คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การทดสอบ
“นี่มันบ้าอะไรกันฟ่ะเนี่ย ไหงฉันถึงได้อ้วนเป็นหมูตอน ขนาดนี้”
หน้าต่างสเตตัส : ค่าความแข็งแกร่ง 23
ค่าสติปัญญา 2
โจมตี 10
ป้องกัน 8
ความว่องไว 3
เสน่ห์ -100
เลเวล 5
หน้าต่างแสดงค่าทักษะ : ทักษะการโจมตีกายภาพ 0
ทักษะการใช้เวทย์มนต์ 0
ทักษะการใช้อาวุธ 0
ทักษะการหลบหลีก 0
("นี้มันโครตจะอ่อนเลยนี่หว่าา!!!!!!!!!!!!!")
("ค่าสถานะนี่ ไม่ต่างกับมนุษย์ธรรมดาเลยนี่หว่า")
“ฮาๆๆ เจ้านี้แกเอ๋อจนเพี้ยนไปแล้วหรอว่ะ ไม่อยากยุ่งกับเจ้าคนไร้ประโยชน์แบบแกอีกแล้วเสียเวลาจริงๆ ฮาๆๆ ไอ้ขยะหมูตอนเอ้ย”
“นี้นายไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าหมูตอน”
("สาวน้อยหน้าตาน่ารัก ผมสีขาว หน้าม้ามีผมสีแดงเข้มสลับขาว และมีเขาสีแดงที่หัวเป็นลักษณะเด่น นัยต์ตาสีม่วงเข็ม ราวอัญมนี สวยสง่า แม่หนูนี่น่ารักสุดๆเลย ถ้าเป็นในโลกปัจจุบันของฉัน เธอคงเป็น เด็กไอดอล คงนึงที่มีผู้ติดตามหลายหมื่นหลานแสนได้เลยนะเนี่ย เสียดายในชีวิตก่อนฉันไม่เคย ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้เลย หื้ออ อิจฉาเจ้าลูซิเฟอร์จริงๆ")
"ฉันไม่เป็นอะไร ว่าแต่ไหงฉันถึงมานอนล้มอยู่ตรงนี้ละเนี้ย
“ตาทึ่มเอ้ย นายจำไม่ได้จริงๆงั้นหรอเนี่ย สงสัยนายคงเป็นแบบที่เจ้าพวกนั้นว่าแล้วจริงๆใช่ไหมเนี่ย นายคงไม่ใช่ความจำเสื่อมจริงๆซินะ!!!”
("บ้าเอ๋ย ขืนบอกไปโง่ๆว่า พอดีฉันลืม มีหวัง ความลับที่ฉันมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ คงแตกแงง จะตอบไปว่าไงดีตัวเรา คิดสิคิดสิ")
“ถ้านายจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะบอกให้ก็ได้”
“เอ๋ จริงงั้นหรอง่ายขนาดนี้เลย”
“'ง่ายงั้นหรอ เช๊อะ แสดงว่านายคงไม่อยากรู้ซินะ”
“ฮาๆ ฉันก็แค่พูดเล่นเอง เธออย่าใส่เลย เจ้าคนน่ารักน่าเอ็นดู”
“เอ๊ พูดอะไรของนาย ~~~~”
ใบหน้าของเด็กสาว มีสีแดงอมชมพู ปรากฎขึ้นบนแก้มของเธอ ราวกับว่า เธอกำลังเขิน กับคำพูดของ เด็กหนุ่มอ้วน ลูซิเฟอร์
“หื้ออ นายบอกว่า ฉันน่ารักงั้นหรอ”
“ก็ใช่นะซิ เกิดมาฉันไม่เคยเห็นใคร น่ารักได้มากเท่ากับเธอเลย”
“หื้ยย พอได้แล้วตาบ้า ไม่ยุ่งด้วยแล้ว” //เดินหนี"
“เดียวก่อนซิ เธอยังไม่…”
ตึ๊ง!!!!!! // เสียงระฆังดัง
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงระฆังได้ขึ้นต่อเนื่อง 3 ครั้ง และมีเสียงประกาศจากฝ่ายประชาสัมพันธ์
