ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลงใหล ใคร่รัก [อ่านฟรี มี E-Book]

    ลำดับตอนที่ #10 : พลับพลึงดอกที่ 7 ความผิดของหนูหรอ?

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 67


    พลับพลึงเดินแยกออกมาทำกับข้าวโดยที่ในหัวก็เริ่มคิดสงสัยว่าจอมทัพมาทำอะไรที่บ้านของเธอ และอะไรคือเหตุผลที่เขายอมรับคำชวนกินข้าวเย็นของผู้เป็นพ่อ

    หรือว่าจะหิว...แต่ถ้าหิวก็น่าจะอยู่กินข้าวที่บ้านสิ

    “มึงสงสัยอะไรอีพลับพลึง” กระถินที่เห็นสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาของหญิงสาวก็อดที่จะสงสัยตามไม่ได้ ตอนแรกที่เห็นก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่พอเวลาผ่านไปนอกจากทำหน้าครุ่นคิดแล้ว บางครั้งยังพูดออกมาคนเดียวอีก

    ไม่น่าใช่

    คำพูดของพลับพลึงที่พูดออกมาอย่างแผ่วเบาราวกระซิบ ทำให้กระถินเริ่มสงสัยหนักขึ้น อะไรคือไม่น่าใช่

    กูไม่น่าใช่พี่มึง หรือมึงไม่น่าจะใช่คนปกติ

    “พี่จอมทัพมาทำอะไรที่บ้านเราอ่ะ พี่รู้มั้ย?” สุดท้ายเมื่อหาคำตอบที่ดูเข้าท่าและสมเหตุสมผลไม่ออก พลับพลึงจึงได้ตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดออกมาให้ผีสาวได้รับรู้

    “อ๋อ ที่แท้ก็เรื่องไอ้จอมนั่นเอง?” กระถินพูดถึงก่อนจะมองผ่านประตูครัวออกไปทางสองหนุ่มที่นั่งคุยอะไรสักอย่างอยู่ด้านนอก “อยากรู้ก็ลองไปถามพ่อมึงดูดิ”

    “ถ้าถามแล้วพ่อบอกมันก็ดีสิพี่” ประโยคนี้ของพลับพลึงที่พูดออกมา ทำให้ได้รู้ว่าต่อให้เค้นคอถาม พ่อของเธอคงไม่มีทางบอกแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลามีอะไรพ่อถึงไม่ค่อยชอบบอกนัก

    “ไม่ถามก็ไม่รู้หรอก มึงก็อย่าคิดไปเอง เดี๋ยวก็ได้เป็นบ้าเข้าจริงๆ”

    พลับพลึงเลิกสนใจเรื่องของชายหนุ่มสองคนด้านนอก และหันกลับมาสนใจสิ่งที่กำลังจะทำกินเย็นนี้ โดยกับข้าวที่ว่าก็คือแกงส้มสายบัวกับไข่เจียวกรอบเหลืองฟู

    ในขณะที่พลับพลึงกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเย็น ทางด้านสองหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านนอกก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่พวกเขาทั้งสองเคยตกลงกันไว้ หากแต่ในขณะที่จอมทัพกำลังจะอ้าปากพูดนั้น ที่หน้าบ้านของภพธรก็ได้ปรากฏร่างของพรเทพและชายหนุ่มอีกคนที่ภพธรไม่เคยเห็นหน้า

    สาเหตุที่พรเทพมาในครั้งนี้นั้นก็เพราะเห็นว่าบุตรชายหายออกจากบ้านมาสักพักแล้ว จนมืดค่ำก็ยังไม่กลับมาจึงเดินออกมาตาม ซึ่งสถานที่แรกที่คิดออกก็ไม่พ้นบ้านของภพธร และในตอนที่กำลังจะออกจากบ้านเทวินทร์ที่ออกมากินน้ำก็ได้เห็นเข้าพอดี จึงได้ขอติดตามออกมาด้วย หนุ่มใหญ่เห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไร จึงได้พยักหน้าอนุญาตให้เทวินทร์ตามออกมาและทิ้งให้อีกสามคนนอนเล่นอยู่ในห้องของจอมทัพอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

    “อ้าวพี่เทพ? มาตามลูกชายหรอ? ว่าแต่ไอ้หนุ่มนั้นใครล่ะ"

