คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : พลับพลึงดอกที่ 10 คนละเรื่องเดียวกัน
จอมทัพออกตัววิ่งตามหาพลับพลึงเพื่อสอบถามเรื่องราวที่ได้ยินมา โดยที่เขาลืมคิดไปว่าหากเขาย้อนกลับไปที่อนามัยเพื่อถามเพื่อนตัวเองที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ก็จะได้คำตอบและรวดเร็วกว่า แต่ตอนนี้ในหัวของชายหนุ่มนึกถึงแค่หญิงสาวอย่างพลับพลึงเพียงเท่านั้น ทำให้ไม่มีความคิดที่จะย้อนกลับไปที่สถานีอนามัยเลยแม้แต่น้อย
ใช้เวลาวิ่งตามหาได้สักพักเขาถึงได้เจอพลับพลึงที่ตอนนี้กำลังนั่งปอกเปลือกหน่อไม้อยู่ที่ริมลำธาร ไม่รอช้าชายหนุ่มเดินตรงไปหาหญิงสาวแล้วจับเข้าไปที่ข้อมือบางโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ตั้งตัว
ด้านพลับพลึงที่กำลังปอกเปลือกหน่อไม้พร้อมกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้ว่าจับที่ข้อมือบาง ทำให้หญิงสาวรีบสะบัดออกด้วยความเคยชิน ก่อนจะหันไปเห็นว่าใครคือคนที่มาจับข้อมือตัวเอง
“เอ๊ะ!”
แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ปากที่กำลังจะโวยวายก็หุบลง เสียงที่กำลังจะต่อว่าอีกฝ่ายก็ถูกกลืนลงคอ แทนที่ด้วยน้ำเสียงสงสัยที่ถามออกมาแทน
“อ้าว!? พี่จอมทัพเองหรอ ฉันก็นึกว่าใคร เกือบโดนด่าไม่รู้ตัวแล้วนะ” พลับพลึงเอ่ยหยอก ก่อนจะหันไปสนใจหน่อไม้ที่ถูกปลอกทิ้งไว้ แต่เมื่อกำลังจะลงมือทำอีกครั้งข้อมือบางก็ถูกจอมทัพดึงเอาไว้อีกครั้งจนใบหน้าสวยต้องหันกลับมามองคนที่มาใหม่
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” พอถูกจับดึงที่ข้อมืออีกครั้ง พลับพลึงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรและมีอะไรจะพูดกับตัวเองรึเปล่า
“...” จากตอนแรกที่เตรียมจะมาถามเรื่องที่ได้ยินมา แต่พอได้เห็นหน้าจริงๆ กลับไม่กล้าถามออกไป ไม่ใช่เพราะกลัวคำตอบว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง
แต่เป็นเพราะใบหน้าใสๆ ที่มองเขาตาแป๋วแว๋วอย่างสงสัยนี่ต่างหากที่ทำให้พูดอะไรไม่ออก
น่ารัก
น่ารักฉิบหายเลย
คนอะไรว่ะ น่ารักจนใจเจ็บ
พลับพลึงเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าตัวเองก็นึกสงสัยว่ามีอะไรติดที่ใบหน้ารึเปล่า โดยที่ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้ใจของชายหนุ่มตรงหน้ากำลังรู้สึกรับไม่ไหวกับความน่ารักของหญิงสาวที่เผลอแสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ด้วยความสงสัยที่มีหญิงสาวจึงหันไปมองกระถินที่มองมาอย่างงงๆ เช่นกัน หญิงสาวจึงถามเสียงกระซิบ
“มีอะไรติดหน้าหนูรึเปล่า?”
