ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมใจจอมปิศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 52


                                                                                               3       

     

                    "อาณาจักรซิสเวิร์ดของเราเกิดขึ้นเมื่อหกพันกว่าปีก่อนโดยท่านกาย บรรพบุรุษของพวกเรา  แต่ประวัติความเป็นมาเช่นไรในสมัยของพระองค์นั้นไม่มีใครรู้ความเป็นมาแน่ชัดนัก  แต่ในสมัยองค์ราชาเฟรเดอร์ริคนั้นพระองค์ทรงยกเลิกศึกการทำสงครามต่างๆและเป็นคนที่ทำให้เหล่าแวมไพร์อย่างพวกเรามีโอกาสได้เห็นแสงสุริยาอีกครั้งมากว่าสองร้อยปี  พระองค์ทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเราดีขึ้นกว่าเก่ามาก  พระองค์..."ชายศีรษะล้านเลี่ยนมีผมบางขึ้นบ้างตามท้ายทอยพูดอธิบายเรื่องของพระราชาประจำอาณาจักรซิสเวิร์ดและกำลังกล่าวถึงบุญคุณบารมีของพระราชาประจำอาณาจักรนั้นให้นักเรียนในห้องฟังแต่ก็โดนขัดด้วยเสียงของใครคนหนึ่งในห้อง


                  "ฮ้าววว.."


                    "กรุณาสำรวมกิริยาหน่อยพะยะค่ะ กระหม่อม"ชายแก่กล่าวเตือนโอรสน้อยที่หาวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

                    "เรื่องของข้าน่า  ตาแก่หัวไข่ดาว ใครจะไปทนฟังเรื่องน่าเบื่อๆอย่างนี้ได้เล่า"โอรสน้อยวัยเจ็ดขวบปีทรง
    เถียงอย่างไม่สมวัย
      จนทำเอาคนฟังนั้นแทบสะอึก  พระพักตร์ก้มลงกับกรที่วางราบอยู่บนโต๊ะ  พระเนตรปิดลงอย่างเบื่อหน่าย  น่าเบื่อจะตายไป  ทำไมเสด็จพ่อถึงต้องให้ข้ามาเรียนเรื่องอย่างนี้ด้วยนะ  สู้ให้เราไปเรียนการต่อสู้คงจะดีกว่า  ถึงจะเป็นตอนที่กล่าวถึงเสด็จพ่อก็ยังน่าเบื่ออยู่ดี   


                    "ฝ่าบาท  กระหม่อมเป็นอาจารย์ ของฝ่าบาทนะพะยะค่ะ  ทำไมถึงทรงไม่ให้เกียรติกันบ้าง  ทำไมถึงทรงไม่เป็นอย่างเจ้าชายรานดอล์ฟบ้างเลย"


                    "หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!  นี่แน่ะ  ทาโอนูยา"เนตรสีนิลเบิกโพลงขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนบนโต๊ะเรียนแล้วจึงร่ายมนตร์  ถึงเขาจะไม่สันทัดมากนัก  แต่การเกิดมาเป็นโอรสขององค์ราชาปีศาจและการมีตราประจำอาณาจักรติดตัวมาแต่งเกิดนั้นและความโกรธที่ไม่ชอบให้มาเปรียบเทียบกับตนเองโดยเฉพาะพี่ชายของตนก็ทำให้ชายเฒ่าผู้กล่าวประโยคลอยกระแทกไปตามฝาผนังท่ามกลางความตกตะลึงของบุตรข้าราชบริพารคนอื่นๆ


                    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ เรนเนลด์"เสียงหนึ่งขัดการร่ายมนตร์ของโอรสน้อย  จนมนตร์เสื่อมคลายลงชายเฒ่าตกลงมากระแทกพื้น


                    ร่างของเด็กน้อยอีกคนที่กำลังจะเจริญวัยเป็นหนุ่มยืนอยู่กลางบานทวารทั้งสองที่เปิดออก  เนตรสีทองส่อแววไม่เห็นด้วยกับการกระทำของน้องชาย


