คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 สู่แฟร์แบงส์
"กลับมาแล้วค่ะ" ราเชลตะโกนบอกพร้อมกับถอดรองเท้ากองไว้ข้างๆ ตู้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินเข้าบ้านไป
"กลับมาแล้วเหรอคะคุณราเชล ริเวอร์ส" แม่เอ่ยถามพร้อมกับมายืนเท้าสะเอวดักทางเธอ
"ค่ะ คุณรินเทีย ริเวอร์ส" ราเชลตอบพร้อมกับมองแม่ของเธอด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ...มาแปลกแฮะวันนี้
"ไม่แปลกหรอก ว่าแต่ว่าวันนี้เจออะไรบ้างรึเปล่า" น้ำเสียงดูปกติไม่ผิดเพี้ยน แต่คำถามที่พูดออกมานี่สิ...แปลก...แปลกมากๆ
"ไม่มีอะไรค่ะ" เธอกล่าวตอบ และนั่นทำให้แม่มีสีหน้าผิดหวังนิดๆ...น่าสงสัยจริงๆ
"อ้อ จริงสิ มีอยู่อย่างนึง" นั่นปะไร...แววตาเป็นประกายทันที
"อะไรๆ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ"
"มีคนแปลกหน้าที่มาพร้อมกับจดหมายแปลกๆ กับคำพูดแปลกๆ ที่ฟังแล้วหนูแปลกใจ" คำพูดกวนประสาทถูกโต้กลับไปและนั่นทำให้ผู้ฟังชักเดือด
"ราเชล แม่ไม่เล่นนะ"
"ก็ได้ๆ แม่อ่านเองละกัน หนูจะไปแล้ว" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นจดหมายส่งให้แม่อ่านก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดไป
"ลูกจะไปไหนน่ะ"
"นอนค่ะ"
---------------------------------------------------
เมื่อกลับถึงห้องที่มั่นใจว่าเป็นส่วนตัวดีแล้ว เธอก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกระโดดทิ้งตัวลงบนเตียงทันที
ในสมองก็ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านสายตามาในวันนี้ทั้งหมด แต่เรื่องที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของพลังจิตที่ชายคนนั้นบอกกับเธอ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ว่า...เขารู้ได้ยังไง!!! แม้แต่พ่อแม่ของเธอเองยังไม่เคยรู้ แล้วหมอนั่นเป็นใครกัน ถึงได้รู้เรื่องเหล่านี้...
...7 ปีก่อน...
หนูน้อยราเชล ริเวอร์สวัย 9 ปีกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ใบหน้าจิ้มลิ้มโทรมไปด้วยเหงื่อและเศษดิน แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่คิดจะสนใจเลยสักนิดเดียว
"ราเชล มาดูอะไรทางนี้สิ" เด็กหญิงผมทองร้องเรียก ทำให้เธอต้องรีบวิ่งไปดู
"มีอะไรเหรอลูน่า"
"ไม่รู้สิ" แล้วลูน่าก็ยื่นสร้อยประหลาดที่มีจี้เป็นไม้กางเขนสีเงินและมีเพชรเม็ดเล็กๆ อยู่ที่ใจกลาง
"สวยจัง ไม่รู้ใครมาทำตกเอาไว้เนอะ" ราเชลเสนอพร้อมกับหยิบสร้อยขึ้นมาดูให้เห็นถนัดตา ทันใดมันก็เรืองแสงจ้าจนแสบตา!!!
"กะ กะ เกิดอะไรขึ้นอ่ะ" ลูน่าว่าเสียงสั่นพร้อมกับกุมมือเธอแน่น
"ใจเย็นๆ ลูน่า ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันจะเอาสร้อยนี่กลับไปให้พ่อดูที่บ้านนะ จะได้เอาไปส่งคุณตำรวจ" ราเชลกล่าวปลอบพร้อมกับเก็บสร้อยใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินกลับบ้านไป
และในขณะที่เธอกำลังเดินกลับบ้าน พลันความคิดนึงก็แล่นเข้ามาในหัว มือหยิบสายสร้อยขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะสวมเข้าที่ลำคอโดยไม่รู้สึกตัว และมัน...ถอดออกไม่ได้!!!
