ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7
7
ณ บาร์แห่งหนึ่งในเมืองชายแดน เมืองที่ใกล้กับเขตแดนของปีศาจมากที่สุด เพราะหากเพียงผ่านป่าชายแดนไปแล้วล่ะก็ นับจากนั้นไปก็เป็นอาณาเขตของปีศาจทันที
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งแต่งตัวรัดกุมนั่งดื่มเหล้าในบาร์ขวดแล้วขวดเล่า
“เยอะเกินไปแล้วมั้ง ข้ารู้ว่าเจ้าคอแข็งแต่ก็เพลาๆลงมั่งเหอะ นี่มันก็เดือนกว่าแล้วนา เจ้ายังทำใจไม่ได้อีกรึ”ชายเจ้าของบาร์กล่าว
ชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้ายังคงนั่งเงียบ กระดกแก้วเหล้าเข้าปากต่อไป
“ถ้าเจ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเข้าไปที่โบสถ์ในเมืองใหญ่ เจ้าไปทำไมรึ ถ้ามีของดีก็มาฝากกันมั่งสิ”
“......”ชายคนนั้นเงียบก่อนจะวางเงินค่าเหล้าไว้ให้บนโต๊ะ
“เฮ้!นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ”ชายเจ้าของบาร์ท้วงขึ้น
“ไปหาคนอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย”
ทหารหลายสิบนายยืนจัดขบวนพลอย่างเป็นระบบระเบียบ ราชรถทั้งสองถูกเทียมด้วยอาชาแข็งแรง ราชรถคันแรกพระราชาเฟรเดอร์ริคประทับอยู่ ส่วนคันที่สองเป็นของพระโอรสทั้งสอง
“เหตุใด พระองค์ถึงได้ทำพระพักตร์เช่นนั้นเล่าพะยะค่ะ”เจ้าชายบอลด์วินถามขึ้น เมื่อเห็นพระพักตร์พระเชษฐาที่บึ้งตึงเหมือนมีใครไปขัดใจพระองค์เข้า
“เปล่า”
“หรือว่าพระองค์ไม่อยากเสด็จไปเยี่ยมเจ้าชายรานดอล์ฟ”
“ก็ใช่น่ะสิ”เจ้าชายเรนเนลด์ตวาดอย่างเหลืออด“ข้าไม่ชอบมัน ข้าเกลียดมันด้วยซ้ำ ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหามัน”
“ถึงยังไงเจ้าชายรานดอล์ฟก็เป็นพระเชษฐาของพระองค์”เจ้าชายบอลด์วินตรัสอย่างไม่เข้าพระทัย เขาไม่เคยเห็นเจ้าชายรานดอล์ฟ แต่ทุกครั้งที่พูดถึงเจ้าชายเรนเนลด์ก็ทรงอารมณ์เสียทุกครั้งไปยิ่งคราวก่อนนู้น ปราชญ์ที่สอนวิชาการปกครองประเทศพูดว่าพระองค์ไม่เคารพคนอื่นเหมือนพระเชษฐาของพระองค์เท่านั้นล่ะ ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้แย่งกันลอยเข้าหาปราชญ์กันแทบไม่ทัน
“เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันแย่งทุกอย่างไปจากข้า”คนอารมณ์เสียว่า กระทืบพระบาทปึงปังไปที่หน้าต่าง
“ก็พระองค์ไม่เคยบอกกระหม่อมว่าเหตุใด”
“เจ้าอยู่ที่นี่มาเกือบเดือนแล้วยังไม่รู้อีกรึ”เจ้าชายเรนเนลด์ผละจากทิวทัศน์ท้องทุ่งนอกหน้าต่าง พระขนงเลิกขึ้นอย่างแปลกใจขณะมองคนถูกว่า
“กระหม่อมอยู่กับพระองค์ตลอด ถ้าพระองค์ไม่บอกกระหม่อม กระหม่อมก็ไม่รู้”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รู้ไว้ซะว่ามันคนนั้นทำข้าเจ็บแค้นมากแค่ไหน มันแย่งความรักของทุกคนไปจากข้า มันแย่งทุกอย่างไปจากข้า ทุกคนเห็นมันดีกว่าข้า แม้แต่เสด็จพ่อก็เห็นมันดีกว่าข้า” พูดจบอัสสุชลก็เอ่อคลอด้วยความน้อยพระทัย
ใช่!
