ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกรักจอมทัพสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 63


    นิยายเรื่อง บันทึกรักจอมทัพสวรรค์

    เขียนโดย เถียนซิน

    บทนำ

    ในช่วงเวลานี้ของทุกปี อากาศในแดนมารจะร้อนเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าฤดูนั้นหนาวสั้นเกินไป หรือว่าเป็นเพราะเขาไม่ชอบความร้อนของฤดูกาลอื่น ยามนี้ฉู่ชิงซาจึงเอนหลังนั่งอยู่บนตั่งไม้แกะสลักลวดลายดอกโบตั๋น ในมือมีน้ำชาที่ถูกรินอย่างเอาใจใส่ 

    กวาดตามองไปภายในห้องนอนของตนคราหนึ่ง กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงร่างสูงของคนที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล พอมองใบหน้าที่ซีดเผือดของบุรุษตรงหน้าแล้ว เพลิงโทสะที่มีเมื่อครู่ก็พลันลดลงโดยไร้เหตุผล ทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นนี้ ห้าร้อยปีผ่านพ้น ต่อให้ยังคงเจ้าอารมณ์เช่นเดิม เขาก็ยังเป็นอาฉู่ผู้นั้น คนที่ไม่เคยถือโทษโกรธจิ่นเหิงอย่างจริงจังได้เลยสักครั้ง

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็พลันปรากฏบนใบหน้างาม จิ่นเหิง จิ่นเหิง นามนี้ที่เขาเรียกขานจนเคยชิน เวลานี้จะยังเอ่ยออกมาได้อีกหรือ หลายร้อยปีให้หลัง คนที่เคยร่วมเรียงเคียงหมอน ยามนี้กลับกลายเป็นหยวนชงเมิ่ง แม่ทัพเผ่าสวรรค์ผู้เกลียงไกลไปเสียแล้ว

    "อาฉู่…"

    "อยากพูดแล้วหรือ" ฉู่ชิงซาเอ่ยถาม ท่วงท่าเหยียดยาวอย่างเกลียดคร้าน "เอาสิ วาจาใดยังมิกล่าววันนี้ก็เอ่ยออกมาให้หมด หลังจากนี้อย่างน้อยข้าก็จะได้บอกกับตนเองได้ว่า หลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกเราล้วนไม่ติดค้างกัน"

    หยวนชงเมิ่งทอดสายตามองคนรัก ดวงตาราวกับจะมีน้ำตาไหลออกมาอยู่รอมร่อ "ภรรยาอย่ากล่าวเช่นนี้ ที่ผ่านมาสามีตามหาเจ้ามาตลอด เมื่อวันนี้เจ้าอยู่ตรงหน้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจขนาดไหน"

    "ผู้ใดเป็นภรรยาเจ้า?" ถ้วยชาในมือถูกวางลงบนโต๊ะ แรงเสียจนจอกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ "สามีข้าตายไปนานแล้ว"

    "..."

    "จิ่นเหิงของข้า เขาจากข้าไปนานมากแล้ว"

    "อาฉู่..."

    ฉู่ชิงซาหลับตาลงคล้ายอยากพักผ่อน "หากเจ้ายังไม่เข้าเรื่องอีก ก็กลับไปเถอะ"

    ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาพลันรู้สึกถึงแรงและน้ำหนักที่กดทับลงมาบนร่างกาย ริมฝีปากสัมผัสได้ถึงริมฝีปากและกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยที่ทาบทับลงมา ฉู่ชิงซาปล่อยให้หยวนซงเมิ่งจูบซับที่ริมฝีปากตนซ้ำ ๆ แต่กลับมิยอมให้เขาล่วงล้ำเข้าไปมากกว่านั้น นานทีเดียวเปลือกตาของเขาก็เปิดขึ้น ดวงตาว่างเปล่าไร้ซึ่งห้วงอารมณ์ 

    หยวนชงเมิ่งถอนริมฝีปากของตนออกมา พินิจใบหน้างดงามที่เขาคุ้นเคย แม้ผ่านมาหลายร้อยปี แม้มิได้อ่อนเยาเท่าแต่ก่อน แต่คนผู้นี้คืออาฉู่ของเขาไม่ผิดแน่ ต่อให้เขามีตาที่ไร้แววแค่ไหน ก็ยังมั่นใจว่าตนจดจำภรรยาตัวน้อยของตนได้แม่นยำ อย่างไรก็มิมีทางจำผิดไปได้ 

    เขาเกลี่ยปอยผมที่บดบังใบหน้าเนียน พลางเอ่ยถามคนรักอย่างห่วงหา "ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว"

