คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 # The Last Voodoo Shaman on the Earth who have Forbidden Magical power
City Of The Living Dead
เมืองศพคืนชีพ
Chapter 1 # The Last Voodoo Shaman on the Earth who have Forbidden Magical power.
---- 1 วันก่อนหน้านี้ ----
ลึกเข้าไปในทางเชื่อมระหว่างรัฐ แถวๆเท็กซัส มีตำบลอยู่ตำบลหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกลกับความเจริญเป็นอย่างมาก ผู้คนที่นั่น ต่างอยู่แต่ในโลกส่วนตัว ไม่สังคมกับใคร ไม่ออกมาสู่โลกภายนอก .... แถม ตำบลนี้ ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับพวกหมอผี และศาสตร์ลึกลับอยู่ด้วย
ทางเข้าอันเป็นทางต้องห้ามนั้น ถูกปิดมานานแสนนาน เนื่องจากมีการตัดถนนสายใหม่ขึ้น ทางเก่าทางนี้จึงถูกปิดไป และไม่อยู่ในแผนนี้ของสหรัฐฯปัจจุบัน ผู้คนจึงไม่มีโอกาสรู้ได้ว่า หลังทางลูกรังที่รกและไม่น่าเข้าไปนั้น มีตำบลอันสุดแสนน่าสะพรึงอยู่ ถึงแม้ปัจจุบันนี้อเมริกาจะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับพวกใช้มนต์ดำวูดูหลงเหลืออยู่แล้ว แม้กระทั่งแอฟริกาใต้ ที่เป็นประเทศผู้กำเนิดเอง ก็ยังแทบไม่เหลือให้เห็นแล้ว แต่ ตำบลอันลึกลับนี้ ได้สีบทอดอำนาจมาจากชนเผ่าหนึ่งในแอฟริกาใต้เอง
จากถนนลูกรัง ถึงตัวตำบลอันลับแลนี้เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตรด้วยกัน ถือว่าเป็นระยะทางอันแสนไกลถ้าจะเดินไปด้วยเท้าเปล่า .... แต่เมื่อเข้าไปถึงแล้ว อย่าเพิ่งตระหนักหรือดีใจที่มาถึง เพราะการมาถึงครั้งนี้ อาจเป็นการมาถึงที่สุดท้ายของชีวิตคุณก็ได้... ทุกๆคนที่อยู่ที่นั่น พร้อมที่จะสังหารคุณด้วยมนตร์ดำและนำเนื้อของคุณไปกินแบบสดๆ โดยฉีกเนื้อ ออกมาเห็นๆ ไม่ต้องรีรอหรือต้มอะไรให้สุก เพราะการกินเนื้อสดนั้น ทำให้พวกเขาอายุยืนขึ้น ตามความเชื่อดั้งเดิม
ปกติแล้ว พวกเขาจะเลี้ยง ดัชท์เบลท์คอว วัวพันธ์เนื้อที่ว่ากันว่าสูญพันธ์ไปแล้ว และนำมากินแบบสดๆเช่นเดียวกันกับเนื้อมนุษย์ นอกเหนือจากนั้นพวกเขาเลี้ยงสุนัขสามตา กับ อีการ่างใหญ่ ที่ชอบรับประทานเนื้อมนุษย์เป็นอย่างมาก
.............................
บ้านหลังเล็กที่สร้างขึ้นด้วยไม้เก่าๆที่อยู่หลังท้ายสุดของหมู่บ้าน ตั้งตระหง่านอยู่ในมุมทึบท้ายสุด ทำให้ดูขนพองสยองเกล้า ถ้าเข้าไปใกล้ๆ ต้นไม้ที่แห้งและดำเหมือนตายแล้วปกคลุมล้อมรอบบริเวณของบ้าน ดินดำที่มีสีแดงเป็นคราบปะปนดูคล้ายกับมีเลือดหยดชโลมแถวๆนั้น ประปรายไปทั่ว
ตัวบ้านทำด้วยไม้ทั้งหลัง แผ่นไม้แต่ละแผ่นต่างออกสีทึมๆ เพราะมีมนตร์ดำห้อมล้อมอยู่ บางแผ่นถึงกับปุเป็นรอยเหมือนกับมีมีดที่แข็งกล้าเคยแทงทะลุตรงนี้มาก่อน หลังคาดูโทรมๆเหมือนจะพังลงมา หลายจุดที่มีรูเล็กๆอยู่ ทำให้ดูเข้ากับบรรยากาศอันวังเวงของบ้านหลังท้ายสุดเป้นอย่างมาก
...............................................