ทั้งงัด ทั้งแงะ แกะเท่าไหร่สร้อยเจ้ากรรมก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุด จนราเชลต้องล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน
"อีวานเจลีน คอรินเนีย"...
เสียงแผ่วเบาดังแว่วลอยมากับสายลมที่จู่ๆ ก็พัดแรงขึ้น เส้นผมสีน้ำตาลที่รวบไว้เป็นหางม้าปลิวไปตามทิศทางลม แต่ที่ทำให้ราเชลตกใจที่สุดเห็นจะเป็นเสียงประหลาดนั่นเพราะ...เป็นเสียงให้ความคุ้นเคยอย่างประหลาด โดยเฉพาะกับคำว่า...คอรินเนีย!!!
"อะไรกัน เสียงนั่น" เด็กน้อยรำพึง สายลมเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และแล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจ เธอเอ่ยคำพุดเมื่อครู่ช้าๆ
"อีวานเจลีน...คอรินเนีย" พลันสายสร้อยก็หลุดออกจากลำคออย่างง่ายดายทั้งๆ ที่เมื่อครู่เธอพยายามเกือบตายแต่ก็ไม่เป็นผล
แต่ความสงสัยก็มีอันถูกกลืนหายไปหมดเมื่อสร้อยเริ่มเปล่งแสงอีกครา ปรากฏเป็นตัวอักษรนับร้อยที่เธอไม่เคยเห็น พวกมันเวียนวนรอบๆ ตัวราเชลก่อนจะหายกลับเข้าไปในจี้เพชร
"อะไรกันน่ะ" เธอเอ่ยออกมาเบาๆ และไม่ได้สังเกตว่าเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง!!!
พลันสรรพสิ่งรอบๆ กายก็เริ่มลอยขึ้นสู่พื้นต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลก สร้างความตกตะลึงให้กับราเชลเป็นอันมาก
"พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ" ภายใต้ใบหน้าตื่นตระหนก เธอรับรู้ได้ว่ามีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่ในร่างกายและมัน...มีอำนาจ
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ" น้ำเสียงร้องสั่งอย่างเด็ดเดี่ยวดังออกมาจากปากของราเชล พร้อมๆ กันนั้นสิ่งของทุกอย่างก็ตกลงสู่พื้นทันที...ราวกับว่าฟังเธอรู้เรื่อง
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ราเชลรีบลุกจากพื้นพร้อมกับคว้าสายสร้อยวิ่งกลับบ้านทันที...
นั่นเป็นเรื่องในอดีตและเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่าพลังจิตสำหรับเธอ จนบัดนี้สร้อยประหลาดเส้นนั้นก็ยังติดอยู่ที่ลำคอ และมันจะไม่สามารถถอดได้เลยหากไม่พูดคำว่าอีวานเจลีน คอรินเนีย ซึ่งตอนนี้ราเชลเองก็ลืมไปแล้วเรียบร้อย...
"โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งกลุ้มโว้ยยยยย" แล้วเจ้าตัวก็ตะโกนลั่นห้องเมื่อบัดนี้ยังหาคำตอบที่สงสัยให้กับตัวเองไม่ได้
"แต่ว่าตอนนี้น่ะ...ชักหิวแฮะ" ว่าเองแล้วก็เดินลงจากห้องตรงไปยังห้องอาหาร ทิ้งไว้เพียงชุดนักเรียนที่มีอันต้องไปกองกับพื้นเพราะเจ้าของไม่คิดจะเก็บใส่ตะกร้า...