    เหตุใดจึงกลายเป็นจอมมาร…

    "เรื่องเหล่านี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า" ฉู่ชิงซาเอ่ยถามขึ้น มือบางเอื้อมไปจับแก้มด้านซ้ายของหยวนชงเมิ่ง ไล่ปลายนิ้วไปตามสันกรามของคนที่อยู่เหนือร่างตน "คนที่เป็นฝ่ายจากไป ทิ้งให้ข้าต้องเผชิญหน้ากับความทรมานแสนสาหัสจากการสูญเสีย เหตุใดจึงยังมีหน้ามาเอ่ยถามคำถามเช่นนี้กับข้าอีก"

    ในตอนนี้เองหยวนชงเมิ่งจึงค้นพบว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น มิใช่อาฉู่เจ้างูน้อยที่แสนน่ารักของเขาอีกแล้ว แต่คือฉู่ชิงซาราชาผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่ามาร กาลเวลาเปลี่ยนผลัน คนผู้หนึ่งซึ่งรักเขาอย่างลึกซึ่ง สามารถเย็นชาได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

    คิดมาถึงตรงนี้ หยวนชงเมิ่งก็รวบตัวฉู่ชิงซาขึ้นมากอดแนบอก กลายเป็นว่าท่านจอมมารถูกคนผู้นี้อุ้มขึ้นมาวางบนตัก ราวกับตุ๊กตาผ้า แล้วกอดไว้จนจมไปกับความอบอุ่น ใบหูของฉู่ชิงซาแนบไปกับหน้าอกของอีกฝ่าย ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นถี่รัว 

    ภาพป่าต้องสาปที่ถูกเผาทำลาย ภาพเลือดสีสดจากร่ายกายของคนผู้นี้ที่ติดอยู่ในใจมาหลายร้อยปี คล้ายถูกความอบอุ่นเพียงหนึ่งอ้อมกอด เผาทำลายไปจนแทบไม่หลงเหลือร่อยรอย กระทั่งรู้ว่าตนเองฝืนทำตัวเย็นชา กับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนไม่ไหว ฉู่ชิงซาจึงหลับตาลงอีกครั้ง "ข้ารอฟังอยู่"

    รอฟังว่าที่ผ่านมาท่านไปอยู่ที่ไหนมา เหตุใดจึงปล่อยให้ข้ารอนานถึงเพียงนี้

    "ขอโทษ" ร่างในอ้อมแขนถูกรัดแน่นขึ้น "ขอโทษอาฉู่ พี่ขอโทษ"

    หยวนชงเมิ่งเริ่มต้นเล่าเรื่องราวให้ฉู่ชิงซาฟังอย่างเรียบง่าย ตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นการเล่าแบบไม่ขาดตกบกพร่อง แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย คำสั่งก่อนที่จะได้พบกับฉู่ชิงซา หรือเรื่องราวหลังจากที่เขาจดจำทุกสิ่งได้ หยวนชงเมิ่งกล่าวออกมาจนหมดสิ้น

    ครั้งนั้นเขาเพียงรับคำสั่งจากองค์เง็กเซียน ให้เดินทางไปแดนเหมันต์ เพื่อมอบของขวัญให้กับเจ้าตำหนักเหวิน ในช่วงที่กำลังก้าวข้ามเขตของแดนมารนั้น กลับถูกคนเผ่ามารกลุ่มหนึ่งลอบทำร้าย พวกเขาปะทะกันอย่างรุนแรง ไหนเลยจะรู้ว่าตนจะเสียท่าพลาดพลั้ง จนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส

    กระทั่งตกลงมาณ ป่าต้องสาป แล้วก็ได้พบกับอาฉู่ เสียก็แต่ยามนั้นหวางเมิ่งหยวนความจำเสื่อมจริงๆ เขาจดจำอดีตของตนเองไมได้ กระทั่งตนชื่ออะไรเขาก็ไม่รู้ ในความโชคร้าย โชคดีอย่างเดียวที่เขาได้มาจากเรื่องครั้งนี้ ก็คือภรรยาที่เขารักจนหมดหัวใจ

    เวลาล่วงเลยผ่านไปนานปีเข้า ในที่สุดความทรงจำของเขาก็ฟื้นคืน หยวนชงเมิ่งแอบเดินทางกลับไปยังแดนสวรรค์ รายงานเรื่องราวที่ผ่านมา จึงได้รู้ว่าตลอดช่วงเวลาที่เขาหายไป ผู้คนเผ่าสวรรค์ทั้งบิดามารดา น้องชาย ต่างออกตามหาเขาไม่หยุดหย่อน องค์เง็กเซียนทรงโกรธแค้นเผ่ามารในการกระทำครั้งนี้ จึงคิดสังหารเผ่ามารกลุ่มนั้น โดยมีซิ่นเล่อและเขาเป็นผู้นำทัพ 

    ที่วางแผนเอาไว้ ก็เพียงอยากเกลี่ยกล่อมให้อาฉู่ ยินยอมจากป่าต้องสาปไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย รอจนกว่าเขาจะสะสางเรื่องวุ่นวายครั้งนี้จบ จากนั้นพาคนรักออกไปท่องเที่ยว ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี 

