ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักจอมทัพสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่.4 ความลำบากใจของคนเป็นน้อง

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 64


    บทที่.4

    ความลำบากใจของคนเป็นน้อง

    "ท่านพี่…"

    "หุบปาก" เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ในเนื้อเสียงยังมีความไม่พอใจเจืออยู่ไม่น้อย "เรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวอีกแล้ว"

    "จะไม่กล่าวได้อย่างไร" บุรุษผู้ยืนอยู่โอดครวญ "ท่านพี่ ท่านมีเหตุผลหน่อยได้ไหม ทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง"

    หยวนซิ่นเล่อทุกข์ใจยิ่งนัก เขาหรือสู้อุตส่าห์ร่างคำพูดสวยหรูมากมายออกมา มอบให้ฝ่าบาททอดพระเนตร ตอนแรกก็ยังพอถูไถไปได้อยู่ แต่พอองค์หญิงไป๋หนิงเซียนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็ถูกหญิงชั่ว แค่ก แม่นางน้อยผู้นั้นทุบทำลายจนหมด

    ยามนี้ทั่วทั้งเผ่าสวรรค์คงรู้กันหมดแล้ว ว่าแม่ทัพใหญ่หยวนมีใจแปรพักตร์ คิดเข้าร่วมกับฝ่ายมาร น้องชายเช่นเขาหรือก็แสนจะร้อนใจ รีบเร่งมาส่งข่าวให้อีกฝ่ายคิดหาทางออก แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่านอกจากผู้เป็นพี่จะไม่สนใจใยดีแล้ว ยังด่ากราดเขาอีก ที่ทำให้พี่สะใภ้ถูกนินทาลับหลัง

    คนเป็นน้องชายเช่นข้า ก็ลำบากใจนะ!

    เรื่องนี้หากพูดกันจริง ๆ ก็ต้องบอกว่า องค์หญิงน้อยทำร้ายตนเองโดยแท้จริง เริ่มจากลงมือกลั่นแกล้งจิ้งจอกน้อยตนนั้น

    ต่อมาถูกเจ้าตำหนักเหวิน และเจ้าหุบเขาซูเม่ยตามไปเอาเรื่อง อับอายขายหน้ากันทั้งเผ่าสวรรค์ จนไม่รู้จะทำเช่นไร พอไร้ทางออกแล้ว ก็โยนทุกอย่างมาให้พี่ชายเขา ฝ่าบาทก็เหลือเกิน รักนางจนโง่เขลา คิดบังคับให้พวกเขาสกุลหยวนรับนางเข้าตระกูล

    เรื่องนี้ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้ใดไม่รู้แต่หยวนซิ่นเล่อรู้ดีแก่ใจ พี่ชายตนแต่งงานนานแล้ว ทั้งดวงใจมีเพียงงูน้อยตนนั้น ไหนเลยจะแต่งกับนางได้ ต่อให้ต้องฝืนตบแต่งนางเข้ามา ก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาในนามเท่านั้น

    เดิมทีเรื่องนี้ควรสะสางกันให้เรียบร้อย หลังจากที่เดินทางมาขมาจิ้งจอกน้อยที่เผ่ามาร แต่คนคำนวณหรือจะสู้ชะตาลิขิต การเดินทางครั้งนี้ กลับพบเจอคนที่หายสาบสูญไปหลายร้อยปี ทั้งยังพบเจอกันใหม่ ในฐานะที่ไม่ธรรมดาเสียด้วย

    พอคิดไปถึงใบหน้างดงามของพี่สะใภ้ตนผู้นั้น หยวนซิ่นเล่อก็เย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง เรื่องนี้...ยากจะจัดการให้ดีจริง ๆ

    หยวนชงเมิ่งไม่นำพากับน้องชายตนแม้แต่น้อย จอมทัพหนุ่มยืดขาตนออก จากนั้นขยับแขนซ้ายขวา ปากก็กล่าวกับน้องชาย "เอาไว้ข้ากลับไปอธิบายกับฝ่าบาทเอง พวกเขาอยากจะพูด ก็ให้พูดเสียให้พอเถอะ"

