คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่.13 ข้าคิดว่า... 100%
บทที่.13
ข้าคิดว่า...
พอเห็นว่ามาไกลจนคนกลุ่มนั้นตามมาไม่ทันแล้ว
ชิงเถาจึงวางจูรั่วซีลงบนพื้น สองมือช่วยประคองให้นางทรงตัวให้ดี
ก่อนผละออกมารักษาระยะห่าง ทั้งประสานสองมือทำความเคารพ "องค์หญิง"
จูรั่วซีเม้มริมฝีปาก
มองคนผู้นั้นทำท่าทางห่างเหินใส่ตน ไม่พบกันครู่หนึ่ง ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "ชิงเถา…"
"องค์หญิงเสด็จมาที่นี่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"
ชิงเถาเอ่ยถาม หัวคิ้วยังขมวดอย่างไม่ค่อนสบายใจ "แล้วองครักษ์ของพระองค์เล่า ผู้ติดตามเล่า เหตุใดจึงอยู่ผู้เดียว"
พอเอ่ยถึงคนเหล่านั้น
องค์หญิงน้อยก็ขอบตาแดงก่ำ นางอยู่ที่นี่มีสภาพเช่นนี้ ไหนเลยยังจะให้เอ่ยถึงคนพวกนั้นอีก "ไม่มีผู้ติดตาม
ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงข้า"
ชิงเถายิ่งตึงเครียดกว่าเดิม "เกิดอะไรขึ้น"
จูรั่วซีเดินตามอีกฝ่ายไปยังริมแม่น้ำ
มองคนผู้นั้นปัดฝุ่นบนหินก้อนใหญ่ให้ตน จากนั้นผายมือให้ตนนั่งลง
นางนั่งลงอย่างว่าง่าย รับความเอาใจใส่จากชายหนุ่มอย่างยินดี
ยอมเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
"ข้า...ข้าหนีมา"
"หนี"
คล้ายว่าหูเขาจะไม่ค่อยดี ชิงเถามองนางอย่างไม่เข้าใจ "หนีมา?"
"อืม หนีมา"
องค์หญิงจูก้มหน้าลงต่ำ ดวงตาหลุบลงจนเห็นขนตายาว "เสด็จพ่อ ไม่สิ ฮ่องเต้คิดส่งข้าให้แม่ทัพผู้หนึ่ง เขา...ให้ข้าแต่งออกไป"
ชิงเถา "..."
"ชิงเถา ข้า…"
นางเงยหน้าขึ้นมองบุรุษตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ "ข้าไม่อยากแต่ง"
"...อะ"
เขากลับไม่รู้จะปลอบใจนางเช่นไร
พอรู้มาบ้างว่าหลังจากกลับไปแล้ว
นางได้รับความลำบากไม่น้อยจากเรื่องของญาติผู้พี่ตน
แต่เรื่องนี้เกินกว่ากำลังของเขาจะจัดการ ยามนี้คนกลับหนีมาถึงที่นี่
ชิงเถารู้สึกทั้งสงสาร และจนปัญญากับนาง
พอมององค์หญิงน้อยตรงหน้าอีกครั้ง
ชายหนุ่มก็ได้แต่เพียงถอนหายใจ แล้วนั่งลงตรงหน้านาง "แล้วองค์หญิงจะเสด็จไปที่ใดหรือ"
หนีออกมาปานนี้
คงมิใช่ว่าไม่มีจุดหมายหรอกกระมัง
"ข้ามางานชุมมุนกระบี่"
จูรั่วซียังคงตอบคำถามเขา "ได้ยินว่าในงานจะมีการรับศิษย์ด้วย
ข้า...คิดว่าจะลองดู"
ลองดู?
ลองอะไร
ลองสมัครเป็นศิษย์พรรคหมื่นกระบี่?