    เขาไม่สนว่าอาฉู่เป็นคนเผ่ามาร หยวนชงเมิ่งสนใจเพียงแค่เขารักคนผู้นี้ แม้กระทั่งชีวิตก็มอบไว้ในมือของเขาได้ 

    ฟังมาถึงตรงนี้ ฉู่ชิงซาก็ถามต่อด้วยความรู้สึกที่หลากหลายว่า "หากต้องการเพียงชีวิตของคนกลุ่มนั้น แล้งเหตุใดจึงต้องเผาทำลายทั่วทั้งป่า ไหนจะพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปอีกมากมาย"

    "เรื่องนี้ก็เกินกว่าที่ข้าจะควบคุม" แผนการนี้ กระทั่งอาฉู่ ผู้เดียวที่รู้เรื่องระหว่างเขาก็คือน้องชายเพียงคนเดียวของเขา หยวนซิ่นเล่อ นี่เป็นเพราะเขาร้องขอให้ผู้เป็นน้องพาอาฉู่หนีไป และปกป้องเขา อย่างไรก็ห้ามทำร้าย จึงจำเป็นต้องบอกถึงความสัมพันธ์นี้ออกไป 

    แต่เผ่าสวรรค์กับเผ่ามารมีความแค้นลึกซึ้ง เหตุการณ์วันนั้นคนใต้บังคับบัญชาของเขาทำเกินกว่าเหตุ กว่าเขาจะกลับมาหาอาฉู่ได้ ก็เกือบที่จะสายเกินไปแล้ว

    ฉู่ชิงซายื่นแขนทั้งสองของตนออกไป โอบกอดร่างสูงของคนรักเอาไว้ ฟังมาถึงตรงนี้เขาก็ไม่คิดกล่าวโทษหยวนชงเมิ่งอีก เพียงแต่ในใจก็ยังคงมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่ "แล้วหลังจากที่ตกจากหน้าผาเล่า เจ้า…"

    เขาอยากจะถามอีกฝ่ายว่า เจ้ารอดมาได้อย่างไร กลับกล่าวไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ 

    รับรู้ได้ถึงความรู้สึกทั้งห่วงใย และสับสนของคนรัก หยวนชงเมิ่งก็กอดกระชับร่างบางของฉู่ชิงซาให้แน่นขึ้น ก่อนจะเล่าต่อ "เสี่ยวเล่อใช้ของวิเศษชิ้นหนึ่งของเผ่าสวรรค์ เรียกคืนดวงวิญญาณของข้าให้กลับไป จากนั้นสร้างภาชนะรองรับวิญญาณให้ข้าใหม่ เพื่อให้ข้ากลับมาเป็นข้าอย่างที่เห็น"

    "เช่นนั้น" ฉู่ชิงซาเงยหน้าขึ้นมองหยวนชงเมิ่ง "ร่างกายนี้ก็มิใช่กายเนื้อ?"

    "ย่อมเป็นเช่นนั้น" หยวนชงเมิ่งยิ้มบาง จูบแผ่วเบาที่ขมับของภรรยา "แม้ว่าเป็นเพียงของสิ่งหนึ่ง แต่ใช้มาหลายร้อยปีก็เริ่มที่จะคุ้นชินแล้ว"

    ฉู่ชิงซาผละออกห่างจากคนรัก ก่อนจับแขนแกร่งออกมาพลิกดูใกล้ๆ นี่คล้ายผิวหนังของมนุษย์มากจริงๆ เพียงแต่เมื่อพินิจดูให้ดี จะเห็นว่าแม้แต่เส้นเลือดเส้นเดียวก็ไม่ให้เห็น เขาเงยหน้าขึ้นมองหยวนชงเมิ่งอีกครั้ง พิจารณาและช่างใจดูแล้ว หลายร้อยปีมานี้แม้ว่าเขาจะรอคอยจนเหนื่อยล้า ก็อาจจะยังไม่เท่าคนรักที่ต้องทนใช้ร่างกายที่มิใช่ของตน 

    ความลำบากที่จิ่นเหิงได้รับ อาจจะมากพอที่จะชดใช้ให้เขาแล้วกระมัง "จิ่นเหิง"

    "หืม" หยวนชงเมิ่งขานรับ

    "ชงเมิ่ง"

    "ว่าอย่างไร" หยวนชงเมิ่งก็ยังคงยิ้มให้เขา

    "ข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี" ฉู่ชิงซาเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ คนผู้นี้ยังคงเป็นจิ่นเหิงของเขา เพียงแต่เขาก็คือหยวนชงเมิ่ง แม่ทัพของเผ่าสวรรค์ การกลับมาพบกันครั้งนี้ อย่างไรฉู่ชิงซาก็คิดว่า เขาวางสถานะของตนเองไว้ข้างกายคนผู้นี้ไม่ถูกจริงๆ

