ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Escape from dead land สยองโรคมรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : Escape 1 : สูญเสีย

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 49



    Living Dead ; Escape from the deadly land

     

    มันเกิดอะไรขึ้น นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  เรื่องราวนี้มันเริ่มจาก.........

     

    7 April 2008

     

     

    เด็กหนุ่มคนผมน้ำตาลเข้มซึ่งนอนแผ่อยู่บนเตียงค่อยๆทอดสายตาผ่านม่านที่รูดเปิดไว้นิดๆ คล้ายถูกแง้ม ภาพที่เขามองเห็นมันดูเลือนรางราวเสียกับว่า อยู่ในความฝัน เขาเห็นผู้ชายสองคนในบ้านฝั่งตรงกันข้ามกำลังทดลองอะไรบางอย่าง เข้ากับ ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ที่ทำท่าทีต่อต้านโดยไม่เกรงกลัว แต่เขาก็ไม่ได้เห็นมันถนัดนัก จึงนึกเพียงแค่เป็นความขัดแย้งธรรมดาๆเท่านั้น

     

    บันจ๊ะ! ตื่นหรือยัง ถ้าตื่นแล้วช่วยให้เสียงหน่อยจะได้ไหม พี่จะขึ้นไปหา เสียงสาวใสเรียกชื่อของเด็กชายชื่อว่าบัน ความจริงเขาตื่นดีแล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้เสียงเท่านั้น จึงเงียบไปโดยไม่ส่งเสียงตอบกลับมาแม้แต่นิดเดียว

    ....... สงสัยจะหลับอยู่.. วันนี้กะจะพาไปหา ฮานะ แต่เช้า เสียดายจัง.... เธอพูดก่อนที่จะย่ำลงบันไดโดยเงียบกริบ

     

    ฮานะเหรอ! เดี๋ยวก่อนสิ ฉันตื่นแล้ว บันลืมตาโพล่งแล้ววิ่งลงจากบันคล้ายถูกสิ่งกระตุ้น เสียงของบันไดไม้อันเปราะบางดังปึงปังเนื่องจาก ร่างของเด็กชายวิ่งลงโดยไม่คำนึงถึงสภาพใดๆ

     

    ชิ... หลีจริงๆนะ แกเนี่ย คนที่เป็นพี่สาวพูด เธอจัดเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดามาก เพียงแต่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องประดับอันมากมาย ซึ่งวัดได้จากเวลาที่เธอเข้าไปแต่งหน้าในห้อง ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง  ภายในห้องใหญ่โตที่แสนสุดหรูสำหรับสาววัยอินเทรนต์ เต็มไปด้วยโปสเตอร์ดารานักร้องต่างๆ เช่น Britney Spears, Lee Ryan , The Click five , Kelly Clarkson และต่างๆนาๆอีกมากมาย ส่วนที่เหลือถูกครองด้วยเครื่องประดับตกแต่งหน้าตาล้วนๆ จนเมื่อบันแอบเข้าไปต้องมึนงงกับสิ่งพวกนี้  ผมสีบลอนด์ของเธอถูกปล่อยให้ยาวสลวย เช้าวันนี้เธอสวมเสื้อสีชมพูแจ่มใส สวมกระโปรงสั้นจู๋สีฟ้า พอเห็นรูปลักษณ์โดยรวมของเธอแล้ว มันดูแสบตาเสียเหลือเกิน

     

    ใส่ชุดอะไรของเธอเนี่ย  ลูลู่ บันพูดก่อนที่จะมองชุดของพี่สาวอย่าง งงๆ  เมื่อกี้ถ้าฉันจำไม่ผิดเธอบอกว่าจะพาฉันไปหาฮานะใช่ไหม บันเริ่มเปลี่ยนเรื่องแล้วถามเกี่ยวกับประโยคเมื่อกี้แทน

     

    เอ่อ....คือว่า ลูลู่ทำท่าเหมือนคนความจำเสื่อม เธอพูดตะกุกตะกักผิดกับเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง จากนั้น ปากที่ทำท่าพะอืดพะอมมานาน ค่อยๆสำลักคำเป็นประโยคที่จับใจความไม่ได้ อ่ะ..อั่ก..อู้..อี้..แฮ่ะๆ ลูลู่ยิ้มก่อนจะดิ่งตัวออกนอกบ้าน

     

