ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักจอมทัพสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่.3 บางเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่อาจหวนคืนกลับมา

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 64


    บทที่.3

    บางเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่อาจหวนคืนกลับมา

     

    หลังจากนั้น ฉู่ชิงซาจำได้ว่าจิ่นเหิงหายตัวไป หายไปในตอนที่กองทัพของเผ่าสวรรค์ บุกเข้ามาในป่าต้องสาปราวกับสายน้ำหลาก เท้าเปลือยเปล่าของงูน้อยอาฉู่ วิ่งออกตามหาคนรักที่ไม่แน่ชัดว่าเป็นคนเผ่าพันธุ์ใดผู้นั้น วิ่งข้ามผ่านกองซากศพของสหายร่วมเผ่า วิ่งผ่านกองกระดูกของคนที่เคยดีกับเขา ดูแลเขา

    เพื่อคนผู้นั้นเขาถูกฟันหนึ่งแผนใหญ่ที่หลัง กับรอยแผลจากการต่อสู้มากมาย ยามนั้นเขารู้สึกเช่นไรกันนะ คงไร้ความรู้สึกไปแล้วกระมัง ฉู่ชิงซารู้สึกว่าตนเองยามนั้นไม่เจ็บเลย หากแลกกันกับในวินาทีต่อมา เขาจะสามารถมองเห็นเงาร่างของสามีได้ แผลเหล่านี้นับเป็นอะไร

    ต่อมาเมื่อพบคนรักอีกครั้งเขาถึงได้รู้ ตอนนั้นตนเองเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่ก็ไร้หนทางจะลุกขึ้นสู้หรือต่อต้าน ความเป็นห่วง และหวาดกลัวยามนั้น ราวกับเป็นเพียงนิทานเรื่องเล่าที่เคยได้ฟัง คล้ายว่าเคยเกิดขึ้นจริง แต่ก็จอมปลอม

    ช่างเป็นงูน้อยที่โง่เขลา…

    ฉู่ชิงซาพาอีกฝ่ายมาจนถึงหน้าปากถ้ำที่เคยอาศัยอยู่ ด้วยพลังอภินิหารของจอมมาร การจะทำให้บางสิ่งบางอย่างกลับมาคล้ายคลึงกับวันวานนั้นไม่ยากเลย อย่างน้อยที่เขาทำได้ก็คือเก้าในสิบส่วน

    เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปภายในถ้ำหยุดชะงัก เพราะมือหนาที่คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้ ฉู่ชิงซาหันกลับไปมองหยวนชงเมิ่งนิ่ง ๆ "เป็นอะไรไป"

    "อาฉู่…" หยวงชงเมิ่งสบตากับคนรัก "ที่นี่…"

    "ร่างของเจ้าอยู่ที่นี่"

    "..."

    "อยู่ที่นี่มาตลอด" อยู่ที่บ้านของเรา…

    จอมทัพหนุ่มหลุบตาลง หัวใจของเขาราวกับถูกของหนักทุบเข้าอย่างจัง ทั้งเจ็บปวดและละอายใจ 

    คนรักตัวน้อยของเขา 

    คนรักที่น่าสงสารของเขา...

    ปล่อยให้เขาจับตนเองไว้เช่นนั้น ฉู่ชิงซาพาเขาเดินเข้าไปด้านใน ถ้ำแห่งนี้ยังคงเหมือนวันวาน ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงแต่ที่ต่างออกไป กลับเป็นอากาศที่หนาวเย็นจนเสียดแทงปวดร้าว ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ หยวนชงเมิ่งก็ยิ่งหายใจได้ลำบาก ด้านในสุดที่สายตาของเขามองเห็น คือโลงน้ำแข็ง ที่ด้านในบรรจุร่างของคนผู้หนึ่งเอาไว้

    "นี่…"

    "จิ่นเหิงของข้า" ชายเสื้อคลุมสีขาวหิมะถูกสะบัดออกจากมืออีกฝ่าย ฉู่ชิงซาเดินเข้าไปหาโลงน้ำแข็งนั่นอย่างเชื่องช้า ท่านจอมมารนั่งลงบนโลงนั้น จากนั้นนอนลงแนบใบหน้าลงไปกับน้ำแข็งเย็นเฉียบ มองมาทางหยวนชงเมิ่ง "ชงเมิ่ง นี่ก็คือเจ้า"

    ปลายนิ้วมือของหยวนชงเมิ่งสั่นระริก เขามองร่างภายในโลกน้ำแข็ง ทั้งมองคนรักที่นอนอยู่บนนั้นอย่างตกตะลึง และก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยสิ่งใด ดวงตากลมของคนรักก็เบิกกว้าง ร่างของฉู่ชิงซากลายเป็นงูขาวหิมะ พุ่งเข้ามาฉกกัดลงไปบนลำคอของเขา จากนั้นสติของหยวนชงเมิ่งก็พร่าเลือน จมลงไปในอ้อมแขนของฉู่ชิงซา

