คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1
Episode 1
ตอนนี้ออสเทรี่ยนกำลังประสบปัญหาใหญ่
เรียกว่าปัญหาใหญ่ก็คงจะน้อยไป นี่มันปัญหาจักรวาลชัดๆ
เขานึกย้อนกลับไปก็ยังไม่เจอจุดผิดพลาดตรงไหนที่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ทำไมนายของเขาถึงความจำเสื่อมได้ล่ะเนี่ย!!
แต่จะให้เรียกว่าความจำเสื่อมก็ไม่ถูกนัก เพราะมันหายไปแค่บางส่วนเท่านั้น
มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้านายน้อยลืมเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับท่านออกัสติน!!
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องพาความทรงจำนายน้อยกลับมา
ไม่งั้นหัวของเขาอาจจะได้ลงไปกลิ้งหลุนๆที่พื้นก็เป็นได้หากเขาเอามันคืนมาไม่ทันก่อนที่นายน้อยจะได้เจอกับท่านออกัสติน เพียงแค่คิดเหงื่อของเขาก็ผุดขึ้นมาราวกับฝูงเห็บ
ออสเทรี่ยนลูบผมสีน้ำตาลอ่อนที่ฟูขึ้นมาให้กับลงไปที่เดิม กระแอมเล็กน้อยเพื่อไล่ความตระหนกแล้วจึงหันกลับไปมองนายตน
ท่านไซเรยังคงนั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสง่างาม
ผมสีดำสนิทซึ่งตอนนี้สะอาดเรียบร้อยถูกปัดไปด้านขวา เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยชุดคลุมสีเทารีดมาอย่างเรียบเนียน
กลัดเข็มกลัดประจำตระกูลสีแดงเลือด
ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่านายท่านความจำเสื่อม
ออสเทรี่ยนถอนหายใจออกมาเบาๆ มือเลื่อนไปดันแว่นด้วยความเคยชิน
ดวงตาสีเขียวเข้มมองมาที่นายด้วยความรู้สึกระอาเล็กน้อย เขารอนายท่านดื่มน้ำชาจนหมดแก้วจึงค่อยพูด
“ท่านดยุคออกัสตินเป็นคนที่คอยดูแลเมืองนี้
แล้วก็เป็นสหายของท่านด้วยขอรับ
เขารู้จักท่านมาก่อนที่กระผมจะเข้ามาทำงานเสียอีก
กระผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอื่นเท่าไหร่นัก เพราะท่านทั้งสองไม่ค่อยได้พูดคุยกัน รู้มาแค่ว่าท่านออกัสตินจะมาหาท่านทุกๆสามเดือน น่าจะเป็นสหายคนสนิทของท่านขอรับ” แล้วก็โหดมากๆด้วย เขาคิด เขาพูดโดยข้อมูลที่ตนมีทั้งหมด ท่านไซเรหันมามองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสั้นๆ
“ข้าไม่มีสหาย”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ความหวังในการมีชีวิตรอดของเขาสลายหายเป็นฝุ่น...
ดูเหมือนว่านายน้อยจะไม่ให้ความร่วมมือเลยแฮะ
เอาไงดี..
ออสเทรี่ยนขบคิดกับตัวเอง เขาคงต้องหาวิธีทำให้ความทรงจำกลับมาภายในสามเดือนนี้
ไม่อย่างนั้นอาจจไม่ รอดกลับไปเจอท่านแม่
ใครๆก็รู้ว่าท่านออกัสตินหวงท่านไซเรมากแค่ไหน!!
“งั้นก็ไม่เป็นไรขอรับนายท่าน เพียงแค่นายท่านกลับมากระผมก็ดีใจแล้ว”
เขาหันไปยิ้มให้กลับนายน้อย ผู้ที่ตอบกลับมาเพียงสายตาเมินเฉยเท่านั้น
ออสเทรี่ยนพาตัวเองออกมาจากห้องสมุด ที่ที่นายของเขาชอบที่สุดรองจากห้องนอน
แล้วยังเป็นห้องที่เขาได้เจอกลับนายท่านครั้งแรก...
