คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 เปิดตัว
เปิดตัว
-4-
การสัมภาษณ์ในช่วงบ่ายได้จบลง ตารางถ่ายทำของพวกเขาในวันนี้จึงสิ้นสุดเช่นกัน ซีนกลับมาและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งในชุดเสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีขาวและกางเกงวอร์มขายาวสีดำ เขาเดินตรงไปตามทางมุ่งหน้าไปยังห้องฝึกซ้อมที่ยังว่างอยู่
ตามตารางการถ่ายทำ การประเมินของครูฝึกจะเริ่มต้นวันรุ่งขึ้น ซีนที่เคยติดตามรายการในซีซั่นก่อน ๆ ทำให้เห็นการประเมินที่สุดแสนหฤโหดของเด็กฝึกมาบ้าง ทั้งสีหน้าและคำพูดชวนเข้าใจผิดที่สามารถสร้างประเด็กร้อนจากครูฝึกและการตัดต่อที่เกิดจากการหยิบยกประเด็นเหล่านั้นขึ้นมาของทีมงาน ความประทับใจแรกของคนดูที่มีต่อเด็กฝึกจะถูกสรรคสร้างขึ้นมาจากส่วนที่ถูกตัดออกอากาศไป
ภายในหอพักมีทีมงานและตากล้องประจำอยู่ในแต่ละจุดทั่วบริเวณ ทั้งตามทางเดินและภายในห้องสำหรับทำกิจกรรมรวมถึงกล้องตัวเล็กความละเอียดสูงที่ถูกติดตั้งไว้บริเวณมุมใดมุมหนึ่งของทุกห้องเพื่อบันทึกการกระทำของพวกเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เด็กฝึกหลายคนเริ่มจับกลุ่มและจับจองห้องสำหรับฝึกซ้อมการแสดงเพื่อการประเมินที่จะมาถึง
คืนแรกของการอยู่หอพัก ซีนเลือกเข้าพักในห้องหมายเลขสามศูนย์สี่ที่มีสมาชิกเข้าพักถึงแปดคน เขาเอ่ยแนะนำตัวเล็กน้อยเพื่อทำความรู้จักกับเด็กฝึกคนอื่น ๆ
แต่เนื่องจากเมื่อรายการเริ่มต้นในวันรุ่งขึ้นเด็กฝึกทุกคนจะต้องย้ายห้องพักใหม่อีกครั้งและเข้าพักในห้องที่ทางรายการกำหนดไว้ เพื่อให้เด็กฝึกทุกคนได้เจอกับสังคมหลากหลายรูปแบบและสนิทสนมกับเด็กฝึกคนอื่นมากยิ่งขึ้น
ซีนได้ยินเสียงพูดคุยกันเกี่ยวกับข้อมูลของเด็กฝึกแต่ละคนที่ได้รับความนิยมสูงและถูกจับตามอง น่าแปลกเมื่อชื่อของเขาถูกเอ่ยขึ้นเป็นหัวข้อของการสนทนาโดยเด็กฝึกที่เขาไม่รู้จัก ระหว่างทางที่เขาก้าวเดินก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่หันมาจับจ้อง เด็กฝึกบางคนเดินเข้ามาทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติขณะที่เด็กฝึกบางคนเลือกที่จะเดินผ่านเขาไปอย่างรีบเร่ง
เขาเดินลากเท้าตามทางเดินไปเรื่อย ๆ พยายามมองหาห้องฝึกซ้อมที่มีคนอยู่ภายในห้องน้อยที่สุดเพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนเด็กฝึกคนอื่น ๆ กระทั่งเขาได้ยืนหยุดอยู่ด้านหน้าห้องฝึกซ้อมห้องสุดท้ายที่อยู่บริเวณด้านในสุดของทางเดินที่ภายในห้องฝึกมีกลุ่มของเอเคอร์กำลังฝึกซ้อมกันอยู่
“ขอโทษนะ ฉันเข้าไปได้หรือเปล่า ?” ซีนแง้มประตูออกเล็กน้อยและโผล่หน้าเขาไปทักทายอีกฝ่าย
“แน่นอนเพื่อน”
เอเคอร์รีบปรี่เข้ามาหา เขาเปิดประตูออกกว้างพร้อมกับผายมือให้เพื่อเป็นการเชื้อเชิญ จิ่งหลงและคาซึมิที่ฝึกซ้อมอยู่ภายในห้องก่อนแล้วโบกมือทักทายเขาเล็กน้อยก่อนจะเปิดเพลงอีกครั้งและกลับไปซ้อมเต้นต่อในท่อนที่ถูกหยุดเอาไว้