    หยวนชงเมิ่งกลับไม่ครุ่นคิดถึงเพียงนั้น เขาเพียงลูบศีรษะคนรักอย่างอ่อนโยน แล้วบอกฉู่ชิงซาอย่างเรียบง่าย "เรียกอย่างที่เจ้าอยากเรียกเถอะ อย่างไรข้าก็ยังเป็นจิ่นเหิงของเจ้า"

    "แต่ว่า" ทำเช่นนั้นได้จริงหรือ ใจเขานั้นความจริงเจ็ดในสิบกลับมิได้อยากเรียกชื่อนั้นเท่าใดนัก จิ่นเหิง จิ่นเหิง เมื่อเอ่ยออกมา ก็คล้ายได้ยินเสียงของตนเองสะท้อนอยู่ในหัว พลางทำให้ย่อนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้

    หยวนชงเมิ่งดึงปลายผมของฉู่ชิงซาออกมาเล็กน้อย มัดรวมกันกับปลายผมของตน คล้ายคู่บ่าวสาวที่มัดผมติดกันในวันเข้าห้องหอ "อย่างไรก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว หากเจ้าเลือกไม่ได้ว่าจะเรียกขานข้าอย่างไร ก็มาเริ่มแนะนำตัวกันใหม่ดีหรือไม่"

    ฉู่ชิงซาเอ่ยถามอย่างสนใจว่า "อย่างไรหรือ"

    พลันเห็นหยวนชงเมิ่งก้มหน้าลงมา จูบที่ขมับของเขาแผ่วเบา "ข้ามีนามว่า หยวนชงเมิ่ง ยามนี้เป็นแม่ทัพใหญ่เผ่าสวรรค์ บิดามารดาจากไปนานมากแล้ว คนในครอบครัวยามนี้ ก็เหลือเพียงน้องชายผู้หนึ่งเท่านั้น"

    "..."

    "ที่สำคัญ ข้ายังแต่งงานมีภรรยานานแล้ว ยามนี้ก็มีตำแหน่งสำคัญอีกหนึ่งอย่าง คือเป็นสามีของเจ้าด้วย"

    "...นี่" ฉู่ชิงซาหมดคำจะกล่าว นี่เขากำลังถูกหยอกเย้าหรือ?

    คนกลับทำคล้ายมองไม่เห็นใบหน้าที่เหวอหวาของเขา ยังเอ่ยปากต่อไปอย่างลื่นไหล "ถึงเวลาที่เจ้าต้องแนะนำตัวต่อแล้ว"

    ช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่ชิงซาจึงยอมเล่นตามน้ำไปกับอีกฝ่าย "ยามนี้ข้ามีนามว่าฉู่ชิงซา ใช้แซ่ฉู่ นามชิงซา เป็นจอมมารปกครองแดนมารทั้งหมด ครอบครัวข้าล้วนไม่มีผู้ใด อยู่ตัวคนเดียวมานานมากแล้ว ตอนนี้หากจะนับว่าเป็นครอบครัวได้ ก็คงมีเพียงลูกศิษย์ที่น่ารักของข้า เฟยอวี่"

    "เท่านี้หรือ?”

    สบตากับดวงตาคมที่จ้องมองมาอย่างพราวระยับ ฉู่ชิงซาก็เมินหน้าหนีออกไปมองทางอื่น จากนั้นได้ยินเสียงกล่าวคล้ายพึมพำกับตนเองว่า "เป็น ตอนนี้ก็เป็นภรรยาของเจ้าด้วย"

    สิ้นสุดคำกล่าวนั้น ร่างกายก็ถูกดึงรั้งเขาไปกกกอดแนบชิด เขาถูกหยวนชงเมิ่งมอบจุมพิตที่แสนเร่าร้อน และหิวกระหายให้จนกระทั่งแทบขาดอากาศหายใจ

    นี่ก็คือเรื่องราว ของสองสามีภรรยาที่พลัดพรากจากกันมาหลายร้อยปี สะใภ้ใหญ่ของจวนแม่ทัพเผ่าสวรรค์ผู้นี้ คงสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่เผ่าสวรรค์เป็นแน่

     


    นี่เป็นฉากที่ต่อจากบทที่18 ใน หนทางสู่การเป็นท่านจอมมาร เถียนซินจะเริ่มเล่าตั้งแต่ตรงจุดนั้นนะคะ คนที่ยังไม่เคยอ่านก็จะได้เข้าใจได้ง่ายๆ สามารถอ่านด้วยกันได้


    พูดคุยกับเถียนซินได้ที่

    เพจ เถียนซิน

    ทวิตเตอร์ @Hanfeng62416408



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×