คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : พลับพลึงดอกที่ 9 เข้าใจผิด
หลังจากที่แทนไทและทศพลมาที่สถานีอนามัยได้ไม่นาน จอมทัพ เทวินทร์และพระนายก็ได้ตามมาสมทบกับทั้งสอง โดยที่เมื่อทั้งสามมาถึงก็ได้เห็นว่าที่หน้าประตูของอนามัยมีเครือกล้วยที่บางหวีถูกตัดออกไปแล้ววางอยู่ พระนายที่เห็นว่ามันคือสิ่งแปลกปลอมที่ไม่น่าจะมาอยู่ในนี้ได้ จึงถามถึงที่มาที่ไปของมัน
“มึงสองคนเอากล้วยมาจากไหนวะ ชาวบ้านให้มาหรอ?” สองหนุ่มฝาแฝดที่เห็นว่าพระนายเปิดประเด็นมาแล้วก็หันไปมองหน้ากัน แล้วก็เป็นแทนไทที่ตอบ
“เออ ชาวบ้านให้พวกกูมาเองแหละ...” เว้นระยะไว้ เพื่อดูว่าจอมทัพจะหันสนใจที่ตัวเองพูดหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดีไม่ได้สนใจจึงถามต่อ
“แล้วพวกมึงอยากรู้มั้ยว่าใครให้พวกกูมา” แทนไทพูดกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนอีกนิด
“มึงรู้จักกับชาวบ้านเขาด้วยหรอ ถึงได้ถามพวกกูแบบนี้” เทวินทร์พูดอย่างสงสัย “ถ้าเป็นไอ้ทัพพูดก็ว่าไปอย่าง”
“หึ! รู้จักดิ แถมพวกกูยังได้คุยแล้วก็ได้เดินมาส่งเขาที่ป่าไผ่ด้วย” ทศพลพูดออกมาด้วยสีหน้าที่แม้แต่แทนไทเห็นแล้วยังรู้สึกว่ามันดูกวนเบื้องล่างยังไงชอบกล
คำพูดของทั้งสองหนุ่มทำให้จอมทัพเริ่มรู้สึกสงสัย ว่าใครกันคือคนที่ให้กล้วยกับสองคนนี้มา นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ทำให้สองแฝดดูภูมิใจที่ได้คุยและได้มาส่งอีกต่างหาก
“ใครวะ?” สุดท้ายเขาก็ทนความสงสัยของตัวเองและสีหน้ากวนตีนของทศพลไม่ไหว จึงตัดสินใจถามและคำตอบของสองแฝดก็ทำให้จอมทัพถึงกับตาลุกวาว
“น้องพลับพลึงของมึง / น้องแปลกของมึงไง” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน
ตุบ!!
สิ้นเสียงของทั้งสองจอมทัพที่กำลังจะจัดเรียงและตรวจสอบกระปุกยาอยู่ถึงกับมือไม้อ่อน ปล่อยมันร่วงลงพื้น
“พวกมึงพูดว่าใครนะ”
“น้องแปลก / น้องพลับพลึง”
“แล้วพวกมึงพูดว่าพวกมึงเดินมาส่งใครนะ” จอมทัพละทิ้งสิ่งที่เคยทำอยู่แล้วมายืนจ้องหน้าสองแฝดอย่างคาดคั้นคำตอบ
ซึ่งเมื่อแทนไทและทศพลเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด กลับกันพวกเขากลับรู้สึกสนุกสนานที่นานๆ ทีจะได้แกล้งไอ้คนตรงหน้าให้อยู่ไม่สุข ก่อนจะเป็นทศพลที่เป็นคนตอบคำถามของจอมทัพ
“พวกกูเดินมาส่งน้องแปลก พึ่งแยกกันที่หน้าทางเข้าอนามัยก่อนพวกมึงมาไม่นานนี้เอง”
ปั้ง!
สิ้นเสียงคำตอบของทศพล จอมทัพก็เดินหุนหันจากไป อาการของชายหนุ่มที่แม้ทั้งสี่คนจะรู้ดี แต่ก็อดที่จะถามเพื่อกลั่นแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้
“ไอ้ทัพ!! มึงจะไปไหนวะมีงานต้องทำนะเว้ย?” เทวินทร์ตะโกนถาม ทำให้จอมทัพหยุดเดินก่อนจะหันมาตอบ
“ไปหาพลับพลึง!”