เสด็จพ่อเห็นมันดีกว่าเขา
“กระหม่อมขอประทานอภัย คราวหลังกระหม่อมจะไม่ทูลถามแล้ว”
“เจ้าไม่ได้ผิดอะไร”โอรสน้อยทอดพระเนตรพระอนุชา“เจ้าแค่อยากรู้ ข้าก็บอก”เจ้าชายเรนเนลด์ก้มพระพักตร์ ทำไมเหมือนกันก็ไม่รู้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงตวาดกลับไปแล้ว แต่คงเพราะเจ้าคนตรงหน้านี่มันทำให้เขาไม่อยากด่า
ก็มันเป็นเพื่อน
เป็นเพื่อนคนแรกซะด้วย
เป็นเพื่อนที่เขาอยากได้มาตลอด8ปี
เมื่อถึงเมืองหน้าด่าน ราชรถทั้งสอนคันก็หยุด พระราชาเฟรเดอร์ริคเสด็จลงมาจากราชรถก่อน หญิงสาวผมสีเงินที่รอต้อนรับอยู่แล้วรีบทำความเคารพทันที
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะ”พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส หันไปมองราชรถอีกคันที่พระโอรสทั้งสองกำลังเสด็จลงมา
“เชิญฝ่าบาทเสด็จเข้าไปประทับในเมืองก่อน”
พระราชาเฟรเดอร์ริคยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนจะสาวพระบาทเข้าไปในเมือง แต่ชายฉลองพระองค์ของพระองค์กลับโดนกระตุกถี่
พระราชาเฟรเดอร์ริคหันกลับไปมองคนต้นเรื่อง
“เสด็จพ่อสัญญากับกระหม่อมแล้วว่า จะพากระหม่อมไปเที่ยวที่ป่าชายแดน”
“แต่พ่ออยากไปเยี่ยมพี่เจ้าก่อน”พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส หัตถ์ใหญ่กุมหัตถ์พระโอรสเหมือนทรงบอกให้ปล่อย
โอรสน้อยชะงักกึก
รานดอล์ฟ....เจ้าอีกแล้ว
“แล้วแต่ฝ่าบาทจะตัดสินพระทัย”ตรัสจบก็ปล่อยพระหัตถ์ที่กุมฉลองพระองค์ออก สาวพระบาทกลับไปหาเจ้าชายบอลด์วิน
“เดี๋ยวก่อนเรนเนลด์ พ่อ.....จะไปกับเจ้า”ตรัสเหมือนไม่แน่พระทัย แต่ก็ทำให้พระโอรสองค์น้อยยิ้มแป้น “ลูอีส”
“เพคะ ฝ่าบาท”ลูอีสรับคำ เธอยังไม่ได้เข้าไปในเมือง เพราะรอพระราชาเฟรเดอร์ริคที่ทรงตรัสอยู่กับพระโอรส
“เตรียมม้าให้ข้าที”
“เพคะ”ลูอีสรับคำ หันไปบอกนายทหารคนหนึ่งให้ไปเตรียมม้าทรง
พระราชาเฟรเดอร์ริคกับพระโอรสควบม้าไปตามทางในป่าก่อนที่ม้าจะค่อยๆผ่อนฝีเท้าลงกลายเป็นเดิน ทั้งสองเหวี่ยงตัวลงจากม้าลงมาเดินตามทาง
“เสด็จพ่อ”
“หือ”
“ถัดจากนี้ไปจะเป็นอะไรเหรอพะยะค่ะ”
“เมืองมนุษย์น่ะ”พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส ทอดพระเนตรพระพักตร์พระโอรส
“เมืองมนุษย์”โอรสน้อยตรัส พระขนงขมวดมุ่นทำไมเมืองมนุษย์กับเมืองของเขาถึงได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้“ใกล้กันจัง”
“ไม่ใกล้หรอกเรนเนลด์ ต้องเดินทางเป็นสิบวันเลยนะ ถ้าเจ้าไม่เข้าไปที่ป่าหลงลืม แล้วเดินปีนไปตามผาน้ำตก เจ้าก็คงไม่ต้องเดินทางนานถึงขนานนั้น เพราะทางน้ำที่น้ำตกในป่าหลงลืมเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายสำคัญในหมู่บ้านใกล้ๆเมืองของเรา ทำให้เดินทางแค่วันสองวันเจ้าก็คงสามารถไปเดินเล่นในเมืองมนุษย์ได้แล้ว”พระราชาเฟรเดอร์ริคอธิบาย ก่อนพระเนตรจะเบิกกว้าง เมื่อกลิ่นหนึ่งลอยมากระทบนาสิกก่อนจะเผลอโอษฐ์หลุดออกมาไม่รู้ตัว
“มนุษย์”
“อะไรนะพะยะค่ะ มนุษย์งั้นรึ”เจ้าชายเรนเนลด์ร้องขึ้น ทำไมมนุษย์ถึงได้มาอยู่แถวนี้ได้
“.......”