    "เออ กูมาตามมันนั่นแหละเห็นออกมานานกูเป็นห่วง ที่ไหนได้มาบ้านมึงนี่เอง ส่วนนี่เพื่อนไอ้จอมชื่อเทวินทร์ วินลูกนี่อาภพเป็นสัปเหร่อของหมู่บ้านเรา" พรเทพแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน โดยที่เมื่อแนะนำเสร็จเทวินทร์จึงยกมือไหว้อีกฝ่าย

    "สวัสดีครับอาภพ" และเหมือนว่าเขาจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปมองหน้าเพื่อนตัวดีด้วยสีหน้ามีเลศนัย

    "สวัสดี" ภพธรตอบรับ

    พรเทพละสายตาจากหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะหันหน้ามาคุยกับลูกชายที่นั่งอยู่ไม่ไกล

    “แล้วมึงมาทำอะไรที่บ้านไอ้ภพมันมืดๆ ค่ำๆ ห๊ะไอ้จอม”

    “จะมาทำอะไรได้ล่ะพี่ มันก็มาทวงสัญญาของมันไง” แต่ก่อนที่จอมทัพจะได้เอ่ยตอบคนเป็นพ่อ ภพธรก็ชิงพูดออกมาก่อน แม้เรื่องสัญญาที่คนเป็นอาให้กับเขาเอาไว้ จะมีผู้เป็นพ่อร่วมเป็นพยาน หากแต่เขาก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ เมื่อต้องมาพูดถึงมันอีกครั้งในตอนนี้

    เรื่องที่พวกเขาพูดออกมา ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แค่สามคนนั้น ทำให้คนนอกอย่างเทวินทร์และพลับพลึงอดที่สงสัยไม่ได้ว่าทั้งสามหนุ่มกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน

    ส่วนผีกระถินที่รู้ดีอยู่แล้วจึงได้แต่กลั้นขำออกมาเมื่อนึกถึงสัญญาที่ว่านั้น

    “สัญญาอะไรจ๊ะพ่อ? / สัญญาอะไรของมึงวะไอ้ทัพ” เสียงของพลับพลึงถามออกมาอย่างสงสัยว่าสัญญาที่ทั้งสามพูดออกมามันคืออะไร เพราะหญิงสาวมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับตัวเอง ส่วนทางเทวินทร์นั้น ชายหนุ่มก็แค่ถามไปเท่านั้นไม่ได้ต้องการคำตอบแต่ถ้าเพื่อนบอกมันก็ดี

    “อยากรู้ก็ลองไปถามพี่เขาสิ” ภพธรเอ่ยบอกลูกสาว ที่ตอนนี้กำลังโผล่หน้าออกมาจากช่องหน้าต่างห้องครัว ซึ่งการที่หญิงสาวกำลังทำกับข้าวอยู่นั้น ทำให้มีคราบเขม่าฟืนสีดำติดตามใบหน้าสวยด้วย เมื่อโผล่หน้าออกมาเทวินทร์มองไปทางนั้นและได้เห็นเข้าพอดีจึงเกิดอาการสะดุ้งตกใจและเผลออุทานออกมา

    “เหี้.ย!!” เสียงอุทานของเทวินทร์ทำให้คนที่เหลือต่างก็พากันหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่ม จนได้เห็นใบหน้ามอมแมมของพลับพลึงเข้าพอดี

    “พลับพลึง!!” เสียงของพรเทพดังขึ้นเมื่อเขานั้นได้หันมาหันหน้าของพลับพลึง “ลุงเกือบหัวใจวายตาย ทำไมมึงไม่ล้างหน้าล้างตาก่อนจะโผล่หัวออกมา!” หนุ่มใหญ่ลูบอกตัวเองเบาๆ

    “อ้าว? หนูผิดซะงั้น” พลับพลึงถามสีหน้างุนงง “โถ่ลุงเทพ หนูกำลังทำกับข้าวอยู่นะ หน้าเปื้อนบ้างอะไรบ้างก็ปกติ ไม่เห็นต้องตกใจเลย”

    “ลุงไม่ได้ตกใจที่หน้ามึงเปื้อน แต่ตกใจที่มึงโผล่หน้าดำๆ ออกมาที่ช่องหน้าต่างโว๊ย”

    “แค่นี้ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้” พลับพลึงแกล้งเบะปากใส่พรเทพ ซึ่งการกระทำของหญิงสาวก็ทำให้อีกสามคนที่เหลือต่างหัวเราะออกมา โดยเฉพาะจอมทัพ

