คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 เลือกเพลง
เลือกเพลง
-9-
เด็กฝึกจำนวนเก้าสิบคนนั่งอยู่ภายในห้องโถงหลักของหอพักตามกำหนดการณ์การเลือกเพลงสำหรับการแสดงบนเวทีในครั้งแรก ซีนสวมเสื้อยืดแขนยาวสีเทาด้านหลังสกรีนเป็นตัวเอฟ บริเวณหน้าอกเป็นป้ายชื่อของเขาประกอบกับกางเกงวอร์มขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบสีเดียวกัน เขาเดินตรงไปยังเก้าอี้สีเทาแถวหลังสุดสำหรับเด็กฝึกคลาสเอฟที่ยังคงว่างอยู่
เด็กฝึกทุกคนจะต้องนั่งลงบนที่นั่งตามลำดับคลาสจากการประเมินในครั้งแรก โดยเรียงจากแถวแรกที่เป็นที่นั่งของเด็กฝึกจากคลาสเอ โจวจางเหยี่ยนเดินเข้ามาภายในห้องโถงเป็นคนสุดท้าย เขาสวมเสื้อยืดสีฟ้าซึ่งเป็นสีประจำของเด็กฝึกคลาสเอ
ขณะที่เด็กฝึกคลาสบีในแถวที่สองจำนวนสิบห้าคนสวมเสื้อยืดสีส้ม คลาสซีและคลาสดีที่มีเด็กฝึกจำนวนยี่สิบห้าคนเท่ากันเป็นสีเขียวและสีม่วงตามลำดับ และคลาสเอฟสีเทาที่มีเด็กฝึกจำนวนสิบแปดคนนั่งอยู่ในแถวสุดท้าย
“ประกาศภารกิจแรกจากเบลซสองศูนย์สองสาม” เจียงเหลียนเอ่ยขึ้นเมื่อพบว่าเด็กฝึกทั้งหมดเข้ามาภายในห้องโถงหลักจนครบจำนวน “โชว์สเตจครั้งแรก”
เด็กฝึกที่ได้ยินดังนั้นต่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความวุ่นวาย
“เริ่มแล้วเหรอเนี่ย”
“น่ากลัว”
“ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้ว”
“ผมจะเริ่มประกาศเพลงทั้งหมดที่ใช้สำหรับการแสดงในสเตจแรก โดยที่การแสดงทั้งหมดในรอบนี้จะมีด้วยกันทั้งหมดสิบสี่เพลง และทุกเพลงจะมีการจำกัดจำนวนสมาชิกภายในทีม”
“เพลงแรกอาจจะเป็นเพลงที่ใครหลายคนรู้จักกันดี ด้วยบทเพลงที่ไพเพราะและเนื้อเพลงที่ซาบซึ้งกินใจ” เจียงเหลียนผายมือไปยังบริเวณด้านหลังของเขา เผยให้เห็นจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้น
“เพลงแรก ทรมาน”
เด็กฝึกที่ได้ยินต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เนื่องจากทรมานเป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองเชื่องช้าเข้าถึงอารมณ์ ทว่ามันกลับถูกปรับเปลี่ยนให้แตกต่างออกไปจากต้นฉบับอย่างสิ้นเชิง ทรมานที่พวกเข้าได้ฟังขณะนี้เป็นบทเพลงที่มีจังหวะค่อนข้างเร็วรวมถึงท่าเต้นอันดุเดือด จุดเด่นของเพลงที่มีการขึ้นเสียงสูงในท่อนหลักของเพลงยังคงอยู่ เพลงนี้จำกัดจำนวนสมาชิกภายในทีมเพียงเจ็ดคนเท่านั้น
“เพราะมาก”
“ท่าเต้นอะไรเนี่ย บ้าไปแล้ว”
“ฉันจองเพลงนี้”
“ต่อไปเพลงที่สอง หนึ่งบทกลอน”
ท่วงทำนองอันเชื่องช้าของบทเพลงที่ผสานเข้าเสียงเครื่องดนตรีจีนร่วมสมัยให้ความรู้สึกโศกเศร้า รวมถึงเนื้อเพลงภาษาจีนโบราณที่ต้องผ่านการตีความในการแปลความหมายและท่าเต้นที่แตกต่างออกไปจากการเต้นแบบปกติ จุดเด่นของเพลงคือท่วงท่าที่ผาดโผนและการใช้เสียงหลบจำนวนมากในการร้องเพลง จำกัดจำนวนสมาชิกภายในทีมเพียงหกคนเท่านั้น
“ยากเกินไปแล้ว”
“ฉันจะไม่เลือกเพลงนี้อย่างเด็ดขาด”
“เพลงนี้เหมาะกับนายนะ” เด็กฝึกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดัง “อี้ฟาน”
“อืม”