คราวนี้ใบหน้าหล่อเหลาของชิงเถายับยู่ไม่น่ามองแล้ว
เขากวาดตามององค์หญิงน้อยอย่างประหลาดใจ แม่นางผู้นี้เคยปีนกำแพงวังอ๋องมาแล้ว พื้นฐานวรยุทธ์นางคงพอมีบ้าง
ถึงหนีออกมาคนเดียว ทั้งมาได้ถึงที่นี่
เพียงแต่คนในราชวงศ์ผู้หนึ่ง
ทั้งเป็นถึงองค์หญิง จะมาเข้าร่วมสำนักฝึกยุทธ์ นี่ออกจะ...ประหลาดไปหน่อยหรือไม่
"ท่านประมุขฟังสิเจ้าคะ"
เสียงสตรีผู้หนึ่ง เรียกความสนใจของชิงเถา พอหันกลับไปตามเสียง
ก็เห็นว่าห่างออกไปไม่ไกลมีร่างของหลี่เค่อเฟิงยืนอยู่
ข้างกายยังคงเป็นหรงซินเยว่ที่เอ่ยคำไม่หยุด "องค์หญิงน้อยบอกว่าจะเข้าร่วมกับพรรคหมื่นกระบี่เจ้าค่ะ
พวกคนในรั้วในวังนี่เข้าใจยากจริง เป็นองค์หญิงอยู่ ๆ ก็อยากออกมาลำบากข้างนอก"
"เจ้าจะยุ่งเรื่องของผู้อื่นทำไม"
หลี่เค่อเฟิงปรายตามองชิงเถา "เรื่องของนาง
มิใช่ว่ามีผู้ที่ยินดียุ่งเกี่ยวอยู่แล้วหรือ"
คุณชายชิงสะอึกไปเพราะคำกล่าวนั้น
เขาขยับออกห่างจางองค์หญิงจูราวกับพบงูก็มิปาน
ดวงตาเรียวคมจ้อมมองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของหลี่เค่อเฟิง สนใจเพียงคนผู้นี้ "ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
หลี่เค่อเฟิงแค่นเสียงเย้ยหยัน "เรื่องง่ายดายเพียงนี้
เจ้ายังไม่รู้…"
บรรพบุรุษผู้นี้ของเขามีโทสะแล้ว…
คราวนี้จะเรื่องขององค์หญิงจู
หรือเรื่องใด ก็ดึงความสนใจของชิงเถาไปไม่ได้แล้ว เขารีบก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย
กระทั่งปลายเท้าชนกันจึงยอมหยุด "เฟิงอวิ๋น"
"..." หลี่เค่อเฟิงเอนไปด้านหลังด้วยความตกใจ
"จะทำอะไร"
"ท่านอย่าเข้าใจผิด"
"..."
"นางเป็นสหายของท่านอ๋อง
ข้า ข้าเพียงช่วยนาง…"
ประมุขหลี่ตอบกลับอย่างเฉยชา "มิใช่เรื่องของข้า"
"ไม่
นี่เรื่องของท่าน" มือของเขาไปไวกว่าความคิด
ทันทีที่หลี่เค่อเฟิงก้าวถอยหลัง เขาก็คว้าข้อมือของอีกฝ่ายมากุมไว้ "ข้าไม่ให้ท่านเข้าใจข้าผิด"
"เรื่องของเจ้า…"
"ไม่ยอมให้ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าผิด"
ใบหูของประมุขหลี่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
ชายหนุ่มหลุบตาลงมือมือเรียวที่กุมข้อมือเขาไว้ ภายในใจที่หนักอึ้งค่อย ๆ คลายออก "ข้า...เปล่า"
"โอ้"
เสียงของหรงซินเยว่แหวกอากาศเข้ามา
ทำลายบรรยากาศอบอุ่นระหว่างคนสองคน พอมองไปที่นางยามนี้
ชิงเถาพบว่านางกำลังใช้สองมือตะปบไว้บนปากของตนเอง ยังได้ยินเสียงอู้อี้ดังออกมา
ฟังไม่ค่อยชัดนัก "ท่าน ท่าน ท่านประมุข
ท่านเขินอายแล้ว!"