                    "ทาโอนูยา"รานดอล์ฟร่ายมนตร์  ร่างของน้องชายลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา  รานดอล์ฟจับมือน้องชายของตนก่อนจะพาออกไปจากห้อง  นึกไม่ถึงเลยว่าการที่เขาจะมาเข้าเรียนเร็วหน่อยก็ได้เห็นน้องชายของตนทำกิริยาแสบสันกับปราชญ์แอลเฟรดที่เป็นที่เคารพของนักเรียนทุกคน แต่ก็คงจะยกเว้นน้องชายเขาคนหนึ่งล่ะ
                    


                    "เฮ้ เฮ้  เบาๆหน่อยรานดอล์ฟ ถึงเจ้าจะเป็นพี่ชายข้าแต่ข้าก็เป็นรัชทายาทเชียวนะ  บอกว่าให้จับเบาหน่อยอย่างไรเล่า"เรนเนลด์ก่นด่าพระเชษฐาของตนเองตลอดทางแต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจ  จนเดินมาถึงหน้าบานทวารใหญ่ที่สูงจรดเพดาน  ลายทวารถูกสลักเสลาอย่างวิจิตรงดงาม  อีกฝ่ายถึงจะได้กล่าวว่าจาแรกตั้งแต่เขาไปลากตัวน้องชายมา

                    "เสด็จพ่อ  ลูกเอง รานดอล์ฟ  พะยะค่ะ"

                    "อ้าว  เจ้าเองเหรอ  รอสักครู่นะ  กาเนอา" ร่างที่อยู่หลังบานทวารใหญ่ตอบกลับมาพร้อมกับร่ายมนตร์  เผยร่างโอรสน้อยสองคนที่อีกคนเบ้โอษฐ์ทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง  เพราะอะไรน่ะหรือ  เพราะห้องของเสด็จพ่อน่ะ เป็นห้องที่เขาไม่อยากเข้าไปเวลาก่อเรื่องวุ่นๆเลย


                     "มีอะไรเหรอ  ไปก่อเรื่องอะไรมาอีกล่ะ หือ... เรนเนลด์"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสอย่างรู้ทันเมื่อทอดพระเนตรแลเห็นโอรสองค์เล็กของพระองค์


                     "ก็เรนเนลด์น่ะสิพะยะค่ะ  ไปทำกิริยาไม่สมควรกับท่านปราชญ์แอลเฟรด"รานดอล์ฟตรัสทูลบิดาตนส่งผลให้โอรสน้อยพระพักตร์มุ่ยลงกว่าเดิม

                    "ยังไง"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสถาม  ขนงเรียวสีเงินขมวดเข้าหากัน


                   
    "ก็แค่ลอยชนฝาผนังน่ะพะยะค่ะ เสด็จพ่ออย่าสนพระทัยเลย  ลูกอยากชวนรานดอล์ฟไปเล่นแล้ว  รานดอล์ฟไปเล่นกับข้าเถอะ"เรนเนลด์เอ่ย โอษฐ์เล็กยิ้มน้อยๆ  ก่อนจะจับหัตถ์ของเชษฐาตน พยายามจะพาออกไปข้างนอกห้อง


                    "หยุดเดี๋ยวนี้นะเรนเนลด์ ก็แค่ เช่นนั้นเหรอ
      ปราชญ์แอลเฟรดน่ะเป็นอาจารย์เจ้า เป็นอาจารย์พี่เจ้า  เป็นอาจารย์ของพ่อ ทำไมถึงทำกิริยาเช่นนั้น"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัส พระพักตร์บึ้งตึง 

     
                    "เป็นตาแก่หัวไข่ดาวปากเสียต่างหาก"เรนเนลด์กล่าวขึ้นมาลอยๆแต่ก็เบามากเพราะกลัวบิดาตนจะได้ยิน แต่ถึงอย่างไรพระราชาเฟรเดอร์ริคก็สดับยิน
     