เพลงทุกเพลงที่ถูกนำมาใช้สำหรับการแสดงครั้งนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพลงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในยุคที่แตกต่างกัน แต่ทุกเพลงล้วนผ่านการปรับเปลี่ยนของทีมงานที่ทำให้เรื่องราวของบทเพลงนั้นมีความเด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก
การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไปกระทั่งเพลงสุดท้ายได้มาถึง
“เพลงสุดท้าย ความทรงจำ”
“เท่มาก”
“ฉันจะเลือกเพลงนี้เท่านั้น”
“ทั้งหมดนี้คือเพลงที่เราจะใช้สำหรับการแสดงในครั้งนี้”
“ต่อมาผมจะประกาศกติกาการเลือกเพลง พวกคุณทุกคนจะมีสิทธิในการเลืกเพลงตามลำดับของตนที่ได้รับจากการจัดอันดับของการประเมิน โดยเลือกจากเด็กฝึกที่มีคะแนนสูงที่สุดไปจนถึงเด็กฝึกที่มีคะแนนต่ำที่สุด หลังจากที่ภายในทีมมีจำนวนคนครบตามที่ไว้กำหนดแล้ว เด็กฝึกที่เหลือก็จะไม่สามารถเลือกเพลงนั้นได้อีก”
เด็กฝึกหลายคนที่ทราบถึงกติกาการเลือกเพลงต่างก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากการประเมินในครั้งแรกพวกเขาต่างก็ได้รับผลตอบรับที่น่าผิดหวัง มีเพียงการแสดงครั้งนี้เท่านั้นที่จะมอบโอกาสที่สองให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพออกมาให้ผู้คนได้มองเห็นก่อนที่พวกเขาจะต้องตกรอบไปอย่างไร้ค่า
“และหากภายในทีมมีเด็กฝึกคลาสเอเพียงคนเดียว เด็กฝึกคนนั้นจะกลายเป็นเซนเตอร์โดยอัตโนมัติ หรือหากมีเด็กฝึกคลาสเอตั้งแต่สองคนขึ้นไปพวกคุณจะต้องจัดการแบทเทิลและหาเซนเตอร์ภายในทีมกันเอง”
พื้นที่บริเวณฝั่งตรงข้ามมีแผ่นป้ายจำนวนสิบสี่แผ่นแปะไว้ตามจุดต่าง ๆ บนผนังโดยด้านหน้าจะเป็นชื่อเพลงทั้งหมดที่ใช้สำหรับการแสดงในครั้งนี้
“เริ่มต้นด้วยเด็กฝึกที่ได้อันดับหนึ่งในเวทีแรก ไป่อัน”
เด็กฝึกที่นั่งอยู่บริเวณด้านหน้าปรบมือให้กับเขาด้วยความยินดี ไป่อันเดินตรงไปยังแผ่นป้ายอันหนึ่งที่ถูกแปะไว้บนผนังฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ลังเล เด็กฝึกที่นั่งอยู่ต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยความสงสัยว่าเขาจะเลือกเพลงใด
ไป่อันเดินตรงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหน้าแผ่นป้ายอันหนึ่ง “ความทรงจำ”
“สมกับเป็นเขาจริง ๆ”
“ฉันก็อยากเลือกก่อนบ้างอ่ะ”
“ต่อไปเด็กฝึกที่ได้อันดับที่สองและอันดับที่สาม อากิระ โจวจางเหยี่ยน”
เด็กฝึกสองคนจากคลาสเอเดินตรงไปยังแผ่นป้ายที่อยู่ริมสุด “ทรมาน”
ขณะที่เด็กฝึกอันดับที่สี่ถึงอันดับที่เจ็ด ห่าวหราน เอเคอร์ อี้ฟานและเฉิงอี้
ห่าวหรานเลือกที่จะตรงไปยังแผ่นป้ายทางด้านขวามือของตนอย่างเพลงหนึ่งบทกลอนและเอเคอร์เลือกเพลงค่ำคืนแห่งการข้ามผ่านที่เน้นหนักไปทางด้านการแรปที่เขาถนัด ขณะที่เฉิงอี้และอี้ฟานเลือกเพลงความทรงจำร่วมกับไป่อัน
เพลงทั้งหมดสิบสี่เพลง มีแปดเพลงที่มีสมาชิกภายในทีมครบแล้ว เหลือเพียงหกเพลงเท่านั้นที่เขาสามารถเลือกได้
เด็กฝึกคลาสดีเริ่มลุกออกไปกันทีละคน ที่นั่งด้านหน้าของเขาเริ่มว่างไปทีละหนึ่ง ขณะนี้โอกาสในการเลือกของเขาเหลือเพียงห้าเพลงเท่านั้น