หลี่เค่อเฟิงถลึงตามองนาง
รีบสะบัดมือคนออกไป แล้วถอยไปยืนให้ห่างจากคนผู้นี้ พอเหลือบตาไปมองทางด้านนั้น
องค์หญิงอะไรสักอย่างนั่นกำลังมองมาทางนี้ ใบหน้านั้นซีดเผือดลงเรื่อย ๆ
ดวงตาดอกท้อแดงก่ำ
เหอะ!
ชิงเถารู้สึกปวดศีรษะ ทั้งจนปัญญา
นี่มันสถานะการณ์อะไรอีก เรื่องขององค์หญิงยังไม่ทันได้ขบคิดให้ดี
บรรพบุรุษผู้นี้ของเขาก็โผล่มา ทั้งไม่รู้ได้ยินเรื่องราวไปถึงไหนแล้ว
แต่ยังดี… ยังดีองค์หญิงยังไม่กล่าววาจาร้ายแรงออกไปมากกว่านี้
มิเช่นนั้นชิงเถาไม่อยากจะคิดเรื่องราวต่อจากนี้เลยจริง ๆ
แค่คิดว่าบรรพบุรุษของเขาผู้นั้นจะเข้าใจตนผิด
แผ่นหลังของเขาก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นแล้ว
สุดท้ายชิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
พลางเปลี่ยนเรื่อง
"พวกเรากลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ"
คนทั้งสามไม่มีความเห็นต่าง
ระหว่างทางชิงเถายังต้องคอยเดินประกบจูรั่วซี ไม่ให้นางรู้สึกแปลกแยกมากเกินไป
บทสนาระหว่างทาง จึงมีเพียงจูรั่วซีที่พยายามชวนชิงเถาพูดคุย
กระทั่งมาถึงโรงเตี๊ยมแล้ว
หลี่เค่อเฟิงและหรงซินเยว่จึงแยกตัวไป ปล่อยให้ชิงเถาจัดการเรื่องที่พักให้นางตามสมควร
"หากขาดเหลือสิ่งใด
องค์...คุณหนูสามารถบอกเสี่ยวเอ้อร์ได้เลยนะขอรับ ส่วนเรื่องเงิน...อืม
ให้ลงบัญชีข้าเอาไว้ก่อนแล้วกัน"
"ข้าพอมีติดตัว"
จูรั่วซีหลุบตาลง "ไม่เป็นไร"
ชิงเถายังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า "เข้าใจแล้ว"
เนิ่นนานหลังจากเงียบไป
จูรั่วซีช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่ม ดวงตาดอกท้อทอแววอ้อนวอน "...ชิงเถา"
"...ขอรับ"
"ต่อไป
ต่อไปพวกเรา" นางพยายามเรียบเรียงคำพูด
พอเห็นคนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นมองมา ก็รีบละล่ำละล่ำละลักกล่าว "ไม่สิ ต่อไปให้ข้าติดตามเจ้าเถอะนะ...ได้ไหม"
"นี่"
เป็นอีกครั้งที่ศีรษะของเขารู้สึกเจ็บร้าว
ชิงเถาสบตากับดวงตาดอกท้อตรงหน้า สุดท้ายก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธนาง "ยามนี้ข้าเองก็อาศัยชายคาผู้อื่นอยู่ เกรงว่าคงไม่เหมาะ"
"เช่นนั้นหรือ"
น้ำเสียงขององค์หญิงจูเจือแววแห่งความผิดหวัง ก่อนนางจะรีบกล่าวต่อ
"ที่เจ้าอยู่ด้วยยามนี้ คืออยู่กับคนผู้นั้นหรือ"
คนผู้นั้นก็คือหลี่เค่อเฟิง
ชิงเถาพยักหน้า
"เป็นประมุขหลี่"
"ประมุขพรรค?