“พรุ่งนี้โซโล่เหรอ ?” เอเคอร์เอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาภายในห้องเพียงคนเดียว
ซีนพยักหน้าลงเพื่อเป็นการตอบรับ “ฉันตื่นเต้นมาก”
“ไม่ต้องกังวล นายต้องผ่อนคลายเข้าไว้”
“แล้วนายไม่ตื่นเต้นบ้างเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันตื่นเต้นมากเลยต่างหาก ตอนฉันถูกประเมินรายเดือนในบริษัทยังแทบแย่เลย”
สีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงถึงความสิ้นหวังทำให้เขาหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“แต่อย่างน้อยนายก็ไม่ต้องแสดงคนเดียวนะ”
“แน่นอน พอได้มีคนแสดงด้วยกันแล้วมันอุ่นใจมากเลยล่ะ”
“ฉันเชื่อว่านายจะทำมันได้ดี” ซีนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“นายควรจะถ่อมตัวบ้างนะ”
“พอเลย นายกำลังทำให้ฉันอาย” เอเคอร์ยื่นมือออกมาด้านหน้า นิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายชี้ตรงไปยังบริเวณหน้ากระจกที่ยังคงว่างอยู่ “ไปซ้อมเลยไป”
สำหรับการประเมินในวันรุ่งขึ้น เด็กฝึกทุกคนจะต้องแสดงความสามารถของตนเองผ่านการร้องหรือการเต้นภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยตั้งแต่วันแรกที่พวกเขามาถึงบริเวณหอพัก เด็กฝึกทุกคนจะต้องฝากโทรศัพท์ไว้กับทีมงานตั้งแต่วันแรกของการถ่ายทำ มีเพียงเครื่องเล่นเอ็มพีสามและหูฟังไร้สายในมือของเขาเท่านั้นที่สามารถใช้ในการฝึกซ้อม
เหลือเวลาเพียงหนึ่งคืนสำหรับการฝึกซ้อม เอเคอร์เลือกที่จะแสดงการแร็ปด้วยน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และเนื้อเพลงอันแสนดุดันในเพลงต้นฉบับที่เขาแต่งขึ้นมาสำหรับการทดสอบเพิ่มเติม ขณะที่การแสดงหลักจะเป็นการเต้นประกอบกับการร้องเพลงแบบกลุ่มสำหรับการประเมินเกรดในครั้งแรก
ซีนเลือกที่จะร้องเพลงภาษาอังกฤษแนวอินดี้ร็อกอย่างที่ตนถนัดและฝึกซ้อมการเต้นสำหรับการทดสอบเพิ่มเติม แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่เขาจะถูกเลือกในการแข่งขันแต่ซีนก็เลือกที่จะฝึกฝนและทำผลงานของเขาให้ออกมาถึงระดับที่ตนตั้งเป็นมาตรฐานเอาไว้
เด็กหนุ่มนั่งหลับตาฟังเพลงสำหรับการแสดงเพิ่มเติมอยู่บนโซฟาที่ถูกวางไว้บริเวณมุมห้องมาพักใหญ่ เพียงชั่วขณะที่เขาถูกเงาสีดำพาดผ่าน
“โจวจางเหยี่ยน” ซีนเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้า
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” โจวจางเหยี่ยนย่อตัวลงนั่งบนพื้นด้านล่างของเขา
“แน่นอน” น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของอีกฝ่าย “นายล่ะ”
“รอดูละกัน”
เสียงขยับตัวไปมาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเรียกความสนใจของโจวจางเหยี่ยน “นายทำอะไร”