    “มึงหัวเราะเหมือนชอบใจที่น้องมันเถียงชนะพ่อมึงนะ” เทวินทร์ที่สังเกตเพื่อนมาสักพักและพอจะปะติดปะต่ออะไรสักอย่างได้ก็เอ่ยแซวจอมทัพออกมาเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน “หรือมึงกำลังดีใจที่พ่อมึงเข้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ได้ดี”

    “ส้นตีX!” จอมทัพหันไปเถียงเทวินทร์ หากแต่ประโยคต่อมาของเขาก็ทำให้เพื่อนถึงกับต้องกันขำ “รู้แล้วก็เงียบๆ ไว้ อย่าปากมาก”

    เทวินทร์ไม่ได้รับปาก หากแต่ก็ส่ายหัวไปมาคล้ายหยอกล้อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของจอมทัพที่จ้องมองพร้อมกับยกคิ้วขึ้นหนึ่งครั้งเป็นเชิงถาม ชายหนุ่มจึงทำท่ายกไหล่ยักคิ้วกลับไปหนึ่งครั้งเป็นการตอบว่า

    เออ กูรู้แล้ว

     

    “แล้วยังไง สรุปมาทวงสัญญาใช่มั้ย” พรเทพเอ่ยถามอีกครั้ง ซึ่งจอมทัพก็พยักหน้ารับ “ทวงได้แล้วทำไมมึงยังไม่กลับบ้านอีก”

    “ผมชวนมันกินข้าวที่บ้านเองแหละ พี่กับไอ้หนุ่มคนนั้นก็มากินด้วยกันสิ” ภพธรเอ่ยตอบ ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางห้องครัวของตัวเองที่ตอนนี้ได้มีกลิ่นหอมของแกงส้มสายบัวที่พลับพลึงทำลอยออกมาเป็นระยะๆ

    “เออ หอมดีนะ พลับพลึงมันทำกับข้าวอร่อยเหมือนแม่มันไม่มีผิด แต่คงต้องปฏิเสธเพราะที่บ้านอุ่นมันก็ทำกับข้าวเอาไว้ให้แล้วเหมือนกัน ไว้โอกาสหน้านะพลับพลึง” ประโยคแรกพระเทพเอ่ยบอกกับเจ้าของบ้าน แต่ประโยคหลังหนุ่มใหญ่เอ่ยให้กับหญิงสาวที่อยู่ในครัว

    “ไม่เป็นไรจ่ะลุงเทพ” ซึ่งพลับพลึงก็ส่งเสียงตอบรับกลับมา

    “แล้วยังไงห๊ะไอ้จอม จะกลับไปกินข้าวบ้านมั้ย” พรเทพหันมาถามบุตรชายอีกครั้ง

    “อาภพอุตส่าห์ชวนทั้งที ผมจะปฏิเสธได้ยังไง พ่อพาไอ้วินกลับไปเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วผมจะรีบตามกลับไป” จอมทัพเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อ

    “เออๆ” พรเทพที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร หันหลังเดินกลับไปบ้านของตน ตามด้วยเทวินทร์ที่เดินตามไป แต่ก่อนกลับชายหนุ่มก็หันไปมองหน้ากับจอมทัพอีกครั้ง

    พอพรเทพและเทวินทร์เดินกลับไปก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่พลับพลึงเดินออกมาพร้อมถ้วยแกงพอดี

    “อ้าว? ลุงเทพกลับไปแล้วหรอพ่อ?”

    “เออ”

    “อะไรวะ ไม่ทันอีกละ” พลับพลึงบ่นออกมา ก่อนจะหันไปมาที่จอมทัพ “พี่จอมทัพ หนูฝากเอาไปให้พ่อพี่หน่อยสิ น่าจะเพิ่งเดินไปได้ไม่ไกล”

    “อ่า ครับ” จอมทัพรับมาอย่างงงๆ แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินลงจากชานบ้านและตามพ่อของตัวเองไป

    ลับหลังจากที่จอมทัพเดินออกจากบ้านภพก็หันมาคุยกับบุตรสาว

    “วิธีไล่แขกแบบใหม่หรอพลับพลึง”

    “เปล่านะพ่อ หนูก็แค่ให้พี่เขาเอาแกงไปให้ลุงพรเทพเฉยๆ ไปแค่นี้เองไม่ถึงหน้าบ้านเขาสักหน่อย เดี๋ยวก็คงกลับมากินตามที่พ่อชวนนั่นแหละ” พลับพลึงพูดจบก็เดินลงไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำอาบท่า แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนกินข้าวเย็น

