ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพราะพรหมลิขิต…เรื่องร้ายจึงกลายเป็นเรื่องรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : จำต้องเป็นแพะรับบาป

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 55


    4

    จำต้องเป็นแพะรับบาป

           ตอนนั้นที่นายณัฐวัฒน์สั่งนายเปี๊ยกให้ทำงาน เขาบอกว่านักธุรกิจคนนั้นจะไปงานนี้ด้วย ส่วนฉันก็ต้องไปร่วมงานกับนายณัฐวัฒน์ด้วย ฉันก็เลยคิดแผนการว่าจะเปิดโปงความเลวนายณัฐวัฒน์ต่อหน้าทุกคนที่มาร่วมงาน  เมื่องานเริ่มฉันก็ทำตัวปกติ ไปร่วมงานกับนายณัฐวัฒน์  นั่งไปได้ครู่หนึ่งฉันก็เห็นนักธุรกิจคนนั้นขอตัวจากโต๊ะงานเลี้ยงออกไปข้างนอก ฉันก็เลยทำทีเป็นปวดฉี่ ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน ฉันออกจากงานไปหลังจากนักธุรกิจคนนั้นได้ไม่นาน ฉันก็ต้องพบกับเหตุการณ์ระทึกเหตุการณ์หนึ่ง มีผู้ชายใส่หมวกไหมพรมปิดหน้ากำลังลงมือฆ่าคุณลุงคนนั้น ฉันเห็นเหตุการณ์ที่เค้าสองคนกำลังต่อสู้กัน คุณลุงคนนั้นกัดข้อมือของผู้ชายคนนั้นจนเนื้อขาด เลือดติดอยู่ที่ปากเต็มไปหมด แล้วก็มีคนๆหนึ่งผลักให้ฉันเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุนั้น โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาหาฉันแล้วเอามีดที่รอยเปื้อนเลือดของนักธุรกิจคนนั้นมาใส่ไว้ในมือของฉัน  เพื่อที่จะให้ซัดทอดว่าฉันเป็นคนลงมือฆ่า

    แต่ด้วยสัญชาตญาณทิ้งมีดลงทันที แต่มือของฉันยังมีรอยเปื้อนเลือด หลังจากนั้นก็มีพนักงานโรงแรมคนหนึ่งผ่านมาแล้ว ตะโกนบอกว่า นังผู้หญิงเลือดเย็น แกฆ่าเค้าทำไม ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย

                “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเค้าฉันบอกกับผู้หญิงคนนั้น

                หลักฐานเห็นอยู่ชัดๆยังจะมาปฏิเสธอีกผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมเชื่อฉัน

       จากนั้นก็มีผู้คนมากมายที่สัมมนา วิ่งมาดูเหตุการณ์ที่มีฉันยืนอยู่ตรงกลาง ต้องกลายเป็นแพะรับบาปเรื่องนี้ ฉันรู้สึกผิดหวังมากที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้และพลาดพลั้งอ่านเกมของนายณัฐวัฒน์ไม่ออก ฉันเสียใจจริงๆ หลังจากเกิดเหตุไม่นาน ก็มีตำรวจเข้ามาควบคุมตัวฉัน ขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันยินดีให้เค้าจับกุมตัว เพราะถึงยังไงเค้าก็ต้องตรวจสอบและพิสูจน์รู้ว่าคนผิดคือ ใคร

     

     ฉันมาถึงที่สถานีตำรวจ ฉันเห็นผู้กองวัชระยืนอยู่แบบหน้าคร่ำเครียด 

                ผู้กองวัชระ ฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ คุณต้องช่วยฉันนะ

                “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำ ผมรับปากว่าผมจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ ผู้กองวัชระรับปากกับฉัน

        หลังจากนั้น ตำรวจก็สอบปากคำฉัน ฉันเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังทั้งหมด เพื่อเป็นข้อเท็จจริงให้กับตำรวจ โดยระหว่างที่ทำการสอบปากคำนั้นผู้กองวัชระ ก็กลับไปยังโรงแรมนั้นและขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุนั้นเป็นบริเวณหน้าห้องน้ำไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่อยู่ แต่จะมีอยู่ใกล้ๆซึ่งจะเห็นได้แค่มีผู้ชายใส่หมวกเดินอยู่บริเวณนั้น ผู้กองวัชระก็เลยนำภาพวงจรปิดนั้นมาให้กับตำรวจที่จัดการกับคดีนี้ดู ปรากฏว่าชายคนนั้นก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยอีกคน ทางตำรวจพยายามสะเก็ดภาพออกมา  และออกหมายจับชายคนนั้น โดยที่ฉันก็ยังคงตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ต้องกักขังตัวไว้อยู่ ผู้กองวัชระพยายามช่วยหาหลักฐานมายืนยันให้กับตำรวจว่าฉันไม่ได้เป็นคนผิด

         จนเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ทางตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยคนนั้นมาได้ ฉันจึงได้รู้ว่าชายคนนั้น คือ เปี๊ยก ลูกน้องของนายณัฐวัฒน์ ขณะนั้นทางโรงพยาบาลแจ้งมาว่า มีรอยเลือดติดอยู่ที่ปากของคุณลุงคนนั้น และได้นำเลือดมาตรวจสอบ ประกอบกับทางตำรวจได้พิสูจน์หลักฐานพบว่ามีร่องรอยของเลือดและลายนิ้วมืออยู่ จึงได้นำมาทำการตรวจลายนิ้วมือกับรอยเลือดที่ติดอยู่มีด พร้อมกับให้ฉันและเปี๊ยกไปตรวจ DNA ปรากฏว่าหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาตรงกับ DNA ของเปี๊ยกทั้งสิ้น ซึ่งนายเปียกได้ซัดทอดไปยังนายณัฐวัฒน์ว่าเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด รวมทั้งการตายของพ่อฉันด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นการเข้าใจผิด เกิดการยิงผิดตัว แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนบงการ ทางตำรวจจึงดำเนินคดีทางกฎหมากับนายณัฐวัฒน์จนถึงที่สุด

      ตอนนี้เหตุการณ์ร้ายๆและอุปสรรคต่างๆก็ได้ผ่านพ้นชีวิตของฉันไป  ผู้กองศิวาได้ชวนฉันไปพักผ่อนที่ริมหาด ซึ่งฉันก็ชวนแม่แล้วก็น้องชายไปด้วย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×