ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอดอลใต้ดิน

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 แบทเทิล

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 66


    แบทเทิล

    -7-

     

    “เฮนรี่หลิว” ลู่ซือประกาศผลการประเมิน “คลาสเอ”

    ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงัด ก่อนที่เสียงพูดคุยของเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนจะดังขึ้น

    “หมายความว่ายังไง”

    “แบบนี้ก็ต้องมีคนตกลงมาจากคลาสเอน่ะสิ”

    “แบทเทิล!”

    “ตามกติกาที่ผมเคยประกาศไปก่อนหน้านี้ คุณจะต้องเลือกใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนคลาสเอลงมา เพื่อแบทเทิลกับคุณครับ” เจียงเหลียนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม

    เฮนรี่พยักหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงขึ้นไปยังบริเวณที่นั่งของเด็กฝึกคลาสเออย่างไม่รีบเร่ง เขาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของที่นั่ง กวาดสายตามองเด็กฝึกคลาสเอทีละคนพร้อมกับประเมินความสามารถของพวกเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ โดยไม่นานนักเขาก็เลือกที่จะเดินผ่านที่นั่งของซีนไปและหยุดยืนอยู่บริเวณด้านหน้าที่นั่งของเอเคอร์

    ในการแสดงที่ผ่านมาของเฮนรี่ เขาเลือกที่จะแสดงการแรปออกมาสำหรับการประเมิน ดังนั้นหากเขาต้องการใช้จุดแข็งของตนในการแข่งขัน เอเคอร์จึงเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาที่สุด เขาจึงเลือกที่จะชิงตำแหน่งของเอเคอร์ที่มีความสามารถในการแรปเช่นเดียวกัน

    ทว่าด้วยประสบการณ์ของที่ผ่านมาทั้งหมดของอีกฝ่ายทำให้โอกาสในการชนะของเขาค่อนข้างต่ำ เฮนรี่กังวลกับผลลัพธ์ที่จะตามมาแต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตนและตัดสินใจเลือกเอเคอร์ในที่สุด

    “หวังว่านายจะตอบรับคำท้าของฉัน”

    “แน่นอนเพื่อน” เอเคอร์ตอบรับคำท้า

    “ตามกติกาสามัญในการเลือกลำดับการแสดง” เจียงเหลียนอธิบายกติกาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “เป่ายิ้งฉุบ”

    “ผมเริ่มก่อน” เอเคอร์เอ่ยออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เขาออกค้อนในขณะที่อีกฝ่ายออกกรรไกร ดังนั้นเขาที่ได้รับชัยชนะจึงได้รับสิทธิในการเลือกลำดับการแสดงไปครอง

    ด้านบนเวทีมีเพียงเอเคอร์เท่านั้นที่ยืนอยู่ เฮนรี่ที่ต้องทำการแสดงต่อจากอีกฝ่ายหลบไปยืนอยู่บริเวณด้านข้างของเวที ท่ามกลางสายตาของเด็กฝึกทั้งหมด เขายกมือขึ้นป้องริมฝีปากและทำเสียงบีตบ็อกซ์เป็นจังหวะ เสียงแรปอันดุดันดังขึ้นพร้อมกับจังหวะที่รวดเร็ว

    น้ำเสียงที่ลื่นไหลไปพร้อมกับทำนองของเพลง ด้วยลูกเล่นที่เขาใส่เข้าไปในระหว่างการแรปทำให้เด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนยืนขึ้นและส่งเสียงร้องตะโกนออกมาด้วยความคึกคะนอง

    เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเนื้อแรปที่เขาแต่งขึ้น น้ำตาและหยาดเหงื่อ ความท้อแท้และความสิ้นหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสูญเสียไปแลกกับการที่วันนี้ได้มาถึง

