ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psycho-Meal

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฏิบัติ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 50


    Psycho-Meal

     

    ขอชี้แจงนิดนึงสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านนิยายผม อนึ่งขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดู แต่ผมขอบอกว่ามันเป็นนิยายวิปริตหาสาระอะไรไม่ค่อยได้ หากได้อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ดี หรือรู้สึกว่าทำไมในหัวผมถึงมีแต่เรื่องแบบนี้ ขอตอบว่า มันเป็นแค่ความชอบส่วนตัวของผม ไม่ได้จงใจจะให้ใครอ่านแล้วเอาไปปฏิบัติจริง ไม่ได้แต่งไว้เพื่อส่งเสริมอะไรใคร ผมไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดในนิยายเรื่องนี้ ผมแค่อยากแต่งนิยายที่ผมหาอ่านไม่ได้ก็เท่านั้น ความจริงผมแต่งเรื่องแนวนี้มาหลายเรื่องแล้ว แต่ก็แป๊กมาหลายเรื่องเหมือนกันจนไม่อยากแต่งต่อ แต่พอมาเรื่องนี้ที่กะจะเลียนแบบสไตล์การแต่งของพวกตะวันตกเล็กน้อยถึงกับแต่งในสมุดได้ตั้ง4-5หน้า (สำหรับคนขี้เกียจอย่างผม มันเยอะนะ) เพราะงั้นอ่านแล้วคอมเมนต์ทีก๊าบบบ! อ่านแล้วถ้าสงสัยอะไรมากไม่ต้องห่วง ผมจะค่อยๆอธิบายข้อสงสัยในเรื่องทีละอย่าง ถ้ายังมีคนอ่านนะ 555 (เศร้า)

     

    ปล.ผมคิดว่าไม่ช้าก็เร็ว นิยายเรื่องนี้ถ้ามีคนอยากอ่านต่อ มันจะต้องมีเรื่องที่เป็นศีลธรรมเกิดขึ้นในเรื่องแน่ๆครับไม่ต้องห่วง ถ้าผมพิมพ์ผิดช่วยจับผิดด้วย = = ช่วงนี้หลงๆลืมๆ แก้ด้วยก็ดีครับ

     

    ถึงผมจะแต่งนิยายไม่เป็น แต่ก็อยากพูดว่า ขอให้สนุกกับการอ่านครับ

    > 

    > 

    > 

    > 

     

     

    Psycho-Meal

     

     

    1. ปฏิบัติ                     

     

     

     

    แล้วผมก็ต้องผวาจนได้ ถึงแม้จะเคยเห็นในเน็ตมาบ้างก็เถอะ

     

    จิ๊บบี้ จับให้แน่นๆหน่อยสิวะ เดี๋ยวฟ้าสว่างก่อนหรอก

    แบต เพื่อนซี้ของผมสั่งด้วยสีหน้าขมึงตึงเครียด ก่อนเช็ดเหงื่อบนใบหน้า

     

    ...จากนั้นเขาก็ใช้มีดอีโต้สับลงไปบนท่อนขาของผู้หญิงรุ่นวัยทองที่เพิ่งจับมาได้3ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เราล่อหล่อนมาจากที่ๆไม่ค่อยมีคน เราเห็นหล่อนเมาแอ๋อยู่ข้างป้ายรถบัส เลยทำทีเขาไปพูดคุย สรุปว่าหล่อนเป็นหม้าย แบตเลยหลอกล่อให้หล่อนมาที่นี่.....

     

    เพราะหล่อนกำลังเมา เลยไม่ทันสังเกตุและไม่ทันระวังตัว

    แล้วแบตก็ใช้ขวานจามคอหล่อนที่นอนมัดติดกับเตียงขณะที่ผมกำลังบีบนวดให้หล่อนอยู่

     

     

    หล่อนตายเมื่อ2ชั่วโมงก่อน

    คนที่เริ่มเชือดคอหล่อนคือแบต ไม่ใช่ผม

    ความรู้สึกแปลกใหม่ ขนลุกซู่ ที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันทะลักจากภายในร่างกายผม แสดงเป็นความสุขจนไม่กล้าหลับตาที่ได้เห็นอะไรแบบนี้

     

    อันที่จริง แบตรับจ้างหา วัตถุดิบ แบบนี้มานาน3เดือนแล้ว ส่วนผมได้เป็นลูกมือเขาก็วันนี้นี่แหละ

     

    ผมอธิบายไม่ถูกในตอนนี้ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ใครจะคิดล่ะว่าไอ้แว่นที่มีสีผมดำสนิทเรียบร้อยอายุ19ปีอย่างผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้

