คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : พลับพลึงดอกที่ 16 ไม่ดูเวลา
หลังจากตอนนั้นวันเวลาก็ล่วงเลยผ่านพ้นไปจนกระทั่งเข้าเดือนที่สามที่ชายหนุ่มทั้งห้าคนจากกรุงเทพเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้
ในแต่ละวันผ่านพ้นไปด้วยดีและสงบสุขในความรู้สึกของทั้งสี่คน ยกเว้นจอมทัพที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ตัวของหญิงสาวที่เขาชอบพออย่างพลับพลึงก็ไม่มีท่าทีว่าจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้เลยแม้แต่น้อย หากจะพูดว่าหญิงสาวแกล้งทำก็คงไม่ได้ แม้จะรู้สึกท้อแต่เขาก็ยังไม่ถอย
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วก็ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
หลังจากที่เขาทิ้งงานที่สถานีอนามัยไว้ให้พระนายทำคนเดียวเหมือนอย่างเคย ส่วนตัวเองก็มาเป็นคนสะพายตะกร้าสานใส่ฝักบัวให้กับพลับพลึงที่กำลังตัดอยู่ด้านหน้า
พลับพลึงที่กำลังหักก้านฝักบัวที่แก่พอจะกินได้แล้วก็ได้เอ่ยถามคำถามหนึ่งกับคนที่กำลังเดินตามหลังตัวเองขึ้นมา
“พี่จอม”
“ครับ?”
“ที่พี่มาช่วยหนูจนไม่ได้ทำงานทำการของตัวเองทุกวันแบบนี้ พี่คิดอะไรกับหนูรึเปล่าคะ?”
พอพลับพลึงถามมาตรงๆ แบบนี้ แน่นอนว่าชายแท้แมนๆ อย่างเขาก็ตอบไปตามตรงเช่นกัน
“เปล่านิ พี่ก็ทำปกตินะ”
“ปกติ? อ๋อ แสดงว่าไอ้ที่พี่ทำให้หนูก็คือเรื่องปกติที่ทำให้กับทุกคนใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ครับ”
“ก็ดีค่ะที่พี่ทำแบบนี้กับทุกคน หนูจะหยุดสงสัยว่าพี่คิดอะไรหนูสักที พี่รู้มั้ยคะว่าความสงสัยมันทำให้ชีวิตยุ่งยากมากเลยนะ แต่พอได้ยินพี่พูดแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือพยายามเอาตัวเข้าไปอยู่ในสายตากลมโตนั้นมากมายแค่ไหน พลับพลึงก็จะหันมามองพร้อมรอยยิ้มที่เขารู้ว่ามันคือ ยิ้มมารยาท และเริ่มที่จะบ่ายเบี่ยงความช่วยเหลือจากเขาและหันไปขอจากเพื่อนของเขาตลอด จากตอนแรกที่ไม่ได้คิดอะไร แต่พอนานไปมันก็เริ่มคิด
ยิ่งช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนนั้น การวางตัวของพลับพลึงทำให้จอมทัพรู้สึกอึดอัดและหวั่นใจว่าหญิงสาวอาจจะมีใจให้กับเพื่อนของเขาไม่คนใดก็คนหนึ่งขึ้นมา
จอมทัพรู้ดีว่าเพื่อนของเขานั้นไม่มีทางมาแทงข้างหลังเขาไปชอบหญิงสาวแน่ๆ แต่ว่าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่วันใดก็วันหนึ่งพลับพลึงคงได้ตกไปเป็นของคนอื่น
ความอึดอัดใจที่สะสมมานานในช่วงหลังๆมานี้ ทำให้ในตอนเย็นของวันจอมทัพจึงได้พูดทุกอย่างออกมาให้เพื่อนรับฟัง เพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ภายใน ซึ่งทั้งสี่คนก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังปัญหาที่จอมทัพเผชิญอยู่อย่างตั้งใจ หากแต่เมื่อจอมทัพเล่าจบชายหนุ่มก็ได้รับเสียงอวยพรอย่างท่วมท้นมาจากเพื่อนๆ ทั้งสี่คน