    เสียงดนตรีจบลงอย่างเชื่องช้า ทว่าเอเคอร์กลับแรปต่อด้วยเนื้อแรปที่แต่งขึ้นในชั่วขณะ เขาเดินลงไปบริเวณด้านข้างของเวทีและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเฮนรี่ วางแขนพาดลงบนบ่าของอีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างของเขาจ่อไมค์เข้ากับริมฝีปาก

    “นายอยากชนะฉันเหรอ” เสียงหัวเราะในลำคอของเอเคอร์ทำให้เด็กฝึกที่นั่งรับชมต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ภาวนาให้วันนั้นมาถึงแล้วกันนะ”

    เอเคอร์สามารถจบการแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซีนปรบมือให้กับเอเคอร์พร้อมกับครูฝึกและเด็กฝึกคนอื่น ๆ

    เฮนรี่เดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งเพื่อทำการแสดงในลำดับต่อไปขณะที่เอเคอร์เดินลงไปยืนรอที่บริเวณด้านข้างของเวที

    เสียงเพลงดังขึ้นด้วยจังหวะที่เบาสบายให้ความรู้สึกราวกับอยู่ที่ริมชายหาด ราวกับได้สัมผัสกลิ่นอายของทะเลและแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น รูปแบบการแสดงของเฮนรี่แตกต่างจากเอเคอร์อย่างสิ้นเชิง การแรปของเอเคอร์จะให้ความรู้สึกดุดันและทรงพลังในขณะที่การแรปของเฮนรี่จะเป็นการแรปแบบมีเมโลดี้ที่สามารถฟังได้ง่ายกว่า

    ทว่าหากประเมินจากความสามารถในทุกด้าน เอเคอร์ที่มีประสบการณ์ฝึกถึงเจ็ดปีย่อมได้เปรียบกว่ามาก เขาสามารถสะกดสายตาของผู้ชมด้วยการนำเสนอตัวตนผ่านการแสดงออกมาได้อย่างน่าสนใจ และนั่นเป็นสิ่งที่เฮนรี่ไม่สามารถทำได้

    จากผลการลงคะแนนของเด็กฝึกทั้งหมดทำให้เอเคอร์สามารถรักษาตำแหน่งในคลาสเอไว้ได้ด้วยคะแนนหกสิบต่อยี่สิบสามคะแนน โดยมีเด็กฝึกที่สละสิทธิ์การลงคะแนนทั้งหมดเจ็ดคน

    “เชิญกลับไปยังตำแหน่งเดิมของคุณครับ”

    เอเคอร์เดินตรงขึ้นไปบนคลาสเออีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ซีนและเด็กฝึกที่นั่งอยู่บนคลาสเอปรบมือให้กับอีกฝ่ายด้วยความยินดี

    “ทำได้ดีมาก”

    “แน่นอน ฉันไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้ว”

    บทสนทนาของเอเคอร์และโจวจางเหยี่ยนจบลงในเวลาอันสั้น สายตาของซีนจับจ้องไปยังพื้นที่ด้านล่าง อี้ฟานปรากฏตัวขึ้นบนเวทีพร้อมกับเด็กฝึกอีกสี่คน เหลือเพียงหนึ่งการแสดงเท่านั้นสำหรับการประเมิน การถ่ายทำในวันนี้เดินทางมาใกล้ถึงจุดสิ้นสุดเต็มที

     

    “อี้ฟาน คลาสเอ”

    เสียงร้องตะโกนของเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนดังขึ้นอีกครั้ง อี้ฟานเป็นเด็กฝึกคนหนึ่งที่พวกเขาคาดหวัง เพลงที่เขาเลือกใช้เป็นเพลงที่นำดนตรีพื้นบ้านมาประยุกต์เข้ากับเพลงป๊อปในปัจจุบัน การแสดงของเขาให้กลิ่นอายที่แตกต่างออกไปจากเด็กฝึกทั้งหมด เขาสามารถนำเสนอวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศจีนออกมาได้อย่างสวยงามและน่าสนใจ