    แบตบอกผมว่า ถ้าเราจับผู้หญิงสวยๆมาได้ เราต้องนำส่งถึง ที่ เลย ห้ามแยกชิ้นส่วนเอง เราต้องให้ ผู้เชี่ยวชาญ ที่นั่นจัดการของเขาเอง แต่ถ้าไม่สวยเท่าไหร่ก็ลงมือสับเองได้

     

    ผมถูกสั่งให้เปลี่ยนไปใส่ชุดพลาสติกที่กันน้ำเหมือนพวกชุดกันฝน แต่ว่าชุดนี้มันมันหนากว่าเล็กน้อย แต่ว่ามันทำให้หนาวอีกด้วย นอกจากนั้นผมก็ต้องใส่ถุงมือ เผื่อขั้นตอนในถัดไป

     

    การสับจะสับชุ่ยๆไม่ได้ เราต้องสับเป็นส่วนๆทั้งหมด 4 ส่วนใหญ่ๆ

    1.ส่วนหัว ไม่มีอะไรมาก ก็แค่สับต้นคอให้หลุดออกจากบ่าก็เท่านั้นเอง

    2.ส่วนลำตัว อันนี้เราต้องสับแขนขาให้ถึงโคน ให้เหลือแต่ตัวเท่านั้น ส่วนหน้าท้องเราไม่ต้องไปคว้านมันก็ได้ เดี๋ยว ผู้เชี่ยวชาญ เขาควักไส้ออกมาเองแหละ สรุปคือทำยังไงก็ได้ให้ไม่มีแขนขาติดอยู่กับลำตัว

    3.ส่วนแขน มีแขนซ้ายกับแขนขวาใช่มั้ย? ทีนี้ เราก็ต้องสับข้อศอกแขนแต่ละข้างให้เป็นสองท่อน สรุปคือทำให้มันกลายเป็นสี่ท่อนซะ อ้อ...ตัดข้อมือด้วย กลายเป็น6ส่วนสินะ

    4.ส่วนขา ก็เหมือนกับแขน สับแยกเป็น ขาอ่อน หน้าแข้ง เท้า 3ส่วนต่อหนึ่งข้าง เท้ามี1คู่ก็เป็น6ส่วน ง่ายมาก

     

    สุดยอดมั้ยล่ะ ดีจริงๆเลยแฮะที่ได้เห็นการสับสดๆแบบนี้

     

    ....ดีจริงๆที่ได้เข้ามาอยู่ใน ห้องทำงานพิเศษ ของแบตที่เป็นห้องใต้ดินขนาดกลางของโรงงานอุตสาหกรรมปลาที่กินพื้นที่หลายร้อยไร่...

     

    เท่าที่ผมสังเกต ในห้องนี้มีทั้งเลื่อยไฟฟ้า  เครื่องตัดเหล็ก (ในที่นี้เราใช้ตัดกระดูกเวลาที่ขวานจามไม่ขาด แบตว่างั้น) มีดแล่เนื้อ มีดอีโต้ ขวาน อ่างอาบน้ำ? อะไรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนก็จะมาเห็นเอาจากที่นี่น่ะแหละ เห็นแล้วตัวสั่นเลยล่ะ

    โชคดีที่ห้องนี้อยู่ลึกมาก ก็เลยไม่ต้องกังวลอะไรมาก ไม่ต้องกลัวว่าพนักงานคนอื่นๆได้ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ แต่ว่าแบตก็ทำงานเอาเวลาตีสามตีสี่แบบนี้ คงไม่มีใครมาป้วนเปี้ยนแถวข้างบนหรอก

     

    สรุปว่าคืนนี้ ผมได้แค่ช่วยจับศพไร้วิญญาณให้แบตสับสะดวก แค่นี้เอง

     

    หลังจากนั้นไม่นาน แบตก็ใช้ให้ผมช่วยขนชิ้นส่วนไปล้างน้ำอุ่นในอ่างน้ำที่เตรียมไว้แล้ว อ่างน้ำนี่อยู่ติดกับผนังห้อง ห่างจากลิฟท์ไม่ใกล้ไม่ไกล ล้างน้ำหลายรอบมาก...ซักสามสี่รอบได้ เหนื่อยเหมือนกัน ผมคิดอยู่ว่าลำพังแบตคนเดียวเมื่อก่อนมันทำงานนี้ได้ไงวะ? แต่ช่างเถอะ ถึงหมอนี่จะดูตัวไม่ใหญ่เท่าผม แต่แรงวัวแรงควายมันมีเยอะมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