.
.
ออสเทรี่ยนในวัยเพียง16ปีกำลังด้อมๆมองๆอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ แม่ของเขานั่งรถม้าที่เขาทำด้วยตนเองอยู่ข้างหลัง
เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อก็ตายจากไปตั้งแต่เขายังไม่เกิดเพราะสงคราม
ทิ้งแม่ที่ตาบอดให้เลี้ยงดูเขาเพียงคนเดียว
ตั้งแต่จำความได้ เขาก็เริ่มทำไร่ด้วยตนเอง อาศัยคำแนะนำจากแม่และเครื่องมือของพ่อ เขาไม่เคยได้เข้าโรงเรียน แต่ก็พอจะอ่านหนังสือออกเพระชอบไปฟังซิสเตอร์ที่โบสถ์อ่านนิทานให้ฟัง
เขาชอบการทำไร่ ชอบสายลมและกลิ่นดิน
แต่เขาก็รู้ รู้ว่าเงินจากการทำไร่ไม่สามารถทำให้แม่ของเขาสุขสบายได้ ตอนที่เขาอายุ16ปี
เขาก็ย้ายมาสมัครงานเป็นพ่อบ้านให้กับขุนนางคนหนึ่ง
“ตั้งใจทำงานนะลูก เจ้านายลูกอาจจะจู้จี้หรือนิสัยไม่ดีลูกก็ต้องอดทนนะ
แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็กลับมาหาแม่ได้นะ บ้านยังเปิดต้อนรับลูกอยู่เสมอนะจ๊ะ” เอแคลร์หรือก็คือแม่ของเขาร้องบอกมาจากทางด้านหลัง
เขาหันไปมองหน้าแม่ ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา ผมสีคาราเมลมัดรวบไว้ข้างหลังติดด้วยโบว์สีแดงเลอะคราบสีน้ำตาล
ตาที่แม่บอกว่าเคยเป็นสีน้ำตาลทองแต่ตอนนี้กลายเป็นสีขาวมัวๆมีน้ำตาคลอ ใบหน้ามีริ้วรอยจากความเครียดที่ต้องแบกรับไว้
ชุดลูกไม้สีแดงเก่าๆคือชุดที่ดีที่สุดที่แม่ของเขามี นางโบกมือให้เขาด้วยความเป็นห่วง เขาหันไปร่ำลาแม่ก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์สีดำทมิฬ
เป็นคฤหาสน์ที่หน้ากลัวเหลือเกิน...
“เอ่อ... สะ สวัสดีครับ
มีใครอยู่ไหมครับ” ออสเทรี่ยนส่งเสียงเรียก ยามนี้พึ่งเช้าตรู่ อาจจะไม่มีคน
แต่คฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ควรจะเงียบแบบนี้
เงียบราวกับว่าคฤหาสน์นี้ไม่มีใครเลยซักคน
พอนึกถึงตรงนี้เหงื่อเย็นๆก็ผุดขึ้นมากลางหน้าผาก
มากลัวอะไรตอนนี้เล่า... โธ่...
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ อันที่จริงตอนแรกที่เขาเลือกมาทำงานที่นี่ก็ได้ยินข่าวลือเรื่องผีมาเหมือนกัน
เขาว่ากันว่า เจ้าของที่นี่ผูกคอตายเพราะเสียใจเรื่องลูกชายที่ตายจากไป เลยล่อให้เด็กหนุ่มวัยประมาณเขามาที่คฤหาสน์นี้
จากนั้นวิญญาณชายเจ้าของที่ก็จะฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม!!