“นี่... แกจะมาทำสารคดีบุกตะลุยอเมริกาอะไรของแก พาฉันเดินมา 20 กิโลแล้ว”บ็อบบี้ หนุ่มผมบ็อบสีน้ำตาลพูดแบบเหนื่อยล้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยกระประปราย ผิวขาวออกเหลืองๆ รูปร่างไม่สูงมากนัก มีนัยน์ตาสีน้ำตาลดำเหมือนคนเอเชีย
“เอาน่า มันน่าสนใจดีออก เพราะที่นี่มันไม่อยู่ในแผนที่ด้วย... ถ้าพวกเราทำการค้นพบดินแดนแห่งนี้เป็นพวกแรก เราก็อาจจะดังก็ได้นี่...”20 กิโลที่พวกเขาเดินผ่านมา เชื่อไหม ว่ามันเป็นทุ่งรกร้างและหญ้าเต็มไปหมดทั้งนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าทางมันสุดตั้งแต่ 8 กิโลแรก แต่ ดิโมนก้า เพื่อนหนุ่มของเขาน่ะสิ ดันทะลึ่ง อยากถ่ายทำอะไรบ้าๆก็ไม่รู้
“ประทานโทษ... แล้วนายรู้ได้ไงว่ามันมีลึกเข้าไป ทางมันตันตั้งแต่ 8 กิโลแรกแล้ว ไอ่บ้า”บ็อบบี้ด่าด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยแบบเต็มทน จนอยากจะล้มลงนอน
“เจ้าโง่! แล้วรู้ได้ไงทางมันสุดแค่นั้น ถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆนะ เขาจะทำทางไปทำไมตั้ง 8 กิโล! ใครจะมาเสียเวลานั่งทำกัน”ดิโมนก้า พูดแบบรู้เท่าทันเหตุการณ์ (รึปล่าว)
“ เออ ก็ถูกของนาย”บ็อบบี้พูดปัดๆ แล้วหันไปมองบนฟ้า ตอนนี้แดดเปรี้ยงเอามากๆ แสดงว่า นี่มันก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้วนะเนี่ย
......
ทั้งสองเดินทางกันต่อ โดยบ็อบบี้บอกกับ ดิโมนก้า ไว้ว่า ถ้าข้างในนี้ไม่มีอะไรจริงๆ เขาต้องยอมจ่ายค่าเหนื่อยมา 20 ดอลล่าร์ (โหดนะเนี่ย)
ทั้งสองเดินทางกันไปเรื่อยๆ จนเดินไปถึง 25 กิโลเมตร จากทางเข้าอันรกร้างที่ไม่มีใครสังเกตุ
“ไหน.. มีอะไรมั้ย!! ดิโมนก้า! นายจ่ายฉันมาเลย”บ็อบบี้วางกระเป๋าลงแล้วพูดแบบเอือมระอาสุดๆ นี่เขาเสียรุ้เจ้าบ้านี่ได้ยังไง โดนหลอกให้เดินมาตั้ง 25 กิโล ไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย แล้วยิ่งเวลาที่มีแดดแบบนี้
“โถ่ว้อยยย~!!! ก็ได้ฟะ ยอมจ่ายก็ได้ เออๆ แกชนะๆ”ดิโมนก้าพูดแบบเสียดายตังค์ นี่เขาก็เสียเวลาเดินมาตั้ง 25 กิโลนะเนี่ย และต้องมาเสีย 20 ดอลล่าร์ให้เจ้าเพื่อนรัก (เพื่อนแค้น) นี่อีก ก่อนที่ดิโมนก้าจะหยิบตังค์ให้ เขาแอบเช็ดมันกับตูดก่อน
“ยึกยักอยู่ได้”บ็อบบี้เร่งสุดๆ
“เอ้า เอาไป”ดิโมนก้ายื่นแบงค์ให้บ็อบบี้
“ฮ้า... 20 ดอลล่าร์ ห้อม....หอ...ม..... กลิ่นยังใหม่ๆอยู่เลย”บ็อบบี้คว้าแบงค์มาจาก ดิโมนก้าแล้วสูดหายใจใส่แบงค์จนเข้าเต็มปอด แล้วจุ๊บมันครั้งใหญ่
(อิอิ..เจ้าโง่) ดิโมนก้าคิดแบบสะใจ
“อ้าว! เฮ้ย” ก่อนที่เขาจะคิดอะไรต่อ เขาก็ต้องตกตึง เมื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่วับๆแวมๆนั้น มันคือ...
