ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมใจจอมปิศาจ

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่5

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 52


    5

     


                    ลานฝึกซ้อม หลังปราสาทเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนาน จะมีแต่โอรสน้อยกระมังที่ประทับพระพักตร์มุ่ยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่


                    ถึงรานดอล์ฟจะถูกส่งไปเมืองหน้าด่านแล้วเขาก็ยังไม่มีเพื่อนเล่นด้วยอยู่ดี ตั้งแต่วันนั้น หลังจากที่เสด็จพ่อกลับมาจากเมืองหน้าด่านก่อน เขาก็ไม่เคยเห็นใครเข้าออกห้องทรงงานของเสด็จพ่อนอกจากเสด็จพ่อเลย  แต่เขาได้ข่าวมาว่าไปเมืองหน้าด่านคราวนั้น เสด็จพ่อได้รับเด็กมาอุปการะด้วย แต่เขาก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นเลยสักที 


                    แต่แค่ยังไม่เห็นหน้า เขาก็กลัวแล้วว่าเสด็จพ่อจะห่วงใยเด็กนั่นมากกกว่าเขา เขาไม่อยากให้มันซ้ำรอยเจ้ารานดอล์ฟมัน มันเป็นพี่น้องกับเขาแท้ๆแต่มันกลับแย่งความรักจากทุกคนไปจากเขา ไม่สิเขาไม่มีทางนับคนอย่างมันเป็นพี่เป็นน้องเด็ดขาด!!


                    แต่ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขาอยากได้ เพื่อนๆๆๆ


                    ตอนนี้ไปหาเสด็จพ่อดีกว่า เขายังจำได้ไม่เคยลืมเลยว่า เสด็จพ่อสัญญาอะไรกับเขาไว้


                    โอรสน้อยเสด็จเข้าไปในปราสาท ก่อนจะมุ่งไปที่ห้องทรงงานของพระราชาเฟรเดอร์ริคทันที


                    พระทวารใหญ่ค่อยๆเปิดออก


                    แปลก!ทำไมห้องของเสด็จพ่อถึงได้มืดขนาดนี้ ก่อนจะไปเมืองหน้าด่าน ถึงเสด็จพ่อไม่อยู่ในห้องทรงงานก็ไม่เคยทำให้ห้องมืดขนาดนี้เลยนี่นา


                    หรือเสด็จพ่ออยู่ในห้องบรรทม


                    โอรสน้อยเปิดบานทวารเข้าไปในห้องบรรทมที่อยู่ข้างในหลังห้องทรงงานของพระราชาเฟรเดอร์ริค ในห้องบรรทมก็มืดเสียยิ่งกว่าห้องทรงงานเสียอีก ภูษารอบเสาเตียงบรรทมก็ถูกชักม่านปิดหมด บานพระบัญชรก็เช่นกัน


                    โอรสน้อยค่อยๆเสด็จไปที่เตียงบรรทม เปิดชายภูษาดู


                    ทันใดนั้น! ร่างหนึ่งก็กระโจนออกมาจากเตียงบรรทมขึ้นคร่อมตัวเขาไว้ ดวงตาแดงก่ำเหมือนเลือด ปากค่อยๆแสยะยิ้ม เเสดงเขี้ยวแหลม


                    แวมไพร์!!!


                    เป็นไปได้อย่างไรกัน ภายใต้อาณาจักรซิสเวิร์ดมีข่ายมนตราของเสด็จพ่ออยู่ไม่มีชาวเมืองคนไหนที่จะกลายร่างเป็นแวมไพร์ได้หรอก


                    "ทาโอนูยา!!


                    เสียงร่ายมนตร์ของผู้มาใหม่ทำเอาโอรสน้อยตื่นจากภวังค์ ร่างที่อยู่บนตัวเขากระเด็นไปกระแทกผนังจนสลบไป


                    "เป็นอย่างไรบ้างเรนเนลด์"พระราชาเฟรเดอร์ริคเข้ามาดูเจ้าชายเรนเนลด์ สายพระเนตรสอดส่องไปทั่งร่างตรงหน้า


                    "มะ...ไม่พะยะค่ะ ว่าแต่...มัน.....อะไรกัน"โอรสน้อยตรัส ดวงเนตรฉายแววตระหนกไม่หาย


                   
    "เปล่าหรอก เจ้าออกไปก่อน เดี๋ยวพ่อตามไป"


                    "แต่.."