    อี้ฟานเป็นเด็กหนุ่มที่ให้ความรู้สึกสุภาพ เขาสามารถรักษากิริยาในการแสดงออกได้อย่างดีเยี่ยม ทว่าในความอ่อนน้อมนั้นกลับมีความทะเยอทะยานที่แอบซ่อนอยู่

    “เชิญคุณเลือกเด็กฝึกคลาสเอลงมาแบทเทิลกับคุณครับ”

    ระหว่างที่เด็กฝึกทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็คาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าอี้ฟานจะเลือกเด็กฝึกคนไหนในคลาสเพื่อมาเป็นคู่แข่ง ทว่าสิ่งที่อี้ฟานเอ่ยขึ้นกลับทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง

    “สำหรับผมแล้วการเป็นบอยแบนด์จะต้องมีความสามารถในการร้องและการเต้น และต่อให้คุณมีทั้งสองอย่างนี้แล้ว หากคุณไม่มีความน่าสนใจมากพอ นั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณไม่ได้รับการยอมรับจากเหล่าแฟนคลับ” อี้ฟานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกทว่าคำพูดของเขากลับมีจุดประสงค์ซ่อนอยู่

    “เด็กฝึกคลาสเอทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนผ่านการยอมรับจากครูฝึกทั้งห้าท่าน พวกเขาได้แสดงทักษะทั้งการร้อง การแรปและการเต้น ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินของครูฝึกทั้งสิ้น”

    “นั่นหมายความว่า?”

    “แต่การยอมรับจากผมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เด็กฝึกคนหนึ่งที่ไม่ได้แสดงทักษะที่บอยแบนด์พึงมี ผมไม่ได้เห็นความสามารถของเขาเลยนอกจากการร้องเพลง เป็นเด็กฝึกเพียงคนเดียวที่ไม่ผ่านเกณฑ์ของผม”

    เด็กฝึกนั่งฟังคำพูดของอี้ฟานด้วยสีหน้าตื่นตกใจ คำพูดชวนหาเรื่องรวมถึงเกณฑ์ความสามารถที่ตั้งขึ้นมาเองนั้นอีก เด็กฝึกคลาสเอเพียงคนเดียวที่แสดงความสามารถในการร้องเพลงเพียงอย่างเดียวคือซีน โจวจางเหยี่ยนหันมามองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก

    “ไช่เสวี่ยซิน ฉันขอท้าให้นายเต้นแข่งกับฉัน”

    ใบหน้าของเอเคอร์ฉายชัดถึงความไม่พอใจ ขณะที่โจวจางเหยี่ยนละสายตาออกจากเขาและจับจ้องไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย อี้ฟานเป็นเด็กฝึกที่มีความสามารถพิเศษในการระบำจีนโบราณ ทว่าสำหรับการเต้นชนิดอื่น ๆ เขากลับทำได้ดีไม่แพ้กัน ขณะที่ซีนเป็นเด็กฝึกที่โดดเด่นในด้านการร้องเพลง ดังนั้นเด็กฝึกคนอื่น ๆ จึงไม่ได้คาดหวังความสามารถในการเต้นของเขามากนัก

    “ครับ”

    ซีนก้าวเดินลงไปยังเวทีที่อยู่ด้านล่างด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ผลจากการเป่ายิ้งฉุบอี้ฟานเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ เขาจึงเลือกที่จะแสดงเป็นอันดับแรก บนเวทีมีเพียงอี้ฟานเท่านั้นที่ยืนอยู่ ซีนที่ต้องทำการแสดงต่อจากอีกฝ่ายจึงหลบไปยืนที่บริเวณด้านข้างของเวที

    เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับเรือนร่างที่ขยับไปตามท่วงทำนอง การเต้นรำเป็นศาสตร์หนึ่งของการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

    ท่าเต้นที่ดูพลิ้วไหวให้ความรู้สึกราวกับปลาที่แหวกว่ายในสายน้ำ ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถละสายตา ท่วงท่าและอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาบาดลึกลงไปในจิตใจของผู้รับชม การแสดงในรอบแบทเทิลของเขาแตกต่างจากการแสดงในรอบการประเมินอย่างสิ้นเชิง