“อะไรอีกล่ะ เจ้าบ๊อง! เดินจนเพี้ยนเลยรึไง” บ็อบบี้ด่า
“อ่าว ไอ่นี่ พอได้เงินแล้วกวงตีงขึ้นมาเลยไง เด่วปั๊ด โบ้หัวแตก”ดิโมนก้าทำท่าจะโบกหัวบ็อบบี้ทิ่ม แต่บ็อบบี้ก็หันไปเห็นเช่นกัน
“พระเจ้า!!!!”
..........................................
ที่หลบอยุ่ข้างๆพุ่มไม้สูงใหญ่นั้น คือตอไม้สูงราวๆ 3 เมตร ด้านบนสุดมีร่างของคนที่ถูกจับแก้ผ้าเสียบทะลุตอไม้อันแหลมคมนี้จนร่างเป็นรูใหญ่ตามรอยแทง เลือดไหลคลั่กเกราะเกรอะกรังเต็มตัว แต่ที่น่าสยองกว่านั้น คือปลายตออันแหลมคมนี้ แทงทะลุปากของชายคนนั้น จนปากฉีกออกเป็นรูโหว่เลือดเปรอะไปทั่ว ชวนขนหัวลุกและชวนอาเจียนอย่างรุนแรง
“มะ....ไม่นะ....... ไม่.....” บ็อบบี้ตะโกนเสียงแหบเล็กน้อย เขาร้องไห้น้ำตาคลอเบ้าแล้ววิ่งออกไปให้เร็วที่สุดโดยไม่สนใจ ดิโมนก้าอีกต่อไป
“บ็อบบี้!! จะไปไหนน่ะ”ดิโมนก้าตะโกนเรียกเสียงดัง “แล้วสารคดีของเราล่ะ!”
“อย่ามาเรียกฉันนะ.... ไปไกลๆเลย นายพาฉันมาดูของแบบนี้น่ะหรือ!!” บ็อบบี้วิ่งหนีออกไปไกลด้วยความหวาดกลัว แล้วก็หายลับตาไปในที่สุด ปล่อยให้ดิโมนก้ายืนอึ้งอยู่คนเดียว
“น่าสนใจ... มันน่าสนใจมากๆ”เขายังไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่อยากเดินเข้าไป เดินเข้าไปดูว่าข้างในนี้มีอะไร
ฟ้าวววววววว......
ทันใดนั่นเอง ดิโมนก้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรวิ่งผ่านหน้าเข้าไป ระหว่างที่เหลืออีกเพียง 4 กิโล จะถึง ตำบลต้องห้ามนั้นเอง
“อะไรกัน......” ดิโมนก้าพูดเสียงอ่อย เขาค่อยๆเหลือบไปเห็น สุนัข ... สุนัข ที่มี ... 3 .... ตา “เฮ้ย!!! สามตาเหรอ!!!!”นี่เขาคิดว่าสายตาของเขาคงเพี้ยนไปแล้ว
“แฮ่~” มันขู่อย่างไม่เป็นมิตร แล้วตรงเข้ามาหาดิโมนก้า
“ไม่นะ... จุ๊จุ๊”ดิโมนก้าพยายามเกลี้ยกล่อมสุนัขถึงที่สุด โดยเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ
แต่....
พรวดดดดดดดดดด..........
เขารู้สึกเหมือนเลือดไหลพล่านทั่วร่างกาย เมื่อได้ยินภาษาบางอย่าง ที่แปลกและไม่คุ้นหูอย่างมาก “นี่มัน ภาษาอะไรกันนี่” ดิโมนก้าพึมพำ ... ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเละและกล้ามเนื้อฉีกกระจายออกเป็นชิ้นๆในบัดดล เส้นเลือดกับกะโหลกและกระดูกทั่วตัวแตกละเอียดราวกับโดนบีบด้วยอุ้งมือยักษ์ ทำให้เขาตายอย่างน่าสยดสยองในทันที
...........................................................................................................................
...........................................................................................................................
