ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    麒麟與月亮 กิเลนเคียงจันทร์

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่.12 คนผู้หนึ่งสามารถมีเสน่ห์ได้เพียงใดกันหรือ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 64


    บทที่.12

    คนผู้หนึ่งสามารถมีเสน่ห์ได้เพียงใดกันหรือ

    การเป็นที่รักใคร่นั้น ข้อดีย่อมมีมากมายนับไม่ท่วน อย่างเช่นชิงเถาที่เป็นแก้วตาดวงใจของจวิ้นอ๋อง ยามนี้ก็นั่งนับตั๋วเงินปึกใหญ่อย่างเบิกบานใจ ข้างเท้ามีเจ้าลั่วลั่วนอนนิ่งอยู่ ตรงข้ามมีหรงซินเยว่คอยช่วย จัดการจดบันทึกจำนวนเงินลงในสมุดบัญชีเล่มใหม่ 

    "เงินทองมากมายปานนี้" หรงซินเยว่ซับเหงื่อบนหน้าผาก นางเหลือบตามองชิงเถาคราหนึ่ง "คุณชายชิงท่าน...เป็นผู้ร่ำรวยในเมืองเฉิงตูหรือเจ้าคะ"

    "ที่ไหนล่ะ" ชิงเถาหัวเราะ มือยังพลิกตั๋วเงินนับไม่หยุด "เหล่านี้ล้วนได้มาจากท่านอ๋องทั้งสิ้น"

    "ท่านอ๋อง?"

    "เจ้านายข้า"

    "อ๋อ" แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก นางก็ยังคงพยักหน้ารับ ตั้งใจจดต่อไป 

    วันนี้เมื่อช่วงสาย มีม้าเร็วจากเมืองเฉิงตูมาส่งเงินและจดหมาย เขาแจ้งว่าส่งถึงพรรคเสี้ยวจันทรา ระบุว่าเป็นของชิงเถา คนที่รับของมาคือเสี่ยวม่าวที่ลงไปตีนเขาเพื่อซื้อของ เจ้าคนซื่อบื้อเสี่ยวม่าวไหนเลยจะเคยถูกไหว้วานเช่นนี้ พอรู้ว่าด้านในหีบไม้คือเงินทองจำนวนมาก ก็รีบวิ่งขึ้นเขา ล้มลุกคลุกคลานกอดหีบใบนั้นมาจนถึง พอมาถึงก็เรียกหาชิงเถาราวฟ้าจะถล่ม ส่งของในมือให้เขาด้วยมือสั่นระริก 

    ชิงเถารู้อยู่แล้วว่าด้านในคือสิ่งใด เขาเขียนจดหมายให้หวางเมิ่งหยวน ญาติผู้พี่ส่งห่อผ้าและหีบไม้กลับมา ด้านในย่อมเป็นเงินทองไม่น้อย 

    แต่ชิงเถาไม่คาดคิดก็คือ หลังจากนับเงินเสร็จแล้ว พอเขาเปิดจดหมายอ่าน ด้านในกลับมิใช่ลายมือหนักแน่นทรงพลังของจวิ้นอ๋อง แต่กลับเป็นรายมือเป็นระเบียบ แฝงไว้ด้วยแรงอารมณ์ของบิดาตน…

    คำบริบาลยาวเต็มหน้ากระดาษ ทำให้มุมปากของชิงเถากระตุกหลายครั้ง จากเนื้อความทั้งหมด ถามถึงความเป็นอยู่สองคำ นอกนั้นล้วนเป็นการดุด่าอย่างเผ็ดร้อน จดหมายฉบับนั้นเกรงว่าบิดาคงเห็นแล้ว ชิงเถายกยิ้มมุมปาก ไร้ความน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งยังมีความสุขอย่างยิ่ง 