                    "ออกไป หรือว่าเจ้าอยากให้เจ้านี่ฟื้นขึ้นมาอีก"ได้ผล โอรสน้อยชะงักก่อนจะหันหลังกลับเดินออกไปนอกห้องโดยดี


                    พระราชาเฟรเดอร์ริคหันกลับไปที่ผนังห้อง


                    ร่างหนึ่งทรุดอยู่ใกล้ๆกับผนัง


                    พระราชาเฟรเดอร์ริครีบตรงไปที่ร่างนั้นทันที รีบหยิบถุงหนังที่ซ่อนภายใต้เสื้อคลุมออกมา  ค่อยๆบรรจงรินของเหลงสีแดงข้นไปในปากของร่างตรงหน้า


                    เลือดสดๆค่อยค่อยไหลลงไปตามลำคอของร่างเล็กที่กระหายจนหมด


                    พระราชาเฟรเดอร์ริคทรุดลงนั่งพิงฝาผนังอย่างอ่อนแรง ถอนหายใจด้วยความโล่งพระทัย


                    เกือบไปแล้วสิ ถ้าเขาเข้ามาช้าอีกแค่นิดเดียวเรนเนลด์จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้


                    มนุษย์ที่กลายเป็นแวมไพร์ในช่วงแรกจะกระหายเลือดอย่างมากแม้แต่ข่ายมนตราในเมืองก็ยับยั้งการกลายร่างไม่ได้ 


                    โชคดี!หลังจากที่เขาเข้าประชุมแจ้งข่าวการรับบอลด์วินมาอุปการะและแต่งตั้งให้เป็นโอรสอีกองค์ของเขาแก่องคมนตรีทราบเสร็จเขาก็รีบใช้เวทหายตัวไปทางป่าตอนเหนือที่ติดกับแดนเทพ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องปลอดภัยเลยที่ไปบริเวณใกล้แดนเทพ แต่ในกาลนี้หาเลือดมนุษย์ไม่ได้ก็เลยต้องใช้เลือดยูนิคอร์นแทน เพราะเลือดยูนิคอร์นให้พลังงานได้เท่าเทียมกับเลือดมนุษย์  ก่อนที่เขาจะใช้เวทเปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่นและรสชาตให้เหมือนกับเลือดมนุษย์มากที่สุด                                        


    แต่ว่าเขาสามารถที่จะหายตัวไปยังเมืองมนุษย์ แล้วฆ่ามนุษย์สักคนมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่า....เขาไม่ทำต่างหาก เพราะว่าเขาไม่อยากทำร้ายมนุษย์ แล้วเขาก็ยังจำสัญญาที่เขาให้ไว้กับราชินีไม่เคยลืม



                   
    "พระองค์อย่าทรงเสี้ยมสอนให้เขาเกลียดชังมนุษย์อย่างที่พระองค์ไม่สอนรานดอล์ฟ"


                    สุรเสียงของพระชายาเซเทรียดังก้องอยู่ในโสตประสาตขององค์ราชา


                    ใช่! เขาไม่เคยลืมคำสั่งเสียของนาง แล้วเขาก็ไม่เคยลบนางไปจากหทัยดวงนี้ได้เลย


                   
    อัสสุชลเอ่ออยู่ที่ขอบพระเนตรก่อนจะไหลลงมา พระราชาเฟรเดอร์ริคใช้หลังหัตถ์เช็ดอัสสุชลออกจากพระพักตร์ แต่อัสสุชลกลับไหลลงมาไม่ขาดสาย


                    เซเทรีย......ข้าไม่สอนรานดอล์ฟให้ทำร้ายมนุย์ แล้วข้าก็ไม่ทำร้ายมนุย์ตามคำของเจ้า


                    แต่.....ทำไม เจ้าถึงได้ไม่อยู่กับข้าล่ะเซเทรีย ทำไมไม่คอยดูว่าข้าทำตามที่เจ้าสั่งได้ดีหรือเปล่า 


                    ทำไมล่ะเซเทรีย ทำไม....


                    ร่างเล็กบนเตียงบรรทมใหญ่ค่อยๆเผยอเปลือกตาขึ้น ดวงตาสีฟ้ากระพริบถี่เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงในห้อง


                    "ตื่นแล้วเหรอบอลด์วิน"


                    ร่างเล็กหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะชันตัวตัวลุกขึ้นนั่ง


                    "เอ่อ...ที่นี่ที่ไหน"


                    "ห้องของข้าเอง"


                    สิ้นคำ บอลด์วินก็รีบตะลีตะลานลงจากเตียงบรรทมทันที ก่อนจะไปคุกเข่าก้มหน้าต่อหน้าพระพักตร์พระราชาเฟรเดอร์ริค ถ้าเป็นห้องขององค์ราชา อย่างนั้นเตียงที่เขานอนอยู่ก็เป็นเตียงขององค์ราชาอย่างไม่ต้องสงสัย


                    "กระหม่อมขอประทานอภัยที่บังอาจไปนอนอยู่บนเตียงบรรทมของฝ่าบาท"