    "พี่สะใภ้เล่า ท่านจะทำเช่นไร"

    "แน่นอนว่าต้องพาเขากลับไปด้วย" หยวนชงเมิ่งปรายตามองอีกฝ่าย "หลายปีมานี้ พี่สะใภ้เจ้าลำบากไม่น้อย ซิ่นเล่อล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปเจ้าต้องเอาใจใส่พี่สะใภ้เจ้าให้ดี"

    หยวนซิ่นเล่ออยากร้องไห้ ก็ไม่มีน้ำตา อะไรคือบอกให้เขาใส่ใจอีกฝ่ายหรือ ตอนนี้เขาเพียงภาวนาเงียบ ๆ อย่างโศกเศร้า ขอให้พี่สะใภ้ไม่อยากสังหารเขาสักหนึ่งเค่อ ทุกครั้งที่พบหน้า ก็ยากเย็นแล้ว

    เขาอยากจับพี่ชายตนเองมาเขย่าแรง ๆ จากนั้นตะโกนให้ดังก้องทั่วสามภพ ให้เขาเอาอะไรไปใส่ใจฉู่ชิงซา บุรุษผู้นั้นมิใช่งูน้อยแสนซื่อของท่านแล้วนะ

    นั่นจอมมาร!

    ท่านพี่ ภรรยาท่านยามนี้เป็นจอมมารแล้ว!

    แม้อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเอง หยวนซิ่นเล่อตัวน้อยก็ต้องอดทนเอาไว้ เขาก้มหน้าลดเสียงลง "ความหมายของท่าน อย่างไรก็ต้องพาพี่สะใภ้กลับไปให้ได้หรือ เช่นนี้จะไม่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่หรือขอรับ"

    หนึ่งฝ่าเท้าที่ท่านจอมมารผู้นั้นเหยียบลงมา เผ่าสวรรค์จะรับไหวหรือไม่เล่า

    ความไม่สบายใจนี้ มิใช่ไร้ที่มาที่ไปเสียทีเดียว ก็ดูเอาเถอะ เผ่าสวรรค์นั้น ผู้ที่เป็นดั่งเสาค้ำยันเอาไว้ก็คือแม่ทัพหยวนชงเมิ่งผู้นี้มิใช่หรือ ขอเพียงมีเขาอยู่ เผ่าสวรรค์ก็จะสงบสุข และปลอดภัยไปอีกหลายพันหลายหมื่นปี

    แต่ว่าท่านทั้งหลาย หากคนที่มีเรื่องกับเผ่าสวรรค์คือภรรยาของเขาเล่า นี่ก็เป็นปัญหาแล้ว จอมทัพท่านนี้รักถนอมภรรยายิ่งกว่าสิ่งใด หากวันดีคืนนี้คนงามผู้นั้นชี้ขึ้นไปบนตำหนักใหญ่ บอกว่าเผ่าสวรรค์เกะกะลูกตา เขากล้าเอาศีรษะตนเองเป็นประกันเลยว่า พี่ชายคนดีของเขา จะต้องทำเหมือนอย่างปีนั้น ใช้เลือดล้างเผ่าสวรรค์อีกคราแน่

    หยวนซิ่นเล่อกดข่มความขมขื่นของตน ยังกล่าวว่า "ท่านพี่ พี่สะใภ้อย่างไรก็เป็นคนผะ เผ่ามาร ยังเป็นเอ่อ เป็นราชาเผ่ามารเชียวนะ ท่านพาเขากลับไป ไม่ดีแน่เชื่อข้าเถอะ"

    มือหนาตบลงบนตั่งไม้จนแตกร้าว น้ำเสียงของจอมทัพหนุ่มดุดัน กราดเกรี้ยว "หยวนซิ่นเล่อ หลายปีมานี้อาฉู่ต้องพลัดพรากจากข้า อยู่ตัวคนเดียว เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนเผ่ามาร เขาไม่เหมาะสม เคยถามข้าหรือไม่"

    "..."