“บอกลูกมาสิพะยะค่ะ”
“คงใช่”
“กลับกันเถอะเรนเนลด์”
“ทำไมล่ะพะยะค่ะ”
“ไปกันเถอะ มนุษย์กับพวกเราไม่สมควรจะเจอกัน ถ้าพวกเขาเห็นเราอาจตกใจทำร้ายเราได้”พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส จับกรพระโอรสเหมือนจะบอกว่าถึงเวลาไปแล้ว
“ถ้ามันทำร้ายเรา เราก็ฆ่ามันเลยสิพะยะค่ะ”โอรสน้อยตรัส
ทำไมล่ะ ก็มนุษย์มันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วนี่ แล้วยิ่งมันบังอาจจะมาทำร้ายเขากับเสด็จพ่อ โทษที่สมควรจะได้รับก็คือความตายไม่ใช่หรือ
“เรนเนลด์เจ้าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า”สีพระพักตร์ตกพระทัยกับคำพูดของผู้เป็นลูก ก่อนจะตรัสตอบไปว่า “เรนเนลด์ พ่อไม่อยากทำร้ายเขา คนเราก็มีชีวิตเป็นของตัวเองไม่ควรไปก้าวก่ายชีวิตของเขา ใครๆก็รักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น”
“......”
“รีบไปกันเถอะ”ตรัสจบ ก็จับหัตถ์พระโอรสจูงไปที่ม้า แต่ก่อนที่พระราชาเฟรเดอร์ริคจะอุ้มพระโอรสไปนั่งบนม้า วัตถุสีเงินวาวก็พุ่งผ่านข้างตัวพระองค์ไป ด้วยความตกพระทัยเลยเหวี่ยงเจ้าชายเรนเนลด์ไปอยู่ที่โพรงไม้ในต้นไม้ใหญ่ข้างๆ
พระราชาเฟรเดอร์ริคหันกลับไปทอดพระเนตรเจ้าของมีดสีเงินที่ตอนนี้ปักคาต้นไม้
ชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดชาวบ้าน ในมือถือดาบ แววตาอาฆาตแค้นพุ่งตรงไปที่พระราชาเฟรเดอร์ริค
“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า”เจ้าชายเฟรเดอร์ริคตรัส สีพระพักตร์งุนงงกับแววตาที่ส่งมา
“ธุระที่ต้องเอาชีวิตเจ้า”พูดจบก็พุ่งดาบฟาดฟันทันที จนพระราชาเฟรเดอร์ริคเอาดาบออกจากฝักมาตั้งรับไว้แทบไม่ทัน
“อะไรของเจ้า”สีพระพักตร์งุนงงยิ่งขึ้น เมื่อชายตรงหน้าพยายามจะฆ่าเขา
“อย่ามาทำเป็นซื่อ เด็กคนนั้นที่เจ้าฆ่าไป เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ เขาเด็กเกินกว่าที่เจ้าจะฆ่าเขา”ชายคนนั้นพูด สีหน้าเจ็บปวดแต่แววตายังขุ่นแค้น
“อะไรของเจ้ากัน ข้าไม่เคยฆ่าเด็กคนไหนทั้งนั้น แม้แค่จะทำร้ายก็ไม่เคยด้วยซ้ำ”
“เจ้าอย่ามาโกหก!!”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
“วันนั้นข้าเห็นเจ้าอยู่ข้างกายลูกชายข้า ร่างของลูกข้าเต็มไปด้วยเลือด เจ้าฆ่าเขาใช่ไหม แล้วเจ้ายังเอาร่างเขาไปอีก”พูดจบ น้ำตาก็ไหลรินเป็นสาย
“ข้าไม่ได้ฆ่าลูกเจ้า”
“ถ้าเช่นนั้นลูกข้าอยู่ไหน”
“ข้าคืนเขาให้เจ้าไม่ได้”จะให้เขาพูดอย่างไร บอกว่าลูกของเขาเป็นแวมไพร์ไปแล้วเช่นนั้นหรือ