    การที่พลับพลึงไหว้วานจอมทัพให้เอาแกงไปให้พ่อของตัวเองนั้นสำหรับหญิงสาวมันไม่ได้มีนัยยะแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น ก็แค่การไหว้วานเฉยๆ ให้เสร็จก็กลับมา แต่เหมือนว่าจอมทัพจะแปลการไหว้วานของพลับพลึงในครั้งนี้ไปอีกทาง

     

    จอมทัพเดินถือถ้วยแกงของพลับพลึงเดินตามออกมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็ได้เห็นหลังของพรเทพและเทวินทร์ที่อยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อตามทั้งสองคนให้ทัน

    “พ่อ!” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกออกมาหนึ่งครั้ง ซึ่งก็ทำให้พรเทพและเทวินทร์ที่ได้ยินเสียงของเขาต้องหยุดเดินและหันหลังกลับมามอง

    “อ้าว? มึงตามกลับมาทำไม ไหนว่าจะอยู่กินข้าวที่บ้านอามึง” พรเทพเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะไม่ใช่ว่าเมื่อครู่นี้จอมทัพเพิ่งบอกไม่ใช่หรอว่าจะกินข้าวที่บ้านของภพธร “หรือเปลี่ยนใจแล้ว”

    “เปล่าๆ ผมเอาแกงมาให้ พลับพลึงทำเสร็จแล้วเลยวานผมเอามาให้พ่อแทน”

    จอมทัพพูดจบก็ยื่นถ้วยแกงไปตรงหน้าของทั้งสองคน โดยที่คนรับก็คือเทวินทร์ เมื่อรับมาแล้วชายหนุ่มก็ก้มลงไปดมกลิ่นแดงร้อนๆ ตรงหน้า และพบว่ามันเป็นแกงที่หอมหวนชวนกินไม่น้อย จนเขาอยากจะกลับไปที่บ้านแล้วคดข้าวร้อนมากินคู่กับแกงถ้วยนี้เลยทีเดียว

    ทางด้านของพรเทพ หนุ่มใหญ่มองหน้าลูกชายนิ่งๆ คล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดสักที จนจอมทัพที่เห็นแบบนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ จึงได้เอ่ยปากถาม

    “พ่อมีอะไรรึเปล่า?”

    “ไอ้จอม มึงบอกว่าพลับพลึงวานให้เอาแกงมาให้กูหรอ?” พรเทพถามอย่างสงสัย

    “ใช่ครับ” จอมทัพตอบพาซื่อและกำลังจะเดินย้อนกลับไปที่บ้านของหญิงสาว หากแต่ประโยคจ่อมาของผู้เป็นพ่อก็ทำให้ฝีเท้าที่กำลังก้าวเท้าเดินของชายหนุ่มชะงัก

    “มันไม่ได้ไล่มึงทางอ้อมใช่มั้ย?”

    “ไม่หรอกพ่อ น้องก็แค่ไม่อยากออกจากบ้านเฉยๆ เพราะมันมืดแล้วพ่อก็รู้เรื่องนี้ดีนี่” แม้คำพูดของผู้เป็นพ่อจะทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดขึ้นมา แต่เขาก็หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง ซึ่งเหตุผลของเขามันก็ถูกต้องแล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้ก็เท่านั้น

    “มึงแน่ใจนะ” พรเทพแม้จะรู้ว่าเหตุผลที่ลูกชายพูดออกมาคือเรื่องจริง แต่เขาก็อดที่จะแกล้งลูกชายไม่ได้ มีอย่างที่ไหนกลับมาบ้านไม่ทันไรก็วิ่งแจ้นออกมากินข้าวบ้านสาวซะแล้ว

    “พ่อคิดงั้นหรอครับ?” พอได้ยินผู้เป็นพ่อถามซ้ำมาแบบนั้น ชายหนุ่มเริ่มไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง “พ่อคิดว่า...น้องไล่ผมทางอ้อมหรอ?”

    “กูก็พูดไปเรื่อย อย่าได้ใส่ใจเลย ไปๆ ถ้าจะไปกินข้าวบ้านอามึงก็ไป เดี๋ยวมันจะมืดค่ำกว่านี้” พอเห็นว่าลูกชายเริ่มไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง พรเทพจึงไม่ได้แกล้งต่อ หากแต่มันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนนี้จอมทัพได้คิดตามที่ผู้เป็นพ่อพูดไปแล้ว

    ความคิดของเขาตอนนี้ก็คือต้องกลับไปกินข้าวบ้าน คิดได้ดังนั้นเขาก็มองไปยังถ้วยแกงของพลับพลึงที่อยู่ในมือของเทวินทร์