                   
    "หึ! เจ้านี่มันน่าขันนัก เจ้าจะมีโทษอะไรในเมื่อข้าเป็นคนนำเจ้าไปนอนเอง"พระราชาเฟรเดอร์ริคสรวลเล็กน้อยดูท่ามนตร์ที่ลงไว้คงได้ผล"นั่นชุดใหม่ของเจ้า ไปอาบน้ำซะ ถ้าเจ้าอยากออกไปนอกห้องก็ได้ ตอนนี้เจ้าเป็นโอรสองค์หนึ่งของอาณาจักรนี้แล้ว อยากทำอะไรก็แล้วแต่เจ้า"


                    บอลด์วินเงยหน้าขึ้น ดูจะตกใจกับคำตรัสขององค์ราชาไม่น้อย


                    โอะ..โอรส"


                    "ใช่ โอรส ตอนนี้เจ้าคือ บอลด์วิน ซิสเวซเทอร์"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส ก่อนจะเสด็จออกไปนอกห้อง


                   
    บอลด์วินลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบชุดบนเก้าอี้ ดวงตาเหม่อลอย นึกถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
      เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กเร่ร่อนอย่างเขาจะได้เป็นถึงโอรสแห่งอาณาจักรอย่างนี้




                    อีกแล้ว!!


                    ไม่ว่าจะคราใดก็ตาม ข้าไม่เคยได้เพื่อนเล่นเลยใช่ไหม คอยดูเถอะ หากคราหน้าข้าไม่มีเพื่อนเล่นล่ะก็ข้าจะเผาลานฝึกซ้อมนี่ให้ราบเลย ไม่ต้องฝึกกันแล้วทหาร!!!


                    เจ้าชายเรนเนลด์ได้แต่อารมณ์เสียอยู่พระหทัย หลังจากที่พระองค์ไปชวนบุตรข้าราชบริพาลคนอื่นๆเล่นด้วยแต่ก็โดนปฏิเสธมาเหมือนเคย


                    โอรสน้อยส่ายพระพักตร์อย่างอารมณ์เสีย สงสัยเขาคงต้องกลับไปที่ห้องอีกแล้ว


                    โอรสน้อยลุกขึ้น กำลังจะกลับเข้าไปในปราสาท แต่สายพระเนตกลับเหลือบไปเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังเดินมาที่ลาน เครื่องแต่งกายเหมือนรัชทายาท ด้วยความแปลกหทัยจึงวิ่งเข้าหาเด็กชาย ก่อนจะกระชากดาบจากบุตรข้าราชบริพาลคนหนึ่งที่กำลังซ้อมดาบอยู่จ่อไปที่คอของเด็กชาย


                    "เจ้าเป็นใคร"เจ้าชายเรนเนลด์ตรัสถาม"เหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้"


                    "ขะ...ข้า ชะ..ชื่อ บอลด์วิน"เด็กชายหน้าซีดเผือด ตกใจไม่น้อยกับดาบที่จ่ออยู่ที่คอ


                   
    "หึ! ไม่นึกเลยว่าจะเจอด้วยความบังเอิญเช่นนี้ ข้านึกว่าจะได้รู้จักเจ้าตอนเสด็จพ่อพามาแนะนำเสียอีก"โอรสน้อยสรวล เมื่อทราบชื่อของเด็กชาย โอรสองค์ใหม่แห่งซิสเวิร์ด เด็กที่เสด็จพ่อรับมาดูแล เด็ก..ที่อาจจะแย่งความรักจากทุกคนไปจากเขา....เหมือนรานดอล์ฟ


                    "เจ้าอายุเท่าไร"ปลายดาบลดลงก่อนจะถูกโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่แยแส


                    "จะ..เจ็ดปี"เด็กชายถอนหายใจอย่างโล่งอก


                    "หึ! ดี  ข้าเป็นพี่เจ้า  ข้าคือเจ้าชายเรนเนลด์ซิสเวซเทอร์ รัชทายาทของอาณาจักรแห่งนี้ มานี่!! เจ้าเป็นน้องข้า ต้องทำตามคำสั่งพี่ มาเล่นกับข้า"พูดจบ โอรสน้อยก็ดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไปกลางลาน แย่งดาบจากบุตรข้าราชบริพาลแถวนั้นให้พระองค์เองและเจ้าชายบอลด์วิน


                    "ประลองกับข้า"


                    เจ้าชายเรนเนลด์แทงดาบออกไปตรงหน้าทันทีที่พูดจบ เจ้าชายบอลด์วินกระโจนถอยไปด้านหลังแต่ก็สะดุดพระเพลาพระองค์เองล้มลง


                    "ให้ตายเถอะ"เจ้าชายบอลด์วินสบถอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องหยุดเมื่อพบดาบจ่ออยู่ที่คอตนเองอีกครั้ง"นี่หรือวิธีการเล่นของพระองค์


