ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมใจจอมปิศาจ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 52


    7
     
                   
                    ณ บาร์แห่งหนึ่งในเมืองชายแดน เมืองที่ใกล้กับเขตแดนของปีศาจมากที่สุด เพราะหากเพียงผ่านป่าชายแดนไปแล้วล่ะก็ นับจากนั้นไปก็เป็นอาณาเขตของปีศาจทันที
    ชายวัยกลางคนคนหนึ่งแต่งตัวรัดกุมนั่งดื่มเหล้าในบาร์ขวดแล้วขวดเล่า
    เยอะเกินไปแล้วมั้ง ข้ารู้ว่าเจ้าคอแข็งแต่ก็เพลาๆลงมั่งเหอะ นี่มันก็เดือนกว่าแล้วนา เจ้ายังทำใจไม่ได้อีกรึชายเจ้าของบาร์กล่าว
    ชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้ายังคงนั่งเงียบ กระดกแก้วเหล้าเข้าปากต่อไป
    ถ้าเจ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเข้าไปที่โบสถ์ในเมืองใหญ่ เจ้าไปทำไมรึ ถ้ามีของดีก็มาฝากกันมั่งสิ
    ......ชายคนนั้นเงียบก่อนจะวางเงินค่าเหล้าไว้ให้บนโต๊ะ
    เฮ้!นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะชายเจ้าของบาร์ท้วงขึ้น
     “ไปหาคนอยู่เป็นเพื่อนลูกชาย
     
    ทหารหลายสิบนายยืนจัดขบวนพลอย่างเป็นระบบระเบียบ ราชรถทั้งสองถูกเทียมด้วยอาชาแข็งแรง ราชรถคันแรกพระราชาเฟรเดอร์ริคประทับอยู่ ส่วนคันที่สองเป็นของพระโอรสทั้งสอง
    เหตุใด พระองค์ถึงได้ทำพระพักตร์เช่นนั้นเล่าพะยะค่ะเจ้าชายบอลด์วินถามขึ้น เมื่อเห็นพระพักตร์พระเชษฐาที่บึ้งตึงเหมือนมีใครไปขัดใจพระองค์เข้า
    เปล่า
    หรือว่าพระองค์ไม่อยากเสด็จไปเยี่ยมเจ้าชายรานดอล์ฟ
    ก็ใช่น่ะสิเจ้าชายเรนเนลด์ตวาดอย่างเหลืออดข้าไม่ชอบมัน ข้าเกลียดมันด้วยซ้ำ ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหามัน
    ถึงยังไงเจ้าชายรานดอล์ฟก็เป็นพระเชษฐาของพระองค์เจ้าชายบอลด์วินตรัสอย่างไม่เข้าพระทัย เขาไม่เคยเห็นเจ้าชายรานดอล์ฟ แต่ทุกครั้งที่พูดถึงเจ้าชายเรนเนลด์ก็ทรงอารมณ์เสียทุกครั้งไปยิ่งคราวก่อนนู้น ปราชญ์ที่สอนวิชาการปกครองประเทศพูดว่าพระองค์ไม่เคารพคนอื่นเหมือนพระเชษฐาของพระองค์เท่านั้นล่ะ ทั้งโต๊ะทั้งเก้าอี้แย่งกันลอยเข้าหาปราชญ์กันแทบไม่ทัน
    เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันแย่งทุกอย่างไปจากข้าคนอารมณ์เสียว่า กระทืบพระบาทปึงปังไปที่หน้าต่าง                 
    ก็พระองค์ไม่เคยบอกกระหม่อมว่าเหตุใด
    เจ้าอยู่ที่นี่มาเกือบเดือนแล้วยังไม่รู้อีกรึเจ้าชายเรนเนลด์ผละจากทิวทัศน์ท้องทุ่งนอกหน้าต่าง พระขนงเลิกขึ้นอย่างแปลกใจขณะมองคนถูกว่า
    กระหม่อมอยู่กับพระองค์ตลอด ถ้าพระองค์ไม่บอกกระหม่อม กระหม่อมก็ไม่รู้
    ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รู้ไว้ซะว่ามันคนนั้นทำข้าเจ็บแค้นมากแค่ไหน มันแย่งความรักของทุกคนไปจากข้า มันแย่งทุกอย่างไปจากข้า ทุกคนเห็นมันดีกว่าข้า แม้แต่เสด็จพ่อก็เห็นมันดีกว่าข้า พูดจบอัสสุชลก็เอ่อคลอด้วยความน้อยพระทัย
    ใช่!