    ถูกด่าก็ดี ให้บิดามีที่ระบายโทสะบ้าง สุขภาพจะได้ไม่น่าเป็นห่วงนัก 

    ช่วงค่ำชิงเถาเข้าไปจุดเทียนในห้องของหลี่เค่อเฟิง ประมุขหลี่ในมือถือตำราเก่าเล่มหนึ่ง อีกมือมีถ้วยชา คนอ่านตำราดื่มชาไม่สนใจเขา ส่วนชิงเถาหลังจากจุดเทียนเสร็จ ก็ไม่คิดจะจากไปไหน เขานั่งลงไปกับพื้นเล่นกับเจ้าลั่วลั่ว 

    ผ่านไปครึ่งค่อนคืน หลี่เค่อเฟิงจึงวางตำราลง พอหันกลับมาอีกที ทั้งคนทั้งเสือก็หลับไปหมดแล้ว 

    หลี่เค่อเฟิงยิ้มน้อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ข้างตั่งไม้ที่ชิงเถานอนอยู่ ประมุขหลี่นั่งลงตรงหน้าชายหนุ่ม ลอบจ้องมองคนเงียบเชียบ ยามหลับคนผู้นี้ก็ยังคงดูสงบนิ่ง เรียบร้อยมีระเบียบ เห็นได้ชัดว่ารากเหง้านิสัยใจคอ ถูกอบรมมาดีมาก 

    เขาพลันคิดไปถึงตัวตนของอีกฝ่าย ชาติกำเนิดศักดิ์ฐานะ ทุกสิ่งที่เป็นคนผู้นี้ หลี่เค่อเฟิงคงพูดได้แค่ว่าสมควรแล้ว สมควรแล้วที่เขาเติบโตมาได้ดีเช่นนี้ หากไม่นับเรื่องที่คนมักกำเริบเสิบสานต่อหน้าตน ชิงเถาก็เป็นคนที่น่าคบหาผู้หนึ่งเลยจริง ๆ 

    หลี่เค่อเฟิงอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาแนบอก ชั่งใจครู่หนึ่งก็นำร่างของเขาไปวางลงบนเตียงด้านใน จัดผ้าห่มให้เขา จากนั้นถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนออก สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกด้าน ผ่านม่านราตรียาวนานไปพร้อมชิงเถาอีกคืน

    เช้าวันต่อมาก็เป็นวันออกเดินทางแล้ว ปลายทางครั้งนี้คือเมืองจินหรง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานชุมนุมกระบี่ในครั้งนี้ สองบุรุษขี่ม้าเคียงข้างกัน เดินทางรอนแรมไม่หยุดพัก การเดินทางนั้นเรียบง่ายมาก ค่ำไหนนอนนั่นมีสิ่งใดก็กิน ผ่านเมืองอื่นก็ซื้อเสบียงกักตุน ที่ต่างออกไปจากครั้งก่อน ก็คือพวกเขามิได้เดินทางกันเพียงสองคน แต่ยังมีจอมยุทธ์หญิงเลอโฉมผู้หนึ่งติดตามมาด้วย

    พอมาถึงเมืองจิงหรงแล้ว โรงเตี๊ยมที่ต้องการเข้าพักก็เหลืออยู่สามห้องพอดี หรงซินเยว่จัดการเหมาทั้งสามห้อง โดยไม่ถามความเห็นอีกสองคน นางจัดแจงที่พักเสร็จก็สั่งอาหาร ก่อนหันมาหาบุรุษทั้งสอง "เชิญคุณชาย และท่านประมุขไปพักเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะไปดูในครัวของพวกเขา เดินทางมาเหนื่อยล้าแล้ว ควรพักสักหน่อย"

    หลี่เค่อเฟิงใบหน้ามืดครึ้ม "..."

    ชิงเถาทำหน้าเสียดาย "..."