“แล้วมึงรู้หรอวะ ว่าน้องเขาอยู่ที่ไหน?” คำถามของพระนาย ทำให้ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดินของจอมทัพหยุดชะงักอีกครั้ง แทนไทที่เห็นอาการนั้นของเพื่อนก็ได้แต่หันไปขำกับน้องชายก่อนจะตะโกนบอกด้วยความหวังดี (?)
“น้องบอกพวกกูว่าจะเข้าไปเก็บหน่อไม้ที่ป่าไผ่...” ยังไม่ทันพูดจบ ชายหนุ่มก็เดินจากไปเห็นแต่หลังไวไว แค่ได้ยินคำว่าเก็บหน่อไม้ที่ป่าไผ่ ชายหนุ่มก็รู้ได้ในทันทีว่าที่ตรงนั้นคือตรงไหน
ถึงแม้ว่าจะออกจากหมู่บ้านไปนาน แต่เขาก็จำได้อย่างแม่นยำว่าจุดไหนที่หญิงสาวอย่างพลับพลึงจะเดินเข้าไปเก็บหน่อไม้ในช่วงนี้ ส่วนสาเหตุที่รู้ก็คงเป็นเพราะว่าในสายตาของเขาเอาแต่มองอีกฝ่ายตลอดเวลาละมั้ง
ทางด้านสี่หนุ่มที่เห็นว่าเพื่อนสนใจสาวมากกว่างานก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะพากันเดินกลับไปตรวจสอบยาและอุปกรณ์ที่พอใช้ได้ รวมทั้งตรวจสอบว่ายาที่ยังเหลืออยู่หมดอายุแล้วหรือยัง แล้วจึงค่อยมาจัดบันทึกทีหลัง
แม้สองหนุ่มฝาแฝดจะไม่ได้เป็นหมอ แต่ก็พอจะอ่านออกอยู่บ้างว่ายาแต่ละกระปุกเป็นยาอะไรและหมดอายุเมื่อไหร่ ความจริงนอกจากจอมทัพแล้วก็มีแค่พระนายเท่านั้นที่เป็นหมออีกคน ส่วนเทวินทร์นั้นชายหนุ่มก็มีอาชีพเดียวกันกับสองฝาแฝด
“สรุปไอ้ทัพมันเป็นหมอจริงๆ ใช่มั้ยวะ?” ทศพลที่กำลังตรวจสอบยาทำแผลอีกตู้อดถามคนที่เหลือไม่ได้ เพราะตั้งแต่กลับมาบ้าน งานการอะไรก็ดูเหมือนไอ้เพื่อนตัวดีจะไม่สนใจที่จะทำแล้ว ไม่รู้ไอ้ความกระตือรือร้นตอนแรกก่อนจะมาของมันหายไปไหน
ออ ลืมไป หายไปอยู่กับน้องแปลกของมันนี่เอง
“ไอ้ทัพมันเป็นหมอเถื่อน” ประโยคนี้พระนายที่กำลังทำความสะอาดอุปกรณ์ที่พอจะใช้ได้อยู่ตอบกลับมา
“กูคิดเหมือนมึงไอ้นาย” แทนไทเห็นด้วยกับประโยคนี้ของพระนาย ส่วนเทวินทร์นั้น เขาไม่ได้พูดหรือออกความคิดเห็นใดๆ เพราะโดนจอมทัพขู่เอาไว้ ว่าหากพูดมากเรื่องของเขากับพลับพลึงจะโดนขัดขวางไม่ให้เข้าใกล้อุ่นเรือน น้องสาวคนสวยของมันที่แค่ได้เห็นหน้าครั้งแรก เขาก็รู้สึกชอบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ทำงานต่อเหอะ” เทวินทร์ตัดบทของเพื่อนๆ เพราะหากได้ฟังทั้งสามคนพูดถึงจอมทัพนานเข้า เขาอาจจะอดใจไม่ไหวเข้าร่วมวงด้วย
ตัดมาที่ทางด้านของจอมทัพ เมื่อออกมาจากสถานีอนามัยแล้ว ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าเดินตรงไปยังป่าไผ่ที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ โดยในระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขาก็มักจะได้รับคำทักทายมากมายจากชาวบ้านที่เข้ามาหาหน่อไม้ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดต่างทักทายและพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง ทำให้เขาอดที่จะนึกถึงสมัยก่อนเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กไม่ได้