    เสด็จพ่อเห็นมันดีกว่าเขา
    กระหม่อมขอประทานอภัย คราวหลังกระหม่อมจะไม่ทูลถามแล้ว
    เจ้าไม่ได้ผิดอะไรโอรสน้อยทอดพระเนตรพระอนุชาเจ้าแค่อยากรู้ ข้าก็บอกเจ้าชายเรนเนลด์ก้มพระพักตร์ ทำไมเหมือนกันก็ไม่รู้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงตวาดกลับไปแล้ว แต่คงเพราะเจ้าคนตรงหน้านี่มันทำให้เขาไม่อยากด่า
    ก็มันเป็นเพื่อน
    เป็นเพื่อนคนแรกซะด้วย
    เป็นเพื่อนที่เขาอยากได้มาตลอด8ปี
     
    เมื่อถึงเมืองหน้าด่าน ราชรถทั้งสอนคันก็หยุด พระราชาเฟรเดอร์ริคเสด็จลงมาจากราชรถก่อน หญิงสาวผมสีเงินที่รอต้อนรับอยู่แล้วรีบทำความเคารพทันที
    ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท
    ลุกขึ้นเถอะพระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส หันไปมองราชรถอีกคันที่พระโอรสทั้งสองกำลังเสด็จลงมา
    เชิญฝ่าบาทเสด็จเข้าไปประทับในเมืองก่อน
    พระราชาเฟรเดอร์ริคยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนจะสาวพระบาทเข้าไปในเมือง แต่ชายฉลองพระองค์ของพระองค์กลับโดนกระตุกถี่ 
    พระราชาเฟรเดอร์ริคหันกลับไปมองคนต้นเรื่อง
    เสด็จพ่อสัญญากับกระหม่อมแล้วว่า จะพากระหม่อมไปเที่ยวที่ป่าชายแดน
    แต่พ่ออยากไปเยี่ยมพี่เจ้าก่อนพระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส หัตถ์ใหญ่กุมหัตถ์พระโอรสเหมือนทรงบอกให้ปล่อย
    โอรสน้อยชะงักกึก
    รานดอล์ฟ....เจ้าอีกแล้ว
    แล้วแต่ฝ่าบาทจะตัดสินพระทัยตรัสจบก็ปล่อยพระหัตถ์ที่กุมฉลองพระองค์ออก สาวพระบาทกลับไปหาเจ้าชายบอลด์วิน
    เดี๋ยวก่อนเรนเนลด์ พ่อ.....จะไปกับเจ้าตรัสเหมือนไม่แน่พระทัย แต่ก็ทำให้พระโอรสองค์น้อยยิ้มแป้น ลูอีส
    เพคะ ฝ่าบาทลูอีสรับคำ เธอยังไม่ได้เข้าไปในเมือง เพราะรอพระราชาเฟรเดอร์ริคที่ทรงตรัสอยู่กับพระโอรส
    เตรียมม้าให้ข้าที
    เพคะลูอีสรับคำ หันไปบอกนายทหารคนหนึ่งให้ไปเตรียมม้าทรง
     
    พระราชาเฟรเดอร์ริคกับพระโอรสควบม้าไปตามทางในป่าก่อนที่ม้าจะค่อยๆผ่อนฝีเท้าลงกลายเป็นเดิน ทั้งสองเหวี่ยงตัวลงจากม้าลงมาเดินตามทาง
     “เสด็จพ่อ
    หือ
    ถัดจากนี้ไปจะเป็นอะไรเหรอพะยะค่ะ
    เมืองมนุษย์น่ะพระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส ทอดพระเนตรพระพักตร์พระโอรส
    เมืองมนุษย์โอรสน้อยตรัส พระขนงขมวดมุ่นทำไมเมืองมนุษย์กับเมืองของเขาถึงได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ใกล้กันจัง
    ไม่ใกล้หรอกเรนเนลด์ ต้องเดินทางเป็นสิบวันเลยนะ ถ้าเจ้าไม่เข้าไปที่ป่าหลงลืม แล้วเดินปีนไปตามผาน้ำตก เจ้าก็คงไม่ต้องเดินทางนานถึงขนานนั้น เพราะทางน้ำที่น้ำตกในป่าหลงลืมเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายสำคัญในหมู่บ้านใกล้ๆเมืองของเรา ทำให้เดินทางแค่วันสองวันเจ้าก็คงสามารถไปเดินเล่นในเมืองมนุษย์ได้แล้วพระราชาเฟรเดอร์ริคอธิบาย ก่อนพระเนตรจะเบิกกว้าง เมื่อกลิ่นหนึ่งลอยมากระทบนาสิกก่อนจะเผลอโอษฐ์หลุดออกมาไม่รู้ตัว
    มนุษย์
    อะไรนะพะยะค่ะ มนุษย์งั้นรึเจ้าชายเรนเนลด์ร้องขึ้น ทำไมมนุษย์ถึงได้มาอยู่แถวนี้ได้
     .......