โดยสองเพลงจากทั้งหมดห้าเพลงเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น แสงหิ่งห้อยเป็นบทเพลงที่มียอดผู้รับชมถึงสามล้านครั้งภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เพลงถูกปล่อยออกมาและดวงใจอสูร บทเพลงย้อนยุคที่กล่าวถึงเรื่องราวของนักรบที่ต้องจากบุคคลอันเป็นที่รักไปออกรบเพื่อบ้านเมือง เขาได้กลายเป็นเพียงอสูรที่ไร้หัวใจ
เนื่องจากซีนต้องการแสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะตัดสองเพลงข้างต้นทิ้ง เหลือเพียงสามเพลงเท่านั้นที่อยู่ในตัวเลือกของเขา หนึ่งคือเพลงหมื่นเหมันต์ สองคือเพลงไร้เมตตาและสามคือเพลงหนึ่งบทกลอน
“เด็กฝึกคลาสเอฟคนแรก ไช่เสวี่ยซิน”
ซีนลุกขึ้นยืนและโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากบริเวณที่นั่ง เสียงของเด็กฝึกคลาสเอฟร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น สายตาของเด็กฝึกที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าแผ่นป้ายต่างก็จับจ้องมายังเขา ขณะที่เด็กฝึกบางคนเลือกที่จะเดินเข้ามาและเอ่ยชักชวน
“ไช่เสวี่ยซิน นายต้องมาอยู่กับฉัน”
“เพลงนั้นฮิปฮอปเกินไป มากับฉันเถอะ”
“ของฉันเป็นเพลงญี่ปุ่น นายน่าจะถนัดกว่านะ”
“ขอโทษนะ” ซีนเอ่ยปฏิเสธด้วยความลำบากใจ
เขาก้าวเดินต่อไปก่อนจะไปหยุดอยู่ด้านหน้าของห่าวหราน ป้ายด้านหน้าถูกเขียนไว้เป็นตัวอักษรจีน ‘หนึ่งบทกลอน’
เด็กฝึกที่เห็นดังนั้นต่างก็ปรบมือให้กับเขาด้วยความประหลาดใจ พร้อมเสียงร้องของเอเคอร์ที่ตะโกนมาจากด้านในแถวของอีกฝั่ง
“ทำไมนายไม่เลือกฉัน !”
“ทำไมคุณถึงเลือกเพลงนี้ล่ะครับ” เจียงเหลียนเอ่ยถามด้วยสงสัย
“ความจริงแล้วสำหรับผม เพลงนี้เป็นเพลงที่ยากมากจริง ๆครับเพราะเป็นภาษาจีนโบราณด้วย แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเหมือนกันครับ ผมอยากให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงของผมครับ”
เด็กฝึกคนสุดท้ายที่เข้ามาภายในทีมหนึ่งบทกลอนคือเฮนรี่หลิว เด็กฝึกที่พ่ายแพ้ให้กับเอเคอร์ในรอบการประเมินจนตกลงมาอยู่คลาสเอฟเหมือนกับเขาและรูมเมทภายในห้องพัก สมาชิกทั้งหมดหกคนได้แก่ เด็กฝึกจากคลาสเอห่าวหราน คลาสบีเสี่ยวฮวาและคาซึมิ คลาสดีลี่คุณ สุดท้ายคลาสเอฟไช่เสวี่ยซินและเฮนรี่หลิว
เสียงทีมงานประกาศจบการถ่ายทำเมื่อการเลือกเพลงสำหรับโชว์สเตจครั้งแรกสิ้นสุดลง
สำหรับการโชว์สเตจครั้งแรกมีระยะเวลาในการฝึกซ้อมเพียงสิบวันเท่านั้น ภายในห้องฝึกซ้อมของทีมหนึ่งบทกลอน เด็กฝึกทั้งหกคนนั่งปรึกษากันเกี่ยวกับการแบ่งเนื้อเพลง เนื่องจากภายในทีมมีสมาชิกที่เป็นเด็กฝึกต่างชาติถึงสองคน
เด็กฝึกทุกคนภายในทีมมีทักษะการเต้นที่อยู่ในระดับที่ดี มีเพียงลี่คุณจากคลาสดีเท่านั้นที่มีพื้นฐานการเต้นในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นนอกจากการแบ่งท่อนและซ้อมร้องเพลงในวันนี้ พวกเขาจึงตกลงที่จะฝึกฝนร่างกายสำหรับการซ้อมเต้นในรุ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจากตรงนี้”