------------------------------------
"แม่คะ มีอะไรให้หนูกินบ้าง" น้ำเสียงดังแว่วมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเดินอยู่บนบันได ก่อนจะปรากฏร่างของผู้ถาม ซึ่งนั่นทำให้รินเทียร์ส่ายหัวอย่างระอากับพฤติกรรมของราเชล
"มีนมอยู่ในตู้เย็นแน่ะ" หญิงสาวว่าก่อนจะหันไปจัดการกับกองถ้วยชามขนาดมหึมาในอ่างล้างจาน
"ขอบคุณค่ะแม่ เรื่องจดหมายเอาไงเหรอคะ" ราเชลถามพร้อมกับเริ่มรินนมใส่แก้ว
"แม่ส่งใบสมัครไปแล้ว"
"อืมๆ หา...เฮ้ย!!! หมายความว่าไงที่ว่าส่งใบสมัครไปแล้วน่ะ" เธอร้องเสียงหลงจนลืมสนใจแก้วนมที่เพิ่งรินเสร็จ
"ก็หมายความว่าส่งไปแล้วน่ะสิ จะไปเรียนแฟร์แบงส์แล้วยังเอ๋ออยู่แล้ว แล้วลูกฉันจะไปรอดมั้ยเนี่ย"
"เวรกรรม พระเจ้า แม่ยังไม่ได้ถามหนูเลยนะ" ราเชลเริ่มบ่น
"แล้วจะต้องถามอะไรให้มากความ ให้ลูกตัดสินใจแม่ว่าอีกสิบปีก็ยังเลือกไม่ได้ แม่ก็ตัดสินใจให้เลยไง อีกอย่างส่งใบสมัครไปแล้ว จะมาคัดค้านอะไรเอาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ" ถ้อยคำตัดบทที่ทำให้ผู้เป็นลูกรู้สึกทึ่ง อึ้ง งงไม่หาย แค่เธอขึ้นไปคิดอะไรเพลินๆ ไม่กี่นาทีแม่ก็จัดการทุกอย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อย นี่เธอควรจะขอบคุณหรือเปล่าเนี่ย?
"จริงสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะออกไปข้างนอกนะ จะไปซื้อชุดนักเรียนให้ อยู่เฝ้าบ้านดีๆ นะ" แล้วคุณแม่ผู้แสนดีก็เช็ดมือหลังจากล้างจานเสร็จ ถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้แล้วก็ขึ้นบันไดไปเปลี่ยนชุด ทิ้งให้ราเชลได้แต่ยืนมองการกระทำสายฟ้าแลบของริน
เทียร์
เมื่อเหลือเธอเพียงคนเดียวในห้องครัว ราเชลก็จัดการดื่มนมในแก้วจนหมด จากนั้นก็ยืนมองพ่อกับแม่จรลีออกจากบ้านไป จากนั้นเธอก็เดินขึ้นห้องอีกรอบ ทิ้งตัวลงนอนปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไป นับถอยหลังสู่การเริ่มต้นครั้งใหม่...
---------------------------------------------------
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดทางแฟร์แบงส์ก็ติดต่อให้ไปเข้าโรงเรียนพร้อมกับนำจดหมายไปด้วยในวันที่ 7 กรกฎาคม ส่วนหนังสือและตำราเรียนทางโรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ในวันเปิดเรียนจะมีการสอบเข้าเพื่อคัดเลือกหอพัก ทางโรงเรีนมีกฎเล็กน้อยในการเข้าสอบ ซึ่งฟังดูแล้วดูเหมือนไม่น่าจะเป็น...กฎ
หนึ่งคือไม่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบล่วงหน้า เพราะการสอบครั้งนี้ไม่ต้องใช้ความรู้ สองคือต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม งานนี้ต้องออกแรงสักเล็กน้อย และสามคือห้ามแบกของพะรุงพะรังเพราะจะทำให้การสอบเป็นไปได้ลำบาก
เป็นคำแนะนำที่ฟังดูค่อนข้างแปลกประหลาดเลยทีเดียว ไปสอบแต่ไม่ต้องอ่านหนังสือ...มีที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้บ้างนะ?