เสียงประกาศ : “ให้นักเรียนทุกคน ผู้มาสมัครเข้ารับการทดสอบในวันนี้ เข้าห้องสอบ ตามที่ได้ระบุแจ้งไว้ในเอกสาร ณ ช่วงเวลานี้เวลา 8.00น.ด้วยค่ะ โดยการสอบช่วงเช้า เวลา 9.00น ถึงเวลา 10.00น.จะเป็นการสอบทฤษฎีข้อเขียน 300ข้อ ให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นจะมีเวลาพัก 30 นาที ก่อนเข้ารับก่อน ทดสอบ ปฎิบัติ 10.30 ถึง 12.00น. โปรดให้นักเรียนทุกท่าน ไปเตรียมความพร้อมที่ห้องสอบด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
("บ้าเอ๋ย มัวแต่คุยเรื่อยเปื้อย เลยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย แล้วไหงต้องมาสอบอีก ฉันจะเอาความรู้ที่ไหนไปเข้าห้องสอบกันฟะเนี่ย ไม่ว่าโลกไหนๆ ก็คงไม่มีทางหนีไม่พ้นการเข้าโรงเรียนซินะ บ้าชิบ!!!")
ในระหว่างที่ลูซิเฟอร์ กำลังยืนคิดในใจเรื้อยเปื่อย เกี่ยวกับเรื่อง สอบ เด็กสาว ก็ได้จับมือลูซิเฟอร์ แล้วพาวิ่งไปห้องสอบ
“เห้อๆ นี้เธอช้าๆหน่อยซิ ฉันเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย”
“ฉันวิ่งแค่นิดเดียวเองนะ นายเหนื่อยไวจังเจ้าหมูตอน”
“เห้อ เห้อ เห้อ!!! ช้าๆลงหน่อยซิ ฉันเหนื่อยแล้ว”
“นี้ๆ ถึงแล้ว”
("เห้ออ บัดโถ่ เจ้าร่างหมูตอนนี่ แค่วิ่งนิดๆ ก็เล่นเอาซะ ฉันจะเป็นลมตายซะแล้ว สงสัยว่างๆฉันคงต้องหาเวลาไดเอทเจ้าร่างอ้วนๆหมูตอนนี้สักที มีหวัง ใช้ร่างอ้วนๆไปตลอดชาตินี้ฉันคงเหนื่อยตายก่อนที่ได้เป็นจอมมารแน่แท้")
แจ้งเตือนจากระบบ : ระบบกำลังอัพโหลดข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโลกใบนี้ และในระหว่างนี้ระบบจะทำกับปิดระงับการช่วยเหลือ ท่านชั่วคร่าว หลังจากนี้ ขอให้ท่าน ช่วยเหลือ ตัวเองไปสักพัก อัพโหลดข้อมูลได้ 0.0%
“เอาล่ะ!! นักเรียนทุกคนที่เข้ามาในห้องนี้แล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะเริ่มการทบทวนเรื่องพื้นฐานต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสอบทฤษฎีข้อเขียน 300ข้อ ดังนั้นตอนนี้โปรดหาที่นั่งที่ว่างๆและนั่งให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ จากนั้นหลังทบทวนเนื้อหาเรียนเบื้องต้นเสร็จ ก็จะมีการนั่งตามเลขที่ ที่คณะครูอาจารย์เหล่าเทพที่มาคุมสอบกำหนดไว้ โปรดนักเรียนทุกคนปฎิบัติตามกฎกติกา ห้ามลอกกัน หวังว่าจะพอเข้าใจกันนะ”
(“ซวยแล้ว เจ้าะระบบนี้มันดันมา อัพโหลดข้อมูลตอนฉันกำลังจะสอบเนี่ยนะ ไหนแกบอกจะช่วยฉันเรื่องต่างๆเพื่อให้ฉันได้เป็นจอมมารซาตานในอนาคต กัน!!