“อ้าว? พ่อทัพ มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ?” ชาวบ้านชายคนหนึ่งเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าหมอหนุ่มที่ตอนนี้ควรอยู่ที่อนามัยกลับมาเดินเล่นอยู่ในป่าไผ่
“มาหาอะไรนิดหน่อยครับลุง” ชายหนุ่มหยุดเดินและตอบกลับ ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอตามประสาผู้ชาย
ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีชาวบ้านคนอื่นๆ เข้าทักทายชายหนุ่มด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่เข้ามาทักทายอย่างเดียว แต่บางคนถึงกับเอาของป่าที่หามาได้แบ่งให้ชายหนุ่มเอากลับไปด้วย
แม้จะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจที่มีคนหยิบยื่นให้ แต่เขาก็ไม่ได้มีตะกร้าหรือที่ใส่ของ ทำให้รับเอามาทั้งหมดไม่ได้ แต่ครั้นจะเอ่ยปฏิเสธไปเลยก็ไม่ได้เช่นกัน
“เอาอย่างนี้นะครับ ตอนนี้ผมไม่ได้เอาตะกร้าหรืออะไรติดตัวมาเลยคงรับของทั้งหมดเอาไว้ไม่ได้ แต่ถ้าพวกลุงกับป้าอยากให้ของพวกนี้กลับผมจริงๆ ละก็ ผมรบกวนเอาไปให้ที่บ้านพักได้มั้ยครับ พอดีว่าที่นั่นยังไม่มีของกินเลย” ชาวบ้านที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ ว่าคนตรงหน้ามาตัวเปล่าไม่ได้มีตะกร้าใส่ของอย่างพวกตน ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้ารับและทำตามที่ชายหนุ่มบอก
เมื่อจัดการกับชาวบ้านเรียบร้อยและกำลังจะออกตัวเดินตามหาหญิงสาว หูของเขากลับบังเอิญได้ยินอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ทำให้เขามีอาการหัวร้อน
“เมื่อเช้ากูเห็นอีนังพลับพลึงมันเดินมากับผู้ชาย” สาวใหญ่คนหนึ่งในหมู่บ้าน ที่ถ้าจอมทัพจำไม่ผิด อีกฝ่ายน่าจะมีชื่อว่า กรุ่น เอ่ยพูดกับเพื่อนของตนที่เดินมาด้วยกัน
“จริงหรอ? กูว่าไม่น่าจะใช่นะ มึงมองผิดคนรึเปล่า”
“ไม่ใช่อะไร ผิวขาวผมน้ำตาล นุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้ออย่างคนกรุงเทพก็มีแค่มันคนเดียว จะไม่ใช่ไปได้ยังไง” แม้เพื่อนจะบอกว่าไม่ใช่ แต่คนพูดอย่างกรุ่นกลับพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองมองไม่ผิด
“ยังไงกูก็ว่าไม่ใช่ พลับพลึงมันสนิทกับใครที่ไหน” อีกคนยังคงแก้ตัวออกมาแทนคนที่กำลังเป็นที่พูดถึง
“มันไม่สนิทกับแค่คนในหมู่บ้านน่ะสิ แต่กับพวกคนข้างนอกกูว่าก็ไม่แน่”
“หมายความว่าไงวะ?”
“ก็หมายความว่า เมื่อเช้าตอนที่กูกำลังเดินมาที่นี่ กูเห็นนังพลับพลึงมันยืนคุยอยู่กับไอ้หนุ่มกรุงเทพที่เป็นแฝดกันอยู่ที่ป่ากล้วยน่ะสิ” สาวใหญ่อย่างกรุ่นจีบปากจีบคอพูด เพื่อให้เพื่อนๆ ของตนเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“แค่คุยกันรึเปล่า”
“ถ้าแค่คุยกันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่ไง” ประโยคนี้กรุ่นพูดเสียงเบาให้ได้ยันกันแค่ตนกับเพื่อน แต่บังเอิญว่าจอมทัพเองก็อยู่ใกล้กับตรงนั้นพอดี เสียงพูดคุยสนทนาทั้งหมดเขาจึงได้ยินเช่นกัน
“มึงเห็นอะไรวะ”
“กูเห็นไอ้หนุ่มกรุงเทพมันยืนล้อมหน้าล้อมหลังนังพลับพลึง”
“แค่นี้?”