    "เจ้าบอกว่าพาพี่สะใภ้เจ้ากลับไปไม่ได้ เช่นนั้นต้องทำเช่นไร" หยวนชงเมิ่งโมโหจนหัวเราะออกมา "หรือต้องให้ข้าอยู่กับภรรยาตนเองอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ให้ผู้อื่นมาชี้หน้าด่าอาฉู่ ว่าเขาล่อลวงข้าเช่นนั้นหรือ!"

    หยวนซิ่นเล่อก้มหน้าลงต่ำ รีบละล้าละลังกล่าว "ทะ ท่านพี่ เป็นซิ่นเล่อไม่ระวังคำพูด เป็นข้าไม่ดี ข้า ข้าเพียงแค่ห่วงพวกท่าน"

    "หากเจ้าห่วงข้า ก็อย่ากล่าวเรื่องพวกนี้อีก" มองน้องชายตนเองอีกครั้ง ยามนี้เจ้าเด็กโง่นี่แทบจะร่ำไห้ออกมาแล้ว หยวนชงเมิ่งก็อ่อนใจ "เจ้าดู"

    จอมทัพหยวนลุกขึ้น เดินอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ให้น้องชายดู หยวนซิ่นเล่อมองพี่ชายตนเอง ยังรู้สึกว่าเขาเดินได้ประหลาดยิ่ง "ท่านทำอะไรน่ะ"

    "เจ้าดู ร่างกายนี้ก็เป็นพี่สะใภ้เจ้าเก็บไว้ให้ข้า" น้ำเสียงจอมทัพหนุ่มแฝงแววโอ้อวด "เขาแสนดีเพียงนี้ เจ้าจะให้ข้าหักใจทำเรื่องผิดต่อเขาหรือ"

    ใบหน้ารองแม่ทัพเผ่าสวรรค์ยามนี้ ยิ่งประหลาดกว่าพี่ชายตน เขารู้เรื่องที่ท่านพี่ได้ร่างเดิมคืนมาแล้ว พลังส่วนใหญ่ก็ฟื้นคืนกลับมาจนหมดด้วย ทั้งหมดจะต้องยกความดีความชอบให้พี่สะใภ้ แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะถูกพี่ชายแท้ ๆ ยัดอาหารหมาให้เช่นนี้

    ท่านเป็นคนเช่นนี้หรือ เห็นข้าเป็นหมาโสดตัวคนเดียว จะรังแกกันเช่นไรก็ได้หรือ!

    เขาพลันรู้สึกไม่มีอะไรจะกล่าวขึ้นมาเฉย ๆ แต่เมื่อมองดวงตาที่มักเย็นชาอยู่เป็นนิด ยามนี้กลับสดใสขึ้นมา ก็อดมิได้ต้องเอ่ยเตือนเขาอีกสักหน่อย "เอาเถอะ อย่างไรคนก็เป็นภรรยาท่าน เป็นพี่สะใภ้ข้า ในอนาคตก็ยังสำคัญกว่าคนนอก ข้าย่อมช่วยท่านดูแลปกป้องเขา"

    แม้ว่าจะไม่จำเป็นสักนิดก็เถอะ…

    หยวนชงเมิ่งนั่งลงข้างเขา พลางยื่นมือออกไปลูบศีรษะน้องชายตน "ดี"

    "แต่ท่านพี่ เรื่องอื่นข้าไม่พูดได้ แต่เรื่องนี้ยังต้องกล่าว" หยวนซิ่นเล่อกล่าวเสียงเครียด "พาพี่สะใภ้กลับไปแล้ว จะทำเช่นไรต่อ อีกไม่นานท่านต้องผ่านประตูเคราะห์กรรม ลงไปเมืองมนุษย์ ผ่านด่านเคราะห์เพื่อบรรลุพลังเทพนะ"

    "..."