    “การแสดงของคุณทำให้ผมตกใจจริง ๆ ครับ” โลแกนลุกขึ้นยืนและปรบมือให้กับการแสดงอันยอดเยี่ยมของอี้ฟาน “คุณสามารถสลัดกลิ่นอายความย้อนยุคออกไปได้อย่างหมดจด ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ”

    “คุณสามารถเข้าถึงอารมณ์ของบทเพลงและถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะครับ ผมหวังว่าในการแสดงครั้งต่อไป คุณจะทำออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม” เกรย์เอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม

    “ฉันหลงรักคุณเข้าแล้วล่ะค่ะ”

    ซีนเดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งขณะที่อี้ฟานเดินลงไปยืนรอที่บริเวณด้านข้างของเวที การแสดงของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม

    เขาถอดไมโครโฟนที่ถูกติดตั้งออกเพื่อความสะดวก ก่อนจะยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อยเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ ซีนไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ มีเพียงความพยายามเท่านั้นที่จะเป็นขั้นบันไดสู่ความสำเร็จ

    ความฝันของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาฝึกซ้อมทุกวัน วันแล้ววันเล่า เพื่อรอคอยวันที่เขาจะได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา น่าเสียดายที่ต่อให้พยายามแค่ไหน มีเพียงความสำเร็จเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินคุณค่าในตัวของเขาได้

    วงการไอดอลใต้ดินนั้นมีวงร้องเต้นมากมายจนเกลื่อนตลาด หากต้องการจะสู้กับวงพวกนั้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน การทำวงดนตรีจึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้เขาสามารถโลดแล่นอยู่ในวงการ ด้วยรูปแบบที่ต้องไม่ซ้ำกับใคร ผู้คนที่ต้องความสดใหม่ทำให้พวกเขาต้องเริ่มต้นจากศูนย์ที่ไม่เคยแม้แต่จับเครื่องดนตรี มีเพียงการร้องเพลงเท่านั้นที่เขาสามารถทำได้

    ซีนได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา ความฝันและความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่เคียงคู่กัน มันเปรียบเสมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ เขาทำได้เพียงเฝ้ารอและเฝ้ารอ จนกระทั่งในที่สุดโอกาสนี้ได้มาถึง สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้มีเพียงการพยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น

     

    “นายคิดว่าใครจะชนะ” เอเคอร์หันไปกระซิบกับโจวจางเหยี่ยนเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

    ไม่มีใครคาดคิดว่าอี้ฟานจะพูดในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะได้ยินออกมา การกระทำแบบนี้แม้จะสามารถตัดขวัญกำลังใจของอีกฝ่ายได้ แต่ไม่มีเด็กฝึกคนไหนเลือกที่จะทำมัน เพราะหากซีนนี้ถูกปล่อยออกอากาศไป แน่นอนว่าแฟนคลับส่วนใหญ่จะต้องไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน สิ่งที่อี้ฟานได้รับจะมีเพียงคำก่นด่าสาปแช่งจากทั่วสารทิศ ขณะที่คนที่จะได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงจากเรื่องนี้ก็คือซีน

    “ฉันเชื่อว่าเขาจะชนะ”

    “จะเป็นอย่างนั้นแน่เหรอ” เด็กหนุ่มเหม่อมองตรงไปยังเวทีด้านหน้า

    การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติซีนเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายอาจจะรู้สึกดีในระหว่างที่ได้พูดมันออกมา ทั้งความถือดีและความเย่อหยิ่ง สักวันเมื่อเขาได้มองย้อนกลับมาเขาจะพบว่ามันเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิต

    “อย่างน้อย อี้ฟานจะต้องได้รับผลจากสิ่งที่เขาทำอย่างแน่นอน”

     

    ซีนที่ตอบรับคำท้า :

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×