และนี่ก็เป็นเช้าวันจันทร์ที่สดใสวันหนึ่ง ดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนๆ ลอดพ้นหน้าต่างห้องเรียน แต่...สุขภาพจิตของนักเรียนอย่างราเชลกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤต
"จริงเหรอราเชล ที่เธอจะได้ไปเรียนต่อที่แฟร์แบงส์น่ะ" เพื่อนสาวนามมีเรียถามอย่างสนอกสนใจจนออกนอกหน้า
"อืม" ราเชลตอบสั้นๆ อันที่จริงแล้วมีเรียเป็นคนที่เธอไม่ค่อยอยากจะสุงสิงด้วยสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าหล่อนเป็นเพื่อนกับคู่อริตลอดกาลของเธอ ซึ่งการที่มีเรียมากยุ่งกับราเชลนั้นทำให้ 'ยัยปลาหมึก' เหล่เธอทุกๆ ห้านาที
"ไม่ต้องไปสนใจเค้า หล่อนเป็นแบบนั้นอยู่เสมอๆ" มีเรียว่าพร้อมกับยักไหล่
"อ่านะ ฉันเข้าใจ"
"มีเรีย" ฮานาสหรือ 'ยัยปลาหมึก' เจ้าของเรือนผมสีทองดัดเป็นลอนหนาฟูฟ่อง ใบหน้าเกือบจะดูดีหากไม่ติดที่ตาเหล่เรียกเสียงเข้ม
"อะไรฮานาซี่ ไม่เห็นเหรอไงว่าเรากำลังคุยอยู่กับคุณราเชล" คำศัพท์ของลูกคุณหนูถูกหยิบยกมาใช้โต้ตอบกัน...ฮานาซี่...คุณราเชล?
"เห็น แต่มีเรีย เธอเป็นเพื่อนฉันนะ เพราะฉะนั้นฉันเกลียดใครเธอก็ต้องเกลียด" ปลาหมึกกล่าวเน้นย้ำอย่างชัดเจนพร้อมกับปรายตามาเหลือบเธอ
"แต่..." มีเรียทำท่าคัดค้าน
"ไปกันได้แล้ว" ไม่รอช้า ฮานาสรีบใช้หนวดเอ๊ยแขนของเธอลากเพื่อนสาวไป โดยมีราเชล
มองตามอย่างระอา นี่เธอควรจะสงสารใครกันเนี่ย มีเรีย...หรือตัวเอง?
เมื่อตัวกวนทั้งสองจากไปแล้ว เธอก็นั่งทำสมาธิ หยิบแว่นตาขึ้นมาสวม? จากนั้นก็ตั้งท่าอ่านหนังสือ รอจนกระทั่งอาจารย์เดินเข้าห้องมา
"อรุณสวัสดิ์นักเรียน" แมรี่ คือชื่อของอาจารย์ประจำชั้นที่สาวที่สุดในโรงเรียนด้วยวัยเพียง 32 ปี! ใบหน้าของเจ้าหล่อนมักจะโบ๊ะด้วยแป้งหนาจนขาววอก ริมฝีปากสีแดงสดซึ่งแน่นอนว่าแต่งแต้มด้วยลิปสติกชั้นดีที่แม่คุณอุตส่าห์ถ่อสังขารไปซื้อมาจากฝรั่งเศส
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ/ครับ" น้ำเสียงเบื่อหน่ายของนักเรียนทั้งชั้นกล่าวตอบ
"อืม ดีมากๆ วันนี้ก็เป็นเช้าที่อากาศแจ่มใสเหมาะสำหรับที่จะเรียนวิชาประวัติศาสตร์แสนสนุกกันนะจ๊ะ" ดูพี่แกตั้งชื่อวิชาสิ...แสนสนุกงั้นเหรอ แสนขยาดมากกว่า...
"หยิบหนังสือประวัติศาสตร์ขึ้นมาเลยจ้า วันนี้เราจะมาเริ่มบทเรียนใหม่ เรื่องสงครามเย็นในยุคกลาง เปิดไปหน้า 154"
และแล้วเด็กนักเรียนก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์ทีละคนๆ นับจากประโยคแรกของป้าแมรี่ ...
"ในยุคกลางช่วงของสงครามเย็นนั้น..." เปลือกตาของราเชลเริ่มหนักอึ้ง
"ก่อให้เกิดผลกระทบกับหลายฝ่าย..." หัวก็เริ่มสัปปะหงก
"ทั้งในด้านเศรษฐกิจ..." และในที่สุด...หัวของราเชลก็เป็นอันฟุบลงกับโต๊ะอย่างงดงามท่ามกลางบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากเธอนัก...