“ก็ไม่เห็นมีนะ” กระถินบอกพร้อมกับมองสำรวจใบหน้าของพลับพลึงไปด้วย พอมองแล้วก็ยังหาอะไรไม่เจอกระถินจึงได้ละสายตาจากหน้าของพลับพลึงและมองไปที่ชายหนุ่มผู้มาใหม่แทน และเหมือนว่ากระถินเองก็พอที่จะจับสังเกตอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“กูหิวแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน” พูดจบก็หายออกไปจากบริเวณนี้ ทิ้งให้พลับพลึงอยู่กับจอมทัพเพียงลำพังสองคน
หญิงสาวรู้สึกสงสัยแต่ก็ถามอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายหายตัวไปแล้ว จึงได้หันสายตากลับมามองจอมทัพที่ยังคงจับข้อมือของตัวเองไว้ แม้จะรู้สึกว่าชายหนุ่มจับค่อนข้างแน่นแต่มันกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บสักนิด
“สรุปว่าพี่จอมทัพมีอะไรจะคุยกับฉันรึเปล่าคะ?” พลับพลึงถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
“พี่จอม” อยู่ๆ คนที่เงียบมานานก็พูดชื่อของตัวเองขึ้น ทำเอาหญิงสาวขานตอบเสียงสงสัย คิ้วขมวด
“คะ?”
“เรียกพี่ว่า พี่จอม” จอมทัพเอ่ยย้ำ ร่างบางจึงได้ทำหน้าฉงนออกมา
“พี่จอมทัพ...”
“เรียกพี่จอมครับ”
“พี่จอมทัพ”
“แค่พี่จอมครับ เรียกแค่นี้ได้มั้ย?”
“ได้ค่ะ... พี่จอมก็พี่จอมเนอะ” พลับพลึงรับปากอย่างงงๆ อีกครั้ง อย่างช่วยไม่ได้ “ว่าแต่พี่จอมมีอะไรจะคุยกันฉันคะ?”
“แทนตัวเองว่าหนูกับพี่ได้มั้ยครับ” ยิ่งได้ฟังพลับพลึงก็ยิ่งงง ยิ่งสงสัย สรุปแล้วอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไรกันแน่
“หนู? หนูหรอ?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ครับ หนู”
“อ่ะค่ะๆ หนูก็หนู” รับคำขอของชายหนุ่มอย่างงงๆ เป็นรอบที่สอง “งั้นพี่จอมมีอะไรจะคุยกับหนูคะ?”
ฉึก! อัก!
เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งเข้ามาปักที่หัวใจ จนเกือบทำให้ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมา ในที่สุดเขาก็มีวันนี้ วันที่พลับพลึงดอกน้อยที่เฝ้ามองมานานเรียกเขาว่าพี่จอมแทนที่จะเป็นจอมทัพและแทนตัวเองว่าหนู
แม้จะมาจากการร้องขอแต่มันก็อดดีใจไม่ได้ ดีใจได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวถามคำถามเดียวกันมาสามครั้งแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบดึงสติให้กลับมาอยู่กับตัว
“แฮ่ม” เขากระแอมออกมาหนึ่งครั้ง พร้อมกับที่ตอนนั้นพลับพลึงสามารถดึงข้อมือออกมาจากการจับกุมของมือแกร่งได้พอดี
“พลับพลึงพี่มีเรื่องอยากจะถาม”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ แล้วหันไปสนใจหน่อไม้เหมือนเดิม แม้จะสนใจหน่อไม้แต่ใบหน้าก็ยังคงเงยขึ้นมามองชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“พี่ไปได้ยินอะไรบางอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกันมา” พลับพลึงหยุดมือที่กำลังแกะเปลือกหน่อไม้
“เกี่ยวกับหนูหรอ?”
“ครับ เกี่ยวกับพลับพลึง” พอได้ยินแบบนั้น หญิงสาวก็วางหน่อไม้ลงก่อนเท้าคางเอาศอกวางบนเข่าเอียงคอมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม
“เรื่องอะไรคะ?” ที่ถามไม่ใช่ว่าจะกวนหรือรู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะเรื่องที่ชาวบ้านพูดถึงตัวเองมันเยอะจนไม่รู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหนแล้วต่างหาก เรื่องไหนจริง เรื่องไหนปลอมก็แยกไม่ออกแล้ว
“พี่ไปได้ยินมาว่า...” พอกำลังจะพูด ไอ้ท่าทางเอียงคอมองแบบสงสัยก็ทำให้จอมทัพถึงกับพูดไม่ออก สติสตังหายไปอยู่กับหน้าหวานๆ นั่นหมดแล้ว
น่ารัก
น่ารักอีกแล้ว
น่ารักฉิบหายเลยยยไอ้เหี้.ยเอ๊ย!!!