     

    พอเราล้างคราบเลือดออกจนไม่มีเลือดเกรอะติดแล้ว เราก็รีบเอาผ้าสีดำเช็ดชิ้นส่วน เอาให้พอแห้งก็พอ ระวังอย่าให้มีเลือดซึมออกมาอีก แล้วแบตก็สั่งให้ผมเปลี่ยนถุงมือใหม่พร้อมๆกับเขาเพื่อไม่ให้มีคราบเลือดติดมา จากนั้นเราก็ใส่ถุงดำใบใหญ่ ใส่ชิ้นส่วนที่เป็นลำตัวเข้าไปในถุงก่อน แล้วค่อยใส่พวกหัวแขนขาตามลงไป มัดปากถุงให้แน่น แล้วค่อยใส่ถุงดำซ้อนอีกที ผมกับแบต ตรวจดูว่าถุงแห้งไม่มีคราบเลือดติดให้แน่ใจ แล้วก็ช่วยกันยกถุงนี่ใส่ลังอีก ขั้นต้อนหลังจากนี้จะทำกันอย่างระมัดระวังไม่ให้มีเลือดติด เป็นขั้นตอนที่แห้งสนิท เราก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองกันเหมือนเดิม ก็ดี ไอ้ชุดพลาสติกบางๆนั้นใส่แล้วหนาวชิบเป๋ง ขั้นตอนนี้เราก็ต้องล้างมือในอ่างแช่ยาฆ่าเชื้อก่อนสองครั้ง แล้วค่อยใส่ถุงมือยางใหม่กันเลือดเปรอะและรอยนิ้วมือ

    จากนั้นเราก็เตรียมลังโฟมสีขาวที่เอามาจากแผนกคลังสินค้าสำหรับใส่ปลาแช่แข็ง แต่เรากลับเอามาใส่ศพแทน

     

    ลังใบนั้นตั้งรออยู่บนรถเข็นก่อนหน้านี้แล้ว

    ผมกับแบตช่วยกันยกถุงใส่ในลังที่มีน้ำแข็งรองอยู่ก่อนเล็กน้อย พอวางเข้าที่เรียบร้อยเราจึงค่อยเอาน้ำแข็งมาโปะทับอีกทีไม่ให้เห็นถุงสีดำ แล้วก็ค่อยเอาปลาขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ประมาณ30ตัววางทับเรียงซ้อนกันเข้าไป สุดท้ายก็เอาน้ำแข็งมาทับอีกครั้งก็เป็นอันสิ้นสุดการทำงานในห้องนี้...

     

    จะตีห้าแล้ว รีบๆหน่อย แบตขยับปากอีกครั้ง ผมช่วยเขาลากรถเข็นไปที่ลิฟท์ที่ดูสะอาดสะอ้าน?

     

    ไม่นานแบตก็พาผมไปเจอกับรถบรรทุกอาหารแช่เย็นคันเบ้อเร่อที่จอดรออยู่หลังโรงงาน...

     

    เนื่องจากยังมืดอยู่ จึงไม่เห็นใครเลยนอกจากผมและแบต แสงไฟที่ส่องแสงสว่างเพียงสองสามดวงตรงประตูหลังโรงงานนี่ทำให้ผมไม่รู้ว่าในรถนั้นมีคนอยู่รึเปล่า

     

    จนกระทั่งแบตเข้าไปเคาะกระจกรถที่เปิดแง้มออกเพียงสามนิ้วเห็นจะได้

    คีน ชั้นเอาของมาส่งแล้ว เปิดประตูหลังที

    ความเงียบเข้ามาชั่วครู่ แรงกดดันมาจากไหนก็ไม่รู้  จู่ๆก็เงียบไปแบบนี้รู้สึกไม่ดีเลย แต่ไม่นานคนในรถก็เปิดประตูออกมา

    เฮ้ย ทำไมออกมาช้า จะกวนส้นกันรึไง? แบตเหลือกมอง ผมมองตามเขา

    ก็ชั้นกำลังบิดขี้เกียจนี่ เล่นมาช้าจนชั้นหลับปุ๋ยเลยเมื่อกี้ เสียงทุ้มแก่หน่อยๆทะลุหูผมทันทีที่ผมเห็น มองครั้งแรกผมรู้สึกไม่ชอบยังไงไม่รู้ ท่าทางอายุ30-40ปี แต่หน้าตาโคตรกวนส้นชะมัด สงสัยไม่รู้จักทำตัวให้แก่ตามอายุมั้ง แต่ว่าไอ้ส่วนสูงราวๆ180เซนติเมตรของเขานี่มันทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่า....