ออสเทรี่ยนกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึก
เขาเดินมาหยุดที่หน้าประตูใหญ่
บานประตูสูงเกือบสี่เมตรทำให้ใจเขาเต้นตึกตัก เขาเคาะประตูอยู่สามครั้งแต่ไม่มีใครตอบ
จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างใน
ข้างในคฤหาสน์นั้นสว่างโร่
เทียนหลายเล่มและโคมไฟระย้าผสมกันได้อย่างลงตัว พื้นปูด้วยพรมสีแดงสด
ของรอบๆกายเขาล้วนดูดีหรูหรา
หลายอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
ตามผนังประดับด้วยดาบกับโล่ขัดเงาและรูปภาพ
รูปทั้งหมดล้วนเป็นภาพที่ใช้มุมมองคล้ายมองออกมาจากหน้าต่าง บางภาพก็เป็นฤดูร้อน
บางภาพก็เป็นฤดูหนาว แต่เขาก็พอจะรู้ว่าทั้งหมดนี้คือสถานที่เดียวกัน
เขาเดินตามภาพวาดภาพแรกที่เป็นมุมมองจากเนินต่ำมองออกไปยังทุ่งหญ้าสีเขียว
ภาพต่อมาเป็นสถานที่เดียวกันแต่เป็นฤดูที่แตกต่าง เป็นเช่นนี้จนมาถึงภาพที่ห้า
ภาพที่ห้านั้นมาสุดลงตรงบันได
เขาไม่รอช้า เดินขึ้นไปทันที
กวาดสายตามองหารูปถัดไปจนเจออยู่ริมผนังของทางเดิน ภาพนี้เป็นสถานที่เดิมแน่นอนเพียงแต่มุมมองเริ่มสูงขึ้น คล้ายถ่ายจากในบ้าน ทุ่งหญ้าก็เริ่มมีบ้านคน
ภาพถัดไปคล้ายภาพเดิมยิ่งนัก เพียงแต่มุมมองเพิ่มสูงจากก่อนและทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่าก็เต็มไปด้วยคนกับบ้านที่ทำจากฟาง
ภาพต่อๆมาก็แสดงถึงความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ไม่มีอะไรเลยไปจนถึงการสร้างตึก สงคราม
และการล่าอณานิคม...
ภาพสุดท้ายของทางเดินเป็นภาพที่ใช้มุมมองจากตึกชั้นสาม
ทุ่งภายนอกย้อมฉานไปด้วยเลือดและไฟสงคราม ซากศพเกลื่อนกลาด แต่ที่สยองกว่าคือเวลาที่วาดภาพนี้ขึ้นมา
สงครามครั้งสุดท้ายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว
ภาพพวกนี้อยู่มานานเท่าไหร่กันแน่...
คนรู้จักที่อายุยืนที่สุดที่เขารู้จักคือ267ปี
แต่สงครามครั้งล่าสุดอย่างน้อยก็ต้องหกร้อยปีเป็นอย่างต่ำ
เป็นไปได้ไงกัน
คนมีอายุขับแค่300ปีเองนี่
ออสเทรี่ยนลูบแขนตัวเองเบาๆ ภาพต่อไปน่าจะอยู่ในห้องสมุด
เขาไม่คิดว่าภาพเหล่านี้จะหยุดเพียงแค่นี้
ไม่รู้ว่าทำไม
เขาผลักประตูเข้าไปด้านใน
ท้องฟ้าภายนอกเริ่มสว่าง เป็นไปได้ไงกัน
เขาพึ่งเข้ามาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเองนะ เขาก้าวเข้าไปด้านในด้วยความสงสัย
“แน่ใจหรือ?”
เสียงบางอย่างดังขึ้นข้างหลัง
“เหวอออ!!”
ออสเทรี่ยนตกใจจนเผลอร้องออกมา เขาหันหลังกลับไปด้วยความระแวง เด็กหนุ่มอายุพอๆกับเขานั่งอยู่ด้านหลัง ข้างๆกับบานประตู
ผมสีดำตัดสั้นกับตาสีทองที่จ้องมองมาทำให้เขาหยุดอยู่กับที่
คล้ายอยู่ในมนตร์สะกด เด็กหนุ่มคนนั้นมีดวงหน้าที่งดงามเหลือเชื่อ แค่มองดูเขาก็แทบลืมหายใจ ตาสีทองของเด็กคนนั้นจับจ้องมายังเขาก็จริง แต่ให้ความรู้สึกที่ห่างไกลออกไป
เหมือนกำลังมองบางอย่างที่อยู่ในใจของเขามากกว่ามองมาที่เขา ทั้งงดงามและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ คุณใช่เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้รึเปล่าครับ พอดีผมมาสมัครเป็นพ่อบ้านที่นี่
แต่ไม่เห็นคนอื่นเลยน่ะครับ ผมก็เลย... บุก... ขึ้นมาชั้นบน...”
