ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    S.P.Y

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3 เพื่อนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 50


             
             ระบบเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในหอพักนับว่าทันสมัยมาก เริ่มจากอุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือของเจ้าของห้องเพื่อป้องกันการบุกรุกจากคนนอก ซึ่งหากผู้ที่มีลายนิ้วมือผิดเพี้ยนไปจากความจำของเครื่อง มันจะส่งสัญญาณเตือนภัยดังไปทั่วหอพักทันที เพื่อเตือนว่ามีการบุกรุก เป็นการรักษาความปลอดภัยในระดับหนึ่ง

            ราเชลยื่นนิ้วโป้งเข้าเครื่องสแกนเพื่อให้เครื่องจดจำลายนิ้วมือของเธอไว้ก่อนจะป้อนรหัส ประตูไม้จึงค่อยๆ เริ่มแง้มออก

            เผยให้เห็นห้องพัก...ห้องพัก...ห้องพักที่ไม่ต่างไปจากโรงเตี๊ยมข้างทางเลยสักนิดเดียว เตียงชั้นเดียวที่ดูเหมือนจะง่อนแง่นเต็มทีตั้งอยู่ริมฝาผนัง บริเวณโต๊ะหัวเตียงจับเขรอะไปด้วยฝุ่นหนา พื้นสีขาวที่ตอนนี้เริ่มจะกลายเป็นสีดำเพราะคราบสกปรกต่างๆ

            ราเชลมองสภาพห้องของตัวเองก่อนจะกะพริบตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และพบว่ามันยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    "ว้าว สวยจัง" เสียงอุทานเบาๆ ของฟีเรียดังขึ้นทำให้ราเชลต้องรีบหันไปมอง เพราะภาพตรงหน้าเธอกับคำว่า "สวย" ช่างห่างไกลกันมากนัก

             เธอเดินไปหาฟีเรียที่เปิดประตูค้างไว้ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไป ห้องของฟีเรียทาด้วยสีชมพูอ่อนๆ สบายตา สิ่งของต่างๆ ในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ และทุกอย่างล้วนมีสีสันหวานแหวว คิดได้ดังนั้นราเชลจึงขมวดคิ้วแล้วเดินไปดูห้องของคนอื่นๆ บ้าง

              ห้องของเอลีน่าเป็นห้องสีครีม เตียงไม้สีเบจบ่งบอกรสนิยมชั้นสูงของผู้อยู่อาศัย โคมไฟระย้าทำจากแก้วใสส่องประกายอยู่บนเพดาน บริเวณรอบห้องจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

              ห้องของเซเรียเป็นห้องโทนสีฟ้าอ่อนๆ ผ้าปูที่นอน ผ้าม่านและผ้าปูโต๊ะเป็นสีโทนน้ำเงินและฟ้า ไฟในห้องเป็นไฟสีส้มสลัวๆ ขับให้ห้องดูลึกลับและเย็นตาในขณะเดียวกัน

             ทางด้านฝั่งตรงข้ามเป็นห้องของพวกผู้ชาย แต่ดูจากสีหน้าพออกพอใจของแต่ละคนแล้วภายในห้องคงจะสวยงามน่าดู แต่พอกลับมามองห้องของตัวเธอเอง...สงสัยจริงๆ ว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันรึเปล่า?

    "ดูไม่จืดเลยนะห้องของเธอเนี่ย" เอลเดอริกที่ไม่รู้ว่ามายืนหน้าห้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ยขึ้น

    "ไม่จืด? นายเห็นว่ามันเปรี้ยว เค็ม หรือหวานล่ะ" ราเชลซึ่งกำลังอารมณ์แปรปรวนตอกกลับ แค่รับรู้ระดับพลังบ้าๆ บอๆ ของเธอยังไม่พอ ดันได้อยู่ห้องที่ไม่น่าพิศมัยเอาซะเลยอีก มันน่าโมโหจริงๆ

    "อืมมม ก็มุมห้องตรงโน้นน่ะน่าจะเค็มนะเพราะว่าฝุ่นเยอะ ส่วนขาเตียงเธอคงจะหวานน่าดูเพราะมดทำรังเต็มหมดแล้ว แล้วก็ห้องนี้น่ะ...มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวด้วย"