ซีนพยายามขยับตัวชิดผนังด้วยความยากลำบากเพื่อแบ่งปันพื้นที่อันน้อยนิดให้กับคนตัวโตกว่า มือข้างหนึ่งตบเบาะด้านข้างเบา ๆ “มานั่งนี่สิ เดี๋ยวจะปวดหลังเอานะ”
อีกฝ่ายทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี ภาพของเด็กหนุ่มและชายหนุ่มสองคนที่นั่งเบียดเสียดกันอยู่บนโซฟาขนาดเล็กทำให้ดูน่าขบขันอยู่ไม่น้อย
“เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“นายหมายถึงอะไร”
“ยังขวัญเสียอยู่หรือเปล่า เมื่อตอนบ่าย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นักข่าวที่นี่น่ากลัวไปหน่อย” ซีนเอ่ยออกมาด้วยความขบขัน “ตอนที่ฉันได้ยินคำถามนะ หัวของฉันโล่งไปหมดเลย”
“งั้นเหรอ ฉันคิดว่านายเจออะไรแบบนี้บ่อย ๆ”
“นายคิดว่าฉันเป็นใครกันแน่เนี่ย”
“มือกลองชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น” อีกฝ่ายตอบออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“บ้า” เขาส่ายหน้าไปมา “ฉันก็เป็นแค่นักดนตรีฝึกหัดคนหนึ่ง แถมยังเป็นไอดอลใต้ดินอีก”
“แล้ว ?”
“ฉันไม่รู้ว่าที่นี่เป็นยังไงหรอกนะ แต่ที่ญี่ปุ่นต่อให้จะดังแค่ไหนก็จะไม่มีแฟนคลับมาพุ่งตัวเข้าใส่หรอกนะ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็คอยติดตามอยู่เงียบ ๆ อาจจะเป็นเพราะวัฒนธรรมที่ต่างกัน” เขาหยุดคิดเล็กน้อย “แต่บางทีฉันก็อยากให้พวกเขาแสดงตัวออกมามากกว่านะ พอต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางสายตาของใครก็ไม่รู้ที่มาคอยจับจ้อง มันก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก”
“ฉันเข้าใจ”
“แล้วอีกอย่างไม่มีนักข่าวคนไหนอยากจะมาสัมภาษณ์ฉันหรอกนะ วงก็ไม่ดัง กระแสก็ไม่มี เงินก็ไม่ได้”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” โจวจางเหยี่ยนเอ่ยตอบ หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันขณะสายตาที่จับจ้องไปยังดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความจริงใจ “นายดังมาก หลายคนที่นี่ก็รู้จักนาย”
“หา” ประโยคที่ได้ยินทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก “ไม่หรอก”
“มีคนอยากเป็นเพื่อนกับนายเยอะแยะ นายก็แค่ไม่รู้ตัว”
“แต่พวกเขามองฉันแปลก ๆ”
“เขาไม่กล้าชวนนายคุยน่ะสิ นายเป็นคนดังแถมยังเป็นชาวต่างชาติ”
“แล้วฉันต้องทำยังไง”
“เอาเป็นว่ามั่นใจเข้าไว้ นายต้องฝึกพูดจีนให้มากขึ้น ฉันเชื่อว่านายต้องเจออะไรแบบนี้อีกเยอะ”
“อืม !” ซีนตอบรับอย่างกระตือรือร้น
เอเคอร์นั่งกอดอกอยู่บริเวณมุมห้องอีกฝั่งหนึ่ง สายตาจับจ้องไปยังกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าขณะที่หางตาพลันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งเบียดกันอยู่บนโซฟาตัวเล็ก แววตาเป็นประกายวาววับเมื่อนึกได้ถึงเรื่องสนุกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ” เสียงเอ่ยทักดังขึ้นจากทางด้านหลัง จิ่งหลงเดินตรงเข้ามาหาอีกฝ่าย