                    
     "หยุดเดี๋ยวนี้นะเรนเนลด์ ทำไมถึงพูดออกมาอย่างนั้น  เจ้าเป็นน้องรานดอล์ฟเสียเปล่า แต่ไม่มีการกิริยาของพี่เจ้า ติดมาบ้างเลยหรือไงกัน"   


                    "เสด็จพ่อ ฮึ! เชิญเลยพะยะค่ะ จะตีลูกให้แหลกลาญคามือเช่นไร ลูกก็คงมีกิริยาได้ไม่เหมือนรานดอล์ฟ โอรสแสนดีของพระองค์หรอกพะยะค่ะ" โอรสองค์น้อยตรัสท้าบิดา ทำไมนะ
    ? ใครๆถึงว่ารานดอล์ฟดีอย่างนั้น อย่างนี้ แต่กับเขาไม่เห็นจะมีใครพูดอย่างนั้นบ้างเลย ตกลงว่าเขาไม่มีความดีบ้างเลยหรือไงกัน


                    "เรนเนลด์"รานดอล์ฟปรามน้องชาย


                    "เชิญเลยพะยะค่ะ" เจ้าชายน้อยตรัส ยืนกอดอกด้วยพระพักตร์เรียบเฉย พระราชาเฟรเดอร์ริคจึงเดินไปหยิบหวายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทรงงานขึ้นมาตรงไปที่บุตรชายทันที


                    "เสด็จพ่อ"รานดอล์ฟเรียกผู้เป็นพ่อ เผื่อจะช่วยให้บิดาตนดำริได้ว่า โอรสองค์น้อยนั้นยังเด็กนัก แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย พระพักตร์ขององค์ราชาเฟรเดอร์ริคยังบึ้งตึงเหมือนเดิม

                   

                    เผี๊ยะๆๆๆ 


                    เสียงเนื้อไม้เรียวยาวหวดกระทบพระขนองนวลเล็กจ้อย  เรียกโลหิตสีดำไหลซิบมาตามรอยแผลยาว ฉลองพระองค์ขาดเป็นเเนวยาวเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต


                 เมื่อเสียงไม้กระทบเนื้อจบลง ชานุเล็กจ้อยก็ลมลงกระทบพื้นห้อง อัสสุชลคลอเบ้า โอษฐ์เม้มอย่างอดกลั้น ไม่ใช่ว่าเขาเจ็บแต่เขาน้อยใจที่เสด็จพ่อไม่เคยเห็นเขาดีเลย ซ้ำยังชอบเอารานดอล์ฟมาเปรียบเทียบกับเขาอีก


                    "จบแล้วใช่หรือไม่พะยะค่ะ การลงอาญาลูกที่ไม่ได้เรื่องอย่างกระหม่อม ทูลลาพะยะค่ะ   อย่ามายุ่งกับข้า! " โอรสน้อยตรัสพ้อพลางลุกขึ้น แต่ก็ทำท่าจะโซเซ เมื่อพระเชษฐาจะเข้ามาช่วยก็โดนตวาดกลับไป


                    โอรสน้อยเดินโซเซมาจนถึงบานทวารใหญ่ ก่อนจะออกแรงผลัก แต่ถึงจะผลักเช่นไรก็เปิดบานทวารตรงหน้านี่ไม่ได้สักที มิใช่ว่าเขาไม่มีแรงจะผลักมัน แต่มีคนลงมนตร์ไว้ที่บานทวารใหญ่ และเขารู้ว่าเป็นใคร


                     "เสด็จพ่อ เปิดประตู"โอรสน้อยตรัส พระพักตร์และน้ำเสียงเรียบเฉย แต่บานทวารก็ยังไม่เปิด


                    "เสด็จพ่อ หม่อมฉันบอกให้เปิดประตู"


                    "เสด็จพ่อ"