    ท่านจอมมารมองคนในอ้อมแขนนิ่งงัน ปลายนิ้วสวยปัดผ่านรอยคมเขี้ยวของตนบนลำคออีกฝ่าย แผลที่เลือดสาดกระเซ็นค่อย ๆ จางหายไป ไล่นิ้วมือไปตามกรอบหน้าสมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายรอบหนึ่ง ฉู่ชิงซาก็ถอนหายใจ

    ร่างของหยวนชงเมิ่งถูกวางทิ้งเอาไว้บนพื้นเช่นนั้น กลงเล็บของจอมมารพุ่งเข้าสู่ห้วงจิตของเขา ฝืนฉีกกระชากดวงวิญญาณและร่างกายออกจากกัน ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งเลือดเย็น และไร้ความปรานี

    มือเรียวประคองดวงวิญญาณของคนรักเอาไว้ หนึ่งก้าว สองก้าวค่อย ๆ เดินกลับไปยังโลงน้ำแข็ง เขาจ้องมองดวงไฟสีเพลิงสุกสกาวในฝ่ามือ จากใบหน้าเรียบนิ่งก็ระบายยิ้มออกมา "จิ่นเหิง เจ้าควรตื่นได้แล้ว"

    หนึ่งร่างและดวงวิญญาณราวกับดึงดูดเข้าหากัน ฉู่ชิงซานำดวงวิญญาณของคนรักคืนให้ร่างกาย อสนีบาตฟาดลงมายังถ้ำมรกตอย่างแรง ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือน ดวงตาของฉู่ชิงซาสว่างวับ เขาปัดมือออกไปกางเขตอาคม อีกมือถ่ายทอดพลังเย็นยะเยือก เข้าสู่ร่างอีกฝ่ายปลอบประโลมแกนวิญญาณของคนรัก

    เนิ่นนานไม่รู้วันคืน สายฟ้าฟาดลงมาคล้ายต้องการพรากชีวิตของเขา เลือดสีสดไหลออกมาจากมุมปาก ดวงหน้างดงามของท่านจอมมารไร้สีเลือด กระทั่งขั้นตอนสุดท้ายในการคืนวิญญาณสำเร็จ เขาก็แค่นหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

    ฉู่ชิงซาเดินโซเซไปหาร่างของคนรัก มือเรียวกระชากร่างของอีกฝ่ายขึ้นมา กอดรัดเขาเอาไว้กับตัว ดวงหน้าแนบไปกับอกแกร่งของอีกฝ่าย

    อบอุ่นแล้ว…

    หัวใจก็เต้นแล้ว…

    ในที่สุดก็กลับมาหาเขาแล้ว ดียิ่ง

    "จิ่นเหิง" พอเอ่ยเรียกเขาเช่นนี้ ฉู่ชิงซารู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก จึงเปลี่ยนคำเรียก "ชงเมิ่ง…"

    "..."

    "เจ้ารู้หรือไม่ ต่อไปเรื่องของพวกเราจะเป็นเช่นไร เจ้าจำได้ไหมเจ้าติดค้างอะไรข้าบ้าง ความรักของข้า ความเชื่อใจของข้า รอยแผลเป็นที่หลังของข้า เลือดและชีวิตของพี่น้องในป่าต้องสาปของข้า หนึ่งชีวิตของข้า ที่กระโดดหน้าผาเพื่อเจ้า"

    "..."

    "มากมายเหลือเกิน" ฉู่ชิงซาหลับตาลง วงแขนที่ใช้กอดคนรักแน่นขึ้นไปอีก "พอเจ้าตื่นขึ้นมา ต้องคืนให้ข้านะ ชดใช้ให้ข้าอย่างที่เจ้าบอก ห้ามหลอกข้าอีก ห้ามหลอกข้าเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าคง…"

    กล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็คล้ายจะควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตนเองไม่ได้ หัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งเย้ยหยันและโกรธเกรี้ยว "...เผ่าสวรรค์ เดรัจฉาน!"

    "..." ไร้เสียงใดตอบกลับเสียงตะโกนของเขา ฉู่ชิงซาราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งคลุ้มคลั่งและวิปลาส เขาเงยหน้าขึ้นดวงตาแดงก่ำ มือขาวซีดยกขึ้นเขย่าร่างคนรัก "พวกเจ้าต้องชดใช้ให้ข้า ชดใช้ให้ข้า!" 