    "พลั่ก" หมัดอัปเปอร์คัตถูกส่งไปยังคนปากพล่อยที่ปากไม่รู้จักกาลเทศะ ก่อนจะตามด้วยลูกถีบ หากไม่ได้เอลีน่าและฟีเรียรั้งเอาไว้ป่านนี้เอลเดอริกได้เหลือแต่ซากแน่

    "ยัยบ้า มือหนักชะมัด เป็นผู้หญิงประสาอะไร" ชายหนุ่มบ่นอุบก่อนจะใช้มือพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น

    "สมน้ำหน้า ก็เหมาะสมกับปากแมวๆ ของนายแล้วนี่" ราเชลว่าก่อนจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับปิดประตูปัง

              เมื่ออาละวาดใส่เอลเดอริกและประตูห้องจนพอใจแล้ว ก็ถึงเวลาจะต้องมาจัดการกับห้องสวยๆ (? )ของตนเอง...

              บรรยากาศในห้องยามนี้ค่อนข้างมืด มีเพียงแสงจันทร์เล็กน้อยส่องลอดมากจากผ้าม่านฝุ่นเขรอะเท่านั้น เธอเดินไปเปิดโคมไฟหัวเตียงซึ่งช่วยให้ห้องสว่างขึ้นมาบ้าง ด้านใต้ของเตียงมีตะเกียงพายุอันเก่าตั้งไว้อยู่ ราเชลจึงหยิบมันขึ้นมาจุดเพื่อเพิ่มแสงสว่างอีกแรง จากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มการบูรณาการห้องของตนเอง ให้สมกับคำว่า "ห้องนอน" ไม่ใช่ "ห้องเก็บของ" อย่างที่มันกำลังเป็นอยู่...

    ----------------------------------------------

              แสงแดดอ่อนๆ ทอผ่านผ้าม่านสีขาวขุ่นเข้ามาในห้อง บ่งบอกถึงเวลาอรุณรุ่ง ราเชลนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงนอน เส้นผมสีน้ำตาลแดงยาวสยายอยู่บนหมอน ใบหน้านวลหลับตาพริ้ม

    "ก๊อกๆๆ ราเชล" เสียงเคาะประตูและเสียงร้องเรียกของฟีเรียดังขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้ราเชลขยับตัวแต่อย่างใด

    "ราเชลจ้ะ ตื่นได้แล้ว" ความพยายามอีกครั้งยังคงไม่เป็นผล

    "ฉันจัดการเอง" เอลีน่าอาสา

    "ราเชล ก๊อกๆๆๆ ราเชลตื่นได้แล้ว" คราวนี้ดูเหมือนจะได้ผลเพราะ...ราเชลขยับตัวไปอีกด้านเพื่อหลบเสียง

              เมื่อสองสาวเห็นว่าราเชลไม่มีทางลุกง่ายๆ จึงเรียก "ผู้มีความสามารถ" อย่างแพทริคมาช่วย เขาส่งกระแสจิตอ่อนๆ เพิ่มอุณหภูมิในกายของราเชลขึ้นเรื่อยๆ...
     
    ...อืมม ไอติมจ๋า~~คิดถึงจังเลย มามะ มาให้ราเชลหม่ำซะดีๆ...

              เธอที่นอนฝันหวานอยู่ไม่ได้รับรู้ถึงการมาของเพื่อนทั้งสามที่หน้าประตูห้องเลยแม้แต่น้อย

    ...ทำไมอากาศมันร้อนจัง...

              เจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัวแต่ก็ยังคงจมอยู่ในภวังค์ นั่นส่งผลให้แพทริคต้องเพิ่มอุณหภูมิในกายของราเชลอีก

    ...ร้อนๆๆๆ ร้อนมากจนผิดปกติ...

              ร่างบนที่นอนเริ่มกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข แต่กระนั้นเปลือกตาหนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดขึ้นแต่อย่างใด จนในที่สุด...