“ไอ้ทัพ ไอ้ควาย!!” สี่เสียงผสานด่าชายหนุ่มออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“มึงนี่มันเกินเยียวยาไปแล้วจริงๆ นะ” เทวินทร์ที่ตอนนี้กำลังเดินหน้าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาของอุ่นเรือนพูดขึ้น เมื่อเขานั้นหมดคำที่จะพูดด่าไอ้เพื่อนคนนี้แล้ว
“มึงจะชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองกี่โมงวะ?” พระนายพูดขึ้นมา เมื่อพบว่าหลายครั้งแล้วที่จอมทัพมักจะตอบตรงข้ามกับสิ่งที่ทำเสมอ
“กูก็ชัดเจนอยู่นี่ไง” จอมทัพแก้ตัว
“ไม่! มึงไม่ได้ชัดเจนอะไรเลยสักนิดไอ้ทัพ” แทนไทพูด แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดีกำลังจะอ้าปากแก้ตัวเขาก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“อ่ะเอางี้นะ มึงบอกกับพวกกูว่ามึงชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อน้องพลับพลึงใช่มั้ย งั้นมึงช่วยบอกกูทีว่าไอ้ความชัดเจนของมึงอ่ะ จะเอาออกมาบอกให้น้องเขารู้ว่ามึงชอบเขาตอนไหน?”
แทนไทบ่นเพื่อนออกมายาวเหยียด เพราะแม้ว่าเขาจะสนิทกับหญิงสาวอย่างพลับพลึงมากขึ้นกว่าตอนที่มาแรกๆ แล้วในตอนนี้เขาเองก็พอที่อ่านความคิดของอีกฝ่ายได้บ้างนิดหน่อย
ความคิดที่ว่าคือหากในตอนนั้นไอ้เพื่อนตัวดีบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรับรู้ไปเลยตรงๆ ตอนนี้มันอาจจะได้เข้าใกล้คำว่าลูกเขยของสัปเหร่อหมู่บ้านไปแล้วก็ได้
“มึงชอบน้องเขาขนาดนี้ ทำไมมึงยังไม่ยอมรับและบอกกับน้องเขาไปตรงๆ วะ?” แทนไทบ่นอีกครั้งอย่างรู้สึกเสียดาย
“กู...กูเขินว่ะ”
“ห๊ะ? มึงพูดว่าไงนะ” ได้ยินคำตอบเมื่อกี้ของจอมทัพ ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนก็ถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน
“กูบอกว่ากูเขิน”
“เขินส้นตีนอะไรของมึงไอ้สัส!!” ทศถามออกมาเสียงหงุดหงิดใส่คนตรงหน้า
“ก็เวลาที่กูมองหน้าน้องเขาที่ไรกูก็เขินจนไปไม่เป็นทุกที”
“เฮ้ออออ” ฟังคำแก้ตัวที่จอมทัพพูดออกมา ทั้งสี่คนถึงกับกลอกตามองบน
“เขินได้เหี้.ยมากเลยนะมึงอ่ะ” ทศพลพูดใส่จอมทัพไปอีกด้วยความเหนื่อยใจ “แล้วคือมึงยังชอบน้องแปลกอยู่เหมือนเดิมใช่มั้ย”
“เออ”
“งั้นมึงก็ไปบอกน้องเขาตรงๆ เลยดิว่ามึงคิดยังไงกับน้องเขา” พระนายพูดขึ้น “แล้วก็ถ้ามึงเขินเวลามองหน้าน้องเขาจนไม่กล้าพูด มึงก็แค่หาอะไรมาบังหน้าน้องเขาก็จบ ทีนี้มึงก็จะไม่เห็นหน้าน้องเขาแล้ว”
จบประโยคแนะนำที่ฟังดูแล้วแปลกๆ ของพระนาย สามคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย ในเมื่อแก้ที่เพื่อนของเขามันดูยากเกินไป งั้นก็ไปแก้ที่ต้นเหตุอย่างพลับพลึงเลยก็แล้วกัน
