ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักจอมทัพสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่.6 เผ่าสวรรค์ตัวดี!

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 64


    บทที่.6

    เผ่าสวรรค์ตัวดี!

    ต้องรู้ว่าบรรพบุรุษงูน้อยท่านนี้นั้น เดิมก็ไม่ค่อยมีความอดทนกับสิ่งใดอยู่แล้ว ยามนี้คนที่ดูเหมือนจะเกิดเรื่องคือสามีเขา ฉู่ชิงซายิ่งไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป 

    มือขาวผ่องยื่นออกมา ทำมือคล้ายกรงเล็บ ตะปบลงไปบนลำคอของเทพเผอผิงเดี๋ยวนั้น สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนโดยรอบ เหอผิงเองก็ไม่คิดว่าคนงามจะดุดันปานนี้ พอลำคอของตนอยู่ในอุ้งมือเขาแล้ว ถึงเพิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาลาง ๆ 

    เขารีบจับข้อมือของคนงามไว้ กล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า "สหายเผ่ามารท่านนี้! ท่านใจเย็นหน่อย อย่าบีบแรง!"

    ฉู่ชิงซาไม่นำพากับท่าทางของเขา ออกแรงบีบอีกหน่อย "หยวนชงเมิ่งอยู่ไหน"

    "แค่ก แม่ทัพหยวน แค่ก ๆ เจ้าปล่อยก่อน ข้าจะตายแล้ว ๆ"

    "ข้าถามว่าเขาอยู่ไหน!" จอมมารตวาดลั่น น้ำเสียงเดือดดาล "บอกมา! หากวันนี้เขามีรอยแผล แม้เพียงปลายเล็บ ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้!"

    เหอผิงนั้นใบหน้าแทบจะไร้สีเลือดแล้ว แต่ก็ยังพยักหน้ากับตนเองในใจอย่างตื่นเต้น ที่แท้ข่าวลือเป็นจริง นี่ก็คือคนรักลับ ๆ ผู้นั้น! ท่านแม่ทัพไม่เลวเลย เลือกคนรักทั้งที ก็ยังเลือกที่งดงามเหนือสามัญถึงเพียงนี้

    แต่ตื่นเต้นก็ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ต้องรักษาชีวิตก่อน เขารีบตอบคำถามของฉู่ชิงซา "ยามนี้ท่านแม่ทัพ แค่ก ถูกฝ่าบาทขังเอาไว้ในคุก รอการไต่สวนอีกครั้ง"

    ฉู่ชิงซาคลายมือออก สะบัดมือข้างนั้นอย่างรังเกียจ เขากล่าวกับเหอผิงว่า "พาข้าไปหาเขา"

    "เจ้าพูดอะไร!" เทพเหอผิงมองเขา ราวกับมองคนบ้า "คุกนั่นใช้สำหรับขังผู้ที่คิดก่อกบฏนะ หากข้าไปเยี่ยมเขา ก็กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว"

    ท่านจอมารยังไม่ทันได้คาดคั้นเขาอีกรอบ ก็พลันมีคนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา ล้อมเขาเอาไว้ไม่เหลือทางให้หลบหนี คนผู้หนึ่งในชุดเกาะสีเงินวาวยื่นมือออกมา คว้าคอเสื้อของเหอผิง โยนเขาออกไปจากวงล้อม ไม่สนใจเสียงดังโวยวายของเทพแห่งการละเล่นผู้นี้ แต่กลับสำรวจฉู่ชิงซาตั้งแต่หัวจรดเท้า 

    น้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้กล่าวกับเขา ทั้งดูถูกและเหยียดหยัน "เจ้าคือมารน้อยตนนั้น ที่ล่อลวงท่านแม่ทัพของเรา?"