    อะไรของเขาเนี่ย.. บันงงนิดๆ เขาสงสัยที่พี่สาวอันติ๊งต๊องเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก  แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจมาก เพราะเขารู้นิสัยดีอยู่แล้วว่า ลูลู่ ชอบพูดโม้อยู่เรื่อย

     

    7.30 A.M.

     

    ณ.ถนนเล็กๆหน้าบ้านของบัน

     

    ฉันเจอเรื่องๆหนึ่งนะ มันสยองมากเลยแหละ เมื่อวานเพิ่งดูมา นอนไม่หลับเลย เด็กชายร่างเล็กตั้งท่าจังก้าแล้วทำหน้าตาหน้ากลัวให้เพื่อนๆคล้อยไปตามเรื่องราวที่กำลังจะเล่า

     

    มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง วิจัยเกี่ยวกับ โรคแห่งความตาย ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับโลกในตอนนี้ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า โรคแห่งความตาย เกิดมาได้อย่างไร เพียงแต่อาการของมันจะแตกต่างกันไปตามลักษณะที่เจอ ส่วนใหญ่แล้ว คนที่ติดโรคนี้ จะมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ อาเจียนปนเลือด แล้วช็อกเสียชีวิตไปในที่สุด  กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จึงทดลองโดยนำคนที่ติดโรคนี้มาเป็นหนูลองยา  พวกเขาสร้างเซรุ่มชื่อว่า GG-L00803 จากนั้นจึงดำเนินการต่อ  หลังจากที่ฉีกเซรุ่มชนิดนี้เข้าร่างกายของคนที่ติดโรค มันกลับเกิดปฏิกิริยาอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากอาการบาดเจ็บทั้งหลายหายไป แต่ขอบตาจะดำคล้ำลง ต่อมน้ำเหลืองพองโตทั่วตัว หน้าซีด เลือดไหลออกจากรูขุมขนไม่หยุดหย่อน แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น คือสารที่ฉีดเข้าไป ก่อปฏิกิริยาต่อต้านกับเชื้อชนิดนี้อย่างรุนแรง จึงส่งผลกระทบไปที่ส่วนสมองมากที่สุด คนที่โดนช็อกไปประมาณ 5-10 นาที แล้วลุกขึ้นมาเหมือนคนไร้สมอง โดยเซลล์ประสาทจะกระตุ้นให้ส่วนความคิดเป็นบ้าคลั่ง และกระหายเนื้อ  จากนั้น นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ก็โดนกัดกินอย่างรวดเร็วจนเป็นศพภายในพริบตา เด็กชายเริ่มสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ

     

    แล้วเชื้อโรคก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากพวกคนในที่รู้เรื่องนี้ จัดการเก็บกวาดพวกซอมบี้ให้เรียบ แล้วพวกเขาก็นำมันไปทิ้งที่ทะเล....  ใช่ว่าเชื้อโรคทุกชนิดมันจะโดนฆ่าได้ง่ายๆหรอกนะ  เชื้อโรคพวกนี้สามารถผ่านท่อระบายน้ำสู่ท่อประปา แล้วสู่เมือง โดยผ่านโรงงานแจกจ่ายน้ำประปาแล้วเรียบร้อย...  ผู้คนที่ดื่มน้ำเข้าไป จะเกิดอาการเช่นเดียวกับคนที่กระหายเลือด.... แล้วทั้งเมือง ก็กลายเป็นเมืองผี!! ... เป็นไงล่ะ สยองมั้ย เด็กชายเล่าจนจบ จากนั้นเพื่อนๆก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    อะไรกัน! น่ากลัวขนาดนี้ยังไม่กลัวเหรอ! ฉันถึงกับแทบร้องไห้เลยนะ เด็กชายโวยวายยกใหญ่เมื่อเพื่อนของตนไม่กลัวเรื่องพรรค์นี้เอาเสียเลย

     

    หนังหลอกเด็ก ฉันดูมาเยอะแล้ว ซอมบี้อะไรเนี่ยแหละ ปัญญาอ่อนชะมัด... หนังแบบนี้นายยังดูอยู่อีกเหรอเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งกลุ่มระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ นี่เพื่อนเขาคิดกลัวหนังงมงายไร้สาระเหรอเนี่ย มันช่างน่าขำขันเสียจริงๆ

     

    .....................

     

                      .............   แต่วันนี้ ผมกลับขำไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องที่เพื่อนผมเล่าให้ฟังเสียแล้ว...