ชายหนุ่มห้าคนนั่งคุยกันอยู่ที่บ้านพักของสถานีอนามัยกันจนดึกดื่น พอรู้ตัวอีกทีเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปจนถึงเที่ยงคืนแล้ว พระนายจึงได้เอ่ยปากชวนให้จอมทัพนอนกับพวกเขาที่บ้านพักเลย เพราะมันดึกแล้วถ้าเดินกลับไปนอนที่บ้านก็ดูอันตรายเกินไป หากแต่จอมทัพก็ปฏิเสธ
ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเช้ามืดวันพรุ่งนี้เขาจะต้องออกไปทำธุระในตัวเมืองกับผู้เป็นพ่อ ถ้ามาค้างที่นี่ก็กลัวว่าจะพากันนอนเพลินไม่มีใครตื่นมาปลุกใคร แต่ถ้าไปนอนที่บ้านไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหน หากต้องการตื่นเช้าก็จะมีน้องสาวอย่างอุ่นเรือนเดินมาเคาะประตูห้องปลุกเรียกให้เสมอ
“พรุ่งนี้กูต้องไปทำธุระในตัวเมืองตอนตีห้าเป็นเพื่อนพ่อว่ะ ถ้านอนที่นี่กูกลัวว่าจะนอนเพลินจนตื่นสายเพราะไม่มีคนปลุก”
“ตามใจมึงแล้วกัน ว่าแต่ให้พวกกูสี่คนเดินไปส่งมั้ย?” เทวินทร์เสนอเพราะแม้ว่าระหว่างทางเดินจากสถานีอนามัยไปยังบ้านของจอมทัพนั้นจะไม่ได้ไกลอะไรมากมายและเพื่อนของเขาก็เดินมาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเดินไปด้วยกันทั้งห้าคน และเดินกลับสี่คน มันก็ดูปลอดภัยและอุ่นใจกว่าการเดินไปคนเดียว
“ไม่เป็นไรๆ”
“ไม่เป็นไรแน่นะ กูว่ามึงนอนที่นี่เหอะไอ้ทัพ” พระนายพูดอย่างเป็นห่วง “ช่วงนี้กูได้ยินชาวบ้านเขาบอกว่าพ่อน้องพลับพลึงห้ามไม่ให้ออกจากบ้านหลังสามทุ่มนะ”
“กูเห็นด้วยกับที่ไอ้พระนายมันบอกนะ มึงนอนที่บ้านพักนี่แหละไอ้ทัพ ไม่เชื่อพวกกูก็ถือซะว่าเชื่อว่าที่พ่อตาเหอะ” ทศพลพูดเสริมอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่พระนายเสนอ
“กูขอบใจนะที่พวกมึงเป็นห่วง แต่กูต้องกลับไปนอนที่บ้านจริงๆ ว่ะ” แม้ว่าเพื่อนจะชวนให้นอนด้วยกันที่บ้านพักเพราะความเป็นเนื่องจากข่าวลือแปลกๆ ที่หลุดออกมาในช่วงนี้ แต่จอมทัพก็ยังคงปฏิเสธและยืนยันว่าจะกลับบ้านให้ได้ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องดึงดันที่จะกลับบ้านให้ได้ทั้งที่เวลานี้ก็ดึกดื่นมาครึ่งค่อนคืนแล้ว
“อ่ะๆ ตามใจมึงแล้วกัน ว่าแต่จะไม่ให้พวกกูไปส่งแน่นะ?” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถพูดให้เพื่อนนอนกับพวกตนได้ พระนายจึงเลือกที่จะถามอีกคำถามแทน
“ไม่ต้องหรอก ไปส่งกูพวกมึงก็ต้องเดินไปเดินกลับอีกรอบ เพื่อ?” พูดปฏิเสธเพื่อนจบ ร่างแกร่งของจอมทัพก็ได้เดินมาที่หน้าประตูบ้านพัก ก่อนจะก้มลงใส่รองเท้า เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เปิดประตูออกมาและปิดให้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะออกตัวเดินย้ำเท้ากลับไปที่บ้านของตน
ฝากกดเข้าชั้น+คอมเม้น+หัวใจ
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์หน่อยน้าาา
พลีสสส
(❁´◡`❁)
ความคิดเห็น