    “เอาแกงมา” ชายหนุ่มแย่งถ้วยแกงมาจากมือของเพื่อน ก่อนจะออกตัวเดินกลับไปที่บ้านของตัวเองแทนที่จะเป็นบ้านของภพธรอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก

    “เอ้า!??” เทวินทร์ได้แต่งงกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเพื่อน “เป็นอะไรของมันวะ” แม้จะสงสัยแต่เขาก็เดินตามหลังจอมทัพไป

    พรเทพได้แต่ส่ายหน้ากับการกระทำของลูกตัวเอง เขาแค่แกล้งพูดไปเฉยๆ ไม่คิดว่าลูกชายจะคิดจริงๆ เสียหน่อย แต่ก็ดีที่อย่างน้อยวันนี้เขาก็จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว

     

    ทางด้านภพธรที่นั่งกินเหล้าขาวอยู่ที่ชานบ้านพร้อมกับทอดสายตามองไปยังทางที่จอมทัพเดินออกไป แต่เมื่อรอไปได้สักพักก็ยังไม่เห็นมีใครกลับมา ยกเว้นผีสาวดาวเรืองที่กลับมาตนเดียวไร้เงาของเด็กหนุ่มรุ่นลูก

    “ดาวเรือง ไอ้จอมล่ะ?” ภพธรเอ่ยถามผีสาวออกมา

    “พ่อหนุ่มคนนั้นโดนพ่อตัวเองแกล้ง จนเข้าใจผิดกลับบ้านไปแล้วจ่ะ” ดาวเรืองพูดออกมาตามตรงกับสิ่งที่ได้ยิน

    “หือ?” ภพธรทำสีหน้าสงสัยออกมา ดาวเรืองที่เห็นสีหน้าแบบนั้นของภพธรจึงได้ผู้ประโยคต่อมาที่ทำให้เขาถึงกับหัวเราะ

    “น้องพลับพลึงวานให้พ่อหนุ่มคนนั้นเอาแกงไปให้ตาผู้ใหญ่บ้านใช่มั้ย” ภพธรพยักหน้ารับ ผีดาวเรืองจึงได้พูดต่อ “ซึ่งน้องมันก็ไหว้วานจริงๆ นั่นแหละ เพราะออกจากบ้านตอนมืดไม่ได้ และตาผู้ใหญ่นั่นก็รู้เรื่องนี้ดี แต่แกแกล้งบอกพ่อหนุ่มคนนั้นว่าน้องไล่ทางอ้อม จนพ่อหนุ่มคนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลยอุ้มถ้วยแกงของน้องกลับบ้านไปแล้ว”

    จบประโยคบอกเล่าที่ออกมาจากปากของผีดาวเรือง ทั้งผีไอ้เอกและผีกระถินที่อยู่ตรงบริเวณนั้นพากับหัวเราะออกมา ซึ่งตอนที่พวกเขาหัวเราะออกมาก็เป็นช่วงเดียวกับที่พลับพลึงจัดการธุระส่วนตัวแล้วกลับขึ้นเรือนมาพอดี

    “หัวเราะอะไรกันจ๊ะ?” หญิงสาวถามออกมา “แล้วนี่พี่จอมทัพยังไม่กลับมาอีกหรอ ระยะทางก็ไม่ไกลนะ พี่เขาไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้” พลับพลึงถามอย่างสงสัย เมื่อมองไปยังบริเวณที่ผู้เป็นพ่อนั่งอยู่แล้ว กับไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ตรงนั้นเลย

    “มันคิดว่ามึงไล่มันทางอ้อม จนน้อยใจกลับไปกินข้าวบ้านพร้อมพ่อมันแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” ภพธรไม่ปล่อยให้ลูกสาวสงสัยนาน เขาได้พูสิ่งที่ผีดาวเรืองบอกให้กับลูกสาวได้ยิน

    “เอ้า? หนูบอกให้เอาแกงไปให้ลุงเทพอย่างเดียวไม่ใช่หรอพ่อ”

    “ตอนแรกพ่อหนุ่มคนนั้นก็คิดอย่างนั้นแหละน้องพลับพลึง แต่พอโดนพ่อตัวเองแกล้งพูดว่าน้องไล่เขาทางอ้อม เขาก็อุ้มถ้วยแกงกลับบ้านไปเลย” ผีดาวเรืองตอบกลับ ซึ่งนั่นก็ทำให้พลับพลึงถึงกับแสดงสีหน้างุนงงออกมา

    “ห๊ะ!!??”