ค่ายพรรคใดหรือ" นางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
ชิงเถาลังเลครู่หนึ่งจึงตอบนาง "เป็นเสี้ยวจันทรา"
"พรรคมาร!"
ดวงตาดอกท้อสั่งไหว นางคว้ามือของชิงเถาเอาไว้อยากตื่นตระหนก
"เหตุใดจึงอยู่กับคนพรรคมาร"
คุณชายชิงระบายยิ้มอ่อน
ดึงมือของตนออกมา
"พรรคมารก็เพียงคำเรียก ภายในแตกต่างอันใดกับสำนักอื่นหรือ"
"นี่…"
จูรั่วซีเม้มริมฝีปาก นางรู้ตัวว่าตนกล่าวผิดไป "ข้า ข้าเพียงแต่…"
"ไม่เป็นไร"
ชิงเถาส่งยิ้มให้นาง ปลอบนางด้วยคำพูดง่าย ๆ ไม่กี่ประโยค
"คุณหนูอย่าได้กังวล ชิงเถามีความสุขดี"
"..."
"รบกวนนานแล้ว
เชิญคุณหนูพักผ่อนก่อน"
พอส่งนางแล้วปิดประตูให้
ชิงเถามิได้กลับไปยังห้องพักของตน แต่เดินถัดมาอีกหน่อย
ยืนอยู่หน้าห้องพักของหลี่เค่อเฟิงแทน เขาลังเลครู่หนึ่ง ก่อนลองเคาะประตูดู "เฟิงอวิ๋น
ข้าเอง"
เสียงด้านในดังกุกกักอยู่ไม่นาน
ก็มีเสียงของหลี่เค่อเฟิงตอบกลับมา "มิได้ลงดาลประตู เข้ามา"
ชิงเถาเปิดประตู
นำตัวเองเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่าย จากนั้นปิดประตูให้เขาลงดาลไว้เรียบร้อย
จึงเดินเข้าไปหาอีกคน
หลี่เค่อเฟิงนั่งอยู่บนตั่งไม้
ด้านข้างมีน้ำชาเย็นชืดวางเอาไว้ ยังมีกระดาษอีกหลายแผ่น พร้อมพู่กันและแท่นฝนหมึก
ตัวคนตวัดพู่กันไม่หยุดพัก กระทั่งชิงเถานั่งลงตรงหน้าเขา คนก็ยังไม่หยุดเขียน
เหลือบมองกระดาษมากมายบนโต๊ะแล้ว
ชิงเถาก็เอ่ยถาม
"ทำสิ่งใดหรือ"
"เขียนสิ่งที่เห็นวันนี้
รายละเอียดหลายอย่างที่พอจำได้"
"อย่างเช่น?"
"พิธีการต่าง ๆ
แต่ละขั้นตอนในงานชุมนุมกระบี่"
อดมิได้ต้องเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย "เขียนเพื่อสิ่งใด"
หลี่เค่อเฟิงวางพู่กันลง
หยิบชาขึ้นมารินให้เขา
"จำแนกดูเท่านั้น ในพิธีการเหล่านี้ มีสิ่งใดน่าสงสัยบ้าง"
"อ๋อ"
"น้ำชาเย็นชืดแล้ว"
ประมุขหลี่ตีหลังมือของชิงเถาที่กำลังจะหยิบถ้วยชาเบา ๆ
ส่งมือตนเองไปกุมเอาไว้แทน ใช้กำลังภายในอุ่นน้ำชาให้เขา "ดื่มเถอะ"
"ขอบคุณท่าน"
ชิงเถาระบายยิ้ม อ่อนโยนนุ่มนวล
เขายกถ้วยชาอุ่นขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่าย ความอบอุ่นทะลุผ่านไปถึงกระดูก
"แล้วได้เรื่องอะไรบ้าง"
"ไม่ได้เลย"
หลี่เค่อเฟิงขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ "คงต้องรอดูวันงานอีกครั้ง"
"อืม"
"เจ้า...จะไปกับข้าหรือไม่"
"ย่อมไปกับท่าน"
มือเรียววางถ้วยชาลง ก่อนสบตากับคนตรงหน้า "เหตุใดจึงถามราวกับว่าข้าจะไม่ไปเล่า"
เขาคิดว่าตนเองเวลานี้
ก็แทบจะกลายเป็นเงาตามตัวอีกฝ่ายแล้ว ไม่รู้เพราะเหตุใดในดวงตาคมของคนตรงหน้า
จึงได้มีวี่แววของความลังเลใจ และสับสนเช่นนั้นได้
หลี่เค่อเฟิงหลุบตาลง
มองกระดาษหลายแผ่นบนโต๊ะ น้ำเสียงยังไม่ค่อยมั่นคงนัก "เจ้า...ไม่ใช่ว่าต้องดูแลนางหรือ"
นาง?