มืด...เงียบ...มันเป็นคำจำกัดความสั้นๆ ที่จะสามารถบ่งบอกถึงลักษณะของสถานที่นี้ได้ ไร้แสงสว่างใดๆ สาดส่องเข้ามา แม้แต่ร่างกายของเธอเอง ราเชลก็ยังมองไม่เห็น ไม่มีพื้น...ไม่มีเพดาน...ไม่มีฝาผนัง...มีแต่ความว่างเปล่า...
"ที่นี่ที่ไหนน่ะ" น้ำเสียงก้องสะท้อนทั่วทิศทางจนราเชลเริ่มสับสน
"เวรกรรม ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย" แล้วก็รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ ท่ามกลางความมืดมิด
ฉับพลัน...ลำคอของราเชลก็เริ่มเปล่งแสง!!! ซึ่งแท้จริงแล้วมันมาจากสร้อยนั่นเอง จากดวงไฟสีทองขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีดไฟก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนบัดนี้มันเริ่มมีขนาดใหญ่เท่าลูกบาส ก่อนที่มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงเล็กๆ สีทองสว่างกระจายไปทั่วจนราเชลเริ่มมองเห็นว่าเธอกำลังยืนอยู่ ณ ที่ใด
ห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด เฟอร์นิเจอร์หรูหราถูกจัดแต่งเป็นอย่างดี น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ถึงราเชลจะเดินไปไหนๆ ก็ไม่ยักจะชนอะไรเลย ทั้งๆ ที่มีของเกลื่อนห้องแบบนี้ พื้นกระเบื้องสีขาวสวยและเป็นมันวาวส่องให้เห็นใบหน้าของเธอ
และสิ่งที่ราเชลคุ้นเคยที่สุดเห็นจะเป็นเตียงสีขาวขนาดใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ผ้าสีขาวบางคลุมล้อมไว้รอบๆ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของร่างที่กำลังนอนอยู่ เห็นเพียงเงาลางๆ เท่านั้น
"องค์หญิงเจ้าคะ" เสียงร้องเรียกดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะ
ร่างบนเตียงขยับกายพลิกไปมาช้าๆ ก่อนจะยันกายลุกขึ้น จากทรวดทรงแล้วราเชลคาดว่าบุคคลนั้นน่าจะเป็นสตรี มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาปัดผ้าม่านออกให้พ้นทางช้าๆ ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าซึ่ง...เหมือนกับเธออย่างกับแกะ!!!
"อ้ากกกกกกกกก" เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นก้องห้อง เรียกความสนใจจากทุกคนในห้องได้เป็นอย่างดี
"เธอมีปัญหาอะไรเหรอราเชล ริเวอร์ส" อาจารย์แมรี่ยิงคำถามพร้อมกับสายตาคมกริบมาทางราเชลที่เหงื่อโซมใบหน้า
"มะ ไม่มีอะไร หนูขอตัวนะคะ" เมื่อได้รับสัญญาณการพยักหน้าตอบจากอาจารย์แล้ว เธอก็รีบวิ่งออกมาจากห้องโดยไม่รีรออะไรอีกเลย...
บัดนี้ระเบียงทางเดินเงียบเชียบไร้ผู้คน เนื่องจากนักเรียนไปออกันอยู่ในห้องเรียน ราเชลขยับฝีเท้าอย่างรีบเร่งหากแต่ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย สิ่งที่เธอคิดมีเพียงเหตุการณ์ในฝันเมื่อครู่...ทั้งผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับเธอ และความรู้สึกที่ว่านั่นไม่ใช่แค่ความฝัน!!!...มันคืออะไร?