    "ว้ากกกก ร้อนโว้ยยยย ทนไม่ไหวแล้ว" เธอสะดุ้งพรวดขึ้นมาพร้อมกับหยิบยางรัดผมบนหัวเตียงมารัดไว้เป็นหางม้าทำให้เส้นผมสีน้ำตาลแดงกลับคืนสู่สภาพปกติคือสีน้ำตาลตามเดิม

             ราเชลเปิดประตูออกมาพบกับอาคันตุกะทั้งสามพร้อมกับมองสำรวจใบหน้าคนต้นคิดวิธีการปลุกอันพิสดารนี้...

    "นายใช่มั้ยแพทริค กราเซีย พลังแบบนี้ไม่ใช่ของฟีเรียนี่นา และเอลีน่าคงจะไม่ใช้วิธีแบบนี้เช่นกัน ก็เหลือแต่นายแล้วล่ะ" สายตาคมกริบปรายมาอย่างหาคำตอบ (และหาเรื่อง) 

    "แต่งตัวได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นเธอในชุดนอนลงไปเดินเพ่นพ่านด้านล่างหรอก" แล้วเจ้าตัวก็หมุนตัวกลับพร้อมกับเดินลงบันไดไป ทิ้งให้ราเชลยืนกัดฟันกรอดอยู่หน้าประตูคนเดียว

    "จริงอย่างแพทริคว่า แต่งตัวเถอะราเชล ฉันกับฟีเรียจะลงไปข้างล่างก่อนนะ เห็นรุ่นพี่เฮเซน่าขอแรงคนสัก 2-3 คน ฉันกะจะลงไปช่วย แล้วเจอกันนะ" เอลีน่ากล่าวก่อนจะดึงฟีเรียแล้วเดินตามแพทริคไป

    "แล้วเจอกันจ้า" ฟีเรียหันมากล่าวส่งท้ายพร้อมกับเดินลงบันได

    "นี่มันวันอะไรกันนะ ซวยแต่เช้า" เสียงบ่นอุบดังขึ้นเมื่อเหลือเธอเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่หน้าห้อง 

    "กริ๊ง" เสียงกระดิ่งดังขึ้นเรียกสายตาราเชลให้หันไปมอง

    "ใครน่ะ นั่นใคร ออกมาซะดีๆ นะ" เธอส่งคำถามออกไปพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วอาณาบริเวณ แต่ก็ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตหรือสุ้มเสียงใดๆ

              เมื่อสำรวจหาดีแล้วว่าไม่มีใคร เธอจึงสรุปเอาเองว่าคงเป็นเสียงกระดิ่งของใครสักคนตก จากนั้นจึงเดินหันหลังเข้าห้องไป...

    "เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจดีนี่ ราเชล ริเวอร์ส หึหึ" เงามืดหลังกำแพงเอ่ยกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบกระดิ่งในมือยัดลงใส่กระเป๋าไป...

    ----------------------------------------------

    "อรุณสวัสดิ์เพื่อนๆ" ราเชลเอ่ยทักทายทุกคนบนโต๊ะอาหาร 

    "อรุณสวัสดิ์" แพทริคเอ่ยเสียงเรียบ

    "อรุณสวัสดิ์จ้า" เอลีน่าและฟีเรียกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

              ราเชลกวาดตามองทั่วโต๊ะอาหาร มีคนที่เธอไม่รู้จักอยู่สามคน เป็นหญิงสองชายหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นนักเรียนชั้นเดียวกันที่เธอไม่ได้พบเมื่อวานนี้ หญิงสาวคนหนึ่งบนโต๊ะดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของราเชลจึงชิงพูดขึ้นมาก่อน

    "อรุณสวัสดิ์คุณราเชล ริเวอร์ส ฉันชื่อเรซีส นาเดีย พักอยู่ห้องตรงข้ามกับคุณ" เธอทักทายอย่างเป็นมิตรก่อนจะปัดเส้นผมสีทองยาวไปด้านหลังด้วยความรำคาญ


    "ยินดีที่ได้รู้จัก...เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้นี้เธอว่าเธออยู่ห้องไหนนะ" 

    "ห้องตรงข้ามกับห้องของคุณไงคะ" ราเชลคิดตาม...นั่นมันห้องของนักเรียนชายนี่นา

    "แต่นั่นมัน..."