ภายในหลงใหลกับความน่ารักที่ปรากฏออกมาอย่างไม่ตั้งใจของพลับพลึงแทบคลั่งตาย แต่ภายนอกกลับมีเพียงสายตาที่มองมายังหญิงสาวนิ่งๆ เท่านั้น
“ว่า? ...”
“หนึ่งในไอ้สองแฝด...”
“อ่าห๊ะ?”
“มันจับก้นของพลับพลึง”
พรืดดดด
หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมาเมื่อชายหนุ่มพูดจบ จอมทัพที่เห็นแบบนั้นจึงได้ถามย้ำอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบ
“มันจริงรึเปล่าครับ?”
“จับก้น? จริงค่ะ” พลับพลึงตอบหน้าตาเฉย แต่ก่อนที่จอมทัพจะได้พูดอะไรต่อหญิงสาวก็พูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “แต่เป็นก้นตะกร้านะ ไม่ใช่ก้นหนู”
“ครับ?”
“พี่สองแฝดเขาช่วยยกก้นตะกร้าสานให้ เพราะมันมีกล้วยอยู่ข้างใน ไม่เชื่อพี่ไปดูสิ ก็หวีกล้วยจากเครือที่พวกพี่เขาเอาไปนั่นแหละ”
ฟู่ววว
ได้ยินคำตอบของหญิงสาว จอมทัพก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนก้อนหินข้างกับที่หญิงสาวนั่งอยู่ก่อนหน้า แล้วเอื้อมไปหยิบหน่อไม้ที่ปอกเปลือกแล้วมาล้างให้กับหญิงสาว
“ไม่ต้องก็ได้พี่เดี๋ยวหนูทำเอง” พลับพลึงที่เห็นว่าจอมทัพกำลังช่วยล้างหน่อไม้ที่ปลอกแล้วอยู่ก็ทำท่าจะแย่งกลับมา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอม ชูแขนของตัวเองไปอีกฝั่ง ทำให้พลับพลึงไม่สามารถแย่งเอาคืนมาได้
“แค่ล้างหน่อไม้เอง”
“แค่ล้างน่ะใช่ แต่พี่ไม่ต้องไปทำงานหรอ?” หญิงสาวถามอย่างสงสัย “ทิ้งงานมาแบบนี้ เพื่อนไม่ว่าหรอคะ?”
“อึก!” เจอคำถามนี้เข้าไป คนหนีงานมาหาสาวถึงกลับไปไม่เป็น ตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากมาหา อยากอยู่ใกล้ จนลืมไปเลยว่าวันนี้ตนเองต้องไปตรวจสอบยาและอุปกรณ์ที่เหลืออยู่ในอนามัย “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงพวกมันก็เหลืองานให้พี่ทำอยู่แล้ว ไม่มีทางทำเสร็จทั้งหมดหรอก”
“งั้น...เอาตามที่พี่จอมสบายใจแล้วกันเนอะ” หญิงสาวไม่รู้จะพูดยังไงต่อไปดี เพราะดูแล้วต่อให้พูดเรื่องงานไปตอนนี้ อีกฝ่ายก็มีเหตุผล (ส่วนตัว) มารองรับอยู่ดี และเหมือนว่าพลับพลึงจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เมื่อคืน...”
“ครับ?”