ออสเทรี่ยนพูดติดๆขัดๆเหตุเพราะเด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงมองมาที่เขาด้วยแววตาน่าขนลุก
จะมองอะไรนักหนาเนี่ย
เขาบ่นในใจ ความตระหนกตอนแรกแปรเปลี่ยนมาเป็นหงุดหงิด ยิ่งนานไป
เขาก็ยิ่งไม่ชอบสายตาของเด็กคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ ขอประทานโทษนะครับ ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของที่นี่ก็เลิกมองผมได้แล้ว
ผมอึดอัดนะ แล้วถ้าคุณรู้ว่าเจ้าของอยู่ในก็บอกผมได้มั้ยครับ
ผมมีธุระ” ในที่สุดเขาก็บอกออกมา
เด็กหนุ่มคนนั้นเลิกมองเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร
นี่เอ็งเป็นใบ้รึไง!!
เขาพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด
ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เด็กคนนั้นก็พูดแทรกขึ้นมา
“ ข้าเป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ ได้ข่าวว่าจะมีคนงานมาใหม่ก็เลยออกมาต้อนรับเท่านั้น
ไม่ทันนึกว่าเจ้าจะลำบากใจ ต้องขอโทษด้วย” เด็กคนนั้นลุกขึ้นยืนแล้วโค้งหัวให้เขา ทำเอาออสเทรี่ยนเหวอไม่น้อย
มาทำงานวันแรกก็ทำตัวหยาบคายกับเจ้านายเสียแล้ว
แย่จริงๆ! ว่าแต่เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ เร็วเป็นบ้าเลยแฮะ
“ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ทำตัวไม่มีมารยาทกับเจ้านายได้ยังไงกัน
เพราะงั้นคุณก็เลิกก้มได้แล้วล่ะครับ” เขายิ้มออกมาซื่อๆ ไม่รู้เลยซักนิดว่าชีวิตหลังจากนั้นจะวุ่นวายขนาดไหน
เขาดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำ ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะยุ่งขนาดนี้เขาก็คงไม่เข้ามาทำงานที่นี่หรอก ออสเทรี่ยนคิดอย่างนั้น
แต่พอนึกถึงสายตาที่นายน้อยมองเขาด้วยความเชื่อใจก็ทำให้เขาอดถอนหายใจไม่ได้
วันนี้ถอนหายใจไปเท่าไหร่แล้วนะ ข้าล่ะอยากรู้จริงเชียว
“ เอาเป็นว่าต่อจากนี้ข้าคงต้องเหนื่อยขึ้นมาหน่อยสินะ ถ้านายน้อยจะกลับมาจำได้เร็วๆก็ดี...”
เขาพูดออกมาลอยๆขณะที่เดินลงไปข้างล่าง
ตอนนี้ต้องลงไปเตรียมอาหารให้นายน้อยก่อน
จะทำอะไรต่อไปค่อยคิดทีหลัง
คิดแล้วเขาก็พอมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย ออสเทรี่ยนยิ้มให้กับตัวเองขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยเมนูอาหาร
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้หรอกนะว่าอาการความจำเสื่อมนี่มันร้ายแรงแค่ไหน
แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกเศร้าเลยล่ะ
เพราะว่าจำไม่ได้งั้นหรือ?
หรือเพราะว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ?
แต่... บางที เหตุผลคงเป็นเพราะ...