    เออๆ พอดีชั้นเพิ่งให้เพื่อนชั้นช่วยงานเป็นครั้งแรก ช้านิดช้าหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา แบตยักไหล่ ทั้งคู่ดูเหมือนจะทำเป็นไม่สนใจผมอยู่รึเปล่า? ไอ้ลุงนี่มองหน้าผมด้วยท่าทางดูถูกชะมัด!

    หลังจากที่มองหน้าผมแป๊ปเดียว หมอนั่นก็ล้วงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนที่ดูเก่ามาก...จากนั้นหยิบกุญแจดอกหนึ่งในจำนวนที่มีอยู่เป็นกระจุกๆไขเข้าไปช่องเสียบของประตูด้านหลัง

     

    ถึงแม้ผมจะยืนอยู่ด้านหลังประตูนั่นห่างออกไปหน่อย แต่พอประตูเปิดออก ควันไอเย็นหนาวจัดจากข้างในก็พุ่งเข้าปะทะหน้าผมพอดีแป๊ะ!

    หนาวว่ะ!!

    จิ๊บบี้ ยกเร็วๆเดี๋ยวจะไม่ทัน เสียงของเพื่อนที่คุ้นเคยเรียกสติของผมกลับมา ผมทำตามที่ได้ยิน ระหว่างที่ยกลังใส่ศพขึ้นไป ผมก็สังเกตเห็นว่าข้างในนี่ต่างก็มีลังโฟมสีขาวที่เหมือนกับที่ผมกำลังยกอยู่นี้ไม่มีผิด

    สงสัยจะเป็นลังปลาของจริงล้วนๆแน่ๆ เพื่ออำพรางกล่องที่มี วัตถุดิบ สยองนี่...

    หลังจากนั้นผมก็ถูกสั่งให้เข้าไปข้างในนั้น เพื่อลากลังให้ไปอยู่ข้างในสุด!

    ถ้าแกอยากทำงานนี้ แกก็ต้องทำตามที่ชั้นสั่ง อย่าเถียงคำไม่ตกฟาก แบตเขาว่างั้น....

    ผมเลยจำใจต้องลากมันเข้าไปไว้ข้างในสุดคนเดียวทั้งๆที่เกลียดอากาศหนาวๆแบบนี้!

    ลากเสร็จผมก็รีบออกมาทันที หนาวชิบ! ยิ่งเป็นตอนใกล้ฟ้าสางด้วยแล้ว

     

    เผอิญผมเผลอไปสบตากับลุงส่งปลาเข้า....เขามองผมด้วยท่าทางดูถูก....

    ..เพื่อนแบตเรอะ? น้ำเสียงพี่แกเหมือนกำลังพยายามทำให้ดูน่าเกรงขามอยู่... ผมไม่อยากพูดอะไรออกไป จึงพยักหน้าเฉยๆ

    หน้าแกแก่ชะมัดเลยว่ะ อายุเท่ากะแบตมันรึเปล่าวะ? ห๊ะ!!! ไอ้ลุงนี่นอกจากมันจะกวนประสาทแล้ว มันยังกวนส้นอีกตะหาก!

    เงียบน่าคีน รีบออกรถได้แล้ว เดี๋ยวมิสเตอร์เดย์หักเงินเดือนหรอก.... แบตแทรกขึ้น สายตาเขามองดูไอ้แก่กวนตีลล์นี่อย่างไม่สบอารมณ์

    ....ทั้งคู่จ้องกันยังกะจะหาเรื่องอยู่ซักพักจนในที่สุด ลุงแก่กวนประสาทยอมแพ้ไปเอง...

     

    ตอน7โมงเช้าไปพบมิสเตอร์เดย์ด้วยละกัน ท่านสั่งมา... คีน (ผมเพิ่งจะเรียกชื่อมัน) พูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนเดินออกไปสตาร์ทรถบรรทุก เหยียบคันเร่งไปอย่างรวดเร็วจนลับตาพวกผมสองคน....

     

     

    ในที่สุดแกก็ผ่านคืนนี้มาได้นะ? แบตยิ้มให้ผม ผมรู้ว่านั่นมันไม่ใช่รอยยิ้มที่ดี ผมทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป...

     

     

    พลางนึกถึงต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้ผมต้องทำเรื่องชั่วร้ายต่างๆในคืนนี้....

     

     

     

     

     

    End 1. ปฏิบัติ

    To Be Continue…

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×