    "ห้องของนักเรียนชาย ใช่แล้วค่ะ สงสัยว่าทางหอพักคงมีการจัดระบบผิดพลาดเล็กน้อยเกี่ยวกับห้องพัก" 

    "อืม นั่นสินะ แล้วนายล่ะ" เธอพยักเพยิดไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นาเดีย เส้นผมสีเงินยาวถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบคำถาม

    "...ไม่ใช่เรื่องของเธอ"
     

              อึ้งไปทั้งคณะ...สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังบุรุษผู้ตอบคำถามเมื่อกี้นี้ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังดูสบายๆ ไม่สะทกสะท้านกับสายตาของคึนทั้งโต๊ะ

             ...ไร้มารยาทสิ้นดี...ความคิดที่พาเอาคิ้วเรียวมุ่นลงและขมวดเป็นปม แต่ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นหญิงสาวอีกคนบนโต๊ะก็กล่าวขัดขึ้นมา

    "ฉันชื่อแอตลาส เทียร์" และเธอนั่นเองที่นำสายตาทุกคู่ไปจับจ้องแทน...การแต่งกายของเธอแทบจะพูดได้เลยว่าผิดระเบียบหมด เริ่มจากเนคไทที่หลุดลงมาซะต่ำถึงกระดุมเม็ดที่สาม เส้นผมยาวประบ่าถูกซอยสั้นและย้อมเป็นสีน้ำตาลทอง ใบหน้าไม่สบอารมณ์ทอดมองไปยังหนังสือในมือ ในขณะที่ปากคาบขนมปังอยู่

    "ช่วยด้วยยยย ว้ากกก~~~" เสียงตะโกนร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วโรงอาหาร เด็กหนุ่มหน้าตาดีตัวเล็กวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นกลัวพร้อมกับมีชายร่างยักษ์วิ่งไล่ตามหลังมา

    "เฮ้ นายจะทำอะไรน่ะ" ราเชลเดินออกไปยื่นขวางระหว่างชายร่างยักษ์กับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังเธอ

    "หลีกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอแม่สาวน้อย คงไม่อยากให้ใบหน้าสวยๆ นี้มีรอยตำหนิหรอกนะ" ว่าพลางใช้มืออันหยาบกร้านช้อนคางของเธอขึ้น สร้างสายตารังเกียจเดียดฉันจากคนรอบข้างได้ไม่น้อย

    "เอามือออกไป" เอลเดอริกเข้ามาก่อนจะดึงมือของชายร่างยักษ์ออกพร้อมกับส่งสายตาข่มขู่

    "นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกแก ทางที่ดีอย่ายื่นตัวเข้ามาแส่เลยน่า" ประโยคน่าถีบดังมาจากชายร่างผอมเจ้าของใบหน้าเรียวแหลมกับนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ที่เพิ่งก้าวเข้ามายืนข้างๆ 

    "เห็นทีจะไม่ได้นะ เพราะเท่าที่เราเห็นนายกำลังพยายามทำร้ายคนไม่มีทางสู้อยู่" คราวนี้เป็นเอลีน่าที่เอ่ยขึ้นบ้าง สถานการณ์ดูจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น เพราะตอนนี้พวกเขากำลังเป็นที่จับตามองของคนทั้งโรงอาหาร 

    "เหอะๆ ช่วยไม่ได้ ก็ไอ้เตี้ยนั่นอยากแข็งข้อกับพวกเราก่อนนี่" หน้าแหลมเอ่ย

    "ฉันเปล่านะ ก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่มีเงินนี่นา พวกนายก็ยังจะขู่อีก ฉันก็ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดสิ" เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นเรียกคะแนนความสงสารได้ยิ่งนัก

    "ชิ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้ว รุมมันเลย" แล้วสงครามเล็กๆ ก็เริ่มขึ้น ชายทั้งสองกระโจนเข้าหาราเชลและเอลีน่า 

            ชายร่างยักษ์และไอหน้าแหลมแยกออกเป็นสองฝั่ง เอลเดอริกทำท่าจะกระโจนเข้ามาช่วยแต่กลับถูกมือสองคู่ดึงรั้งไว้...