("ถ้าฉันสอบไม่ได้ก็อย่าหวังเลยว่า ฉันจะได้เป็นจอมมารซาตานในอนาคต มีหวังฉันจบเห่ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย เจ้าระบบเฮ็งซวย")
“นี่เจ้าหมูตอน นายยืนทึ่มอะไรอยู่ตรงนั้นนะรีบมานั่งใกล้ๆฉันเร็วเข้า”
"เห้อ เป็นไงเป็นกันละวะ ฉันคงต้องวัดดวงสักหน่อย พระเจ้าได้โปรดช่วยลูกด้วย
แต่ตรู ก็เป็นลูกของพระเจ้านี่หว่า ส่วนตอนนี้เราคงยังเป็นแค่ เทวดาตัวน้อยอยู่ เรื่องเกี่ยวกับระดับชนชั้นสวรรค์ เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยซิ เดี๋ยวค่อยศึกษาละกัน แต่ว่านี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้นั่งใกล้กับเด็กสาวหน้าตาน่ารักแบบนี้ รู้สึกใจเต้นเลยแหะ ไม่เคยนั่งใกล้ชิดกับผู้หญิงใกล้ขนาดนี้มาก่อน"
“หน๊อยลูกพี่ ดูเจ้า หมูอ้วนนั่นซิหมอนั่นบังอาจ มายุ่งกับสาวที่ลูกพี่หมายปอง ผมว่าพี่ต้องสั่งสอนเจ้านั่น ให้รู้สึกสำนึกซะแล้วละ มันจะได้รู้ว่ามันไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงของลูกพี่"
("แกนะแกเจ้าหมูตอน เป็นแค่ ขยะไร้ค่า ไร้ประโยชน์แท้ๆแต่แกบังอาจมาก ที่กล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน ฉันจะกระทืบแก ด้วยเท้าคู่นี้ของฉัันนี่แหละ ตอนสอบปฎิบัติเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าแกแน่ ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก!!!!")
"ตอนนี้นักเรียนทุกคนคงนั่งที่กันหมดเรียบร้อยแล้วซินะ จำหน้าคร่าตากันไว้ให้ดีๆล่ะ และพยายามสนิมสนมกันไว้ เผื่อพวกเธอบางคนสอบผ่านแล้วจะได้เรียนที่นี้ด้วยกันจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หวังว่าพวกเธอจะเข้าใจที่ฉันบอกนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้ ฉันขอแนะนำตัวก่อนเลยละกัน ฉัันมีชื่อ เฮียลอส เป็นครูที่จะมาสอนทบทวนทฤษฎีเบื้องต้น องค์ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับเวทย์มนต์พื้นฐาน และประวัติศาสตร์คร่าวๆ ให้พวกเธอฟัง ก่อนที่จะเตรียมสอบ
งั้นมาเริ่มกันเลยละกัน
"ว่าด้วยเวทย์มนต์ เดิมที่แล้ว ไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่า ใครเป็นผู้คิดค้นเวทย์มนต์ และไม่มีใครรู้แน่ชัดอีกว่าเหล่าทวยเทพ ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ เวทย์มนต์ ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับพระผู้เป็นเจ้าของ ศาสนา ดินแดนนั้นๆ พวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นราชาของแต่ละเขตพื้นที่ ตามตำนานความเชื่อความศรัทธาของเหล่ามวลมนุษย์ พวกเราเหล่าเทพสวรรค์ มีหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ให้ช่วยเหลือเหล่ามนุษย์จากภัยอันตราย เหล่าเทพได้ให้ความรู้ ด้านต่างๆ และสอนพวกเขา ให้พวกเขารู้จักการเรียนรู้ ด้วยตัวเอง และพัฒนาสิ่งต่างๆ โดยไม่พึ่งพาเหล่าทวยเทพมากเกินไป
