คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บรรยากาศ….ที่ไม่อยากให้เกิด
บรรยากาศ….ที่ไม่อยากให้เกิด
“น้ำผึ้งดูสิลูก ว่าหลังเบาะรถมีน้ำรึเปล่า” พ่อถามเพราะรู้สึกหิวน้ำ
“ไม่มีค่ะพ่อ เดี๋ยวพ่อจอดซื้อก็ได้ค่ะ ผึ้งจะไปซื้อขนมด้วย” ฉันบอกกับพ่อ
พ่อจอดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ฉันลงไปซื้อของ ฉันเลยชวนเต้กับแม่ไปด้วย ฉันไปซื้อได้สักประมาน 10 นาที ฉันก็กลับมาที่รถพร้อมกับหิ้วของและเดินมาพร้อมกับน้องชายและแม่ ระหว่างที่ฉันข้ามถนน ฉันก็เห็นผู้ชายสองคนขี่รถมาจอดเคียงกับรถพ่อฉัน ด้วยสัญชาตญาณของคนเป็นตำรวจก็รู้ทันทีว่า ชายสองคนนั้นไม่ได้มาดีแน่ๆ แล้วฉันกำลังจะอ้าปากตะโกนให้พ่อกับคุณลุงที่นั่งมาด้วยกันระวังตัวนั้น แค่เสี้ยววินาที พวกมันยิงพ่อด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่มีความรุนแรงชนิดหนึ่ง จำนวน 5 นัด พ่อเสียชีวิตทันที เลือดนองเบาะรถ มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ฉัน แม่ และเตชินท์ช็อคมาก ฉันทิ้งของที่หิ้วมาแล้ววิ่งไปหาพ่อทันที
“คุณพ่อ คุณพ่ออย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะค่ะ” ฉันเรียกพ่อพลางร้องไห้เสียงดัง
“คุณพ่อครับ ทำใจดีๆไว้นะครับ” เต้บอกพ่อและร้องไห้เช่นเดียวกับฉัน
คุณแม่เป็นลงล้มพับลงไป ต่างๆคนก็ต่างทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้บรรยากาศของความเศร้ามันเกิดขึ้นกับฉันและทุกคนในครอบครัว และสิ่งที่เสียใจมากที่สุดตอนนี้ คือ การที่เสียคุณพ่อไป
“ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป แล้วผึ้งกับแม่จะอยู่ยังไงค่ะ” ฮือๆๆๆๆๆ T_T
ไม่นานก็มีตำรวจและมูลนิธิมาช่วยอำนวยความสะดวก รับศพคุณพ่อไปโรงพยาบาล เพื่อที่จะไปชันสูตรหาวิถีกระสุนอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับให้ทางญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา
“ตกลง คือ พรหมลิขิตใช่ไหม ที่เขียนให้เป็นอย่างนั้น ตกลงให้เรารักกันใช่ไหม อย่างนั้นขอได้ไหม” ผู้กองวัชระโทรมา
“น้ำผึ้ง มีสายรายงานเข้ามาว่า พ่อของคุณโดนยิงเสียชีวิตใช่มั๊ย” ผู้กองรีบโทรเข้ามาเมื่อรู้ข่าว
“ใช่ค่ะ คุณพ่อเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล แพทย์กำลังชันสูตรอยู่ ” ฉันบอกพลางร้องไห้
“เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณรอผมอยู่ที่นั่นนะ อย่าร้องไห้นะ ตำรวจต้องเข้มแข็ง” ผู้กองปลอบใจฉัน
ไม่นานผู้กองวัชระก็มาถึงที่โรงพยาบาล
“ทางแพทย์ว่าไงบ้าง” ผู้กองถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณหมอยังไม่ออกมาเลยค่ะ ” ฉันบอกผู้กองทั้งน้ำตา
“แล้วตอนที่คุณออกมามีคุณแม่ กับน้องชายคุณแล้วก็ผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งมาด้วยไม่ใช่หรอ” ผู้กองถามราวกับว่าสงสัยอะไรบางอย่าง
“คุณแม่เป็นลม เค้าปฐมพยาบาลอยู่ในห้องฉุกเฉินนะค่ะ ฉันต้องมารอผลการชันสูตรที่นี่ก่อน ก็เลยให้น้องชายอยู่กับแม่ค่ะ” ฉันบอก
“แล้วผู้ชายอีกคนที่นั่งมากับพวกคุณหล่ะ เค้าหายไปไหนแล้ว”ผู้กองสงสัยเกี่ยวกับคุณลุงคนนั้น
ฉันก็เลยนึกย้อนไปยังภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นยังไง ผู้กองก็เลยถามฉัน
“นึกออกมั๊ยคุณ” ผู้กองกำลังรอคำตอบจากฉัน
“ฉันพอจะจำได้บ้าง แต่สิ่งที่ฉันได้ยินชัดที่สุด หลังจากที่มันยิงคุณพ่อแล้ว คนขับรถมันพูดว่า เห้ย!มึง ผิดแล้ว แล้วมันก็รีบขี่รถไปเร็วมาก ฉันพอจำหน้าตาของพวกมันได้ลางๆ ฉันพยายามจำหน้ามันไว้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดมากก็ตาม ส่วนคุณลุงคนที่นั่งมากับฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าหายไปไหนระหว่างที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนอยู่ ”ฉันพยายามเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้กองฟัง
“ผมจะเดาเหตุการณ์ออกแล้วหล่ะคุณ ผมรับปากว่าเรื่องนี้ ผมจะช่วยคุณเอง ”ผู้กองรับปากว่าจะช่วยฉันพร้อมกับปลอบใจฉัน
“ฉันขอบคุณ คุณมากเลยนะผู้กองวัชระ”
เหตุการณ์นี้มันคงจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน แม่ แล้วก็เตชินท์ ฉันตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่าฉันจะไม่ยอมให้พ่อของฉันตายฟรีๆเด็ดขาดฉันจะต้องจับคนผิดมาลงโทษและก็ล้างแค้นให้พ่อของฉันให้ได้ ใครทำอะไรไว้ มันจะต้องได้รับผลกรรมนั้นอย่างสาสม และมันก็ต้องเจ็บกว่าเป็น ร้อยเท่า
ทางครอบครัวจัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณพ่อเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วก็จัดการประชุมเพลิงพร้อมกับนำกระดูกไปลอยอังคารเรียบร้อย ต่อจากนี้ไปฉันก็คงมีแค่แม่กับน้องชายที่มาคอย เทคแคร์ฉัน คนที่รับส่งฉันเวลาไปไหนมาไหนอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเต้ ไปไหนมาไหนก็คงจะไปกันแค่ 3 คน เวลาทานข้าวเช้า ข้าวเย็น ก็คงจะมีแค่สมาชิกร่วมโต๊ะอาหารเพียงแค่ 3 คน กว่าที่ฉันจะทำใจกับบรรยากาศเศร้าๆที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวได้ก็คงต้องใช้เวลาหน่อย
เสร็จภารกิจทุกอย่างแล้ว ฉันก็ต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ฉันบอกตรงๆว่าตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฉันก็ต้องเข้มแข็งไว้
ความคิดเห็น