"ท่านหมายถึงองค์หญิงจูหรือ"
"องค์หญิง?"
"ก็คือนาง
คนที่ข้าช่วยเอาไว้ สหายของท่านอ๋องผู้นั้น" ชิงเถากล่าว
"องค์หญิงแห่งแคว้นฉิน จูรั่วซี"
"ที่แท้ถึงกับมีองค์หญิงด้วย"
หลี่เค่อเฟิงพึมพำกับตนเอง เขาเหลือบตามองชิงเถาที่อยู่ตรงหน้า
ก่อนหลุบตาลงครุ่นคิด
ระหว่างตนเองกับองค์หญิงผู้หนึ่ง
เขามีความสามารถพอที่จะแข่งขันกับนางหรือไม่ แต่พอคิดอีกที
เหตุใดข้าต้องแข่งกับนางด้วย เห็นอยู่ว่าคนมีใจปฏิพัทธ์ต่อข้าเพียงนี้ "ช่างเถอะ
ในเมื่อเจ้าบอกว่าจะไป เช่นนั้นถึงวันก็อย่าได้เปลี่ยนใจเล่า"
"ย่อมไปกับท่าน"
คุณชายชิงระบายยิ้ม "ส่วนเรื่ององค์หญิงจู...ข้า...เอ่อ"
"...หืม"
"นางบอกว่า
อยากติดตามข้าแค่ก ๆ หมายถึงนางออกมาจากวัง ไม่รู้จักผู้ใด
พอพบข้าก็เลยอยากจะให้ข้าช่วยดูแลสักพัก" คล้ายว่าคำพูดตนไม่ถูกต้องนัก
ชิงเถาจึงรีบกล่าวเสริม "เรียกว่าอยากให้ดูแลก็ไม่ถูก
จะว่าอย่างไรดี นางอยากให้ข้าหาที่พักให้นาง อะ เฟิงอวิ๋นท่านเข้าใจข้าหรือไม่"
อารมณ์ที่กลับมาดีขึ้นของหลี่เค่อเฟิง
ยามนี้ปลิวหายไปแล้ว ประมุขหลี่ใบหน้าทมึงทึง "ความหมายของเจ้าคือ นางอยากตามเจ้ากลับพรรคเสี้ยวจันทรา?"
คำกล่าวนี้
มองจากหลังคาก็รู้ว่าไม่พอใจ ชิงเถาละล่ำละลักกล่าวต่อ "อะ
หากท่านไม่สะดวกใจ ข้า เช่นนั้นข้าให้นางไปอยู่ที่เมืองฉางชุน
ฝากนางไว้กับสหายของข้า รอนางหาที่ทางที่อยากไปได้ ค่อยว่ากันอีกที"
ฟังอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้
ใบหน้าของประมุขหลี่จึงค่อยคลายลง เขากระแอ่มแห้ง ๆ ออกมา กล่าวอย่างขอไปที "แล้วแต่เจ้าเถอะ"
แต่อย่าให้นางเหยียบเข้าไปในหุบเขาแสงจันทร์ของข้าเชียว!