"แต่ละทวีป สวรรค์จะแบ่งผู้ปกครอง ราชาอย่างชัดเจน ผู้เป็นจุดศูนย์กลางและให้กำเนิดเหล่ามวลมนุษยชาติขึ้นมา เทพผู้นั้น ถูกเรียกขานว่า พระเจ้า และยังมีเหล่าทวยเทพราชาองค์อื่นๆอีกมากมาย นอกจากพระเจ้า เช่น ซุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้า เทพแห่งหุบเขาโอลิมปัส และ โอดิน ราชาเทพพระเจ้านอร์สแดนเหนือ พวกเขานั้นล้วนเป็นราชาของดินแดนที่ตนเองปกครอง และนั้นก็ทำให้เหล่ามวลมนุษยชาติแต่ละทวีป ศรัทธาและนับถือ พระเจ้าแต่ละองค์ตามความเชื่อของพวกเขา
"และสายผู้ใช้เวทย์มนต์ก็แบ่งได้หลากหลายเลยทีเดียว ซึ่งสายผู้ใช้เวทย์จะขึ้นกับความถนัดของบุคคลนั้นๆ ได้แก่
นักเวทย์ : เป็นพวกผู้ใช้เวทย์มนต์ ระดับ พื้นฐาน กลาง สูง ซึ่งนักเวทย์สายนี้จะมีค่อนข้างมาก พวกเขามีทักษะการร่ายเวทย์ที่รุนแรง และพลิกแพง เวทย์ได้หลากหลายตามสถานะการ์ณ ให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเน้นไปทางซัพพอร์ต ฮีลเลอร์ ช่วยเหลือคนอื่นๆได้ หรืออาจจะเน้น ไปทางการโจมตีที่รุนแรง บางคน อาจใช้ ไม้กายสิทธิ์ หรือวัตถุเวทย์มนต์ต่างๆมาช่วยในการ ร่ายเวทย์ แต่หากเป็น ผู้ใช้เวทย์ระดับสูง พวกเขาเพียงแค่นึก และจิตนาการถึงแหล่งพลังงานมานา พวกเขาก็สามารถใช้ได้เลย
นักเวทย์อักขระ : ผู้ใช้ประเภทนี้จะถนัดเรื่อง ตัวอักษร คัมภีร์เวทย์โบราณ และถนัดการสร้างค่ายกล หรือกับดัก เป็น อย่างมากและสามารถสร้างและคิดเวทย์มนต์ อักขระต่างๆขึ้นมาได้
นักเวทย์อาคม : นักเวทย์สายนี้นั้น จะร่ายเวทย์ โดยการท่องคาถา ด้วย กริมมัวร์ หรือ อาจจะไม่ใช้คัมภีร์ นักเวทย์ประเภทนี้หากเป็นเวทย์ชั้นสูงจำเป็นต้อง ร่ายคาถาเป็นเวลานานมาก แต่พวกเขาจะมี
ความสามารถด้าน ไสยเวทย์ ปลุกเสก อาวุธให้แข็งแกร่งได้มากกว่่าปกติ แต่ก็ขึ้นกับความชำนาญ ความเข้าใจของบุคคลนั้นด้วยๆ
นักอัญเชิญ : สามารถอัญเชิญ หรือ ซัมมอนต์ เหล่ามอนเตอร์ หรือสามารถสร้างมอนเตอร์ขึ้นมาตามความ เพื่อช่วยสู้หรือเป็นพาหะนะในการเดินทาง ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้ด้วย
ผู้วิเศษ : มีความสามารถโดดเด่น มีพรสวรรค์ ในสิ่งที่คนอื่นๆไม่มี สามารถเข้าใจเวทย์มนต์ แต่ละอย่างได้ อย่างชำนาญเพียงแค่ศึกษาเพียงแปปเดียว พรสวรรค์ของนักเวทย์สายนี้ จะมีเพียงแค่ผู้ที่ถูกเลือก มาตั้งแต่เกิดเท่านั้น
ผู้ควบวิญญาณ : สามารถควบคุมเหล่า ภูต ผี วิญญาณ และทำพันธะสัญญากับสิ่งต่างๆ เพื่อใช้งานได้
"และต่อจากนี้ก็คือระดับขั้นนักเวทย์ของมนุษย์ โดยแบ่งออกทั้งหมด 7 ขั้น
ผู้ใช้เวทย์
นักเวทย์
จอมเวทย์
จอมขมังเวทย์
นักปราชญ์
จอมปราชญ์
ราชันย์จักรพรรดิ์เวทย์มนต์
“และในแต่ละระดับก็จะถูกแบ่งแยกย่อยไปอีก 10 ขั้น 1-4 ถือว่าเป็นขั้นต้น 5-7ถือเป็นขั้นกลาง 8-10 ถือเป็นขั้นปลาย จากนั้น นักเวทย์เหล่านั้นหลังถึงขั้น10ก็ต้องทะลวงผ่านระดับขั้น เพื่อยกระดับเป็นระดับขั้นต่อไป ซึ่งการฝึกเวทย์ในระดับขั้นๆถัดไปก็จะยากขึ้นตามไปด้วยและหากทะลวงผ่านไปไม่ได้ ก็อาจทำให้ นักเวทย์ได้รับบาดเจ็บภายใน”
("เห้อออ เจ้าอาจารย์คนนี้ ชักจะพูดเยอะไปแล้วเหอะ แล้วสมองของเราในตอนนี้ ไม่ก็ไม่พร้อมรับความรู้อะไรเลย ถึงเราจะพอจับใจความได้คร่าวๆก็เถอะ แต่เพราะด้วย สติปัญญาในตอนนี้ ทำให้เราไม่สามารถจำอะไรมากๆได้"
หาวนอน!!!