    "...อย่าบอกนะ ว่าท่านลืมไปแล้ว"

    เขาลืมแล้วจริง ๆ…

    หยวนชงเมิ่งเมินสายตาจับผิดของน้องชาย จิบชาครุ่นคิดเงียบ ๆ เดิมทีเรื่องนี้ไม่นับเป็นอะไร ด่านเคราะห์นี้ถูกกำหนดมาแล้ว อย่างไรก็หนีไม่พ้น รั้งไว้อีกพันปี สุดท้ายก็ยังต้องไป แต่เมื่อยามนี้ได้พบคนรักแล้ว เขาไหนเลยจะตัดใจจากไปได้ ยิ่งมิอาจเอ่ยปากบอกคนรักได้

    จะให้เขาบอกอาฉู่ว่าอย่างไร เขาจะต้องกระโดดลงไปยังโลกเบื้องล่าง เพื่อผ่านด่านเคราะห์กรรมจากสวรรค์ ให้ภรรยาตัวน้อยอยู่บ้านดี ๆ รอเขากลับมา เช่นนั้นหรือ

    เพิ่งกลับมาพบกัน เพิ่งได้มีเวลาอยู่ร่วมกัน ชดเชยเรื่องราวที่ผ่านมา เขาก็ต้องจากไปด้วยเรื่องงี่เง่าพรรค์นี้ งูน้อยคนดีของเขาจะรู้สึกเช่นไร แน่นอนว่าย่อมเสียใจ

    ขนาดเขาคิดว่าจะต้องออกห่างจากภรรยา เขายังเจ็บปวดแทบตาย ความเสียใจของอาฉู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพียงนัยน์ตางดงามคู่นั้นฉายแววเจ็บปวดออกมา ก็เปรียบดั่งเขาถูกหมื่นศรทะลวงร่าง ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น โดดเดี่ยวทุกข์ทรมาน

    เรื่องนี้….

    เรื่องนี้น่ะ…

    ด่านเคราะห์บ้าบอพรรค์นี้น่ะ จะให้ภรรยารู้ไม่ได้!

    ในที่ที่สองพี่น้องมองไม่เห็น ฉู่ชิงซาคลายมือที่กำรอบถาดไม้ออกช้า ๆ เลือดสีสดไหลออกมาจากปากแผลที่ถูกเศษไม้เสียบทะลุ หยดลงบนชายชุดสีขาวหิมะจนแดงฉาน ท่านจอมมารหลุบตามองกาสุรา และขนมในมือ ก่อนค่อย ๆ เดินออกห่างจากหน้าต่างห้องนอนของตน

     

    หลายวันมานี้ ท่านจอมมารเก็บตัวอยู่ในห้องพิธีกรรม กระทั่งแม่ทัพสวรรค์ผู้เป็นแขก? ในสายตาของคนทั้งวังสือซว่าน ก็มิอาจเข้าพบ หยวนชงเมิ่งเองก็ร้อนใจ เดิมทีนึกว่าระหว่างตนกับภรรยายังสามารถคุยกันได้อยู่ดี ๆ กลับถูกอีกฝ่ายหลบหน้า จอมทัพหนุ่มก็ถึงกับไปไม่เป็น พยายามขอเข้าพบอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง กลับถูกคนเฝ้าประตูขวางเอาไว้

    สุดท้ายไร้หนทางแล้ว จึงได้แต่บากหน้ามาขอร้องให้ศิษย์ตัวน้อยของภรรยา ลองเข้าไปดูให้สักครั้ง "เสี่ยวเฟย อย่างไรก็ช่วยข้าสักครั้งเถอะ"

    เฟยเมี่ยวมองภาพบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้า แววตาจิ้งจอกซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหลุบตายิ้มน้อย ๆ "เอาเถอะ อย่างไรก็มิได้พบอาจารย์มาหลายวันแล้ว ถือว่าข้าไปเยี่ยมเขาแล้วกัน"

    "ขอบคุณมาก!" หยวนชงเมิ่งยกยิ้มมุมปาก เขาล้วงเอายาขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้อีกฝ่าย "ส่วนนี่เป็นของรับขวัญเจ้า ยามอาฉู่รับเจ้าเป็นศิษย์ ข้ามิได้อยู่ด้วย ยามนี้ทราบเรื่องแล้ว ย่อมชดเชยให้เจ้า"