                    คราวนี้บานทวารเริ่มส่งเสียงดังโครมครามเหมือนมีคนมาเขย่ามันให้เปิด แต่หาได้มีใครยืนอยู่ตรงนั้นไม่ นอกจากโอรสน้อยที่ยืนห่างจากบานประตูโดยไม่ขยับพระวรกาย ลมเริ่มพัดแรงขึ้นในห้องทรงงานดังกับเกิดพายุขนาดย่อม กระดาษและเศษใบไม้ที่ลอยเข้ามาทางพระบัญชรปลิวว่อน  ในที่สุดบานทวารก็เปิดขึ้นพร้อมกับโอรสน้อยที่ก้าวฉับออกจากห้องทันที


                    "อะไรกันน่ะ เกิดอะไรขึ้น" เจ้าชายองค์รานดอล์ฟตรัส งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น


                     "เจ้าก็รู้ดีว่าสิ่งใด รานดอล์ฟ"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสอย่างรู้ดี


              โอรสน้อยนั่งอยู่บนเตียงฝ้ายนุ่ม โลหิตไหลซึมจากบาดเเผลที่พระขนองไหลลงมาเปียกชุ่มเตียงเป็นวงกว้าง เนตรสีนิลปิดแน่น ข่มฤทัยให้ลืมเรื่องต่างๆ   เมื่อครู่นี้มันอะไรกัน เขารู้สึกร้อนวาบที่กลางแผนหลัง ที่กลางตรานั่น  มันเหมือนกันโดนขโมยความทรงจำไปช่วงหนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีประตูก็เปิดออกแล้ว  เพราะอะไรกันนะ?
        

                    ร่างกำยำยืนอยู่หน้าบานทวารใหญ่ เนตรสีไผ่อ่อนจ้องอยู่ที่ลูกบิดประตู เขาจะเปิดเข้าดีหรือเปล่า หากลงโทษลูกตัวเองแล้วมาเป็นห่วงอยู่เช่นนี้  จะลงหวายไปเสียทำไมกัน


                   
    "ฝ่าบาท จะเสด็จเข้าหรือไม่พะยะค่ะ"ชายแก่ผมสีดอกเลาคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังเห็นองค์เหนือหัวของเขา ยืนอยู่หน้าพระทวารตั้งนาน แต่มิยอมเสด้จเข้าไปเสียที


                    "อืม...  

     
                    นี่ล่ะ ที่ชายแก่ชื่นชอบในตัวขององค์เหนือหัวของเขามาก  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่แพทย์หลวง พระองค์ก็จะทรงตรัสเรียกเขาว่า'ท่าน'เสมอ หากพระองค์จะตรัสกับผู้ใดหากเขาคนนั้นมีอายุมากกว่าแล้วล่ะก็ พระองค์ก็จะตรัสเรียกว่า 'ท่าน' เสมอ โดยไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์เลย เจ้าชายรานดอล์ฟก็เช่นกัน คงจะมีแต่เจ้าชายเรนเนลด์เท่านั้นกระมังที่มิยอมเรียกผู้มีศักดิ์ต่ำต้อยกว่าว่า 'ท่าน' เลย  ชายแก่คิดก่อนจะหันไปบอกพวกนางกำนัลให้ส่งโอสถให้พระราชาเฟรเดอร์ริค


                    พระราชาเฟรเดอร์ริคผลักบานทวารที่สลักลายเป็นนกอินทรีด้วยไม้สักอย่างวิจิตรงดงามให้เปิดออกอย่างง่ายดายดูท่าเจ้าตัวเล็กคงไม่ได้ลงมนตร์หรือลงกลอนประตูปิดไว้เลย


                    ภายในห้องบรรทมของเจ้าชายเรนเนลด์นั้นมืดมากจนพระราชาเฟรเดอร์ริคต้องเสด็จออกไปเปิดพระบัญชรให้แสงตะวันส่องเข้ามาบ้าง แต่ก็โดนขัดด้วยเสียงๆหนึ่ง
     


              "อย่าเปิด"เสียงดังมาจากเตียงบรรทมที่บัดนี้มีกองผ้าสุมอยู่มากมาย ดูท่าเจ้าตัวเล็กคงจะไปรื้อออกมา สงสัยจะจับไข้จนหนาวสั่นกระมัง   