    คำกล่าวเช่นนี้ ช่างราวกับฉู่ชิงซาได้ย้อนกลับไปในวันนั้น ต่อหน้าทหารศึกของเผ่าสวรรค์ งูน้อยอาฉู่ผู้ไร้เดียงสา คล้ายกลายเป็นเพียงคนต้อยต่ำไร้ค่า ไม่คู่ควรกับจอมทัพหนุ่มแห่งเผ่าสวรรค์แม้แต่น้อย 

    ฉู่ชิงซาเหม่อมองใบหน้าผู้มาใหม่ คนผู้นั้นกลับไม่คิดสนใจ ว่าเขาจะตอบคำถามหรือไม่ ยังคงกล่าวต่อ "จะต้องเป็นเจ้าใช้กลอุบายกับท่านแม่ทัพ ล่อลวงให้เขามีใจออกห่างแน่ แม่ทัพของเราองอาจห้าวหาญ ไหนเลยมารน้อยชั่วช้าเช่นเจ้าจะคู่ควรกับเขา!"

    ท่านจอมมารเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีทับทิมเข้มขึ้น เจือด้วยโทสะ คำกล่าวที่ออกมาจากปากกลับเรียบเย็น "เช่นนั้นหรือ"

    "ในเมื่อเจ้ากล้าบุกมาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว เช่นนั้นอย่าโทษพวกเราเผ่าสวรรค์ ไร้เมตตาต่อเจ้า" คนผู้นั้นยกดาบยาวที่อยู่ข้างเอวขึ้น "ข้าจะทวงความเป็นธรรมคืนให้ท่านแม่ทัพ!"

    แม้ท่าทางของเขาจะดูดุร้าย แต่ฉู่ชิงซากลับไม่เหลือบแลเขาสักนิด ยังหันไปเอ่ยกับเหอผิงที่ยืนอยู่รอบนอก "พาข้าไปหาเขา"

    ต่อให้ต้องฆ่าล้างเผ่าสวรรค์วันนี้ เขาก็จะต้องได้เห็นว่าหยวนชงเมิ่งปลอดภัย

    เหอผิงเองก็ลำบากใจ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขายามนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่ขึ้นตรงต่อแม่ทัพหยวน ยามนั้นแม่ทัพหยวนถูกฝ่าบาทสั่งลงโทษ เขาทั้งไม่ปฏิเสธ และไม่ตอบโต้ พอถูกจับโยนเข้าคุกแล้ว คนของเขาจึงนำความโกรธแค้นมาลงที่มารน้อยผู้นี้

    ดาบยาวพุ่งเข้าหาฉู่ชิงซา มุ่งหวังจะสังหารเขาในดาบเดียว ดวงตาเรียวเพียงเบิกกว้างขึ้นอีกหน่อย หยุดดาบเล่มนั้นไว้กลางอากาศ ก่อนสะท้อนกลับไป จนคนผู้นั้นกระเด็นออกไปไกลถึงสามจั้ง 

    ฉู่ชิงซาเหลือบมองเหอผิงที่อ้าปากค้าง ดูไร้ประโยชน์สิ้นดี ก่อนสะบัดมือปัดทหารกลุ่มนั้นที่พุ่งเข้ามา เขาพึมพำเสียงเบา ยังคล้ายเพียงอยากกล่าวกับตนเองเท่านั้น "...ข้าไปหาเขาเองก็ได้"

    แน่นอนว่านี่ไม่ง่ายเลย ยามนี้มีผู้บุกรุกเผ่ามารปรากฏตัวขึ้น ทหารแต่ละหน่วยของเผ่าสวรรค์ ก็ยิ่งกรูกันออกมา พร้อมขัดขวางเขาในการชิงตัวนักโทษ ใจของฉู่ชิงซาไม่อยู่กับตัวนัก ยิ่งเห็นเศษสวะเหล่านี้อยู่เบื้องหน้าตน เขาก็ยังนึกถึงเปลวเพลิงในป่าต้องสาปปีนั้น 

    ภาพตรงหน้านั้น พลันคล้ายอาบย้อมไปด้วยเลือด ร่างของหยวนชงเมิ่งที่รับลูกธนูแทนเขา ร่างแข็งแกร่งของคนรัก ที่มับโอบกอดเขาเอาไว้ พร่ำบอกรักเขาซ้ำ ๆ ค่อย ๆ เย็นเฉียบลงในอ้อมแขน 

    ทั่วทั้งร่างของฉู่ชิงซาสั่นเทิ้ม ถูกปกคลุมไปด้วยความโกรธ และความหวาดกลัว เขามองกลุ่มคนที่วุ่นวายไม่หยุดตรงหน้า ราวกับมองซากศพในไฟสงคราม ท่านจอมมารพึมพำอย่างเหม่อลอย "พวกเจ้าจะขวางข้าหรือ"

    "..."