     

    เมืองของผมเป็นเมืองหลวงใหญ่ ที่ขนส่งสินค้าส่งออก และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมแห่งใหญ่ของโลก เมืองมักจะแออัดไปด้วยผู้คนมากมาย บ้านเรือนผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่เมืองของผมก็ยังติดอันดับความสะอาดอยู่ไม่แพ้เมืองอื่นๆเช่นกัน หมู่บ้าของผมชื่อ Angel Villageหรือเรียกอีกชื่อว่า  หมู่บ้านนางฟ้า บ้านสไตล์ที่ปลูกในหมู่บ้านเป็นบ้านแบบทันสมัย มี 3 ชั้น หลังไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ เนื้อที่มีเพียงแค่ 80 ตารางวาเท่านั้น

     

    บ้านของผมอยู่กลางๆหมู่บ้าน ที่บ้านมี สมาชิกอยู่ 4 คน 1.คุณลุงเวอร์นอน 2.คุณป้าเวอร์นอน  3.พี่ลูลู่  4.ตัวผมเอง บัน  ทุกๆคน ต่างอยู่กันอย่างสงบสุข นับจากวันที่พ่อแม่ผมไปประจำการอยู่ที่ต่างประเทศ ท่านจึงส่งผมกับลูลู่ให้คุณลุง/ป้า เวอร์นอนรับเลี้ยงไว้

     

    แต่วันนี้...วันนี้..  ไม่อยากเลย.. ไม่อยากให้มีวันนี้เลย! ทำไมวันนี้ถึงต้องมีด้วย.....

     

    ........

     

    ท้องฟ้าอันแสนสดใส ไม่รู้ว่าผมจะได้เห็นมันอีกหรือเปล่า.....  ผู้คนมากมายที่เล่นกันอย่างสนุกสนานในงานเทศกาล  เรื่องแบบนี้จะมีอีกหรือไม่  ผมไม่มั่นใจอีกต่อไป ขณะนี้ ตรงนี้ ตอนนี้ ที่ผมยืนอยู่นี้ กลายเป็นนรกบนดินไปแล้ว ท้องฟ้าสีแดงก่ำที่ดูคล้ายเจิ่งนองไปด้วยเลือดจำนวลมหาศาล เสียงปืนยิงระรัวดังสนั่นหวั่นไหว เสียงผู้คนกรีดร้องมีให้ได้ยินทั่วทุกที่ ผู้คนกำลังวิ่งพล่านทั่ว

     

    บัน! หนีเร็วเข้า... ลุงกับป้าเวอร์นอนเตรียมสัมภาระอะไรเกือบเสร็จหมดแล้วนะ เธอเองก็รีบเก็บของสำคัญด้วยล่ะ ส่วนพวกเสื้อผ้าปัจจัยสี่ต่างๆพวกคุณลุงเก็บไปหมดแล้ว ลูลู่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องผม เธอแบกถุงซึ่งมีลิปสติก วิกผม กระจก ของแต่งหน้าต่างๆใส่ไว้ข้างใน

     

    นี่เธอ ยังมีแก่ใจจะเก็บของพวกนี้อีกเหรอ ผมตวาดโดยไม่สนใจ สถานการณ์แบบนี้แทนที่จะไปช่วยคุณลุงกับคุณป้าถือของสำคัญ แต่กลับเห็นเครื่องสำอางของตนสำคัญกว่าอย่างนั้นเหรอ  ของของฉัน มีแค่มีดพกด้ามเดียวกับสร้อยคอไม้กางเขนก็พอแล้ว แต่ดูของเธอสิ ผมพูดต่อโดยไม่สนใจพี่สาว ที่อายุมากกว่าเพียงแค่ปีกว่าๆ

     

    แล้วจะทำไม! เธออย่ามายุ่งกับฉันจะได้ไหม ลูลู่เริ่มขึ้นเสียง เธอผลักบันด้วยความโกรธระคนตื่นตกใจจนน้องชายล้มหัวกระแทกโต๊ะ ...... บันค่อยๆมองลูลู่อย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกว่าตอนนี้กะโหลกด้านซ้ายมันเจ็บมาก เหมือนกับจะแตกโพล๊ะออกมาทีเดียว ....  คงเป็นเพราะไปชนกับมุมแหลมที่ทำด้วยเหล็กแท้ๆซึ่งติดอยู่ตรงมุมของโต๊ะ น้ำเลือดสีแดงข้นค่อยๆไหลซึมออกมาจากรอยแตกที่หัว บันเริ่มเขม่นใส่ลูลู่แล้วเดินออกมาโดยไม่สนใจแผล