“ถ้าแค่นี้กูจะมาเล่าให้มึงฟังรึไง” สาวใหญ่คนต้นเรื่องเอ็ดเพื่อน “กูเห็นไอ้หนุ่มนั่นมันจับตูดนังพลับพลึง”
สิ้นสุดประโยคนั้น จอมทัพก็ออกตัววิ่งตามหาพลับพลึงเพื่อสอบถามเรื่องราวในทันที
ในตอนนี้หลังจากจบประโยคที่ว่าไอ้สองแฝดมันแอบจับก้นของสาวที่ตนเองชอบ จอมทัพก็ถึงกับโมโหควันออกหูจนลืมคิดไตร่ตรองอะไรหลายๆ อย่างให้ดีเนื่องจากความหึงหวงวิ่งเข้าตา
“ไอ้แฝด ถ้าเรื่องที่ป้ากรุ่นพูดมาเป็นเรื่องจริง มึงโดนกูเชือดแน่ ไอ้เพื่อนเหี้.ย” จอมทัพกัดฟันพูด
ฮัดเช้ยยยย!! ฮัดเช้ยยยย!! สองแฝดอย่างแทนไทและทศพลจามออกมาพร้อมกันคนละสองครั้งติดๆ
“แม่ง!? ใครนินทากูวะ” คนน้องบ่นออกมา แล้วทำจมูกฟุดฟิดเมื่อรู้สึกคันยุบยิบ
ป้าบ!!!
“นินทาเหี้.ยอะไร มึงกับกูแพ้ฝุ่น” คนพี่ตบไปที่หัวของน้องชายหนึ่งครั้ง
ป้าบ!!!
“แพ้ฝุ่นเหี้.ยอะไร แม่บอกว่ามึงกับกูแข็งแรงดี ไม่แพ้เหี้.ยอะไรทั้งนั้น” ทศพลไม่ยอมโดนตบฟรีๆ เขาจึงตบหัวพี่ชายกลับไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะยกเรื่องที่แม่เคยบอกขึ้นมาพูด
“มึงเป็นน้องกูนะไอ้ทศ! เป็นน้องเป็นนุ่งมาตบหัวพี่ได้ไงวะ?”
“เกิดก่อนสองวิกูไม่นับ?”
“กี่วิกูก็นับ เพราะกูออกก่อน” แทนไททำหน้าทะเล้นตอบกลับน้องชาย
“มึงออกก่อนเพราะกูเสียสละให้มึงต่างหาก ฉะนั้นกูอ่ะเป็นพี่!”
แล้วหลังจากนั้นทั่วทั้งสถานีอนามัยก็เต็มไปด้วยเสียงทะเลาะกันของแทนและทศ สองฝาแฝดที่เถียงและยกข้ออ้างสารพัดมาพูดเถียงกันไปมาว่าใครเป็นพี่กันแน่
ปึง!
เสียงทุบเมื่อกี้ทำให้สองหนุ่มฝาแฝดหยุดทะเลาะและมองไปทางต้นเสียง จึงพบว่าเป็นเสียงของพระนายที่ใช้มือทุบพื้นกระดาน ตอนแรกก็ไม่แน่ใจแต่พอเทวินทร์ส่ายหน้าแล้วชี้นิ้วไปทางพระนาย สองแฝดก็รู้ได้ในทันทีว่าถ้ายังไม่หยุด พวกเขาอาจจะได้กลายเป็นอาจารย์ใหญ่ของที่นี่
“พวกมึงช่วยหยุดทะเลาะกัน แล้วทำงานให้มันเสร็จๆ ก่อนได้มั้ย?” พระนายเอ่ยเสียงเย็น
“ครับ / ครับ” สองหนุ่มรับปากก่อนจะนั่งลงประจำที่แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไปเงียบๆ
พระนายที่เห็นว่าทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงได้กลับไปสนใจงานของตัวเองดังเดิม ประหนึ่งว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเขาไม่ได้ทุบพื้นเพราะรำคาญเสียงของสองแฝด
ความจริงก็ไม่ได้รำคาญอะไรสองคนนั้นหรอก แต่กำลังรู้สึกหงุดหงิดไอ้เพื่อนตัวดีที่มาทำงานวันแรกก็โดดงานไปหาสาว
กูขอให้มึงจีบน้องเขาไม่ติด
พระนายแอบแช่งเพื่อนในใจเพราะหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายทิ้งงาน ทั้งที่ก่อนมาก็พูดกับเขาเสียดิบดีว่าจะช่วยทำงานทุกอย่างไม่ให้เพื่อนเหนื่อย แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ลืม
ไอ้เพื่อนเวร
ฝากกดเข้าชั้น+คอมเม้น+หัวใจ
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยน้าาา
ความคิดเห็น