    "...แพทริค...เซเรีย" เขาหันไปมองหน้าคนทั้งสองด้วยความสับสน แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้เอลเดอริกเข้าใจในสถานการณ์

    "ไม่ต้องเข้าไปช่วย นายไม่อยากเห็นความสามารถของเพื่อนร่วมชั้นหรือไง" แพ
    ทริคเอ่ยพร้อมกับแววตาทอประกายด้วยความสนุก

    "ใช่ โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่าราเชล ริเวอร์ส ถึงระดับคะแนนจะต่ำมาก แต่กลับได้มาอยู่ชั้นสิบ มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอ แล้วอีกอย่าง...ฉันก็ไม่คิดว่าสองคนนั่นจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าอัปลักษณ์สองตัวนั่นได้หรอก" เซเรียกล่าวเสริม

              การต่อสู้ตรงหน้าดำเนินต่อไป เอลเดอริกยืนมองเหตุการณ์ตรงด้วยสีหน้าไม่คลายวิตก แพทริคและเซเรียยืนประเมินสถานการณ์ตรงหน้า ฟีเรียเอามือป้องปากและตั้งท่าว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ เด็กชายตัวต้นเหตุยืนตัวสั่นอยู่หลังฟีเรีย แอต
    ลาสยืนมองด้วยใบหน้านิ่งเฉย ส่วนนาเดียและชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินกำลัง...ยิ้ม!?

              ชายร่างยักษ์กระโจนเข้าหาเธออย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว ราเชลกระโดดหลบไปทางขวาได้ทันอย่างฉิวเฉียด

    "เธอหลบไปไม่ได้ตลอดหรอกแม่แมวเหมียว(?) เพราะฉันคือฟิลด์ผู้ไม่เคยปราชัย" ว่าแล้วก็ชกหมัดใส่เธอทันที ราเชลเอี้ยวตัวหลบในเสี้ยววินาทีก่อนจะล็อคแขนแล้วฮุกหมัดเข้าท้อง แต่ดูเหมือนการกระทำของเธอจะไม่ได้สร้างความสะทกสะท้านให้กับฟิลด์เลยแม้แต่น้อย

    "หึหึ กำลังสงสัยอยู่ล่ะสิ ไม่ต้องทำหน้างงไป เพราะว่าพลังพิเศษของฉันคือการทำให้ร่างกายแข็งเป็นหินได้"

    "อ้อ งั้นเหรอ แต่พอดีว่าฉันไม่ได้กำลังสงสัยพลังพิเศษของนายหรอกนะ แค่กำลังสงสัยว่าหน้าตาโง่ๆ แบบนายมีปัญญาทำได้แค่นี้เองเหรอ แน่จริงมีอะไรก็เอาออกมาให้หมดสิ" ราเชลเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มหยันก่อนจะเริ่มใช้พลังจิตของเธอบ้าง

              ราเชลหลับตาก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังสรรพสิ่งรอบกาย จากนั้นของทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีสองเมตรก็ลอยขึ้นราวกับว่าโลกไร้แรงโน้มถ่วง!!! และนั่นสร้างความตื่นตกใจให้กับฟิลด์เป็นอย่างมากที่จู่ๆ ร่างกายหินของเขาลอยขึ้นจากพื้น

    "และต่อไปนี้จะเป็นของจริง" ราเชลเริ่มเพ่งสมาธิอีกครั้งพร้อมกันนั้นทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตกลงบนพื้นตามปกติหากแต่ร่างของฟิลด์เริ่มหมุนวนไปรอบๆ กายของเธอ ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ดูเหมือนพายุขนาดย่อม

    "ท่านี้เรียกว่า...ยักษ์ตกสวรรค์"

    ...ร่างของฟิลด์ตกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังกระแทกไปทั่ว และสร้างหลุมขนาดใหญ่ให้แก่พื้นโรงอาหาร...