    วันนี้ก็ไม่ได้พักห้องเดียวกับเฟิงอวิ๋นอีกแล้ว…

    ทั้งสองเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนตามเสี่ยวเอ้อร์ไปห้องพัก ห้องสามห้องเรียงกันอยู่ ห้องแรกเป็นของหลี่เค่อเฟิง ห้องกลางเป็นของหรงซินเยว่ ห้องด้านในสุดเป็นของชิงเถา…

    ยิ่งเห็นเสี่ยวเอ้อร์บอกกล่าวตำแหน่งที่พัก ใบหน้าคมคายของหลี่เค่อเฟิงก็ยิ่งไม่น่ามอง หรงซินเยว่นางมารน้อยนั่นคิดจะทำอะไร ขัดขวางเรื่องดีงามของผู้อื่นหรือ 

    แม้ภายในใจจะต่อต้านสักเพียงใด แต่ทั้งหลี่เค่อเฟิง และชิงเถาก็มิได้ขัดใจนาง เดินผละกันไปคนละทาง เข้าห้องของตนอย่างเงียบเชียบ กระทั่งอาหารถูกยกมาให้ ก็ต่างคนต่างกินในห้องของตนเอง 

    เมืองจิงหรงเป็นเมืองท่าอยู่ตีนเขา สถานที่จัดงานชุมนุมกระบี่จริง ๆ จัดอยู่บนยอดเขาจิงหรง ซึ่งหากว่ากันตามจริง ที่นี่เป็นอาณาเขตของสำนักหมื่นกระบี่ สถานที่จัดงานเป็นที่นี่ หมื่นกระบี่ก็ไม่แคล้วเป็นเจ้าภาพจัดงาน 

    เช้าวันที่สองหลังจากมาถึงเมืองจิงหรง หลี่เค่อเฟิงตัดสินใจลองขึ้นเขาไปดูลาดลาวสักหน่อย เดิมชิงเถาอยากจะไปกับเขาด้วย กลับถูกแม่นางหรงขัดขวางไว้ 

    หรงซินเยว่ยิ้มทั้งตาทั้งปาก "ในเมืองยามนี้คึกคักมากจริง ๆ บ่าวอยากไปดูหอประมูลสักหน่อย คุณชายชิงไปชมดูความคึกคักกับบ่าวนะเจ้าคะ"

    "เจ้า…" หลี่เค่อเฟิงยังไม่ทันจะเอ่ยขัด หรงซินเยว่ก็ตวัดสายตามองเขา ดวงตาพราวระยับ

    นางตำหนิหลี่เค่อเฟิงเสียงแผ่ว "ท่านประมุขทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ"

    น้ำเสียงของประมุขหลี่ไม่พอใจ "ข้าทำอะไร"

    "ปากบอกไม่มีใจให้คนเขา วันทั้งวันตนเองกับเขากลับตัวติดกันไม่ห่าง ท่านประมุขทำเช่นนี้ คุณชายชิงย่อมเกิดความคาดหวัง"

    "..."

    "หากอยากตัดเขาให้ขาด นี่เป็นโอกาสที่ดี บ่าวจะกันคุณชายชิงออกไปให้ท่านประมุขเองเจ้าค่ะ!"

    ใบหน้าของหลี่เค่อเฟิงเหวอไปแล้ว มองนางอย่างกับเห็นตัวประหลาด ไม่นานประมุขหลี่ก็เอ่ยถามนางอย่างอึ้ง ๆ"เจ้าวิ่งตามข้ามาจนถึงที่นี่ ก็เพื่อสิ่งนี้?"

    "แน่นอนเจ้าค่ะ!"