    "พวกเจ้าจะฆ่าเขา?" ฆ่าคนรักของเขาต่อหน้าต่อตาเขา อย่างปีนั้นหรือ

    "..."

    ไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นตะโกนอะไร ฉู่ชิงซาเดินหน้าขึ้นไปหนึ่งก้าว "พวกเจ้าจะขัดขวางข้าอีกแล้ว พรากเขาไปจากข้าอีกแล้ว?"

    "...พี่สะใภ้!"

    "พวกเจ้า พวกเจ้า พวกเจ้า!" ฉู่ชิงซาตวาดด้วยเสียงเดือดดาล จิตสังหารทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก กระแทกหยวนซิ่นเล่อที่พยายามจะเข้ามาใกล้ จนรองแม่ทัพหนุ่มกระเด็นออกไปไกล 

    เสียงกระพรวนเงินบนข้อเท้า ส่งเสียงออกมาเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เขาขยับ ในมือของฉู่ชิงซา พลันปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่เป็นสนิมไปทั้งเล่ม 

    ผู้คนโดยรอบต่างนิ่งงันจากภาพที่เห็นนี้ มารตนนี้คิดจะทำอะไร ใช้กระบี่ผุ ๆ เล่มหนึ่ง ต้านทานกองกำลังของเผ่าสวรรค์? นี่มันออกจะโง่เขลาเกินไปกระมัง 

    "คืนเขาให้ข้า" ฉู่ชิงซากล่าว "มิเช่นนั้น ข้าจะให้เผ่าสวรรค์ของพวกเจ้านองเลือด!"

    ความร้ายแรงระดับนี้ หยวนซิ่นเล่อย่อมประจักษ์แก่ใจดี เขารีบพุ่งเข้าไปขวางหน้าพี่สะใภ้ตน ก่นด่าใครก็ตามที่มายั่วยุให้คนผู้นี้มีโทสะ "พี่สะใภ้ ท่านสงบใจก่อน"

    "เจ้าเป็นใคร"

    ว่าเป็นรองแม่ทัพไม่ง่ายแล้ว เป็นเขาที่มีพี่สะใภ้เช่นนี้ยิ่งไม่ง่ายเลย หยวนซิ่นเล่ออยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา เขากล่าวอย่างประจบเอาใจ "ข้าคือหยวนซิ่นเล่ออย่างไรเล่า น้องชายของท่านพี่ชงเมิ่ง พวกเราพบกันหลายครั้งมาก ท่านลืมน้องสามีผู้นี้แล้วหรือ"

    ฉู่ชิงซากวาดตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดเป็นปม ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "ข้าจำเจ้าได้"

    หยวนซิ่นเล่อยิ้มกว้าง "ใช้แล้วเป็นข้า…"

    คำว่าเองยังไม่ทันหลุดออกมา ใบหน้าของรองแม่ทัพหนุ่มก็แข็งค้าง เพียงเพราะคำพูดต่อมาของพี่สะใภ้ตน "เจ้าคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น มองดูข้ากระโดดลงหน้าผาไปพร้อมเขา"

    ข้ามองดูที่ไหน!

    เรื่องครั้งนั้นก็เห็นกันอยู่ ว่าเขาห้ามอีกฝ่ายแทบตาย คนยังกอดร่างพี่ชายของเขา กระโดดลงหน้าผาไปต่อหน้าต่อตาเขา นี่มันไม่ยุติธรรมนะ!