“ทำไมพี่ไม่กลับมากินข้าวที่บ้านหนูล่ะ” แม้ว่าพลับพลึงจะพอรู้เหตุผลมาจากผีดาวเรืองแล้ว แต่หญิงสาวก็คิดว่าหากได้ฟังจากเจ้าตัวเลยก็น่าจะดีกว่า จึงได้ตัดสินใจถาม
“เมื่อคืนหรอครับ?” จอมทัพทวนคำถาม
“ค่ะ เมื่อคืน” พอหญิงสาวทวนคำถามมาแบบนี้ จอมทัพก็ถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกเขินตัวเองเล็กๆ กับการกระทำเมื่อคืน เพราะถ้าหญิงสาวเปิดคำถามมาแบบนี้ แสดงว่าเมื่อคืนก็แค่ไหว้วานให้เอากับข้าวไปให้พ่อของเขาเฉยๆ ไม่ได้ไล่อย่างที่พ่อเขาพูดกรอกหูเขามา
“คือว่า...พี่คิดว่าหนูไล่พี่ทางอ้อมครับ พี่ก็เลยกลับไปกินข้าวที่บ้าน”
“สงสัยจะเลือกใช้คำพูดไม่เป็นจริงๆ ด้วยสินะ” หญิงสาวบ่นออกมาเบาๆ เมื่อคนข้างๆ พูดจบ แต่การบ่นนั้นคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อย่างจอมทัพย่อมได้ยินเต็มสองหู “พี่คิดว่าหนูไล่พี่ทางอ้อมจริงๆ หรอคะ?”
“ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดหรอกครับ แต่พอพ่อพูดพี่ก็เลยคิด...นิดหน่อย” จอมทัพยอมรับออกมาตามตรง บอกเลยว่าตอนแรกก็เกิดอาการน้อยใจ แต่พอได้มาพูดคุยให้เคลียร์กันแบบนี้ก็มีความรู้สึกเขินเข้ามาแทน “รู้งี้เดินกลับไปก็ดี” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ แต่หญิงสาวก็ได้ยินอยู่ดีเพราะนั่งอยู่ใกล้กัน
“ฮิ” พลับพลึงหลุดหัวเราะออกมา “ถ้าคราวหน้าพ่อหนูชวนอีก พี่ก็มากินข้าวที่บ้านหนูได้เลย แต่ถ้าบังเอิญลุงเทพมาบ้านแล้วหนูวานให้เอากับข้าวไปให้ พี่ก็กลับมากินที่บ้านได้เหมือนกัน”
พูดจบพลับพลึงก็ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มพร้อมกับที่ในใจคิดว่า ในที่สุดนอกจากชบาตัวเองก็มีเพื่อนคุยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว
นอกจากพี่จอมแล้ว เราก็ยังคุยกับเพื่อนพี่เขาได้นี่นา ยังไงพวกเขาก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าเราเห็นผี หรือว่าจะรู้แล้วเพราะพี่จอมบอก?
หญิงสาวคิดอย่างดีใจและสลัดความคิดสุดท้ายทิ้งเพราะหากอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วก็น่าจะเป็นเหมือนอย่างคนในหมู่บ้าน ที่อาจจะไม่ได้มองว่าเธอแปลกแต่มองว่าเป็นบ้าแทน ซึ่งความคิดของหญิงสาวก็ต่างกับชายหนุ่มที่คิดไปอีกอย่าง เรียกได้ว่าต่างคนต่างคิดไปคนละเรื่องเดียวกัน
ฝากกดเข้าชั้น+คอมเม้น+หัวใจ
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยน้าาา
เนื่องจากไรท์ได้เขียนเรื่องนี้จบแล้ว และส่งเป็นอีบุ๊คไปแล้วนะคะ
ไม่แน่ใจว่าจะมาเมื่อไหร่ ใครที่อยากรู้ตอนจบแล้ว อดใจรอก่อนนะคะ
ส่วนใครที่ไม่อยากซื้อเป็นเล่ม ตอนนี้ไรท์ก็กำลังทำเรื่องขายเฉพาะตอนอยู่ค่ะ
หรือใครที่เป็นสายอ่านฟรี ก็สามารถรออ่านได้เลยนะคะ หลังจบตอนที่ 40แล้ว ไรท์จะอัพให้อ่านฟรีวันละ 1ตอนค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ
ความคิดเห็น