“เจ้าฆ่าเขาไปแล้วๆๆๆ”เงื้อดาบขึ้นก่อนจะฟาดลงมาอย่างไม่ยั้ง
พระราชาเฟรเดอร์ริคดันดาบขึ้นก่อนจะปัดดาบทิ้งไปปักอยู่ที่พื้นไม่ไกล
ชายคนนั้นเสียหลักล้มลง เหงื่อกาฬไหลซึม แต่ประกายดวงตายังไม่เปลี่ยนแปลง ชายคนนั้นยิ้มเยาะ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในย่าม หยิบไม้ตอกอันแหลมขึ้นมา อีกมือหนึ่งก็หยิบมีดสั้นออกมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามา จนหัตถ์อีกข้างของพระราชาเฟรเดอร์ริคยกขึ้นมารับไม้ตอกไว้
ฝ่ายเจ้าชายเรนเนลด์ที่หลบอยู่ใต้โพรงไม้ หทัยเต้นระทึก เขารู้อยู่แก่ใจว่าเสด็จพ่อคงชนะเจ้ามนุษย์แน่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งเห็นไม้ตอกนั่นแล้วล่ะก็มันทำให้เขากลัวจนจับรากไม้ที่อยู่ข้างๆ จนนิ้วขึ้นข้อขาว
เพราะไม้ตอกมันสามารถฆ่าพวกเราได้
แต่ถึงอย่างนั้น ไม่รู้ทำไม ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่ใจเขากลับกลัวเหลือเกิน กลัวบางอย่างที่บอกไม่ถูก
ตึก!
หทัยหัวใจกำลังบีบตัวอย่างเจ็บปวด พระขนองปวดร้อน
ตรานั่น!
ร้อน....ร้อนเหลือเกิน
อยากร้องออกมา แต่ทำไม่ได้ หากร้องออกมา เจ้ามนุษย์นั่นมันคงรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้
ฝ่ายพระราชาเฟรเดอร์ริคเอง หัตถ์หนึ่งกำลังกำไม้ตอกแน่น พยายามจะผลักไสมันออกไปให้ไกล ทำอย่างไรก็ได้ ให้มันห่างจากหัวใจให้มากที่สุด หากโดนมันตอกแค่ครั้งเดียว คงจบกันหมดแน่!!
เงาดำค่อยๆก่อตัวขึ้นข้างกายองค์ราชาโดยที่พระองค์ไม่รู้ตัว ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเห็นมัน
หมับ!
มือปริศนาจับหัตถ์ขององค์ราชา
พระราชาเฟรเดอร์ริคหันขวับโดยทันที สิ่งที่พระองค์เห็น ทำให้พระเนตรเบิกกว้าง
กาย!!
กายยืนยิ้มนิ่ง ปากบางแย้มออก แต่แววตากลับฉายแววมุ่งร้าย
มือที่ขาวราวหิมะเอื้อมมาจับข้อพระกรของพระราชาเฟรเดอร์ริคที่กำลังดันไม้ตอกแหลมคมให้บิดไปข้างหลัง ด้วยแรงมหาศาลทำให้องค์ราชาไม่สามารถทานไว้ได้ เสียงกระดูกหักดังกร็อบ! กรไร้เรี่ยวแรงก่อนจะตกห้อยอยู่ข้างตัว
เพียงเสี้ยววินาทีที่หัตถ์องค์ราชาละไป ไม้ตอกแหลมก็ปักฉึกเข้ากลางหทัยขององค์ราชา
พระเนตรเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไป ก่อนสติเริ่มเลือนราง เสียงกระซิบที่พระกรรณก็ดังขึ้น
“เฟรเดอร์ริค...เจ้ารู้หรือเปล่าว่าโทษของคนที่ทรยศข้าคืออะไร......ความตายไงล่ะ เจ้าโง่!”