    "ท่านี้เรียกว่า...กามเทพแผลงศร"

    ...คันธนูพร้อมกับลูกศรลอยมาหยุดตรงหน้าของเธอ คาดว่าราเชลคงจะเรียกมาจากโรงฝึกอย่างแน่นอน เธอง้างคันศรจากนั้นก็ปล่อยให้ลูกธนูตรงไปยังฟิลด์...

    เฟี้ยว...ฟุ่บ!! ฟุ่บ!! ฟุ่บ!!

               ลูกธนูทั้งสามถูกยิงถี่รัวไม่ปล่อยเว้นจังหวะให้หายใจ ดอกแรกและดอกที่สองปักเข้าที่แขนเสื้อทั้งสอง ส่วนอีกดอกปักเฉียดห่างจากใบหูแค่เส้นผมกั้น คงไม่ต้องบอกว่าลูกธนูถูกยิงด้วยความเร็วและแรงเพียงใดเนื่องจากปลายธนูหายเข้าไปในกำแพงเกือบๆ สองนิ้ว

    "และท่าสุดท้ายเรียกว่า...นางฟ้าพิโรธ"

              เธอวิ่งไปยังกำแพงที่มีร่างของฟิลด์ถูกตรึงอยู่ด้วยความเร็วก่อนจะรัวหมัดที่สายตาของคนทั้งโรงอาหารตามไม่ทัน เห็นอีกทีฟิลด์ก็ตกอยู่ในสภาพคอพับและยกมือขอยอมแพ้ราเชลยกใหญ่

    -----------------------------

               ทางด้านของเอลีน่า 'ผอมหน้าผี' ซึ่งเป็นชื่อที่ราเชลอุตส่าห์คิดขึ้นเพื่อใช้เรียกชายหน้าผอม และเป็นชื่อที่เธอคิดว่าสุดแสนจะ 'ไพเราะ' (ตรงไหน?) กระโจนเข้าหาเอลีน่าด้วยความว่องไวจนแทบมองตามไม่ทัน

    ฟุ่บ!!

              ความเร็วของชายหนุ่มทำเอาเกิดลมรายล้อมตัวเอลีน่า และเป็นแรงลมที่ถ้าคิดจะฝ่าออกไปดื้อๆ ได้มีการเสียโฉมแน่นอน แต่หากจะยืนอยู่เฉยๆ สายลมจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถกรีดเธอให้ขาดเป็นชิ้นๆ ได้เลยทีเดียว

    "เอลีน่าสู้เข้าสิ อย่ายอมแพ้ไอผอมหน้าผีนะ" ราเชลตะโกนบอกและนั่นทำให้ชายหนุ่มตะโกนกลับมาบอกอย่างไม่พอใจว่า

    "หุบปาก ฉันชื่อว่าไวล์ อย่าเอาชื่อทุเรศๆ นั่นมาเรียกนะ" และการชะงักลงนี่เองที่ทำให้ไวล์เสียจังหวะ และเปิดช่องว่างให้เอลีน่าได้เข้าโจมตี

    "ข้าแต่เทพอัคคี ข้าขออัญเชิญให้ท่านลงมาสถิต ณ ที่นี้ ในนามของผู้ตีตราข้าขอสั่ง ไฟร์" เธอกล่าวพร้อมกับเกิดประกายไฟขึ้นที่ปลายนิ้วชี้ก่อนที่จะรวมตัวกับสายลมและกลายเป็นพายุไฟในที่สุด

    "อ้ากกก ร้อนๆๆๆ" ไวล์หยุดการวิ่งลงอย่างกระทันหันเพราะเวทย์ไฟ ก่อนจะหันมาฟาดฟันเอลีน่าด้วยสายตาเคียดแค้น

    ฉึก!!

