่พาหนูไปนะ พี่เจอดีแน่” ประโยคนี้ที่หญิงสาวเอ่ยออกมา ทำให้จอมทัพรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เพราะแม้ว่าตัวของเขาและหญิงสาวจะเพิ่งได้คุยกันจริงๆ จังๆ แค่วันนี้ แต่หญิงสาวกลับกล้าที่จะพูดขู่เขาออกมาแบบนี้ แสดงว่าเขากับคนตรงหน้าเริ่มสนิทกันแล้วใช่มั้ยนะ จอมทัพคิดเขาข้างตัวเอง
ฝากกดเข้าชั้น+คอมเม้น+หัวใจ
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยน้าาา
พลีสสส(❁´◡`❁)
แจ้งให้ผู้ติดตามทุกคนทราบนะคะ
ตอนนี้นิยายเรื่อง หลงใหล ใคร่รัก
อีบุ๊คมาแล้วนะคะ
อย่าลืมไปอ่านกันนะคะ
ความคิดเห็น