    ชิงเถาเท้าคางกลอกตามองคนทั้งสอง บุรุษและสตรีท่านนี้ ข้านั่งอยู่ตรงนี้มิใช่หรือ เหตุใดจะพูดความลับอะไรกัน จึงได้เสียงดังเพียงนี้เล่า…

    หรงซินเยว่ยิ้มกว้างขึ้น คำกล่าวยังล่อลวงผู้คนไม่น้อย "บ่าวย่อมทำให้ท่านประมุขสุขสำราญ แต่หากท่านประมุขเกิดเปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากแยกจากคุณชายชิง ดูท่าว่าจะมีใจให้เขา…"

    "ไม่มี๊" ประมุขหลี่สะดุ้งตกใจกับคำพูดของนาง ราวกับถูกนางเอาเข็มทิ่มมือ เขารีบเอ่ยค้านเสียงดัง "เจ้าอย่าเอ่ยวาจาเหลวไหล พวกเจ้าค่อย ๆ เดินชมเมืองไปแล้วกัน ข้าไปละ"

    ชิงเถาเห็นเขาหุนหันเดินจากไป ก็คิดจะเดินตาม กลับถูกหรงซินเยว่คว้าข้อมือเอาไว้ "ยังจะตามไปอีกหรือเจ้าคะ"

    ชิงเถาหันมองนางนิ่ง ๆ ดวงตาเย็นชาขึ้นหลายส่วน นางมารน้อยผู้นี้กลับไม่เกรงกลัวเขา ยังคงปั้นหน้ายิ้มระรื่น "ท่านยิ่งตามเขาเช่นนี้ ท่านประมุขก็จะยิ่งไม่สนใจท่าน เหตุใดจึงไร้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้เล่า"

    "..."

    "เอาเถอะ คุณชายเชื่อบ่าวสักครั้งเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยท่านจับท่านประมุขเอาไว้เอง"

    เนิ่นนานที่ชิงเถาสบตากับนาง ก่อนถอนหายใจออกมา "เหตุใดต้องช่วยข้า"

    "เพราะบ่าวชมชอบคุณชายมากเจ้าค่ะ" นางหัวเราะอย่างสดใส ปลายตามองชิงเถา "เพราะชอบมากจริง ๆ เสียดายในใจคุณชายไม่มีที่ว่างแล้ว บ่าวจึงอยากให้คุณชายสมหวัง"

    เห็นกันอยู่ว่าประมุขของพวกเขามีใจให้คุณชายชิง คนกลับไม่รู้จักรักถนอมความรู้สึกของตนเอง นางมองดูจนทนดูไม่ได้ จึงต้องสอดมือเข้ามาวุ่นวาย เดิมทีนี่ก็มิใช่เรื่องของนาง แต่เมื่ออีกคนเป็นคนที่นางพึงใจ หรงซินเยว่คิดว่ามิสู้ทำให้เขาได้สมปรารถนา ลงเอยกับท่านประมุข ยังดีกว่าให้ชายหนุ่มถูกผู้อื่นที่นางไม่รู้จักมักคุ้นแย่งชิงไป 

     

    หอประมูลในเมืองจิงหรง มีชื่อว่าหอหว่านสุยที่นี่นับเป็นสถานที่เลื่องชื่อในยุทธภพแห่งหนึ่ง ของหายากแปลกประหลาดอันใดในใต้หล้า ล้วนเคยปรากฎที่นี่ ทั้งการค้าของหอหว่านสุยไม่จำกัดเฉพาะการประมูลสินค้า ภายใต้การดูแลควบคุมของพรรคหมื่นกระบี่ พวกเขายังรับหาของที่ลูกค้าต้องการ และหากำลังคน มีผู้คุ้มกันรับจ้าง ไปจนถึงคนใช้แรงงาน แจกจ่ายงานจากคนในพรรค สู่ชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไร้หนทางทำมาหากิน 

    ชิงเถาไม่ได้มีความประทับใจใดกับสถานที่เช่นนี้ แม้บรรยากาศนับว่าคึกคักไม่เลว ก็ยังคงน่าเบื่อสำหรับเขา ชายหนุ่มจึงเพียงนั่นอยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างเงียบเชียบ อยู่เป็นเพื่อนหรงซินเยว่อย่างสงบ 