“ไงไซเร ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ
นายหลับไปนานมากนะรู้ไหม? ” เสียงของใครบางคนดังออกมาจากนอกหน้าต่างชั้นสาม
เขาชะโงกหน้าขึ้นไปดู
พบกับอีกาตัวหนึ่งที่ทำรังอยู่ชั้นบน ทันทีที่มันเห็นเขายื่นหน้าออกมา เจ้าอีกาก็โผลงมาเกาะหน้าต่างชั้นสองทันที
ไซเรหันคอกลับเข้ามาข้างใน อีกาตัวนี้เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของเขา
ตระกูลของเขากับตัวจริงของอีกานี่ผูกพันธ์กันมาตั้งแต่สมัยก่อน รู้สึกว่าเจ้านี่จะชื่อ...
ชื่อว่าอะไรนะ?
คล้ายกับว่าอีกาอ่านใจเขาออก
มันส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังคล้ายน้อยใจ
“เจ้าจำชื่อข้าไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ย
เฮ้อ หัดสนใจคนรอบๆตัวบ้างสิ เอ้า
จะบอกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ข้าชื่อ เดรโกเนียสอัคเฟียสอีราเกียร์ ไรโกวาสคานิวาลโมฮาเสจ
บอกแล้วก็จำด้วยนะ เจ้านี่ก็จริงๆเล้ย ชอบทำให้ข้าหงุดหงิดอยู่เรื่อย ”
เจ้าอีกาบ่นอุบพลางกระพือปีกไปมา
แต่ดูท่าความพยายามของมันจะล้มเหลว
เพราะสมองของไซเรปิดการทำงานตั้งแต่คำที่สามของชื่อของมันแล้ว ไซเรมองอีกาด้วยสายตายากคาดเดา ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมา
“แล้วเดรโก...
เจ้ามีธุระอะไรงั้นหรือ”
ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเดรโกก็รู้ว่าคนตรงหน้าจำชื่อมันไม่ได้อีกแล้ว ทำไมท่านแม่ต้องตั้งชื่อเขาให้มันจำยากด้วยนะ คนที่จำได้ก็คงจะมีแค่เขากับท่านแม่แค่นั้นแหละ!!
เดรโกส่ายหน้าเบาๆ พยายามฝืนยิ้มให้ขณะเอ่ยปากออกมา
“ข้ามีเรื่องจะขอร้องน่ะ
เป็นเรื่องที่เจ้าเพียงคนเดียวที่สามารถทำได้ เพราะงั้น ช่วยข้าหน่อย ”
คฤหาสน์ทมิฬ เวลา 20:15 น.
ไซเรจำไม่ได้ว่าเขาหลับไปเมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว
เขาพยายามนึกถึงเรื่องหลังจากประโยคขอร้องของอีกาตัวนั้น แต่ไม่ว่านึกอย่างไรก็นึกไม่ออก คล้ายมีหมอกมาคอยบังความทรงจำส่วนนั้นไว้ เขายันตัวเองให้ลุกขึ้น ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปหาออสเทรี่ยน
ไซเรมองหาไม้เท้าของตัวเองที่มักจะพกเป็นประจำแม้ไม่ต้องใช้ แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ สิ่งที่มาแทนที่ไม้เท้าคือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตกอยู่ตรงพื้น เขาเดินเข้าไปหากระดาษแผ่นนั้นช้าๆ กระดาษที่ใช้เขียนเป็นกระดาษจากสมุดของเขาเองซึ่งดูออกง่ายเพราะลายที่เป็นเอกลัษณ์ ตัวหมึกสีดำกับลายมือคุ้นตาทำให้เขาพอเดาได้ว่าใครเป็นคนเขียน เขาไม่รอช้า ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที
- จบบทที่1 -
ไรท์เองค่ะ วันนี้นิยายเรื่องนี้ก็ยังเงียบเหงาเหมือนเคยเนอะ 55555 ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ติได้ ชมได้ อย่าลืมเม้นด้วยน้า แค่มีคนอ่านก็มีกำลังใจแล้วล่ะค่ะ ทิ้งความเห็นไว้ได้เน้อ เจอกันตอนหน้าค่ะ อาจเป็นอาทิตย์หน้ามั้ง แต่อาจจะไม่นานขนาดนั้น ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า เจอกันค่ะ
ความคิดเห็น