ราเชลบิดเปิดก๊อกน้ำพร้อมกับเริ่มใช้มือวักน้ำล้างหน้า ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำที่ใบหน้าออกจนเกลี้ยง เธอใช้มือล้วงสร้อยที่อยู่ในคอเสื้อออกมาพินิจดู มันยังมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการนับตั้งแต่ราเชลเห็นมันครั้งแรกเมื่อ 7 ปีก่อน และที่สำคัญ...มันไม่ได้เรืองแสง
-------------------------------------------------
ในที่สุดวันที่ราเชลรอคอยก็มาถึง วันที่เธอจะก้าวเข้าสู่แฟร์แบงส์เป็นครั้งแรกในฐานะนักเรียน แต่กระนั้น...ความตื่นเต้นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอตื่นเช้าขึ้นเลยสักนิด
"ราเชล ตื่น-ได้-แล้ว" รินเทียร์ร้องเรียกซึ่งเธอทำมันมาตั้งแต่เมื่อ 10 นาทีที่แล้ว
"งืมๆ" และก็เป็นเหมือนอย่างเคย ทั้งๆ ที่เมื่อวานตื่นเต้นแทบตายที่ตัวเองจะได้ไปเรียนที่ใหม่ แต่ดูสภาพสิ...ไม่ได้เรื่อง รินเทียร์คิดอย่างละเหี่ยเพลียใจ เพราะฉะนั้นไม้ตายที่ถูกเก็บมานานจึงถูกงัดออกมาใช้...
ตึง! โครม! พลั่ก!
"โอ๊ยยๆๆ"
"ไม่ต้องมาร้องโอดครวญเลย รู้ตัวรึเปล่าว่าเรากำลังจะไปโรงเรียนสายน่ะ" รินเทียร์เอ่ย
"แต่ไม่เห็นต้องถีบเลยอ่ะแม่ มันเจ็บนะ"
"ไม่ถีบแล้วเราจะยอมแหกตาขึ้นมาเรอะ ไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่จะไปโรงเรียนสาย" แล้วรินเทียร์ก็เดินสะบัดหน้าออกจากห้องไปทิ้งให้ราเชลคลำหัวตัวเองป้อยๆ...
หลังจากแม่บังเกิดเกล้าผู้ครอบครองฝีเท้าอันทรงพลังยิ่งกว่านาฬิกาปลุกใดๆ บนภพนี้เดินออกจากห้องไป เธอก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวกระโจนเข้าห้องน้ำ ไม่กี่อึดใจต่อมา ชุดนักเรียนใหม่ก็ถูกบรรจงสวมใส่ด้วยท่าทางราวกับกลัวว่าจะทำมันพังตลอดเวลา เนคไทสีน้ำเงินเข้มถูกรูดช้าๆ ไปจดปกคอเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กระโปรงลายสก็อตที่เน้นโทนสีขาว น้ำเงิน และดำยาวเลยหัวเข่าไปเล็กน้อย ด้านนอกมีเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ตัดจากเนื้อผ้าชั้นดีคลุมทับ
แล้วว่าที่นักเรียนใหม่ที่ทำตัวสายตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนก็เดินออกจากห้องหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ยามนี้ในหัวของราเชลมีความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และประหม่าในเวลาเดียวกัน แต่กระนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลกลับฉายไปด้วยความมุ่งมั่น และนี่ล่ะ...คือสเน่ห์ของเด็กสาวผมสองสีคนนี้
"ราเชล เสร็จแล้วยัง" รินเทียร์ร้องเรียกเธอจากข้างล่าง ก่อนจะปรากฏร่างเจ้าของเสียงในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสวย
"เสร็จแล้วค่ะ จะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ" เธอตะโกนตอบพร้อมกับรีบวิ่งลงบันไดมา
"พูดถึงลูกใส่ชุดนักเรียนของแฟร์แบงส์แล้วดูดีนะเหมือนกันนะเนี่ย" แม่ว่าพลางมองสำรวจรอบๆ ตัวเธอ
"ของมันแน่อยู่แล้วค่ะแม่ คนหน้าตาดีใส่อะไรก็ขึ้น" คำพูดชวนอ้วกถูกกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย และนั่นทำให้ฝีเท่าของแม่เริ่มอยากจะทำงานอีกครั้ง
"พอเลยๆ ไปกินอาหารเช้าได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปเรียนสายอีกหรอกเรา" รินเทียร์ว่าก่อนจะเดินเข้าครัวไป
ราเชลจึงเดินป้องปากหาวไปนั่งที่โต๊ะอาหาร จากนั้นจัดการยัดทุกอย่างลงกระเพาะก่อนจะดื่มนมอึกใหญ่ และนั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่พ่อเดินผูกเนคไทลงมาจากบันได
"อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อ" ราเชลร้องทัก
"อรุณสวัสดิ์นักเรียนใหม่" พ่อกล่าวตอบพร้อมกับขยี้หัวเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
"พอค่ะพอ ผมยุ่งหมดแล้ว" ราเชลรีบร้องปรามเมื่อเห็นว่าหางม้าของเธอกำลังจะกลายเป็นหางหมาในไม่ช้า
"ไปกันได้แล้วจ้า สายแล้วนะ เดี๋ยวก็เข้าเรียนไม่ทันหรอก" แม่เดินออกมาบอก
"อืม ไปกันเถอะนักเรียนใหม่" แล้วพ่อก็คว้ากระเป๋าทำงานเดินนำออกไป...