    เฟยเมี่ยวหรี่ตาลง มองของในมืออีกฝ่าย นี่มิใช่ว่ามอบยาพิษให้เขาหรอกนะ "...ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา"

    "ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ของ ๆ ข้า ก็คือของ ๆ อาจารย์เจ้า อย่าได้เกรงใจ"

    ไม่ได้เกรงใจ เขากลัวตายต่างหาก…

    ผู้ใดจะรู้ซึ้งถึงของขวัญแต่ละอย่าง ที่อาจารย์มอบให้ได้เท่าเขา ตั้งแต่ถูกมารดาถีบหัวส่งให้มากราบฉู่ชิงซาเป็นอาจารย์ เฟยเมี่ยวก็ได้เปิดหูเปิดตากับประตูยมโลกนับครั้งไม่ถ้วน เวลานี้สามีของคนผู้นั้นมอบขวดยาให้เขา เขาย่อมคิดระแวงว่าเป็นยาพิษเอาไว้ก่อน

    นี่ต้องโทษเจ้างูน่าตายนั่น!

    วิธีสอนศิษย์มีเป็นร้อยเป็นพันวิธี กลับเลือกใช้แต่วิธีบัดซบ แต่แม้จะคร่ำครวญในใจเช่นไร ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็เป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่ ตั้งแต่มาอยู่ที่วังสือซว่าน ฉู่ชิงซาก็ไม่เคยเก็บตัวหายเงียบไปเช่นนี้

    จนกระทั่งได้พบสามีในเรื่องเล่าของเขาผู้นี้ เฟยเมี่ยวก็ลอบสังเกตเขาอย่างเงียบเชียบมาตลอด และรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของอาจารย์ตนนั้น ไม่ใคร่จะปกตินัก

    เมื่อตัดสินใจแล้ว เฟยเมี่ยวจึงเดินทางไปหาอาจารย์ของตนทันที ด้วยเพราะฉู่ชิงซาไม่เคยห้ามปรามเขา ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดในวังสือซว่าน เฟยเมี่ยวจึงสามารถเข้ามาในห้องพิธีกรรมได้อย่างง่ายดาย

    เพียงแค่เปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เฟยเมี่ยวก็ถึงกับขมวดคิ้ว ยกมือใช้ชายเสื้อของตนปิดจมูก กลิ่นสุราแรงเพียงนี้ อาจารย์ของเขากำลังทำอะไร นอนแช่เหล้าหรือ

    ในห้องปิดทั้งประตูหน้าต่าง แทบจะไม่ยอมให้แสงตะวันสาดส่องถึง นี่หากอยู่ในยุคของเขา เฟยเมี่ยวยังคิดว่าตัวเองหลุดเข้ามาในหนังสยองขวัญแล้วเสียอีก ไฟจิ้งจอกสีม่วงงดงามปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เพียงสะบัดเบา ๆ หนึ่งครั้ง ทั่วทั้งห้องก็สว่างไสวขึ้นมา

    จิ้งจอกน้อยเดินเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้า เมื่อเดินผ่านฉากกั้นฉลุลายไผ่สีทองเข้ามา เขาก็ผงะแทบหงายหลัง ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ มองดูร่างขาวผ่องของฉู่ชิงซา ที่นอนเหม่อลอยอยู่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก

    ขังตัวเองอยู่ในนี้มาหลายวัน ทั้งตัวถูกรมด้วยกลิ่นสุรา นี่มิใช่ว่าดื่มสุราจนสิ้นใจตายไปแล้วหรอกนะ มองดวงตาที่เหม่อลอยของอีกฝ่าย เฟยเมี่ยวก็เครียดขึ้นมาอย่างมิทราบสาเหตุ

    เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างผู้เป็นอาจารย์ นั่งยอง ๆ ลงมองเขาอย่างไม่สบายใจ มือเรียวยื่นไปอังใต้จมูกของอีกฝ่ายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

    "...ทำอะไร" น้ำเสียงแหบแห้งเจียแววขบขัน ดังออกมาจากริมฝีปากบาง เสียงยามพูดแม้หยาบกระด้างไปบ้าง ก็ยังฟังออกว่าเขาพยายามกลั้นขำอยู่