    “ไม่ต้องหาหรอก ไอ้จอมมันกลับไปกินข้าวบ้านแล้ว” ภพธรพูดไปก็หัวเราะไป

    “อีพลับพลึง มึงน่าจะต้องหัดพูดให้เยอะ แสดงท่าทางให้มากกว่านี้แล้วล่ะ” ผีกระถินที่หยุดหัวเราะแล้วหันมาบอกหญิงสาว ทั้งที่บนใบหน้าซีดๆ นั้นยังมีน้ำตาคลออยู่ “ฉะนั้นเรื่องนี้มึงผิดเต็มๆ”

    “เอ้า!?? นี่หนูผิดอีกแล้วหรอ?” พลับพลึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับทำสีหน้างงๆ ก่อนจะตัดใจจากเรื่องนี้และเดินไปยกสำรับข้าวเย็นออกมาจัดแจง

    โดยยกสำรับแรกวางไว้ตรงหน้าของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะกลับเข้าไปในครัวแล้วยกสำรับที่สองออกมาและนำไปวางไว้ที่หน้าห้องพระ พร้อมกับเอ่ยเรียกภูตผีตนอื่นๆ ที่ผู้เป็นพ่อเลี้ยงไว้ให้ออกมากินด้วยกัน

    เมื่อจัดการตรงนี้เสร็จหญิงสาวก็เดินมานั่งร่วงวงกินข้าวกับผู้เป็นพ่อที่ได้ลงมือกินไปก่อนแล้ว

     

    ทางฝั่งของจอมทัพหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังครัวของบ้านที่ตอนนี้มีอุ่นเรือนกำลังจัดเตรียมข้าวเย็นจวนจะเสร็จแล้ว เขาไม่รอช้าเดินเข้าไปหาลูกพี่ลูกน้องสาวทันที

    “อุ่นพี่ฝากแกงถ้วยนี้หน่อยนะ เดี๋ยวพี่กลับมากิน แล้วก็ไม่ต้องยกไปร่วมวงในวันนี้นะ” พูดจบก็ส่งถ้วยแกงให้น้องสาว ส่วนตัวเองก็เดินหายไปทางหลังบ้านซึ่งอุ่นเรือนคิดว่าลูกพี่ลูกน้องชายของตนน่าจะไปอาบน้ำ

    ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จ จอมทัพก็เดินไปคดข้าวจากหม้อแล้วเดินแยกไปนั่งกินแกงส้มสายบัวของพลับพลึงคนเดียวในครัว จนแกงส้มที่หญิงสาวตั้งใจให้ผู้ใหญ่บ้านพ่อของชายหนุ่มหมดลงไป โดยที่เจ้าของที่แท้จริงไม่ได้กินมันแม้แต่คำเดียว

    พฤติกรรมหวงของ ของลูกชายที่แสดงออกมาทำให้พรเทพได้แต่ส่ายหน้าระอา ที่โตป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ ซึ่งเทวินทร์ที่รู้ดีถึงที่มาของแกงก็ได้มองเพื่อนด้วยความอ่อนใจ

    ส่วนอุ่นเรือนและอีกสามคนที่เหลือได้แต่มองไปที่จอมทัพด้วยสายตาสงสัย ว่าแค่แกงถ้วยเดียวทำไมถึงได้หวงขนาดนั้น ทำอย่างกับเป็นของรักของหวงที่ใครก็ห้ามแตะ ถ้าตัวเองไม่อนุญาต

    อุ่นเรือนทำหน้ารุ่นคิดถึงที่มาที่ไปของแกงถ้วยนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่านอกจากข้าวที่บ้าน อีกที่ที่คนเป็นพี่ชายจะยอมกินก็คือที่บ้านของสัปเหร่อและลูกสาว

    ">“พี่วินจ๊ะ แกงถ้วยนั้น...ของพลับพลึงมันใช่มั้ย” สิ้นเสียงถามของอุ่นเรือน เทวินทร์ก็พยักหน้าให้ทันทีเพื่อยืนยันในสิ่งที่หญิงสาวคิดเอาไว้

    เมื่อได้รับคำยืนยันจากเพื่อนพี่ชาย อุ่นเรือนก็ถึงกับเผลอกลอกตามองบนใส่ มันจะหวงอะไรขนาดนั้น กระทั่งกับข้าวก็ไม่เว้น

     

    ฝากกดเข้าชั้น+คอมเม้น+หัวใจ
    เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยน้าาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×