     

    บัน...ฉันขอโทษ!” ลูลู่ร้องเสียงดังไล่หลังมา ถึงบันจะอายุเพียงแค่ 15 ปี แต่ความคิดของเขามันก็ถูกต้อง ที่เธอเอาแต่ขนเครื่องสำอาง โดยไม่สนใจทางผู้อุปการะ คุณลุงเวอร์นอนกับคุณป้า

     

    บันวิ่งลงมาชั้นล่าง เมื่อเขาเห็นสภาพที่เกิดขึ้นก็แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง  บ้านแห่งเดียวที่เป็นที่พักใจของเขา ที่อยู่อาศัยของเขา สวรรค์ของเขา ที่ที่คิดว่ามันอบอุ่นด้วยไอรักที่คนในครอบครัวมีให้  แต่ตอนนี้ มันกลับพังทลายเละแทบไม่เหลือเคร้าโครงเดิมอีกต่อไป  ไฟไหม้เป็นหย่อมๆประมาณสามแห่ง ลุงเวอร์นอนกำลังรีบดับไฟ ส่วนป้ารีบขนสัมภาระอย่างเร่งรีบ

     

    คุณป้าครับ...ผมช่วยเอง บันยกมือห้ามป้าเวอร์นอนไว้ เขาขออาสาขนสัมภาระที่เหลือทั้งหมดเอง เพราะป้าแก่แล้ว ขืนขนไปมากกว่านี้คงได้สลบเหมือดหมดแรงกันเป็นแน่

     

    บัน.. หนูไปโดนอะไรมา ให้ป้าช่วยทำแผลไหม ป้าเวอร์นอนถาม เธอเองก็วิตกเช่นกัน ไหนจะเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วเรื่องของหลานชายอีก  อย่าครับ ไม่ต้องสนใจผม  ป้าไปช่วยลุงเขาดับใจเถอะ เดี๋ยวผมจัดการกับทางนี้เอง บันยิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มบอกเสียงแข็งให้ป้าไปช่วยดับไฟ  ในใจของเธอก็ยังลังเลอยู่แต่เพราะความเอาจริงของเขา จึงต้องยอมถอยไปทำอย่างอื่นแทน

     

    แฮ่!” เสียงร้องร้องดังมาจากหน้าบ้าน ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเปรอะไปด้วยเลือด ดวงตาสีขาวรอบๆคล้ำเหมือนหมีแพนด้า แต่สภาพของเขาดูโหดร้ายกว่าหลายเท่าตัว เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือดเหมือนกับที่เพื่อนบันเล่าให้ฟังไม่มีผิด แถมที่น่ากลัวกว่านั้น  เขา กินเนื้อคนสดๆเป็นๆโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร  ซอมบี้ที่อยู่หน้าบ้านตรงเข้าไปกัดคอป้าเวอร์นอนทันที เลือดสีแดงข้นพุ่งออกมาคล้ายคนเอาเข็มเจาะลูกโป่งน้ำ ร่างอันอ้วนท้วมของคุณป้ากำลังกรีดร้อง  เธอมองดูเศษเนื้อที่หลุดออกมาจากคอเธอแล้ว กำลังขย้อนเข้าปากชายคนนั้น ก็แทบจะเป็นลมทั้งที่เจ็ปปวดสุดแสนทรมานจนยากเกินจะบรรยาย

     

    คุณป้าครับบันรีบเข้าไปประคองป้าเวอร์นอนที่กำลังจะล้ม  เขาจ้องซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกระแค้น ภายในชั่ววินาที มีดสั้นที่บันพกติดตัวแทงเข้าที่สมองของมันจนไหลเยิ้มติดปลายมีดมาด้วย  เพื่อไม่ให้ซอมบี้เข้ามามากกว่านี้ บันจึงรีบดึงตัวคุณป้าเข้าบ้านแล้วปิดประตูไม้โดยด่วน จากนั้นเขาค่อยๆยกตัวคุณป้าขึ้นโซฟาแล้วรีบล้างมีด  คุณลุงครับ! มาดูคุณป้าหน่อยสิครับบันร้องเรียกลุงเวอร์นอนขณะที่เห็นไฟเริ่มดับลงบ้างแล้ว  แต่สถานการณ์ มันไม่ได้พลิกขึ้นมาบ้างเลย  จากนั้นไม่ถึงนาที มีเสียงกระจกแตกมาจากห้องของลูลู่ บันรู้ทันทีว่า ลูลู่ คิดทำอะไรแผลงๆอีกแล้ว แต่เขาก็ละความสนใจมาที่ป้าก่อน