"ได้
ข้าจะจัดการให้ดี" มองถ้วยชาที่หมดแล้วของตน
คุณชายชิงก็ปิดปากหาว "ดึกมากแล้ว พักผ่อนเถอะ"
"...อืม"
"ข้านอนนี่?"
"กลับไปนอนห้องเจ้าสิ"
"...ได้"
ดวงหน้าคมหันขวับมองคนพูด
เหตุใดจึงยอมง่ายหนัก! แต่ก็เป็นตนที่ออกปากก่อน
หลี่เค่อเฟิงหันหน้ากลับมาอย่างแข็งทื่อ "เชิญกลับ"
พอเขากล่าวจบ
คนก็เดินจากไปต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนั้น ประมุขหลี่ไหนเลยจะคิด
ว่าวันนี้เจ้าคนที่เกาะติดกับเขา นอนร่วมเตียงกันมาหลายครั้งอยู่ ๆ
ก็ว่านอนสอนง่าย บอกให้กลับไปนอนที่ห้องตนเอง คนก็ออกไปเสียอย่างนั้น
หลี่เค่อเฟิงเหม่อมองประตูที่ปิดสนิท ในใจทั้งสับสน ทั้งร้อนรน
เช้าวันต่อมา ควรเป็นเช้าที่สดใส
ยามนี้หลี่เค่อเฟิงกลับเดือดดาลจนแทบชักกระบี่แล้ว สาเหตุมาจากสิ่งใดหรือ
ต้องย้อนความไปถึงเรื่องก่อนหน้า ในตอนที่พวกเขาต่างลงมาด้านล่าง
เพื่อทานอาหารเช้า
องค์หญิงแคว้นฉินลงมาเป็นคนสุดท้าย
คนมาช้าที่สุดนี่ไม่เป็นไร แต่เดินอย่างไรให้ตนเองตกบันไดหรือ
ตกลงมาต่อหน้าต่อตาของพวกเขาอีกด้วย!
เดือดร้อนให้ชิงเถาต้องพุ่งตัวเข้าไปรับนางไว้
แม้คนไม่ถึงกับเลือดตกยางออก แต่แน่นอนว่ายามนี้ขาก็ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งต่อหน้าต่อตาประมุขหลี่ คุณชายชิงผู้นั้นก็อุ้มสตรีน้อยนางนั้นขึ้นมากับมือ
กอดนางเอาไว้แน่น
เรื่องเช่นนี้น่ะ เรื่องเช่นนี้!
ช่างทำให้ผู้คนยากจะสงบใจจริง ๆ!
หรงซินเยว่เหลือบมองมือหนาของประมุขตน
ที่ยามนี้กำรอบด้ามกระบี่ซีอี้แน่น แรงมือเด่นชัดจนเห็นเส้นเลือด
นางปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเสียขวัญ ทั้งพยายามทำให้ประมุขของนางใจเย็นลง "ท่านประมุข"
"อะไร!"
"อะ คือ
คืออย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่า เอ่อ อีกเดี๋ยวคุณชายชิงคงออกมาแล้ว"
"ข้ากังวลหรือ ข้ากังวลอะไร!"
"ไม่เลยเจ้าค่ะ!
ไม่กังวลเลย บ่าวปากไม่ดีเอง พุ้ย ๆ ท่านประมุขอย่าได้มีโทสะ"
หลี่เค่อเฟิงสูดลมหายใจเข้า
ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ เอ่ยถามบ่าวน้อยของตนอย่างหัวเสีย "เจ้าเห็นไหม"
"เห็น
เห็นอะไรเจ้าคะ"
"นางตั้งใจตกบันได!"