    ท่านจอมมารใช้กระบี่ผุพังนั้น สู้กับคนของเผ่าสวรรค์ หยวนซิ่นเล่อไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เขาสามารถห้ามปรามคนใต้อาณัติตนได้ แต่มิอาจล่วงล้ำออกคำสั่งกับรองแม่ทัพคนอื่นได้ ยามนี้คงมีเพียงพี่ชายของเขาปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ถึงจะหยุดเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ให้เผ่าสวรรค์พบกับความสูญเสีย แต่พอนึกไปถึงพี่ชายคนเดียวของตนผู้นั้น รองแม่ทัพน้อยก็อยากจะเปลี่ยนใจ ปล่อยให้พี่สะใภ้ตนเข่นฆ่าพวกโง่นี่ให้หมด เฮ้อ 

    ในตอนที่ฉู่ชิงซาหมดความอดทนลงพอดี และกำลังจะสังหารสวะกลุ่มนี้ทิ้ง ศรสีทองก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แผ่ขยายรัศมีสีทองเต็มท้องฟ้า จากนั้นพลันปรากฏมังกรสวรรค์ตัวหนึ่ง สีทองอร่ามบนตัวของมันเปล่งประกาย เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง เสียดแทงเข้าสู่โสตประสาทของคนเผ่าสวรรค์

    ฉู่ชิงซาเงยหน้าขึ้น ชั่วขณะนั้น เขาคล้ายได้สบตากับสัตว์เทพตนนั้น นัยน์ตาของมันเรืองรองไปด้วยไฟแห่งการเข่นฆ่า แต่แววตากลับอ่อนจาง ยามมองผ่านนัยน์ตาสีทับทิมของเขา ท่านจอมมารงงงวยไปชั่ววูบหนึ่ง 

    มังกรตัวนั้นกลับไม่สนใจว่าเขารู้สึกเช่นไร เมื่อวนรอบท้องฟ้าจนพอใจแล้ว ก็พุ่งตรงเข้าหาฉู่ชิงซาทันที เดิมฉู่ชิงซายังคิดว่ามันคิดจะโจมตีตน จึงยกกระบี่ขึ้นคิดตั้งรับ 

    แต่เจ้ามังกรตัวนั้นกลับหยุดลง ก่อนที่จะถึงตัวเขาเพียงคืบ จากนั้นเปล่งรัศมีสีทองระยิบระยับออกมา เกิดเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ปกป้องเขาเอาไว้ภายใน ดีดคนเผ่าสวรรค์ที่รายล้อมเขาเอาไว้ ให้ออกห่างไปราวกับรังเกียจนักหนา

    ฉู่ชิงซา "..." 

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

    ทหารเผ่าสวรรค์กลุ่มนั้น ที่กำลังคิดสู้แลกชีวิตกับฉู่ชิงซา "..."

    ในที่นี้คนที่ลอบถอนหายใจออกมา กลับเป็นหยวนซิ่นเล่อ บรรพบุรุษของข้า ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้ว!

    ไม่นานท่ามกลางความโกลาหลนี้ ก็ปรากฏร่าง ๆ หนึ่งขึ้นตรงหน้าฉู่ชิงซา บุรุษหนุ่มผู้นั้นยังคงมีใบหน้าที่หล่อเหลา โดดเด่น แฝงไว้ด้วยความดุดัน แต่ดวงตากลับนุ่มนวลอ่อนโยน ในสามภพนี้ฉู่ชิงซากล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีใครคุ้นเคยกับคนตรงหน้าได้เท่าเขาอีกแล้ว

    หยวนชงเมิ่ง

    ท่านจอมมารกวาดสายตามองคนรัก ยามนี้คนผู้นั้นมิได้สวมอาภรณ์หรูหรา หรือชุดเกาะของแม่ทัพ เขากลับสวมเพียงเสื้อสีขาวบาง ๆ ตัวหนึ่ง ทั่วทั้งตัวมีแต่รอยเลือด แม้ผมถูกรอบไว้ไม่ดูเกะกะ ก็รวบไว้ด้วยผ้าผูกผมธรรมดา ๆ ผืนหนึ่ง เขาแค่เหลือบไปเห็นยังแทบทนดูไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ที่ติดจะเย็นชาอยู่เสมอซีดเผือด แก้มและสันกรามคมของคนรัก ที่เขามักจะลูบเล่นอยู่เสมอ ยามนี้กลับมีรอยแผลไม่รู้ว่าเกิดจากมีด หรือแส้ที่โบยลงมา