    เฟยเมี่ยวเก็บมือของตนเองกลับมา สีหน้าจิ้งจอกน้อยว่างเปล่า "ข้าก็นึกว่าตายไปแล้วเสียอีก"

    ฉู่ชิงซากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ "อาจารย์ยังมีเจ้าต้องดูแล จะตายเพียงเพราะสุราไม่กี่ไหได้อย่างไร"

    ไม่กี่ไหคำนี้ เฟยเมี่ยวรู้สึกนับถือผู้เป็นอาจารย์ยิ่งนักที่กล่าวออกมา หากให้บ่าวไพร่มาเก็บไหเหล้าทั้งหมดออกไปเรียงไว้ด้านนอก ลานกว้างหน้าเรือนนอนของเขา ก็ยังไม่รู้จะวางพอหรือเปล่า

    แต่นี่ก็ไม่นับเป็นอะไร เฟยเมี่ยวช่วยพยุงอาจารย์ของตน ที่ยามนี้กลายเป็นผีสุราขึ้นมาจากพื้น พาเขาขึ้นไปนั่งลงบนตั่งให้ดี ๆ ก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าเขาข้างหนึ่ง ช่วยเขาจัดแจงเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย ปากก็ถามคล้ายไม่ใส่ใจนัก "เป็นอะไร"

    "...เปล่า"

    "ท่านหลอกผีหรือ" ดวงตาเรียวถลึงมองอีกฝ่าย "เห็นอยู่ว่าทุกข์ใจเพียงนี้แล้ว ยังจะเปล่าทำซากอะไรอีก"

    ฉู่ชิงซากวาดตามองผู้เป็นศิษย์รักของตน เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของเจ้าจิ้งจอกน้อย "เขาให้เจ้ามาหรือ"

    'เขา' ที่ว่านี้ ย่อมหมายถึงแม่ทัพสวรรค์ผู้นั้น ไม่มีใครอื่น เฟยเมี่ยวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จากนั้นยังหยิบขวดที่อีกฝ่ายมอบให้ ส่งให้อาจารย์ตนถึงมือ "เขามอบให้ข้า บอกว่าเป็นของรับขวัญ ท่านช่วยข้าดูหน่อย เป็นยาพิษอะไร"

    ท่านจอมมารรับของจากมืออีกฝ่าย พอเปิดออกดู ก็พบว่าเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บชนิดหนึ่ง ดมดูแล้วน่าจะไม่มีพิษเจือปน "ของดีของเผ่าสวรรค์กระมัง ถ้าข้าเดาไม่ผิดคงเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บภายใน ในเมื่อเขาให้เจ้า ก็เก็บไว้เถอะ"

    "โอ้" เฟยเมี่ยวยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ดูงดงามและซุกซน "แปลกมาก ของขวัญที่สามีท่านให้ข้า เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ แต่ของขวัญพบหน้าของท่าน ที่เป็นอาจารย์ข้าแท้ ๆ กลับเป็นพิษร้ายหนึ่งขวด"

    "..."

    "นี่มันช่าง...ต่างกันมากเลย" จิ้งจอกน้อยหัวเราะคิกคัก ยังหยอกเย้าผู้เป็นอาจารย์ "หรือจริง ๆ ข้าควรกราบเขาเป็นอาจารย์ แล้วเรียกท่านว่าอาจารย์หญิงดี?"

    นิ้วเรียวของฉู่ชิงซา จิ้มหน้าผากขาวเนียนของลูกศิษย์ตัวน้อย "...หุบปากไปเลย"

    เฟยเมี่ยวเบะปากอย่างน่ารัก ยังกล่าวอย่างกระเง้ากระงอด "ท่านนี่ไม่น่ารักเลย ข้าไม่น่าเก็บท่านมาจากถังขยะเลยจริง ๆ!"

    พรืด

    ฉูชิงซาเขกศีรษะเจ้าก้อนขนตัวแสบไปที ก่อนยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ เย้าเขาเล่นจนเขาขำจะตายแล้ว

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×