                    "ข้าถามเข้าหน่อยเถอะ เจ้าเคยเรียนการต่อสู้มาบ้างหรือเปล่า"โอรสน้อยตรัสถามออกไป ไม่ได้สนใจกับคำถามของอีกฝ่าย


                    "กระหม่อมไม่เคย"


                    "ดี!  ข้าจะสอนเจ้าเอง"




                    เวลาผ่านไปตั้งแต่ดวงอาทิตย์ชี้ตรงศีรษะจนเกือบลับขอบฟ้า พระโอรสสองพระองค์นอนราบอยู่กับผืนดิน ดาบพิงอยู่ข้างกาย ฉลองพระองค์เปื้อนฝุ่นมอมแมม พระอุระของทั้งสองสะท้อนขึ้นลงรวดเร็วเพราะอาการหอบเหนื่อย


                    "พระองค์พอสักทีเถอะพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว"เจ้าชายบอลด์วินตรัสอย่างเหนื่อยอ่อน


                    "ไม่...ข้าจะต้องชนะเจ้า"เจ้าชายเรนเนลด์ตรัส สู้กันมาตั้งนานแต่เจ้านี่ก็หลบคมดาบเขาไปได้เสียทุกครั้ง


                    "ทำไมพระองค์ถึงต้องชนะกระหม่อมด้วยล่ะพะยะค่ะ"


                   
    "หุบปากเถอะน่า"


                    "พระองค์เหมือนจะหาเรื่องกระหม่อม"


                    "หุบปาก!!!"


                    "ถ้าให้กระหม่อมเดา พระองค์ไม่พอใจที่กระหม่อมได้รับการอุปการะจากพระราชา        เฟรเดอร์ริคหรือเปล่า"


                    คำตรัสที่ไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรเพียงตรัสหยอกล้อเท่านั้นของคนตรัส กับทำเอาคนฟังสะดุ้งเฮือกเพราะโดนแทงใจดำ


                    ฉึก! 


                    ดาบข้างกายคนฟังโดนขว้างมาปักอยู่ที่ดินข้างๆคนพูด


                    "ข้าบอกให้หุบปาก!!"เจ้าชายเรนเนลด์ที่ตอนนี้ยืนขึ้นมาสั่นระริกเหมือนจะอดกลั้นโทสะ


                    "เป็นอะไรไปของพระองค์ กระหม่อมเดาหทัยพระองค์ไม่ถูกแล้วนะพะเจ้าค่ะ ข้ากระหม่อมพูดอะไรผิดงั้นรึ"


                    เจ้าชายบอลด์วินที่ตอนนี้ลุกขึ้นมายืนเหมือนกัน พระพักตร์ซีดเผือด ตกใจไม่หายกับการกระทำของกระทำของคนตรงหน้า ก่อนจะดำริได้ว่าคำตรัสของพระองค์เองคงจะไปสะกิดดวงหทัยของเจ้าพี่เข้า


                    "กระหม่อมไม่ทราบหรอกนะพะยะค่ะ ว่าพระองค์ทรงดำริเช่นไร แต่กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของกระหม่อมที่กระหม่อมจะต้องตอบแทนคุณให้ได้ และสำหรับพระองค์ซึ่งเป็นโอรสของฝ่าบาท กระหม่อมจะไม่ทำการอันใดให้พระองค์ลำบากใจหรือไม่พอใจ กระหม่อมให้สัญญา"เจ้าชายบอลด์วินตรัส หัตถ์ขวาทาบอยู่ที่พระอุระด้านซ้ายเสมือนให้คำมั่น


                    "ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย"เจ้าชายเรนเนลด์ตรัสพระขนงข้างหนึ่งเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ


                    "หากพระองค์ยังไม่ทรงเชื่อ กระหม่อมขอสาบานเลยแล้วกันว่า กระหม่อมจะเป็นข้ารับใช้ที่ดีแก่พระองค์"


                    "ข้าไม่สน"


                    "เป็นอนุชาที่ดีของพระองค์"


                    "ข้าไม่ต้องการ"


                    "เป็นเพื่อนที่ดีของพระองค์"


                    ".........."


                    ".........."


                   
    "เจ้ารู้หรือเปล่า ไม่เคยมีใครมาเป็นเพื่อนกับข้า  เพราะฉะนั้นจนถึงวันนี้ข้าถึงไม่มีเพื่อนเลย"


                    ".........."


                    "แล้วเจ้ารู้จักกับข้าวันแรก กลับมาขอข้าเป็นเพื่อนงั้นรึ"


                    "แล้วพระองค์ตกลงหรือเปล่า"


                    "เจ้าคิดว่าข้าควรจะตอบเช่นไร สำหรับคนไม่มีเพื่อนอย่างข้า"


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×