ประมุขหลี่กล่าวด้วยความไม่พอใจ "คนอยู่ดี
ๆ เดินให้ตกบันไดได้อย่างไร นางต้องตั้งใจแน่!"
ไหนเลยแม่นางหรงคนพี่จะเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้
แม่นางผู้หนึ่งพลัดตกบันไดนี่ก็ช่างเถอะ คุณชายชิงเข้าไปช่วยนางนี่ก็ช่างมันไป
แต่ท่านประมุขของตนเล่า ถึงกับบริภาษสตรีผู้หนึ่งเพราะหึงหวง
นี่ออกจะเกินไปหน่อยกระมัง
นางคันปากยิ่ง อยากเท้าเอวยืนขึ้น
ชี้หน้าถามผู้เป็นนายตนให้รู้แล้วรู้รอด ท่านเป็นอะไรกับคนเขาเล่า
ปากบอกว่าไม่สนใจเขา ไม่ใยดีเขา พอเขาโผไปโอบกอดผู้อื่น ท่านเดือดร้อนอะไร
แต่แน่นอนว่าแม่นางหรงคนพี่นั้นเฉลียวฉลาด
ประมุขของตนมีโทสะต่อแม่นางจูผู้นั้น ไหนเลยนางจะกล่าววาจาเข้าข้างอีกฝ่ายได้
นางรีบกล่าวเสริม
"จริงเจ้าค่ะ สตรีผู้นั้นมากเล่ห์นัก
ต้องเป็นนางตั้งใจล่อลวงคุณชายชิงของบ่าวแน่"
หลี่เค่อเฟิงกดเสียงต่ำ "ของเจ้าหรือ"
"ของท่านประมุขเจ้าค่ะ!"
"เหอะ!"
พอชิงเถากลับลงมาด้านล่างอีกครั้ง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็อึมครึมเกินเยียวยาแล้ว
เขาสั่งอาหารให้เสี่ยวเอ้อร์ไปส่งให้องค์หญิงน้อย ส่วนตนเองกลับมารวมตัวกับประมุขหลี่
จากนั้นพากันออกจากโรงเตี๊ยม หรงซินเยว่ขอแยกตัวออกไปเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
เหลือเพียงเขาและหลี่เค่อเฟิง ที่ใบหน้าไม่รับแขก
ชิงเถามึนงงเล็กน้อย
ระหว่างที่ตนไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนยังดี ๆ กันอยู่
เหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ระหว่างทางไร้เสียงสนทนาของคนทั้งสอง
สุดท้ายก็เป็นชิงเถาที่ทนไม่ไหว ชิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน "ท่านเป็นอะไร"
"เปล่า"
"โกหก"
น้ำเสียงของหลี่เค่อเฟิงแข็งกระด้าง "เจ้าอย่าวุ่นวาย"
"ข้าวุ่นวายหรือ"
ชิงเถากระพริบตา รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม "...ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย"
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสอง
เรียกได้ว่าย่ำแย่ลงจนหน้าใจหาย
ตอนแรกพวกเขายังคุยกันว่าจะไปดูลู่ทางเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมกระบี่
ยามนี้ถูกมึนตึงใส่ ชิงเถารู้สึกจนปัญญา
เนิ่นนานหลังจากนั้น เดินมาจนถึงเขตทางขึ้นหุบเขาแล้ว
อยู่ดี ๆ ประมุขหลี่ก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย "นางน่าสนใจกว่าข้าตรงไหนกัน"
"โอ้"