    เลือดในกายของฉู่ชิงซาเย็นเยียบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ค่ายกลมังกรทองที่กางขึ้นมาจากอาคม ทนรับแรงกดดันไม่ไหว ถึงกับสูญสลายไปทั้งอย่างนั้น เขายื่นมืออันสั่นเทาออกไปสัมผัสใบหน้าของคนรัก ลูบรอยเลือดที่แห้งกังบนใบหน้าเขาเบา ๆ กลัวว่าเขาจะเจ็บ

    เขากลัวกระทั่งว่า หากเอ่ยวาจาเสียงดังเกินไป คนรักจะทรมาน ท่านจอมมารกระซิบเสียงแผ่ว "เจ็บหรือไม่"

    รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดบนริมฝีปากที่แห้งผาก หยวนชงเมิ่งกุมมือคนรักเอาไว้ แนบใบหน้าลงกับฝ่ามืออบอุ่นของเขา "อาฉู่ พี่ไม่เจ็บ"

    โกหก

    ดวงตาของฉู่ชิงซาแดงก่ำ แต่เขาก็ยังคงไม่ปล่อยมือ ทั้งยังถามต่อ "หนาวหรือไม่"

    หยวนชงเมิ่งส่ายหน้า "พี่ไม่เป็นไร"

    "โง่นัก…" ฉู่ชิงซาปล่อยมือออกจากแก้มของคนรัก เขาหลับตาลงสูดลมหายใจลึก ก่อนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับดวงตาสีแดงฉาน เสียงร้องคำรามของท่านจอมมารดังก้อง "เผ่าสวรรค์ตัวดี!"

    ฉู่ชิงซากล่าวจบ ฝ่ามือก็กรีดลงบนคมกระบี่ที่ขึ้นสนิม แรงกดลึกจนเกิดแผล เลือดสีสดชโลมตั้งแต่ด้ามไปจนถึงปลายกระบี่ ต่อหน้าต่อตาหยวนชงเมิ่ง และทุกคน

    กระบี่ผุพังเมื่อครู่พลันหวีดเสียงร้อง ราวกับจิตวิญญาณภูติผีกำลังโห่ร้องยินดี เลือดสีแดงฉานเลือนหายไปอย่างช้า ๆ แทนที่ด้วยภาพคมกระบี่ค่อย ๆ เผยออกมาต่อหน้าทุกคน 

    สายฟ้าเก้าสายฟาดลงมาพร้อมกัน ทำให้ผู้คนโดยรอบแตกตื่น พากันวิ่งหนีตาย ยามใดที่อาวุธร้ายของเผ่ามารปรากฏ ยามนั้นสามภพย่อมโกลาหล พัดหวูชิงของเฟยเมี่ยว ขลุ่ยอิ้งเยว่ที่หายสาบสูญไปแล้ว และกระบี่มารฝูถีในมือของฉู่ชิงซายามนี้ ก็คือสามอาวุธร้ายของเผ่ามาร

    ยามนี้ท่านจอมมารต้องการเปิดฉากเข่นฆ่า ยากที่จะมีผู้ใดรั้งเขากลับได้แล้ว 

    เพียงเขาแกว่งกระบี่หนึ่งครั้ง กองกำลังทหารที่เมื่อครู่ต่างคิดทำร้ายเขา ก็ถึงคราวต้องล้มตาย บางคนหลบพ้นออกจากรัศมีสังหารทันก็รอด ที่ไม่รอดก็ต้องตกตาย กลายเป็นกองเนื้อ

    ไอมารพวยพุ่งขึ้นมาไร้จุดสิ้นสุด ใบหน้างดงามเริ่มเผยรอยปริแตก เกล็ดสีขาวเงินเผยออกมาบนใบหน้า และลำคอระหง ยามนี้เขาเดือดดาลจนแทบคงร่างมนุษย์ไว้ไม่ได้แล้ว