            ใบมีดไร้ที่มาปักเข้าที่ต้นแขนของเธอ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเริ่มไร้ความรู้สึก เข่าทั้งสองข้างด้านชาและทรุดลงในที่สุดท่ามกลางความตกใจของคนรอบข้าง

    "แกทำอะไรน่ะ" ฟีเรียว่าก่อนจะวิ่งปรี่เข้ามาดูอาการของเอลีน่า

    "หึหึหึ ฉันก็สอนมันให้รู้สำนึกน่ะสิ ว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นถ้าไม่จำเป็น มีดนั่นน่ะอาบไปด้วยยาชาอย่างแรง แต่ถ้าหากแม่สาวน้อยนี่คิดจะใช้เวทมนตร์แม้แต่นิดเดียว มันก็จะกลายเป็นยาพิษที่สามารถคร่าชีวิตเธอได้"

    "หึ คิดเหรอว่าวิธีต่ำๆ ของแกจะเอาชนะเอลีน่าได้น่ะ" ไม่ขาดคำราเชล เอลีน่ากระชากมีดที่ปักต้นแขนออกก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีปกติ จะมีก็แต่เพียงเลือดจากบาดแผลเท่านั้น แต่ไม่มีวี่แววว่าได้รับพิษเลย

    "ปะ ปะ เป็นไปได้ยังไงกัน ยาพิษของฉันไม่เคยผิดพลาดนี่นา" ไวล์อุทานเสียงหลง

    "ใช่ ยาพิษนายยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ร่างกายของผู้ใช้เวทมนตร์อย่างฉันน่ะสามารถป้องกันยาพิษธรรมดาๆ ทุกชนิดได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ชดใช้ค่าทำแผลมาซะ" เธอกล่าวก่อนจะขว้างมีดเล่มเดิมกลับมายังเจ้าของที่กำลังยืนอึ้งกับคำพูด

    "อึก โอ๊ยยย" ชายหนุ่มร้องด้วยความทรมานก่อนจะทรุดลงเพราะได้รับพิษ

    "ไปกันเถอะ" แพทริคเข้ามาประคองเอลีน่าก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ

    "เดี๋ยวสิ ปล่อยหมอนั่นไว้แบบนั้นจะดีเหรอ" ฟีเรียถามพร้อมกับหันไปมองร่างของไวล์

    "ไม่เป็นไรหรอก พิษนั่นน่ะฉันร่ายเวท์ไว้แล้ว ตอนนี้มันก็เหมือนกับยาชาธรรมดาๆ อีกเจ็ดแปดชั่วโมงก็หมดฤทธิ์ไปเองล่ะ วางใจได้" เอลีน่ากล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ

    "อืมจ้า"

    "เอ่อ ทุกคนครับ" ชายตัวเล็กที่ทุกคนช่วยไว้เอ่ยขึ้นเพื่อเรียกความสนใจของทุกๆ คน

    "เกือบลืมนายไปแล้วสิ แล้วเป็นไงมาไงไปมีเรื่องกับเจ้าพวกนั้นได้ล่ะ" เอลเดอริกถาม

    "อ่าครับ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อคาอิล ทาลอส เป็นนักศึกษาหอพักตึกเอ ชั้นสิบเหมือนพวกคุณ ส่วนที่มีเรื่องกับสองคนนั้นเพราะผมไม่ยอมให้พวกเขารีดไถเงินน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้พวกคุณต้องมาเดือดร้อนเพราะผม" คาอิลเอ่ยเสียงเศร้าก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิด

    "ไม่ต้องขอโทษหรอก คนที่ควรขอโทษคือพวกมันสองคนต่างหากล่ะ ฉันเซเรีย วีรอส"

    "ราเชล ริเวอร์ส"

    "ฟีเรีย มัสแตงจ้า"

    "ฉันเอลีน่า มาแชล"

    "แพทริค กราเซีย"

    "ฉันชื่อเอลเดอริก เวย์"

    "แอตลาส เทียร์"

    "เรซีส นาเดีย"

    "อยากจะเรียกอะไรก็เรียก" เสียงสุดท้ายเป็นของชายเจ้าของเรือนผมสีเงินที่มีมนุษยสัมพันธ์แย่ที่สุด

    "งั้นผมจะขออนุญาตเรียกคุณว่าซิลเวอร์นะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ" เมื่อกล่าวแนะนำตัวกันเรียบร้อยครบทุกคนแล้ว ทุกคนก็พากันกลับไปยังหอพัก...

    "กริ๊ง" เสียงกระดิ่งเรียกให้ราเชลหยุดซะเฉยๆ จนเซเรียหันมาถาม

    "เป็นอะไรไป"

    "...เปล่าๆๆ กลับหอกันเถอะ" 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×