การแบ่งท่อนร้องเป็นไปอย่างราบรื่น ห่าวหรานเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง เขากระจายท่อนร้องให้กับทุกคนภายในทีมตามความถนัดของแต่ละคนอย่างเท่าเทียม ซีนเสนอที่จะปรับคีย์ของเพลงและเปลี่ยนท่วงทำนองในบางจุดเพื่อให้ไม่เป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไปสำหรับพวกเขาที่ต้องทั้งร้องและเต้นในเวลาเดียวกัน
เสี่ยวฮวารับหน้าที่แกะท่าเต้น เขาเคยอยู่ทีมเดียวกับอี้ฟานในประเมินครั้งแรกที่เป็นแสดงการเต้นแบบประยุกต์ เฮนรี่รับหน้าที่ในการเขียนท่อนแรปเพิ่มลงไป ลี่คุณจับคู่กับคาซึมิเพื่อฝึกการออกเสียงภาษาจีนของอีกฝ่ายให้ชัดเจน ขณะที่ห่าวหรานและซีนเลือกปรับเสียงดนตรีให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
“ไหวไหม” เสียงเอ่ยทักทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน ห่าวหรานเดินตรงเข้ามาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกฝั่ง
“ตรงนี้ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ นายช่วยฉันหน่อยได้ไหม” นิ้วเรียวชี้ไปยังตัวอักษรจีนบริเวณกึ่งกลางของหน้ากระดาษ ซีนเขียนตัวอักษรพินอินกำกับไว้ในแต่ละคำของเนื้อเพลง “ท่อนนี้”
อีกฝ่ายก้มลงมองเอกสารที่อยู่ในมือของเขาอย่างตั้งใจ “มันเป็นสำนวน”
“บุปผาในน้ำ จันทราในกระจก”
“มันแปลว่า สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้” ห่าวหรานเลือกใช้ภาษาอังกฤษในการอธิบายความหมายของสำนวนจีน “บุปผาในน้ำก็เหมือนกับเงาสะท้อนของดอกไม้บนผิวน้ำ ส่วนจันทราในกระจกก็คือภาพสะท้อนของดวงจันทร์ในกระจก ซึ่งของพวกนั้นก็เป็นแค่ภาพลวงตา ไม่ใช่ความจริง”
เนื่องจากคาซึมิไม่ถนัดในการใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษมากนัก ดังนั้นนอกจากที่เขาจะต้องทำความเข้าใจกับภาษาอังกฤษและภาษาจีนแล้วเขายังต้องนำเนื้อหาทั้งหมดไปอธิบายให้กับอีกฝ่ายเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกครั้ง
“เนื้อหาของเพลงนี้ส่วนใหญ่จะพูดถึงความรักที่เป็นไปไม่ได้ นายรู้จักพวกเรื่องราววังหลังหรือพวกขุนนางอะไรแบบนี้ไหม”
“อ่าฮะ”
“เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวของบัณฑิตคนหนึ่งกับหญิงสาวผู้เป็นที่รักในตระกูลอันสูงศักดิ์ พวกเขาตัดสินใจที่แต่งงานกัน แต่ด้วยผลประโยชน์บางอย่างทำให้พวกเขาถูกคัดค้านการแต่งงานในที่สุด หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นสนมของฮ่องเต้ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะหนีตามกันไปทว่ากลับโดนจับได้เสียก่อน บัณฑิตผู้นั้นจึงถูกลงโทษด้วยการประหาร ขณะที่หญิงสาวก็ตรอมใจเมื่อพบกับกลอนบทหนึ่งที่เขาแต่งให้กับเธอ”
“โห เศร้าอ่ะ” ซีนเบ้ปากลงเล็กน้อยเมื่อทราบถึงเรื่องราวอันแสนเศร้าจากบทเพลง
ห่าวหรานที่เห็นดังนั้นจึงวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู “งั้นไปพักกันก่อนเถอะ”
#ไอดอลใต้ดิน
สามารถไปเล่นแท็กกันได้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และหัวใจด้วยค่ะ
อันนี้เป็นทวิตเตอร์ที่เราสมัครไว้สำหรับงานเขียนโดนเฉพาะ > จิ้ม ไปติดตามกันได้นะคะ
ความคิดเห็น