    หยวนชงเมิ่งราวกับถูกมีดแทงทะลุหัวใจ เขามองคนรักที่คลุ้มคลั่งอย่างเจ็บปวด และย่อมรู้ว่านี่เป็นเพราะตน สามีเช่นเขาไม่เอาไหน เดิมคิดว่าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ค่อยไปรับเขามา เพียงอยากใช้วิธีที่ไม่ต้องแตกหักกัน 

    เขากลับโง่เขลาเกินไป อาฉู่รอเขาอยู่หลายวัน กลับมิได้รับข่าวใด ไม่มีทางที่คนดีของเขาจะไม่ร้อนใจ งูน้อยที่ปากร้ายใจอ่อนผู้นี้ ไม่มีทางไม่มาตามหาเขา เขากลับลืมเรื่องนี้ไปแล้ว อยู่ในคุกอย่างใจเย็น ทำสงครามเย็นกับฝ่าบาท ละเลยภรรยาครั้งแล้วครั้งเล่า

    หนนี้เป็นอย่างไร? ถึงกับมีทหารชั้นเลวกลุ่มหนึ่ง คิดทำร้ายภรรยาของเขา ทั้งที่เขาก็อยู่ใกล้เพียงนี้ น่าตายนัก 

    บาดแผลในป่าต้องสาปครั้งนั้น หากบอกว่าฉู่ชิงซาเจ็บปวดเสียใจ หยวนชงเมิ่งก็ทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน เขามองเห็นภาพเลือดสีสด ที่ย้อมบนเกล็ดงดงามของคนรัก มองเห็นภาพน้ำตา เสียงร้องไห้แทบขาดใจของอาฉู่ ทุกคืนในความฝัน ทุกยามที่หลับตา ทุกที่ที่เขาไปแล้วไม่มีเงาคนรัก ทั้งหมดล้วนเป็นนรกสำหรับเขา 

    ยามนี้ยังต้องมาเห็นฉากเช่นนี้กับตา เขาหรือจะทนได้ หยวนชงเมิ่งขบกรามแน่น พุ่งเข้าไปกอดคนรักเอาไว้จากทางด้านหลัง กระซิบกับเขา "อาฉู่"

    ฉู่ชิงซานิ่งงันไปแล้ว กระบี่ยาวโซกเลือดอยู่ข้างตัว แต่เขาก็ทำตัวว่านอนสอนง่าย ยืนนิ่ง ๆ ให้คนรักกอด 

    "อาฉู่ พี่ไม่เป็นไร"

    "...ชงเมิ่ง"

    "พี่ไม่เจ็บ"

    "..."

    "เจ้าบาดเจ็บไหม"

    "...ข้าก็ไม่เจ็บ"

    "ขอโทษ"

    "..."

    "ขอโทษนะ เป็นพี่ไม่ดีเอง" หยวนชงเมิ่งจับบ่าเล็กของภรรยา หันให้เขากลับมาเผชิญหน้ากับตน นิ้วมือลูบแก้มนุ่มของเขา หน้าผากแนบชิดกัน "ตกใจใช่ไหม ร้อนใจใช่หรือเปล่า คนดีพี่อยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไรแล้ว"

    ฉู่ชิงซากัดริมฝีปากจนห้อเลือด สามีกลับลูบริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน ใบหน้านั้นยังเปี่ยมยิ้ม "เก็บกระบี่เถอะนะ"

    "...แต่พวกมัน"

    "มือเจ้าสะอาดมาก อย่าต้องมาแปดเปื้อนเลือดพวกเขาเลย" มือหนาลูบข้อมือที่จับกระบี่ข้างนั้นของภรรยา ยังกล่าวออกมาอย่างเฉยชาอีกคำ "สกปรก"

    ผู้คนโดยรอบ "..."