“นี้ เจ้าหมูตอน นายไม่ฟังที่อาจารย์พูดเดียวก็สอบไม่ได้หรอกนะ ถ้านายสอบไม่ผ่านละก็ นายคงไม่ได้เข้าเรียนเหมือนคนอื่นเขาแน่ ฮาๆๆ”
“จ้าๆๆ แต่ฉันง่วงนี้หน่าาา!!!”
("เจ้าหมู ทำไมเวลาหาวถึงได้ น่าเอ็นดูจังเลย ฮิฮิฮิ นี่เราคิดบ้าอะไรของเราอยู่เนี่ย")
“ต่อจากนี้ จะเป็นการพูดถึงระดับชนชั้นสวรรค์ โดยแบ่งหลักๆได้ 3 ชั้น คือ
ชั้นเอก ชั้นโท และ ชั้นตรี ในแต่ละชั้นจะมีอีก 3 คณะที่ทำหน้าที่ต่างกัน ดังนั้น จึงถือว่าทูตสวรรค์มีลำดับชั้นถึง 9 ลำดับ
ชั้นเอก ชั้นอันดับสูงสุด
1.คณะเซราฟิม
2.คณะเครูบ หรือ เซรูบ
3.คณะบัลลังก์ หรือ อาสนเทพ
ชั้นโท ชั้นอันดับกลาง
4.คณะหัวหน้า
5.คณะคุณธรรม
6.คณะคุณธรรม
ชั้นตรี ชั้นอันดับล่าง
7.คณะปกครอง
8.คณะอัครทูตสวรรค์
9.คณะทูตสวรรค์
"และตอนนี้ พวกเธอยังถือว่าเป็นเพียง เหล่าเทวดา ที่อาศัยเกิดอยู่บนสวรรค์ ไม่ใช่เทพ ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆกับมนุษย์ตอนนี้พวกเธอในนี้ ก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้มีฐานะอะไร จึงไม่นับว่าเป็นเทพ แต่หากเธอได้รับการทดสอบและถูกฝึกฝนอย่างถูกต้อง พวกเธอก็ได้รับการเลื่อนขั้น เป็น ทูตสวรรค์ หรือ เทพนั้นเอง
"ต่อไปนี้อาจารย์ จะขอพูดเกี่ยวกับ เรื่องธาตุบนโลกของเรา ว่ามีธาตุอะไรบ้าง เผื่อจะมีใครที่อาจจะยังไม่รู้ หรือรู้อยู่แล้ว
ธาตุนั้นมีทั้งหมด 8 ธาตุ ได้แก่ ดิน นํ้า นํ้าแข็ง ลม ไฟ สายฟ้า แสง มืด และแต่ละธาตุก็จะมีธาตุที่แพ้ทางต่างกัน แต่ธาตุที่แพ้ทางอาจไม่ได้แพ้เสมอไป เพราะหาก พลังเวทย์ที่แข็งกว่า ก็จะสามารถเอาชนะธาตุที่แพ้ทางได้ แม้ตนจะมีธาตุที่เสียเปรียบเช่น หากไฟ เจอ นํ้า ไฟย่อมเสียเปรียบ แต่หาก ผู้ใช้ธาตุไฟ มีพลังเวทย์ที่มากกว่า ผู้ใช้ไฟย่อมเป็นฝ่ายชนะ