คำกล่าวนี้ของประมุขหลี่แปลกใหม่มากจริง ๆ
ในที่สุดคุณชายชิงก็พอจะเดาได้แล้ว ว่าบรรพบุรุษผู้นี้ของตนเป็นอะไร
ชิงเถากล่าวยิ้ม ๆ"เช่นนั้นท่านลองว่ามา
ท่านน่าสนใจกว่าองค์หญิงจูที่ตรงไหน"
"เจ้า…"
ดวงตาเรียวหยีโค้งกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ไม่สนใจคนที่ถลึงตามองตนแม้แต่น้อย "เฟิงอวิ๋นหึงหวงหรือ
หึงหวงสตรีผู้หนึ่งที่ข้าไม่มีใจให้นาง ท่านจะเหนื่อยขนาดนั้นไปทำไม"
ฝีเท้าของประมุขหลี่หยุดกึก
ใบหูเนียนซับสีแดงระเรื่อ ดวงตาคมหลุบลงกล่าวเสียงแผ่ว "ขึ้น…"
"อะไรนะ"
"...ขึ้นมา"
ชิงเถาถามอย่างไม่เข้าใจ "ขึ้นไหน"
"หลังข้า"
มือหนากวักเรียกเขาจากทางด้านหลัง "หุบเขาสูงชัน
ข้า ข้าแบกเจ้าขึ้นไป"
ชิงเถากัดริมฝีปากตัวเองตนเองแรง ๆ
ครั้งหนึ่ง พยายามไม่หัวเราะออกมา จากนั้นยังกระโดดใส่แผ่นหลังของอีกคนเต็มแรง
ให้หลี่เค่อเฟิงแบกตน น้ำเสียงกลั้วหัวเราะน้อย ๆ"เฟิงอวิ๋นดีที่สุด"
"ถือว่าพาเจ้าเที่ยวเล่น"
เขาโน้มตัวไปด้านหน้า
กระซิบข้างหูอีกฝ่าย
"น้อมรับคำสั่งท่านประมุข"
บรรยากาศละมุนละไมขึ้นเป็นเท่าตัวจากตอนแรก
ชิงเถามิใช่หนุ่มน้อยร่างเล็กแต่อย่างใด แต่เมื่อเขาอยู่บนหลังของหลี่เค่อเฟิง
กลับให้ความรู้สึกมั่นคงยิ่ง สองขาที่พาเขาก้าวเดินไปด้านหน้า
ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นพวกเขาได้
ไม่รู้ว่าหลี่เค่อเฟิงคิดสิ่งใดอยู่จึงทำเช่นนี้
แต่เขาพอใจมาก มือโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ รับการดูแลเอาใจจากอีกคน
พอเดินมาได้ครึ่งทาง เสียงไร้ที่มาที่ไปของหลี่เค่อเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"นางต้องให้เจ้าอุ้ม
ยุ่งยากเป็นภาระ แต่…" หลี่เค่อเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"แต่ข้าสามารถแบกเจ้าขึ้นหลังได้ ปกป้องเจ้าได้"
ปกป้องเขาหรือ…
คำพูดเช่นนี้เรียกง่ายมาก
ทั้งง่ายดายและสามัญ แต่ก็เป็นเพราะคนกล่าวคือเฟิงอวิ๋นของเขา
คำกล่าวที่ดูไม่มีอะไรไม่กี่คำนี้ จึงค่อย ๆ
สร้างความอบอุ่นอ่อนโยนสายหนึ่งขึ้นมาในใจของชิงเถา
เขาซุกหน้าลงกับหลังคอของอีกฝ่าย
วงแขนกอดรัดชายหนุ่มให้แน่นขึ้น น้ำเสียงสั่นไหว "อย่าทำเช่นนี้"
"..."
"อย่าได้ดีกับข้านัก
หากท่านยังไม่อยากผูกมัดกับข้าไปชั่วชีวิต"
"..."
"เฟิงอวิ๋น…"
"เจ้าโง่"
"ใช่ ข้าโง่"
รักใคร่ท่านจนโง่งมแล้ว
"ข้า…ข้าไม่ได้ไม่อยากผูกมัดกับเจ้าเสียหน่อย"
"..."
"เจ้า
หากว่าเจ้าอยากผูกมัด ข้าคิดว่า...ก็มิได้รังเกียจอะไร"
ความคิดเห็น