    กว่าที่พายุอารมณ์ของฉู่ชิงซาจะสงบลง สายฟ้าก็หยุดผ่าแล้ว ท่านจอมมารผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า

     

    แสงสุริยันมิอาจส่องถึงด้านในถ้ำ รอบด้านยังคงมืดมิดไม่รู้วันคืน พอหยวนชงเมิ่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่าคนรักตัวน้อยของตนนอนซบอกของตนอยู่ เครื่องหน้างดงามขาวซีดไร้สีเลือด รอยสีแดงฉานที่มุมปากยังคงเด่นชัด จอมทัพหนุ่มทั้งตื่นตระหนก ทั้งลนลาน 

    มือหนายื่นออกไปแตะบนบ่าของอีกฝ่าย ชั่งใจอยู่นานกลับหักใจปลุกเขาไม่ลง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบนอกเขา หยวนชงเมิ่งหรี่ตาลงเพ่งมองใบหน้างามให้ชัดขึ้น จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่มากล้นออกมา 

    ความรัก ความโหยหา

    ความคิดถึง ความเสียดาย

    ความรู้สึกผิด ความเสียใจ 

    มากมายเหลือเกิน…

    เขาติดค้างคนรักมากมายเหลือเกิน…

    เนิ่นนานหลังจากนั้น กาลเวลาไหลผ่านไปเรื่อย ๆ ในที่สุดฉู่ชิงซาก็ลืมตาตื่น ครั้นเขาลืมตาแล้ว ดวงตาสีทับทิมก็สบเข้ากับแววตาสงบนิ่งของบุรุษอีกคน ฉู่ชิงซาดันตัวเองขึ้นมาจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ราวกับก่อนหน้ามิใช่ตนที่นอนอยู่ตรงนั้น 

    ท่านจอมมารจัดแจงอาภรณ์บนตัวอย่างคล่องแคล่ว เส้นผมที่พันกันถูกเขาสางออกลวก ๆ ก่อนเอ่ยขึ้นมา ทั้งคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจ "ขยับได้หรือไม่"

    หยวนชงเมิ่งลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย ร่างกายยังอ่อนล้าอยู่หลายส่วน พอลองขยับดู ก็ไม่คุ้นชินสักเท่าใด ฝืนใจตอบกลับไปได้คำเดียวว่า "...ได้"

    "เช่นนั้นก็กลับเถอะ" กล่าวจบคนก็เดินจากไป ทั้งไม่ช่วยพยุงเขา และไม่เหลือบแลเขา พอเดินทางถึงหน้าถ้ำแล้วอีกคนยังไม่ตามมา ฉู่ชิงซาก็ยืนรออย่างใจเย็น 

    หยวนชงเมิ่งเม้มริมฝีปากแน่น เขาทบทวนท่าทาง และอารมณ์ของคนรักอย่างระมัดระวัง ขณะที่ก็พยายามขยับตัว พาตนเองเดินตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย 

    กระทั่งถึงปากถ้ำ จึงพบร่างของอีกฝ่าย หยวนชงเมิ่งซวนเซจนอีกคนต้องคว้าตัวเขาเอาไว้ สุดท้ายยอมพยุงเขาให้ยืนได้อย่างมั่นคง จอมทัพหนุ่มหลุบตาลงมองคนรัก เขาพึมพำถามคำถาม "อาฉู่ โกรธเคืองด้วยเรื่องใด"

    ฉู่ชิงซาชะงักไปชั่วครู่ "นึกถึงอดีตน่ะ พอนึกถึงก็ไม่อยากมองหน้าเจ้าขึ้นมา"

    "พี่ขอโทษ"

    "ช่างเถอะ" แขนเรียวโอบรอบเอวสอบของสามี ฉู่ชิงซาเริ่มก้าวเดิน "เรื่องผ่านไปแล้วก็แล้วไป วันนี้คืนร่างนี้ให้เจ้าแล้ว ต่อไปพวกเราก็…ก็ค่อย ๆ ใช้ชีวิตให้ดี"

    ค่อย ๆ ใช้ชีวิตให้ดี คำกล่าวนี้ไม่เลวเลย 

    หยวนชงเมิ่งยิ้มอ่อนจาง "รู้แล้ว ต่อไปสามีเชื่อฟังเจ้า"

    ท่านจอมมารเพียงพยักหน้ารับรู้ ไม่กล่าวคำอีก วันคืนของคนทั้งสองผ่านไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้ พอกลับมาถึงวังสือซว่าน ฉู่ชิงซาก็ตัดสินใจให้หยวนซิ่นเล่อนำตัวองค์หญิงชั่วช้าผู้นั้นกลับเผ่าสวรรค์ไป รั้งให้เพียงสามีของตนอยู่ต่อ รักษาตัวทำความคุ้นเคยกับร่างกายนี้อีกครั้ง