    พื้นฐานแล้วชิงเถาล้วนไม่ขาดสิ่งใด ของประมูลในหอหว่านสุยแม้หน้าสนใจ ก็ยังไม่เข้าตาเขา มองดูสิ่งของมากมายผ่านตาไป สุดท้ายผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ชิงเถาได้พู่ห้อยกระบี่ซึ่งใช้หยกสีขาวแกะสลักเป็นรูปกิเลนมาหนึ่งชิ้น 

    หรงซินเยว่มองของในมือเขาด้วยความรังเกียจ "หน้าตาอัปลักษณ์ปานนี้ กลับขายให้ท่านได้ถึงสิบตำลึงเงิน การใช้จ่ายของพวกคนร่ำรวยในเมืองหลวงเช่นท่าน ช่างทำให้บ่าวได้เปิดหูเป็นตาจริง ๆ เจ้าค่ะ"

    ชิงเถาหัวเราะนางอย่างขบขัน พลางเก็บพู่ชิ้นนั้นไว้ในอกเสื้อ "แม่นางหรงจะไปที่ใดต่อหรือ"

    "กินข้าว!" หรงซินเยว่ตอบกลับ "หากรอท่านประมุขมา พวกเราคงหิวตาย"

    "เช่นนั้นเชิญ"

    เมืองจิงหรงนั้น นับว่าเจริญรุ่งเรืองไม่น้อย มิมีเฟื่องฟูเท่าเฉิงตู ก็ไม่ให้ความรู้สึกว่าแร้งแค้นแต่อย่างใด ข้าวปลาอาหารล้วนพร้อมสรรพ เดินออกจากหอหว่านสุยครู่หนึ่ง หรงซินเยว่ก็พาเขาหยุดลงที่ร้านบะหมี่โทรม ๆ 

    ชิงเถาเลือกที่นั่งด้านนอกสุด เพื่อให้สามารถมองเห็นถนนหนทางได้สะดวก เผื่อว่าหลี่เค่อเฟิงกลับมา บางทีอาจจะเดินผ่านเส้นทางนี้ พวกเขาจะได้ไม่คลาดกัน 

    การกระทำเล็กน้อยเช่นนี้ หรงซินเยว่มีหรือจะดูไม่ออก นางกลอกตามองชายหนุ่มสุดท้ายทนต่อไปไม่ไหว ยังต้องเอ่ยค่อนแคะเขา "คนงามก็อยู่ตรงนี้หนึ่งคน จิตใจคุณชายจะไม่ชายตาแลบ่าวสักนิดเลยหรือเจ้าคะ"

    ดวงตาคมหันมองหรงซินเยว่ ซินเถาระบายยิ้มขบขันส่งให้นาง "แม่นางหรงงามมากจริงดังว่า เพียงแต่ชิงเถาไม่เอาไหน ในสายตามีบุรุษผู้หนึ่ง หัวใจมืดบอด คงเข้าไม่ถึงความงามของแม่นาง"

    "มีปณิธานจริง ๆ" นางกล่าวชมอีกฝ่ายอย่างเฉยชา 

    พวกเขาสองคนสั่งบะหมี่เนื้อตุ๋นกันคนละชาม กินไปพลางลอบมองผู้คนไปพลาง ยามที่บะหมี่ของคนทั้งสองใกล้จะหมดชาม เสียงดังเอะอะก็ดังมาจากทางชั้นสองของหมู่ตึกฝั่งตรงข้าม 

    ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน พบว่าฝั่งตรงข้ามร้านซอมซ่อแห่งนี้เป็นเหลาสุรา บนชั้นสองมีคนกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่ คล้ายว่ากำลังโต้เถียงสิ่งใดกันสักอย่าง 

    จากนั้นไหสุราสองสามไห ก็ลอยจากชั้นสอง ตกลงมาต่อหน้าพวกเขา 

    หรงซินเยว่ "..."

    ชิงเถา "..."