“พอดีฉันเจอเรื่องน่าสนใจนิดหน่อย”
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“นายดูนั่นสิ” นิ้วเรียวชี้ไปยังบริเวณมุมห้องอีกฝั่งหนึ่ง จิ่งหลงเลิกคิ้ว สายตามองตามทิศทางที่นิ้วชี้ไปและเขาก็เข้าใจความหมายของเอเคอร์ได้ในทันที
“นายควรหยุดยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ”
“นายว่าฉัน ?” เอเคอร์เอ่ยเสียงแข็ง
“ไม่ว่านายแล้วจะว่าใคร” จิ่งหลงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ตรงนี้ก็มีแค่นายกับฉัน”
“ฉันงอนนายแล้ว” เอเคอร์ก้มหน้าลงมองพื้น นิ้วเรียวขยับไปมาขีดเขียนลงบนพื้นห้องด้วยความน้อยอกน้อยใจ
เวลา 21.00 น. ประเทศไทย คลิปโปรโมทและคลิปการให้สัมภาษณ์ของเด็กฝึกแต่ละคนถูกโพสต์ลงบนแฟนเพจออฟฟิเชียลของรายการเบลซ 2023 ภายใต้สังกัดบริษัท เอ้าท์ไซด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำให้แฮชแท็ก #เบลซ2023 ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ของประเทศไทยอันดับที่หนึ่งภายในระยะเวลาไม่ถึงสิบนาที ขณะที่คำค้นหายอดนิยมอันดับที่สามหมวดบันเทิงคือ ‘ซีน กรินทร์ ณรงค์กิตติวิฑูร’
[นี่ตามตั้งแต่ซซแรก บอกเลยขึ้นชื่อว่าเอ้าท์ไซด์ยังไงก็ผีอ่ะ #เบลซ2023]
[รายการปีนี้หวังว่าจะดีขึ้นนะ ปีที่แล้วทำแย่มาก #เบลซ2023]
[เห็นคลิปโปรโมทแล้วบอกเลยว่าเด็กปีนี้เก่งกันมากๆ #เบลซ2023]
[ไป่อันมาอีกแล้วเหรอ ยังไงปีนี้เขาก็ต้องได้เดนะ #เบลซ2023]
[เปิดโพลเด็กฝึกที่น่าจับตามองทั้งหมดของ #เบลซ2023 พาร์ทหนึ่ง
มาที่เด็กฝึกคู่แรก ห่าวหรานและไป่อัน จากเย่หัวเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ค่ายยักษ์ใหญ่ที่ปลุกปั้นดวงดาวมาแล้วหลายดวง ที่นับเป็นคู่เพราะทั้งสองคนนี้เป็นคนที่ต้องมาด้วยกันจริง ๆ ด้วยความสามารถแบบ All-Rounder และหน้าตาอันหล่อเหล่าของพวกเขาทั้งสอง เรียกได้ว่าต่อให้หลุดปีนี้ไปก็สามารถเดบิวต์คู่กันเองได้เลย
ต่อด้วยโจวจางเหยี่ยนที่มีดีกรีเป็นถึงพระเอกภาพยนตร์ เพราะความฝันที่อยากเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้เขาซุ่มพัฒนาความสามารถของตนมาเรื่อย ๆ จนมาถึงวันนี้
คนที่สามเอเคอร์ อดีตแรปเปอร์ใต้ดิน ที่เคยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่งก่อนจะย้ายไปเทรนต่อที่เกาหลีแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาเลือกที่จะกลับมายังประเทศจีน เขาเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นที่แต่งตัวเจ็บจี๊ดไปถึงทรวงใน แต่ด้วยลุคที่ดูฉูดฉาดขัดกับนิสัยภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้หลาย ๆ คนถึงกับโดนตกไปตาม ๆ กัน