-------------------------------------------
ในเวลาเช้าเช่นนี้และแถมยังเป็นช่วง rush hour ด้วย แน่นอนว่าการจราจรคงไม่ต้องพูดถึง แทบทำให้คนที่อยู่ในรถอยากจะลงไปวิ่งเลยล่ะ
"เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอคะ" ราเชลเร่ง
"แล้วดูสภาพถนนสิ คงจะไปได้หรอกนะ" พ่อตอกกลับ
"ชิ งี่เง่าจริง แล้วอีกไกลมั้ยคะกว่าจะถึงแฟร์แบงส์"
"ไม่ไกลหรอก อย่าบอกนะว่าจะลงไปวิ่งน่ะ" แต่ไม่ทันซะแล้ว เมื่อหันไปอีกทีราเชลก็เปิดประตูออกไปวิ่งอยู่ข้างนอกแล้ว ซึ่งอันที่จริงเธอไปตั้งแต่คำว่า "ไม่ไกล" ด้วยซ้ำ
"เฮ้ย ราเชล" พ่อครางเมื่อเห็นพฤติกรรมห่ามๆ ของลูกสาว...
ทางด้านราเชล...ฝีเท้าทั้งสองข้างถูกรัวถี่ เหงื่อซึมทั่วใบหน้า บัดนี้ชุดรักเรียนแฟร์แบงส์ที่เนี้ยบและดูมีชาติตระกูลเป็นที่สุดกลับมีสภาพแตกต่างจากเดิมสิ้นเชิง กระดุมคอเม็ดแรกถูกปลดออกด้วยความร้อน เน็คไทสีน้ำเงินเข้มหลุดลุ่ย เสื้อออกมาอยู่นอกกระโปรง เสื้อนอกสีน้ำเงินถูกจับไปพาดบ่าและบัดนี้มันยับเยินไม่มีชิ้นดี
"หวา สายแล้วๆ" เธอว่าหลังจากเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
ราเชลรัวฝีเท้าให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ผ่านรถหลายสิบคันที่จอดเบียดกันบนถนนเพราะติดไฟแดง มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามไรผม
และแล้วความพยายามของราเชลก็เริ่มเห็นผลเมื่อเห็นอาคารขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล เธอรีบซอยฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพราะตอนนี้นาฬิกาข้อมือบอกเวลา 7.55 แล้ว!!!
"แฮ่กๆ" ตอนนี้เธอมองเห็นรั้วประตูแล้ว แต่เนื่องจากมีรถจำนวนมากจอดบังอยู่จึงเห็นอะไรไม่ค่อยสะดวก
"เซฟ" ราเชลร้องบอกตัวเองเบาๆ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าประตูรั้วโรงเรียน ผู้คนมากมายแออัดกัน มีทั้งผู้ปกครองและนักเรียนมากหน้าหลายตา บางคนดูท่าทางสบายๆ บางคนยืนหน้าเครียด และดูแล้วนักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นพวกลูกผู้รากมากดีพวกคุณหนูคุณชายทั้งนั้น และนั่นทำให้ราเชลสงสัย...8 โมงแล้วทำไมไม่เข้าโรงเรียน?