     

    อ่อก..... .. ป้าเวอร์นอนพยายามจะบอกอะไรกับบันบางอย่าง เธอค่อยๆขยับปากกำลังจะพูดบางสิ่งที่ดูเหมือนสำคัญมาก อย่านะครับป้า!” บันรีบห้ามทันที เขาไม่อยากให้คนเจ็บต้องทำอะไรที่เกินตัว แต่ป้าใช้แรงเฮือกสุดท้ายบอกว่า ฟัง..ป้านะ.. ที่ลิ้นชักตรงบันได มีปีนอยู่สองกระบอก ซึ่งกระบอกแรกเป็นของตกทอดของตระกูลเรา และกระบอกที่สอง เป็นของที่พ่อเจ้าฝากไว้ให้เจ้าตอนโต  เธอช่วยรักษามันให้ดีด้วย กระสุนก็อยู่ในลิ้นชักนั้นแหละ ...รักษา..มันให้ดีด้วยล่ะ....... นำมันป้องกันตัวหากเกิดอันตรายขึ้น... ป้าพูดก่อนที่จะหมดลมหายใจไป.......   ไม่นะ~~~~~~!!!!!!” บันร้องสุดเสียง น้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง

     

    เสียงบันไดดังตึงตัง ก่อนที่ลูลู่จะวิ่งลงมา มีอะไรเหรอ เธอถามด้วยสีหน้าบ๊องแบ๊วก่อนที่จะเห็นบันน้ำตาคลอ แล้วอุ้มร่างของป้าเวอร์นอนที่ท่วมเลือดเอาไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง  ...ป้าคะ... ลูลู่เริ่มเข้าใจแล้ว เธอรู้แล้วทำไมถึงได้ยินเสียงร้องอันเจ็ปปวด นั่นก็เพราะ... น้องของเขาได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปนั่นเอง  แต่มันก็บังเอิญ ที่เสียงร้อง ช่วยชีวิตเธอไว้ได้ ตอนแรก เธอทุบกระจกห้องเสร็จ ลูลู่ตัดสินใจจะกระโดดลงไปตั้งนาน แต่พอได้ยินเสียง จึงตัดใจแล้ววิ่งลงมาดู

     

    บัน.. เข้าใจในคำพูดแล้วไม่ใช่เหรอ... เธอรีบไปเอาสองสิ่งนั้นออกมาสิ  ฉันจะเป็นคนดูแลภรรยาเอง ลุงเวอร์นอนซึ่งยืนอยู่ข้างๆบอก ขณะที่บันค่อยๆทำใจแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลมากกว่านี้  เขามองป้าอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปหยิบของออกมา

     

    ...............................................................................................................................................................................

     

    เด็กชายค้นลิ้นชักก่อนที่ลูลู่จะมองตาม  เธอจะทำอะไร! คุณป้าเคยบอกไว้ว่าห้ามค้นลิ้นชักช่องนี้ไม่ใช่เหรอ เธอตวาดแต่เห็นบันไม่มีทีท่าสนใจจึงลองถามอีกหลายๆครั้ง .. เธอไม่เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของบันจึงดึงตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาแล้วตบหน้าแรงๆทีหนึ่ง .

     

    บันค่อยๆจับหน้าตัวเองที่มีรอยแดงจัด เขาพูดกับพี่สาวว่า อย่ายุ่งเรื่องของฉันจะได้ไหม  เด็กชายค้นปืนต่อแล้วหยิบมันขึ้นมาดู  กระบอกแรกมีสีดำ มันเขียนว่า  Chimon Anderson Huston บันจำได้ ตอนเด็กๆป้าเวอร์นอนเคยเล่าให้ฟังว่า ปู่ ของ ทวด ของเธอสร้างปืนกระบอกนี้เพื่อยิงคนไม่ดี พวกลูกหลานที่สืบต่อกันมาต่างนับถือเป็นอย่างมาก และเชื่อว่า ถ้าปืนนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี จะเกิดอาถรรพ์ขึ้นกับตัวคนใช้  ส่วนอีกกระบอกหนึ่ง เป็นปืนแม็กนั่มที่มีอานุภาพใช้ได้ ตัวกระบอกสีเงินวับ ที่จับสีน้ำตาลอ่อน บันรู้ทันที ว่ามันเป็นของที่พ่อซึ่งเคยเป็นตำรวจฝากไว้ให้ สำหรับเขา อาจเป็นของดูต่างหน้าชิ้นหนึ่งที่สำคัญมากๆเป็นได้