                ร่างใหญ่ปิดผ้าม่านแต่ยังเปิดบานพระบัญชรไว้จึงทำให้มองเห็นแสงสลัวๆ  ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียง วางโอสถไว้ที่โต๊ะไม้ข้างๆ  แล้วประทับบนเก้าอี้ข้างๆเตียง


               "เรนเนลด์"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสเรียกร่างที่อยู่ในกองผ้า เขาสังเกตเห็นกองผ้าสั่นเล็กน้อย


              "อะไรพะยะค่ะ  เสด็จพ่อจะมาลงโทษอะไรลูกอีก"เจ้าตัวยุ่งกล่าว เริ่มโผล่หัวออกมาจากกองผ้า ใต้พระเนตรกลมนิลมีรอยคล้ำเล็กน้อย วรองค์เล็กจ้อยสั่นเทิ้ม


                   
    "ไม่สบายรึ"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสถาม


                    "เปล่า"โอรสน้อยปฎิเสธเสียงแข็ง


                    พระราชาเฟรเดอร์ริคสรวลเล็กน้อย  เรียวโอษฐ์ยิ้มหยัน


                    โถ... เจ้าเด็กน้อยหากเจ้าไม่ได้เป็นอะไรจริง เจ้าคงไม่มานั่งสั่นเทิ้มเป็นลูกนกเปียกฝนเช่นนี้หรอก


                    "หันหลังสิ เดี๋ยวพ่อจะทายาให้"พระราชาเฟรเดอร์ริคเอ่ยเสียงอ่อนโยน โอรสน้อยโผล่ตัวออกมาจากกองผ้า หันหลังให้บิดาทายาโดยดี


                    "อ๊ะ" เด็กชายอุทานเล็กน้อย เมื่อโอสถถูกทาบนบาดแผล  


                    'เย็นดี' โอรสน้อยดำริ


                    หากเขามีสายเลือดที่แข็งแกร่ง เป็นแวมไพร์โดยเต็มตัว บาดแผลของเขาคงหายในทันใด และจะไม่มีโลหิตสีดำน่าเกลียดนี่เปรอะตัวเขาเด็ดขาด เขาอยากมีโลหิตเป็นมรกตข้นเหมือนเสด็จพ่อและคนอื่นๆบ้างจัง  ไม่ใช่เลือดต้องคำสาปสีดำนี่ รานดอล์ฟก็คงมรเหมือนเขาเช่นกัน แต่มันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก ก็มันน่ะใครๆก็ตามใจยินดีปรีดาไปด้วยเสียหมดทุกอย่างเลยนี่


                    "กินยา แล้วก็นอนซะ"พระราชาเฟรเดอร์ริคตรัสพลาง เทของเหลวสีเหลืองใสออกมาจากขวดแก้วใบใหญ่ ก่อนจะส่งให้โอรสน้อย


                    โอรสน้อยรับมาพลางทำพระพักตร์มุ่ย


                   
    'เกลียด'


                    โอรสน้อยดำริ พลางจ้องเขม็งไปยังของเหลวที่อยู่ในถ้วย
      ก่อนจะรับถ้วยโอสถมารับไว้อยู่ในมือ ทำเอาร่างใหญ่ขบขันกับกิริยาของบุตรตนเอง


                    โอรสน้อยยกถ้วยโอสถจ่อริมโอษฐ์ ก่อนจะเสวยเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก
      สัมผัสแรกรับความหวานชุ่มคอแต่ก็อยู่ได้ไม่นานก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเผ็ดแสบพระศอจนโอรสน้อยสำลักออกมาจนตัวโยน


                    พระราชาฟรเดอร์ริคสรวลเล็กน้อยก่อนจะให้เรนเนลด์นอนพักแล้วออกจากห้องไป
      พึมพำบางอย่างที่จับใจความได้แต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นคนพูด


                    "พ่อรักเจ้ามากนะเรนเนลด์"






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×