เวลา หนึ่งทุ่มตรง
“ฮ่ะ..ฮ่ะ...ฮ่ะ.....” นี่น่ะหรือ ตำราคาถาต้องห้าม Zonbei ชาแมนผู้เก่งกาจคนสุดท้ายของตำบล ที่อาศัยอยู่บ้านในสุดของหมู่บ้าน ตะโกนอย่างพึงพอใจ ขณะนี้ เขาได้ตำราอันมีพลังพิศวงมาอยู่ในกำมือแล้ว มันเป็นตำรามนตร์ดำของวูดู ที่สามารถเปิดประตูนรกได้ แต่ผลข้างเคียงของมันนั้น มิได้มีบอกเอาไว้
มือข้างหนึ่ง ถือมีดขึ้นมาแล้วกรีดลงไปที่แขนตัวเองอย่างแรง เลือดจำนวนมากหยดลงพื้นแบบไม่ลดละ ปากก็พลางท่องคาถาด้วยเสียงทุ้มต่ำและน่ากลัวไปด้วย เสียงที่ดุคล้ายกับพวกพ่อมด ทำให้ความน่ากลัวของเวทย์มนตร์ดำ ทวีความน่ากลัวขึ้นเป็นเท่าตัว
“เคซีฟา ดีวา ดีโน มิดีมอน !!!!”เมื่อคำพูดสุดท้ายจบลง อาการบาดเจ็บทั้งปวงของเขาหายไปในพริบตา จากนั้น ท้องฟ้าค่อยๆแปรเปลี่ยน แผ่นดินเริ่มไหว แล้วแยกในที่สุด มันแยกตรงหมู่บ้านเขาเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตรด้วยกัน
ตูมมมมมมมมมมมมมม....
เสียงระเบิดดังลั่นครั้งใหญ่ จากนั้น .. สิ่งที่แปลกและประหลาดค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
มันเป็นสีแดง สีแดงอิฐ ที่มีลวดลายผู้คนที่มีสีหน้าอันทุกข์ทรมานรวมไว้นับล้านด้วยกัน มันเป็นสิ่งที่สูง และใหญ่ สูงราวๆ ตึก 2 ชั้น และมีบานประตูทั้งสองข้าง.....
“หรือว่า นี่คือ”ชาแมนผู้อาวุโสพูดขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ หรือว่า เขาเรียกประตูนรกมาสำเร็จ ตามคาถาต้องห้ามของวูดู
“ฮิฮิฮิฮิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เขาหัวเราะลั่นราวกับแผ่นดินจะระเบิด เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายนี้ราวกับดังกึกก้องไปทั่วทุกผืนปฐพี ความชั่วร้าย กำลังครอบงำบริเวณไปทั่วทั้งหมด
ประตูมีขนาดใหญ่และน่ากลัวมาก....
........
... และมันค่อยๆ เปิดอ้าออกมาทีละนิด.........
ฟ้าววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
สายลมพัดออกมาจากประตู ลมนี้รุนแรงมากจนพุ่งชนร่างของเขาเละใส้แตกกระเพาะปลิ้นออกมาข้างนอก กระดูกกับหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ เลือดสีแดงสดสาดกระจายคล้ายห่าฝน สมองหลุดกระจายไปทั่ว ทำให้ร่างของเขา แหลกเลวเละทันที
.........
................................................
สุสานท้ายหมู่บ้านวูดูเริ่มมีเสียงครืน.......
มันดูเหมือนกับ... คำสาปนี้ ได้ปลุกประตูนรก ที่สามารถเรียกคนที่ตายไปแล้วกลับคืนมาได้......
สุสานขนาดใหญ่ ดูคล้ายกับเต้นระรัว ดินเริ่มกระแทกออกมา และสุสาน ที่ดูเหมือนกับไม่มีชีวิตนั้น คล้ายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พระจันทร์ที่เต็มดวงในยามกลางคืน ถูกย้อมไปด้วยสีเลือด มือที่เละและเปื้อนไปด้วยเลือด กำลังผุดขึ้นมาจากดินอีกครั้ง ตามด้วยใบหน้าอันชวนขนพองสยองเกล้า ดวงตาสีขาวโพลน เนื้อฉีกเละ เหวอะหวะไปด้วยเลือดทั่วตัว กำลังเดินขึ้นมาจากสุสาน มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ฟื้นขึ้นมานั้นมีราวๆร้อยตัวได้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตแห่งความตายที่ออกมาจากประตูนรกนี้ด้วย
พวกมันเริ่มอาหารมื้อแรกด้วยการกินเลือดเนื้อสดๆของ ผู้ใช้เวทย์มนตร์ดำ ที่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง พวกศพคืนชีพกำลังโหยหิว และกำลังควานหาเนื้อผู้คน ทั้งตำบลนี้ เพื่อมาเป็นอาหารรองท้องชนิดแรกของพวกมัน
To Be Continued
.
ความคิดเห็น