    แม้อยากคัดค้านสุดหัวใจ ไหนเลยหยวนซิ่นเล่อจะทำได้ พี่ชายตนหรือก็อยากอยู่กับภรรยาใจจะขาด คนเขาชี้นิ้วไปทางซ้าย พี่ชายโง่ผู้นั้นก็ไม่มีทางไปทางขวา เขาที่เป็นเพียงน้องสามี ไหนเลยจะกล้าสอดปากของตนเข้าไปให้ท่านจอมมารบริภาษเล่น 

    สุดท้ายก็ต้องพาตัวองค์หญิงน้อยที่สภาพดูไม่ได้กลับไปก่อน รอรายงานองค์เง็กเซียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ค่อยดูท่าทีของทั้งสองฝ่ายอีกครั้งก็ยังไม่สาย 

    อย่างไรคนก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ตน เป็นแก้วตาดวงใจของพี่ชาย เป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง รองแม่ทัพเผ่าสวรรค์เขียนรายงานด้วยความกลัดกลุ้มอยู่นาน สุดท้ายตวัดพู่กันเขียนความจริงออกไปสามส่วน เท็จเจ็ดส่วน ปกป้องภรรยาของพี่ชายไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

    ในเผ่าสวรรค์มีคำกล่าวหนึ่ง พวกเจ้าสามารถล่วงเกินเทพตัวเล็ก ๆ ได้ ล่วงเกินเทพเจ้าของตำหนักที่ปกครองทั้งสามทิศได้ ล่วงเกินองค์เง็กเซียนก็ยังได้ แต่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร พวกเจ้าก็มิอาจล่วงเกินคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นก็คือจอมทัพแห่งเผ่าสวรรค์ แม่ทัพหยวน หยวนชงเมิ่ง 

    หากเจ้ากล้าล่วงเกินเขา ไม่ไว้หน้าเขา ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับเผ่าสวรรค์ทั้งเผ่า ถัดไปจากนั้นความจริงไม่มีแล้ว แต่หยวนซิ่นเล่อตระหนักรู้มาตลอด ความจริงพี่ชายเขาผู้นี้ พวกท่านสามารถล่วงเกินได้แน่นอน 

    เจ้าท่อนไม้นั่นจะด่าจะว่า นินทาลับหลัง เขาล้วนไม่เก็บคำพูดของผู้ใดมาใส่ใจ ล้วนเป็นเพียงอากาศธาตุทั้งสิ้น แต่เจ้าอย่าได้กล้าล่วงเกินภรรยาเขา 

    อย่าได้แม้แต่จะคิด!

    เขายังจำได้ไม่ลืมเชียวละ ปีนั้นที่ตนเองทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากมาย แทบจะคลานเข่าเข้าไปหาหมอเทวดาหลวนให้ช่วยพี่ชายตน เจ้าพี่บัดซบนั่นพอฟื้นขึ้นมา อย่างแรกที่เขาทำกลับมิใช่การกอดปลอบน้องชายที่เสียขวัญ ขอบคุณเขาด้วยความจริงใจ หรือซาบซึ้ง

    สิ่งแรกที่จอมทัพผู้ยิ่งใหญ่กระทำ หลังจากลืมตาตื่น คือการพลิกฝ่ามือเรียกคันธนูทลายสวรรค์ออกมา สามตำหนักฟ้า หกสวนสวรรค์ ถูกเขากวาดล้างด้วยโทสะ ใช้เลือดล้างเผ่าสวรรค์ไปครึ่งหนึ่ง เทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ องค์เง็กเซียนยังถูกเขาข่มขวัญจนแทบจับไข้ ผู้ใดก็เข้าหน้าเขาไม่ติดทั้งนั้น 

    แม้แต่น้องชายแท้ ๆ เช่นเขา ก็ยังถูกลงโทษตามกฎทหาร เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเอาชีวิตรอด อยู่เป็นผู้เป็นคนมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ยามนี้พาองค์หญิงไปขอขมาถึงแดนมาร หากรายงานไปถึงพฤติกรรมทั้งหมดของพี่สะใภ้ตน เป็นเหตุให้อีกฝ่ายไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือถูกรังแก (แม้ว่าน่าจะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกก็เถอะ) ชีวิตน้อย ๆ ของเขาต่อจากนี้ จะต้องถูกพี่ชายทรมานจนร้องขอความตายแน่ 

    แค่คิดหนังศีรษะก็ชาไปหมดแล้ว คนหลงเมียนี่น่ากลัวจริง ๆ นะ!

    เพราะฉะนั้นแล้ว จะรายงานเรื่องทั้งหมดไม่ได้เด็ดขาด ปกป้องพี่สะใภ้เอาไว้ให้ได้! ต้องเป็นคนมีวิสัยทัศน์!

     

     

    *อยากทำอะไรก็ทำ ใครก็ขวางไม่ได้ 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×