    บอกลูกมาสิพะยะค่ะ
    คงใช่
    กลับกันเถอะเรนเนลด์
    ทำไมล่ะพะยะค่ะ
    ไปกันเถอะ มนุษย์กับพวกเราไม่สมควรจะเจอกัน ถ้าพวกเขาเห็นเราอาจตกใจทำร้ายเราได้พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส จับกรพระโอรสเหมือนจะบอกว่าถึงเวลาไปแล้ว
    ถ้ามันทำร้ายเรา เราก็ฆ่ามันเลยสิพะยะค่ะโอรสน้อยตรัส
    ทำไมล่ะ ก็มนุษย์มันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วนี่ แล้วยิ่งมันบังอาจจะมาทำร้ายเขากับเสด็จพ่อ โทษที่สมควรจะได้รับก็คือความตายไม่ใช่หรือ
    เรนเนลด์เจ้าพูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่าสีพระพักตร์ตกพระทัยกับคำพูดของผู้เป็นลูก ก่อนจะตรัสตอบไปว่า เรนเนลด์ พ่อไม่อยากทำร้ายเขา คนเราก็มีชีวิตเป็นของตัวเองไม่ควรไปก้าวก่ายชีวิตของเขา ใครๆก็รักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น
    ......
    รีบไปกันเถอะตรัสจบ ก็จับหัตถ์พระโอรสจูงไปที่ม้า แต่ก่อนที่พระราชาเฟรเดอร์ริคจะอุ้มพระโอรสไปนั่งบนม้า วัตถุสีเงินวาวก็พุ่งผ่านข้างตัวพระองค์ไป ด้วยความตกพระทัยเลยเหวี่ยงเจ้าชายเรนเนลด์ไปอยู่ที่โพรงไม้ในต้นไม้ใหญ่ข้างๆ
    พระราชาเฟรเดอร์ริคหันกลับไปทอดพระเนตรเจ้าของมีดสีเงินที่ตอนนี้ปักคาต้นไม้
    ชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดชาวบ้าน ในมือถือดาบ แววตาอาฆาตแค้นพุ่งตรงไปที่พระราชาเฟรเดอร์ริค
    เจ้ามีธุระอะไรกับข้าเจ้าชายเฟรเดอร์ริคตรัส สีพระพักตร์งุนงงกับแววตาที่ส่งมา
    ธุระที่ต้องเอาชีวิตเจ้าพูดจบก็พุ่งดาบฟาดฟันทันที จนพระราชาเฟรเดอร์ริคเอาดาบออกจากฝักมาตั้งรับไว้แทบไม่ทัน
    อะไรของเจ้าสีพระพักตร์งุนงงยิ่งขึ้น เมื่อชายตรงหน้าพยายามจะฆ่าเขา
    อย่ามาทำเป็นซื่อ เด็กคนนั้นที่เจ้าฆ่าไป เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ เขาเด็กเกินกว่าที่เจ้าจะฆ่าเขาชายคนนั้นพูด สีหน้าเจ็บปวดแต่แววตายังขุ่นแค้น
    อะไรของเจ้ากัน ข้าไม่เคยฆ่าเด็กคนไหนทั้งนั้น แม้แค่จะทำร้ายก็ไม่เคยด้วยซ้ำ
    เจ้าอย่ามาโกหก!!