    เท้าของชิงเถาถูกเหล้ากระเด็นใส่ เปียกไปครึ่งขา หรงซินเยว่ขมวดคิ้ว ใบหน้างามฉายแววดุดัน นางวางตะเกียบลงเงยหน้าขึ้นตะโกนกลับไป "เพ้ย! เหล่าเหนียงนั่งกินข้าวอยู่ตรงนี้ ลูกหมูตัวไหนมันไม่มีตามอง โยนเหล้าลงมาเปื้อนคุณชายของข้าแล้ว ไสหัวออกมา!"

    ชิงเถาผงะเอนไปด้านหลังด้วยความตกใจ คนพรรคมารเป็นเช่นนี้กันหมดหรือ เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วเช่นนี้เลย?

    น้ำเสียงของหรงซินเยว่นี้ ผ่านการใช้กำลังภายในรีดเค้นเสียงออกมา แน่นอนว่าเสียงของนาง เอ่ยจากตรงนี้ยังได้ยินไปถึงสามตรอก กลุ่มคนด้านบนหันกลับมาก้มหน้าลงมองนางเป็นตาเดียว ชายผู้หนึ่งในคนเหล่านั้นตะโกนกลับมา "เป็นนางมารน้อยจากที่ไหน ไสหัวไป อย่ามายุ่งวุ่นวาย!"

    "แน่จริงก็ลงมาสู้กัน!

    แม่นางหรงผู้อ่อนหวานนุ่มนวลเมื่อครู่ กับคนตรงหน้ายามมีโทสะ ราวกับว่าเป็นคนละคนกัน ชิงเถากระพริบตาปริบ ๆ มองนาง กระทั่งบะหมี่ที่เหลืออยู่สองสามคำในชาม เขาก็ลืมกินแล้ว  

    อีกอย่าง นี่ขาข้ามิใช่หรือ นางโมโหอะไร?

    ชิงเถาคิดเช่นนั้นก็ไม่แปลก เขาไม่รู้ว่าในใจหรงซินเยว่เดือดดาลเพียงใดในยามนี้ ยังดีที่กระเด็นมาถูกเขาคือเหล้าเท่านั้น อย่างมากก็แค่เปียกเล็กน้อย ล้างตัวออกก็ไม่มีกลิ่นแล้ว 

    แต่หากเมื่อครู่ สิ่งที่กระเด็นมาถูกชายหนุ่ม คือเศษไหสุราคมกริบที่แตกออกมาเล่า หากใบหน้าหล่อเหลา หรือร่างกายสักส่วนของชิงเถาเกิดมีรอยแผลจะทำอย่างไร บุรุษมีรอยแผลไม่นับว่าเป็นอะไร แต่ต้องรู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นบุรุษของท่านประมุข! 

    หากเขามีรอยแมวข่วนหนึ่งรอยเพิ่มขึ้นมาระหว่างอยู่กับนาง หรงซินเยว่ไม่กล้าคิดต่อ ว่าหากประมุขผู้ปากไม่ตรงกับใจผู้นั้นกลับมาเห็นเข้า นางคงรักษาชีวิตน้อย ๆ ของนางเอาไว้ไม่ได้แล้ว 

    บัดซบ! เช่นนี้จะไม่ให้นางมีโทสะได้อย่างไร 

    ระหว่างที่ทั้งนาง และคนกลุ่มนั้นเริ่มถกเถียงกัน ชิงเถาก็คอยมองอยู่ตลอด หากคนพวกนั้นลงมือ เขาย่อมต้องช่วยแม่นางหรงสู้ แต่คนยังไม่ทันได้ลงมือต่อยตีกันจริง ๆ ชิงเถาก็สังเกตเห็นว่า มีคนกำลังจะกระโดดลงมาจากชั้นสอง

    ดวงตาเรียวหรี่ลง ก่อนร่างของเขาจะผุดลุกขึ้น ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะรู้ตัว ชิงเถาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปรับร่างนั้นเข้ามาในอ้อมแขน กระทั่งเขาทั้งคู่ตกลงสู่พื้น หรงซินเยว่จึงเพิ่งรู้สึกตัว เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้า

    คุณชายชิงอุ้มคนผู้หนึ่ง! 