"เอ่อ...ขอโทษนะ นี่กี่โมงแล้วเหรอ" เธอสะกิดถามเด็กสาวที่ยืนข้างๆ คนนึง
"อะไรยะ เธอก็มีนาฬิกาข้อมือ แหกตาดูเข้าสิ" แล้วหล่อนก็เดินเชิดสะบัดหน้าไป ทิ้งให้ราเชลยืนอึ้งกับพฤติกรรมอันบ่งบอกถึงความเป็นมิตรอย่างยิ่งของเจ้าหล่อน
"อะไร...วะ ถามแค่นี้ก็ไม่ได้ หยิ่งชะมัดเลย" เธอสบถด้วยความหัวเสีย
"เจ็ดโมงครึ่งจ้า" เสียงหวานๆ ดังขึ้นข้างหลังราเชล เธอจึงหันไปมองเจ้าของเสียง
เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนึงกำลังยืนส่งยิ้มหวานให้เธอ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีเขียวอ่อนดูเป็นมิตรและอบอุ่น ในมือของเธอมีกระเป๋าที่มีหน้าตาคล้ายกระเป๋าเสื้อผ้า...หืม? กระเป๋าเสื้อผ้างั้นเหรอ และนั่นทำให้ราเชลนึกขึ้นได้ว่า...เธอลืมกระเป๋าไว้ในรถพ่อ!!!
"เวรกรรม ตายล่ะ ทำไงดีล่ะเนี่ย" เธอครางพร้อมกับทรุดนั่งลงทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบๆ
"เอ่อ...มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้มั้ยจ๊ะ" เธอเอ่ยถาม
"อ่า ไม่มีจ๊ะไม่มีอะไร ฉันแค่นึกขึ้นได้ว่าลืมของน่ะ" ราเชลตอบปัดๆ
"งั้นเหรอจ๊ะ เดี๋ยวอีกไม่นานคุณพ่อของเธอก็เอากระเป๋ามาให้แล้วล่ะจ๊ะ ไม่ต้องห่วง" เธอกล่าว
"อืม นั่นสินะ เฮ้ย แล้วเธอรู้ได้ยังไงเนี่ย" ราเชลถามพลางจ้องหน้าเด็กสาวตาปริบๆ
"นั่นเป็นพลังพิเศษของฉันน่ะ ว่าแต่ว่า...เธอชื่ออะไรเหรอจ๊ะ ฉันฟีเรีย มัสแตง ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ฟีเรียแนะนำตัว
"ฉันชื่อราเชล ริเวอร์ส ยินดีที่ได้รู้จัก จริงสิ เมื่อกี้เธอว่าตอนนี้กี่โมงนะ"
"เจ็ดโมงครึ่งจ้ะ มีอะไรเหรอ"
"เปล่าจ้า ไม่มีอะไร" คำตอบกับสิ่งที่คิดอยู่ไม่ได้ไปด้วยกันเลยสักนิดเดียว...แอบมาตั้งนาฬิกาให้เร็วไปงั้นเหรอ...กลับบ้านเห็นดีกันแน่
"อืมจ้า แต่ตอนนี้ฉันว่าเธอรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วเข้าห้องประชุมกันก่อนดีกว่านะ เพราะตอนนี้กำลังจะสายจริงๆ แล้ว เดี๋ยวอีกประมาณเจ็ดนาทีคุณพ่อเธอคงจะเอากระเป๋ามาส่งให้ เดี๋ยวฉันจะบอกให้คุณแม่ช่วยรับฝากกระเป๋าของเธอนะ" ฟีเรียกล่าวรัวเร็วก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวหน้าตาสะสวยแล้วเอ่ยอะไรบางอย่างก่อนจะรีบวิ่งมาหาเธอ
"ไปกันเถอะ"
ความคิดเห็น