    ข้าไม่ได้โกหกเจ้า
    วันนั้นข้าเห็นเจ้าอยู่ข้างกายลูกชายข้า ร่างของลูกข้าเต็มไปด้วยเลือด เจ้าฆ่าเขาใช่ไหม แล้วเจ้ายังเอาร่างเขาไปอีกพูดจบ น้ำตาก็ไหลรินเป็นสาย
    ข้าไม่ได้ฆ่าลูกเจ้า
    ถ้าเช่นนั้นลูกข้าอยู่ไหน
    ข้าคืนเขาให้เจ้าไม่ได้จะให้เขาพูดอย่างไร บอกว่าลูกของเขาเป็นแวมไพร์ไปแล้วเช่นนั้นหรือ
    เจ้าฆ่าเขาไปแล้วๆๆๆเงื้อดาบขึ้นก่อนจะฟาดลงมาอย่างไม่ยั้ง
    พระราชาเฟรเดอร์ริคดันดาบขึ้นก่อนจะปัดดาบทิ้งไปปักอยู่ที่พื้นไม่ไกล
    ชายคนนั้นเสียหลักล้มลง เหงื่อกาฬไหลซึม แต่ประกายดวงตายังไม่เปลี่ยนแปลง ชายคนนั้นยิ้มเยาะ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในย่าม หยิบไม้ตอกอันแหลมขึ้นมา อีกมือหนึ่งก็หยิบมีดสั้นออกมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามา จนหัตถ์อีกข้างของพระราชาเฟรเดอร์ริคยกขึ้นมารับไม้ตอกไว้
    ฝ่ายเจ้าชายเรนเนลด์ที่หลบอยู่ใต้โพรงไม้ หทัยเต้นระทึก เขารู้อยู่แก่ใจว่าเสด็จพ่อคงชนะเจ้ามนุษย์แน่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งเห็นไม้ตอกนั่นแล้วล่ะก็มันทำให้เขากลัวจนจับรากไม้ที่อยู่ข้างๆ จนนิ้วขึ้นข้อขาว
    เพราะไม้ตอกมันสามารถฆ่าพวกเราได้
    แต่ถึงอย่างนั้น ไม่รู้ทำไม ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่ใจเขากลับกลัวเหลือเกิน กลัวบางอย่างที่บอกไม่ถูก
    ตึก!
    หทัยหัวใจกำลังบีบตัวอย่างเจ็บปวด พระขนองปวดร้อน
    ตรานั่น!
    ร้อน....ร้อนเหลือเกิน
    อยากร้องออกมา แต่ทำไม่ได้ หากร้องออกมา เจ้ามนุษย์นั่นมันคงรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้
    ฝ่ายพระราชาเฟรเดอร์ริคเอง หัตถ์หนึ่งกำลังกำไม้ตอกแน่น พยายามจะผลักไสมันออกไปให้ไกล ทำอย่างไรก็ได้ ให้มันห่างจากหัวใจให้มากที่สุด หากโดนมันตอกแค่ครั้งเดียว คงจบกันหมดแน่!!
    เงาดำค่อยๆก่อตัวขึ้นข้างกายองค์ราชาโดยที่พระองค์ไม่รู้ตัว ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครเห็นมัน
    หมับ!
    มือปริศนาจับหัตถ์ขององค์ราชา
    พระราชาเฟรเดอร์ริคหันขวับโดยทันที สิ่งที่พระองค์เห็น ทำให้พระเนตรเบิกกว้าง
    กาย!!
    กายยืนยิ้มนิ่ง ปากบางแย้มออก แต่แววตากลับฉายแววมุ่งร้าย
    มือที่ขาวราวหิมะเอื้อมมาจับข้อพระกรของพระราชาเฟรเดอร์ริคที่กำลังดันไม้ตอกแหลมคมให้บิดไปข้างหลัง ด้วยแรงมหาศาลทำให้องค์ราชาไม่สามารถทานไว้ได้ เสียงกระดูกหักดังกร็อบ! กรไร้เรี่ยวแรงก่อนจะตกห้อยอยู่ข้างตัว
    เพียงเสี้ยววินาทีที่หัตถ์องค์ราชาละไป ไม้ตอกแหลมก็ปักฉึกเข้ากลางหทัยขององค์ราชา
    พระเนตรเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไป ก่อนสติเริ่มเลือนราง เสียงกระซิบที่พระกรรณก็ดังขึ้น
    “เฟรเดอร์ริค...เจ้ารู้หรือเปล่าว่าโทษของคนที่ทรยศข้าคืออะไร......ความตายไงล่ะ เจ้าโง่!”