    หรงซินเยว่ดวงตาร้อนผ่าว ลอบกัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความริษยาในใจ ข้าก็อยากจมอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นกันนะ ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดได้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนของผู้ใด 

    ช่างเถอะ ข้าฝันมากไปเอง….

    "เจ้า…" ไม่เป็นอะไรใช่ไหม 

    คำเหล่านี้ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อชิงเถาสบตากับดวงตาดอกท้อของคนที่เขากำลังอุ้มอยู่ ดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก น้ำเสียงที่ใช้ยังสูงขึ้นตามความตกใจของเขา "อะ องค์หญิง?"

    จูรั่วซีเงยหน้าขึ้น มองคนที่ช่วยตนเองให้เต็มตาอีกครั้ง ดวงตาดอกท้อของนางพลันร้อนผ่าว "ชิงเถา!"

    "เหตุใดท่าน…"

    ลำคอของเขาถูกกระซากอย่างแรง จนต้องโน้มตัวลง ให้นางกอดเอาไว้แน่น จูรั่วซีฝังใบหน้าลงบนลำคอของชายหนุ่ม เกาะเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนทั้งถนน น้ำเสียงแผ่วเบาของนางที่กระซิบข้างหู ราวกับเพลิงร้อนลวกที่พุ่งมาแผดเผาเขา 

    "...ช่วยข้าด้วย"

    "มันหนีไปแล้ว ไปจับมันมา!" ชายคนที่เถียงกับหรงซินเยว่เมื่อครู่ เรียกสติกลับมาได้เป็นคนแรก รีบตะโกนสั่งกลุ่มคนที่เหลือ 

    ชิงเถาไม่มีเวลาถามต้นสายปลายเหตุ เขากระซับกอดร่างของนางให้แน่นขึ้น จากนั้นกระโดดขึ้นไปบนหลังคา แล้วผุดหายไปอย่างรวดเร็ว 

    ผู้คนมากมายถูกทิ้งไว้เบื้องหลังด้วยความมึนงง หรงซินเยว่ถอนสายตากลับมาจากแผ่นหลังที่หายลับไปแล้วของชิงเถา เดินตรงไปหาประมุขของนางที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังเหม่อลอยอยู่ ก็ยกมือขึ้นโบกตรงหน้าเขาอย่างหยอกเย้า 

    "นั่น…" เขาทำอะไรน่ะ

    "คนผู้หนึ่ง สามารถมีเสน่ห์ได้เพียงใดกันหรือเจ้าคะ"

    "..."

    "ขนาดคนที่เพิ่งพบกัน ยังเกาะติดเขาเพียงนี้"

    "..."

    "คนที่มีน้ำใจเพียงนี้" นางเหลือบมองผู้เป็นนาย ก่อนจะปิดปากหัวเราะอย่างมีเลศนัย "คนเช่นนี้ จะมีคนชมชอบตั้งแต่แรกพบ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกสินะเจ้าคะ

    นางกลอกตามองไปทางอื่นทันทีที่ดวงตาคมตวัดมอง จากนั้นก็รีบวิ่งตามหลังหลี่เค่อเฟิงไป พอตามทันก็ยังมิวายบอกกับอีกฝ่ายด้วยความร่าเริง "ท่านประมุขไม่ตามไปหรือเจ้าคะ คุณชายชิงบินหนีไปกับสาวงามเชียวนะ!"



    ท่านประมุข เสี่ยวเถาบินไปแล้ว! 5555+ ใครเอ่ยจะร้องหงิงหงิง เรื่องนี้ไม่มีพระรองหรอก มีแต่พระเอก นางเอก  แล้วก็หมาที่เป็นหัวหน้าพรรคมาร 5555+ 

     

    พูดคุยและติดตามข่าวสาร การอัพนิยายกับเถียนซินได้ที่

    เพจ เถียนซิน

    ทวิตเตอร์ @Hanfeng62416408


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×