มีแรปปอร์ใต้ดินแล้วจะขาดไอดอลใต้ดินไปได้ยังไง มาที่เด็กไทยของเรากันบ้าง เป็นครั้งแรกที่ทำเอาพวกเราชาวเน็ตเสียงแตกกันขนาดนี้ มาดูกันว่าเขาไม่ดังจริงหรือเปล่า
ไช่เสวี่ยซินหรือ ซีน กรินทร์ ณรงค์กิตติวิฑูร เด็กไทยเพียงคนเดียวของรายการ #เบลซ2023 เขาเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันร้องเพลงระดับจังหวัด แม้จะมาจากครอบครัวเล็ก ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความฝัน หลังจากที่สอบเทียบจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย เขาก็มุ่งหน้าไปยังประเทศญี่ปุ่นทันที
ซีนเป็นที่รู้จักในฐานะมือกลองวง KAZZ ที่เป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุด ณ ตอนนั้นแม้จะไร้สังกัด แต่เนื่องจากผู้คนในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีคนที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับวงอินดี้ร็อควงนี้อย่างเช่นปัจจุบัน ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ยังเป็นคนภายในประเทศ ทำให้พวกเราแทบจะไม่รู้จักเด็กหนุ่มมากความสามารถคนนี้มาก่อน
แน่นอนว่าเด็กฝึกที่น่าจับตามองยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เราจะมาต่อกันในพาร์ทสองนะจ๊ะ]
[เด็กไทยดัง ๆไปทุกปีก็เห็นติดกันทุกคนแต่คนนี้คือไรอ่ะไม่เห็นรู้จัก ถ้าไม่เก่งพอก็อย่าไปให้เสียหน้าเลย #เบลซ2023]
ภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ภายในชุดเครื่องแบบกำลังให้สัมภาษณ์กับกลุ่มผู้สื่อข่าวได้ถูกโพสต์โดยแอ็กเคานต์หนึ่งที่มีผู้ติดตามหลักแสนคนลงบนทวิตเตอร์พร้อมคำบรรยายบนภาพ
[เปิดตัว “ซีน กรินทร์ ณรงค์กิตติวิฑูร” หรือ “ไช่เสวี่ยซิน” เด็กฝึกจากประเทศไทยในรายการเบลซ 2023 !]
- รอตามค่า ปีนี้เด็กฝึกงานดีทุกคนเลยยย
- บริษัทไหนส่งไปอ่ะ หรืออยากไปก็ไปเอง
- สนับสนุนคนไทยค่ะ !
- น้องน่ารักมากก เห็นว่าเคยมีวงที่ญี่ปุ่นด้วย
- ตามคห.บน น้องเป็นใครอ่ะคะ
- ตั้งแผงค่ะ ! น้องซีน ชื่อจริง กรินทร์ ณรงค์กิตติวิฑูร เกิดปี 2004 สูง 176 เป็นมือกลองวงแคสที่เคยเปิดตัวในญี่ปุ่นแต่ปจบ.ยุบวงไปแล้ว ความสามารถรอบด้าน ร้อง เต้น แต่งเพลง ออกอัลบั้ม ตอนอยู่วงเก่าก็เป็นน้องเล็กของวง น่ารักมากก
- นี่เห็นเม้นนึงบอกน้องไม่ดัง คือไปอยู่ไหนมาก่อน
- ตอนเพลงออกก็ไม่เห็นจะดัง พอข่าวออกเท่านั้นแหละดังสมใจเลย ดังถึงขนาดต้องยุบวงเลยอ่ะเนอะ
- ตอนยุบวงคือเสียใจมากไม่รู้จะตามต่อที่ไหน พอเห็นน้องมาออกรายการนี้คือดีใจมาก ต้องได้เดแล้วนะ
- แปะวาร์ป
ในขณะที่สื่อโซเชียลเต็มไปด้วยประเด็นร้อนแรงจากรายการเบลซ 2023 ที่จะมีการออกอากาศในอีกสองสัปดาห์ กลุ่มแฟนคลับของเด็กฝึกแต่ละคนได้เริ่มออมเงินโดเนทสำหรับการโหวตและรวมตัวกันตั้งบ้านเบสเพื่อสนับสนุนเด็กฝึกที่ตนชื่นชอบกันแล้ว
ความคิดเห็น