"โลกใบนี้ หมุนเวียนด้วย พลังมานา เป็นตัวขับเคลื่อนพลังเวทย์ และเป็นตัวกักเก็บพลังเวทย์ของแต่ละบุคคล โดยพื้นฐานแรกเริ่ม แหล่งเก็บพลังงานมานาแต่ละบุคคล จะไม่เท่ากัน หากเวทย์มนต์นั้นเป็นเวทย์ชั้นสูง และมีประสิทธิภาพมากก็จำเป็นต้องใช้มานา มหาศาล ดังนั้น ทุกคนก็จำเป็นต้องฝึกควบคุมพลังงานมานา ให้ชำนาญ ไม่น้อยไปจาก พลังเวทย์
"เอาละ ตอนนี้เราก็มาถึงเรื่องสุดท้ายกันแล้ว หวังว่าทุกคนจะพอจำได้ละนะ นั้นคือเรื่อง ระบบเลเวล และระดับแรงค์
โดยระบบ เดิมทีนั้น พึ่งถูกนำเข้ามาใช้ มันคือ การวัดระดับความสามารถ ของสิ่งนั้นๆเช่น มอนเตอร์ หรือ นักเวทย์ คนอื่นๆ ซึ่งเป็นค่าที่ระบุอย่างชัดเจน ทำให้รู้ว่าเราอยู่ในระดับ ไหน ซึ่งระบบนี้ก็พึ่งมีมาได้ เพียง 100ปี ต่างจากระดับแรงค์
ค่านี้ จะเป็นการแบ่งระดับชั้น ซึ่งต่างจากเลเวล
เลเวลเท่ากับ การแบ่งระดับความสามารถ แต่ แรงค์ จะเป็นการจัดอันดับ ชนชั้นว่าความแข็งแกร่งระดับไหน ยิ่งระดับแรงค์มากก็จะมีชื่อเสียงมากตามไปด้วย แต่ระดับแรงค์นั้น ก็ขึ้นตามผลงานบ้าง ไม่ได้ขึ้นกับความแข็งแกร่งเหมือนเลเวล
"โดยระดับเลเวลจะเริ่มตั้งแต่เลเวล 1 ไปจนถึงไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนระดับแรงค์แบ่งอันดับได้ดังนี้
คลาส F คลาส D คลาส C คลาส B คลาส A และคลาส S และยังมีคลาสชั้นสูงอีกที่สูงกว่าระดับ S ซึ่งน้อยคนนัก
“ซึ่งคุณครูขอจบการทบทวนพื้นฐานคร่าวๆ ไว้เพียงแค่นี้ ต่อไปนี้จะเป็นการทดสอบของจริง ขอให้นักเรียนทุกคน เตรียมความพร้อมด้วย”
“เจ้าหมูตอน ตื่นได้แล้วนะ ตอนนี้กำลังจะสอบกันแล้วนะเจ้าทึ่ม ยังจะมัวนอนอยู่อีก นี่นายไม่ได้ฟังคุณครูเลยใช่ไหมเนี่ย”
“เห้ออ คุณครูพูดจบแล้วหรอเนี่ย ก็เขาพูดเยอะตั้งขนาดนั้น ถ้าฉันเป็นคนฉลาด ฉันก็คงจะบ้าจำคำพูดเขาทุกถ้อยคำนั่นแหละ เล่นเอาซะฉันแทบง่วงเลย พูดยาวขนาดนี้”
โปรดติดตามต่อไป : ตอนที่ 3 ผู้ไม่เหมาะสมเป็นเทพ
ฝากกดหัวใจกดติดตามเป็นกำลังให้นักเขียนด้วยนะครับ
ความคิดเห็น