    เสียงหัวเราะกึกก้องในโสตประสาท แต่พระราชาเฟรเดอร์ริคหาได้สนใจไม่ กลับหันพระเศียรไปยังโอรสของพระองค์
    โอรสน้อยที่บัดนี้พระพักตร์ซีดเผือด พระหัตถ์กำรากไม้ข้างตัวไว้แน่น ร่างเล็กสั่นเทา พระโอษฐ์พึมพำแต่ไร้สุรเสียงใดใด อัสสุชลเอ่อคลอที่พระเนตรวูบไหว
    “เรน.....เนลด์.....เรนเนลด์”พระกรยกขึ้นพยายามพยุงตัว แต่ไร้ความหมาย เปลือกพระเนตรค้างอย่างมีห่วง วรองค์หยุดนิ่งอยู่แค่นั้น
    ชายแปลกหน้าทรุดเข่าลงนั่งใกล้ร่างองค์ราชา ฝ่ามือเย็นเยียบ หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
    ทำได้แล้ว เขาฆ่ามันได้แล้ว มันที่ฆ่าลูกชายของเขา
    หัวใจกำลังกู่ร้องอย่างยินดี หยิบย่ามที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะรีบวิ่งออกไปโดยหารู้ไม่ว่าเงาดำกำลังกระโจนตัวตามไปติดๆ
    ชายคนนั้นวิ่งไปเรื่อย กิ่งไม้คมหนามที่ขวางทางเกี่ยวเสื้อผ้าจนฉีกขาด ตามตัวเลือดไหลซิบ แต่ชายคนนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ในใจของเขากำลังยินดีจนลืมทุกอย่างหมดสิ้น
    แต่ไม่ทันไรชายคนนั้นก็ล้มลงดังตึง หน้านิ่วด้วยความเจ็บ
    ก่อนจะสะดุ้งเฮือก!
    ใครมาจับไหล่เขาไว้ ชายคนนั้นหันกลับไปมอง แต่ไม่มีใครอยู่เลย
    เสียงกระซิบเยียบเย็นดังขึ้นข้างหู
    “มนุษย์โสมมเอ๋ย...รู้หรือเปล่าโทษฐานที่เจ้าทำไปน่ะสมควรโดนกระทำตอบเยี่ยงไร”
    ทันใดนั้น! ไฟก็ลุกพรึ่บขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ที่ตอนนี้เจ้าของเสียงกำลังดิ้นพราดๆเพราะแผลเริ่มพุพอง แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกมันกลับร้ายแรงยิ่งกว่า
    เขากำลังจะขาดอากาศหายใจ มือที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงสดเพราะแผลไฟลวกกำลังกุมอยู่รอบคอ ก่อนที่คอของเขาจะโดนหักจนขาดสะบั้นไม่ทันให้เจ้าของร่างได้รู้ถึงลมหายใจสุดท้ายที่โดนช่วงชิงไป  ทิ้งไว้แต่ร่างในเปลวไฟที่กำลังมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี
     
    ไกลออกไป
    โอรสน้อยกำลังนั่งอยู่ข้างร่างบิดา หัตถ์สั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปปิดพระเนตรที่ยังเบิกค้างอยู่ของพระราชาเฟรเดอร์ริค ก่อนจะเลื่อนลงมาเช็ดคราบโลหิตสีมรกตที่เปรอะแก้มองค์ราชา
    อัสสุชลไหลออกมาเป็นสายอย่างหยุดไม่อยู่
    “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ พะ..พะยะค่ะ”
    สุรเสียงสั่น วรองค์เล็กโยกไปตามแรงสะอื้น
    “ดะ...ได้โปรด ได้โปรดตื่นขึ้นมา อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ชะ..เช่นนี้ ฮึก...ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครอีกละ..แล้ว อย่าโหดระ...ร้ายกับข้านักเลย ฮือ..ตะ...ต่อไปนี้ ข้าจะทำที่เสด็จพ่อ ตะ...ต้องการทุก ยะ...อย่าง ฮึก...ฮือ อย่าล้อข้าเล่นอย่างนี้สิ เสด็จพ่อ ฮือ ”
    ทำไม......ทำไมถึงเป็นแบบนี้
    ไม่จริงใช่ไหม....นี่เป็นแค่ความฝัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จพ่อจะจากเขาไป ไม่จริงหรอก ไม่จริง
    ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่น้ำตาก็ไม่หยุดไหลสักที เหมือนกับจะบอกว่าเขาต้องยอมรับ
    “มนุษย์ มนุษย์ มนุษย์ สิ่งที่พวกเจ้าทำไว้ อีกไม่นานข้าจะเอาคืน ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่คำว่ามนุษย์อยู่บนโลกใบนี้ จงจำไว้เจ้าพวกมนุษย์โสมม จงจำไว้!!!”
    สายฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก เมฆดำลอยครึ้มทั่วท้องฟ้า อัสสุนีบาตฟาดเปรี้ยง เสียงหัวเราะปริศนาลอยมาตามสายลม เสมือนเป็นสิ่งตอกย้ำความแค้นไว้ ณ ผืนแผ่นดินแห่งนี้
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×