     

    อะไรเนี่ย! เธอหยิบของอันตรายแบบนี้มาโดยพลการได้ยังไง  ฉันจะฟ้อง ลูลู่ยังไม่ทันจะพูดจบ เสียงลุงเวอร์นอนก็ร้องดังมาจากข้างล่าง   หลบไป!” บันพูดก่อนจะวิ่งผ่านตัวลูลู่ลงไปชั้นล่าง  เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆด้วย ป้าเวอร์นอนฟื้นขึ้นมาจากความตายจริงๆ แต่ฟื้นในคนละสภาพ เธอฟื้นในสภาพ  ศพเดินดิน 

     

    ขอโทษนะครับ คุณป้า บันกล่าวคำขอโทษ ก่อนจะลงมือยิงที่กลางศีรษะของป้าแท้ๆ จากนั้น เด็กหนุ่มวิ่งตรงเข้าไปหาลุง ลุงเวอร์นอน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ.. ผมขอโทษ ที่ละเลยคุณลุงไป.. ผมไม่น่าขึ้นไปหยิบปืนก่อนเลย บันร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะเขารู้ว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เขาต้องเสียงคนที่เปรียบเสมือนกับพ่อแท้ๆของตัวเอง ทำไมเขาต้องสูญเสียไปอีก เมื่อกี้ เขาก็เพิ่งเสียคนที่เปรียบเสมือนแม่ไปแล้วหยกๆ

     

     บัน... ไม่ต้องช่วยฉันหรอก.... เวอร์นอนบอกขณะที่เห็นบันกำลังลุกลี้ลุกลนหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ฉัน โดยกัดเข้าที่แขนเต็มๆ แถมโดนเส้นเลือดเสียด้วย... อีกไม่นาน ฉันคงเป็นแบบเจ้าพวกผีในหนังนั่นแหละ ฮ่ะๆ เวอร์นอนหัวเราะเพื่อให้อารมณ์ของบันดีขึ้น แต่มันกลับตรงกันข้าม  เมื่อบันรู้ตัวว่า นี่คือรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของผู้ที่เปรียบเสมือนพ่อของเขาแล้ว ก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาเริ่มไหลลงมาไม่ขาดสาย เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วในตอนนี้  มันเหมือนกับดวงใจของเขากำลังจะแตกสลายอยู่ทุกนาที เขาไม่อยากให้ชั่วขณะที่เห็นรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของลุงเวอร์นอนจากไปเลย

     

    เวอร์นอนเหลือบเห็นปืนที่ถูกกำแน่นในมือขวาของบันจึงรีบคว้ามันมาจ่อปากของตน โดยผลักมือของบันออกไป บัน... ลาก่อนนะ... ลุงเวอร์นอนกล่าวอำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะลั่นไกปืนตนเอง เลือดกับเนื้อเยื่อในสมองแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆ กะโหลกส่วนท้ายทอยโหว่เป็นรูโบ๋

     

    ........ บันไม่พูดอะไรทั้งสิ้น  เขาหยิบปืนออกจากมือของลุงแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนโดยตัดผ่านหน้าลูลู่เหมือนไม่มีคนยืนอยู่ตรงนั้น   เด็กหนุ่มกระชากลิ้นชักแล้วลงมือใส่กระสุนให้ครบเต็มทั้งสองกระบอก แล้วหยิบกระสุนที่เหลืออีกมากมายใส่ประเป๋าเป้สะพายหลังตนเองไว้

     

    บะ....บัน.... นี่เธอ... ลูลู่มองอย่าง งงๆ หรือว่า นี่บันคิดจะยิงมันมาที่เธอ  อย่านะ~!” ลูลู่ร้องสุดเสียงขณะที่รีบเปิดประตูเข้าห้องตัวเองแล้วกระโดดลงทางหน้าต่างทันที

     

    ............. ฉัน เสียทุกๆคนไป.... ไอ้ซอมบี้บ้า เพราะแก....เพราะแก..... เพราะ.แก.. บันพูดขณะที่เดินลงไปชั้นล่าง  เขาพร้อมแล้ว กับการเปิดประตูเข้าสู่สนามรบที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

     

    To Be Continue

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×