    ยามนี้เรื่องราวพลิกผันไปมา ตื่นตาตื่นใจยิ่ง ท่านจอมมารเจ็บปวดใจเพียงใด เผ่าสวรรค์ก็สะท้านในใจเพียงนั้น แม่ทัพหยวนถึงกับปรากฏตัวที่นี่เวลานี้ ใช้ศรมังกรเรียกค่ายกลออกมา ปกป้องมารน้อยตนหนึ่งเอาไว้ ยืนนิ่งให้เขาลูบคลำ แค่ก ให้เขาถามไถ่ ทั้งยังตอบคำถามอย่างว่าง่าย น้ำเสียงอ่อนโยนอีกด้วย

    ไม่ต้องพูดถึงว่า แม่ทัพหยวนแหกคุกออกมาแน่นอน หรือพลังของมารน้อยตนนี้ สะท้านฟ้าสะเทือนดินเพียงใดหรอก นั่นเป็นเรื่องรองไปแล้ว เรื่องหลักตอนนี้คือ ผู้คนร้อยพันในเผ่าสวรรค์ กระทั่งน้อยชายร่วมอุทรแท้ ๆ ของแม่ทัพหยวนท่านนั้นน่ะ เคยมีใครได้รับน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้จากเขาหรือไม่ เคยมีใครได้รับการปกป้องเช่นนี้จากเขาหรือไม่

    คำตอบคือ ไม่มี! ไม่ มี เลย สัก คน!!

    นี่หมายความว่าอย่างไรหรือ…

    ก็หมายความว่าข่าวลือเป็นจริงน่ะสิ! 

    นึกย้อนไปถึงวันนั้น ทั่วทั้งสวรรค์สั่นสะเทือน จอมทัพผู้ห้าวหาญโต้เถียงกับฝ่าบาท ทั้งยอมหักไม่ยอมงอ อย่างไรก็จะขอปกป้องคนรักผู้นี้ ต่อให้ถูกปลด ถูกลงโทษ หรืออะไรก็ไม่แยแสเลย จนกลายเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากกันมาหลายวัน

    มาคิดดูให้ดีแล้ว ในใจทุกคนยามนี้ก็ต่างรู้สึกเหมือนกัน ที่ว่าเป็นคนรักลับ ๆ คงไม่ใช่เรื่องจริงแล้วล่ะ นี่มันฮูหยินของท่านแม่ทัพ ตัวจริงเสียงจริงแล้ว!

    ความตื่นตระหนกนี้ยังไม่ผ่านไป คำพูดต่อมาของแม่ทัพผู้สูงส่ง คนที่ได้รับการกราบไหว้ เทิดทูนที่สุดของเผ่าสวรรค์ ก็ราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงบนผืนแผ่นดินแดนเทพ 

    น้ำเสียงของหยวนชงเมิ่งสงบนิ่ง เจือแววเอาอกเอาใจ "หากต้องเข่นฆ่าสังหาร สามีทำให้เจ้าเอง"

     

     

     

     

    โรงละครเล็ก

     เถียนซิน : รู้สึกยังไงที่มีสามีคอยโอ๋?

    อาฉู่ : ดีมาก

    เถียนซิน : อยากบอกอะไรเมิ่งเมิ่งไหม

    อาฉู่ : รักนะ (มินิฮาร์ท)

    เถียนซิน : อะแฮ่ม ...อยากบอกอะไรคนอ่านไหม 

    อาฉู่ : สามีข้าน่ะ ดีเลิศ เด็ดขาด อันดับหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ที่สุด สุดยอด เยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอด เยี่ยมยอด ดีที่สุด เลิศที่สุด ชนะเลิศ เลิศเลอ ดีเด่น สุดเหวี่ยง วิเศษ ฮีโร่ บริสุทธิ์ ล้ำเลิศ ชั้นเลิศ เลิศล้ำ เด็ด หนึ่งเดียว พิเศษ ยอดไปเลย เยี่ยมไปเลย ที่หนึ่งเลย โดดเด่น ประเสริฐ...

    เถียนซิน : //ดึงไมค์ออกมา  พอเถอะนะ ช่วงข่าวเวลาไม่พอแล้ว 

    ...จะ จะ จบการรายงานเท่านี้ค่ะ ขอบคุณ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×