เสียงหัวเราะกึกก้องในโสตประสาท แต่พระราชาเฟรเดอร์ริคหาได้สนใจไม่ กลับหันพระเศียรไปยังโอรสของพระองค์
โอรสน้อยที่บัดนี้พระพักตร์ซีดเผือด พระหัตถ์กำรากไม้ข้างตัวไว้แน่น ร่างเล็กสั่นเทา พระโอษฐ์พึมพำแต่ไร้สุรเสียงใดใด อัสสุชลเอ่อคลอที่พระเนตรวูบไหว
“เรน.....เนลด์.....เรนเนลด์”พระกรยกขึ้นพยายามพยุงตัว แต่ไร้ความหมาย เปลือกพระเนตรค้างอย่างมีห่วง วรองค์หยุดนิ่งอยู่แค่นั้น
ชายแปลกหน้าทรุดเข่าลงนั่งใกล้ร่างองค์ราชา ฝ่ามือเย็นเยียบ หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ทำได้แล้ว เขาฆ่ามันได้แล้ว มันที่ฆ่าลูกชายของเขา
หัวใจกำลังกู่ร้องอย่างยินดี หยิบย่ามที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะรีบวิ่งออกไปโดยหารู้ไม่ว่าเงาดำกำลังกระโจนตัวตามไปติดๆ
ชายคนนั้นวิ่งไปเรื่อย กิ่งไม้คมหนามที่ขวางทางเกี่ยวเสื้อผ้าจนฉีกขาด ตามตัวเลือดไหลซิบ แต่ชายคนนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ในใจของเขากำลังยินดีจนลืมทุกอย่างหมดสิ้น
แต่ไม่ทันไรชายคนนั้นก็ล้มลงดังตึง หน้านิ่วด้วยความเจ็บ
ก่อนจะสะดุ้งเฮือก!
ใครมาจับไหล่เขาไว้ ชายคนนั้นหันกลับไปมอง แต่ไม่มีใครอยู่เลย
เสียงกระซิบเยียบเย็นดังขึ้นข้างหู
“มนุษย์โสมมเอ๋ย...รู้หรือเปล่าโทษฐานที่เจ้าทำไปน่ะสมควรโดนกระทำตอบเยี่ยงไร”
ทันใดนั้น! ไฟก็ลุกพรึ่บขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ที่ตอนนี้เจ้าของเสียงกำลังดิ้นพราดๆเพราะแผลเริ่มพุพอง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกมันกลับร้ายแรงยิ่งกว่า
เขากำลังจะขาดอากาศหายใจ มือที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงสดเพราะแผลไฟลวกกำลังกุมอยู่รอบคอ ก่อนที่คอของเขาจะโดนหักจนขาดสะบั้นไม่ทันให้เจ้าของร่างได้รู้ถึงลมหายใจสุดท้ายที่โดนช่วงชิงไป ทิ้งไว้แต่ร่างในเปลวไฟที่กำลังมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี
ไกลออกไป
โอรสน้อยกำลังนั่งอยู่ข้างร่างบิดา หัตถ์สั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปปิดพระเนตรที่ยังเบิกค้างอยู่ของพระราชาเฟรเดอร์ริค ก่อนจะเลื่อนลงมาเช็ดคราบโลหิตสีมรกตที่เปรอะแก้มองค์ราชา
อัสสุชลไหลออกมาเป็นสายอย่างหยุดไม่อยู่
“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ พะ..พะยะค่ะ”
สุรเสียงสั่น วรองค์เล็กโยกไปตามแรงสะอื้น
“ดะ...ได้โปรด ได้โปรดตื่นขึ้นมา อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ชะ..เช่นนี้ ฮึก...ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครอีกละ..แล้ว อย่าโหดระ...ร้ายกับข้านักเลย ฮือ..ตะ...ต่อไปนี้ ข้าจะทำที่เสด็จพ่อ ตะ...ต้องการทุก ยะ...อย่าง ฮึก...ฮือ อย่าล้อข้าเล่นอย่างนี้สิ เสด็จพ่อ ฮือ ”
ทำไม......ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ไม่จริงใช่ไหม....นี่เป็นแค่ความฝัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จพ่อจะจากเขาไป ไม่จริงหรอก ไม่จริง
ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหลสักที เหมือนกับจะบอกว่าเขาต้องยอมรับ
“มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ สิ่งที่พวกเจ้าทำไว้ อีกไม่นานข้าจะเอาคืน ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่คำว่ามนุษย์อยู่บนโลกใบนี้ จงจำไว้เจ้าพวกมนุษย์โสมม จงจำไว้!!!”
สายฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก เมฆดำลอยครึ้มทั่วท้องฟ้า อัสสุนีบาตฟาดเปรี้ยง เสียงหัวเราะปริศนาลอยมาตามสายลม เสมือนเป็นสิ่งตอกย้ำความแค้นไว้ ณ ผืนแผ่นดินแห่งนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น