คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 รูมเมท
รูมเมท
-8-
เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟที่สาดส่อง ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มเคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนอง ด้วยบทเพลงอันแสนเศร้าโศก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรวดร้าว สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนยังคงตราตรึงอยู่ภายในจิตใจ ท่วงท่าที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มถูกส่งผ่านออกมาสู่ผู้รับชม
สำหรับการแสดงในครั้งนี้ ซีนเลือกที่จะแสดงการเต้นร่วมสมัยซึ่งเป็นการเต้นที่อาศัยความรู้สึกจากภายในเพื่อสร้างสรรค์ท่าเต้นและถ่ายทอดเรื่องราวออกมาผ่านท่วงทำนองของบทเพลง สิ่งสำคัญในการเต้นร่วมสมัยคือความสมดุล ทุกท่วงท่า จังหวะและมิติของอารมณ์ นับได้ว่าเป็นการเต้นสำหรับผู้ที่มีความสามารถในระดับสูง
ซีนเริ่มเรียนเต้นครั้งแรกตอนอายุสิบปี ในชั้นเรียนการแสดงของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอทำให้เขามีร่างกายที่ยืดหยุ่น ทุกครั้งในการทดสอบสมรรถภาพ ความอ่อนตัวเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด
เขาถูกทาบทามจากชมรมการแสดง ชมรมที่นักเรียนหลายคนต้องการจะเข้าร่วมเพื่อเป็นใบเบิกทางของตนในอนาคต ความสามารถและชื่อเสียงอันโด่งดัง สองสิ่งนี้คือสิ่งที่จะทำให้พวกเขาสามารถก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงได้ดังที่ใฝ่ฝัน
เขาได้รับโอกาสแสดงความสามารถในงานโรงเรียนและกลายเป็นตัวแทนของโรงเรียนที่จะถูกส่งไปแข่งขันยังโรงเรียนต่าง ๆ เรียกได้ว่าเขากลายเป็นเด็กกิจกรรมอย่างเต็มรูปแบบหากแต่เขากลับไร้จุดหมายในการก้าวเดิน
เด็กหนุ่มผู้ไร้ความฝันได้พบกับแรงบันดาลใจครั้งแรกผ่านกล่องสี่เหลี่ยมที่ถูกเรียกว่าโทรทัศน์ การแสดงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ทว่ากลับทรงพลังและแฝงไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเป้าหมายของชีวิต
เขาฝึกฝนอย่างหนักแม้หลายครั้งที่เขารู้สึกท้อแท้ ความรู้สึกที่อยากจะล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเมื่อปลายทางแห่งความฝันนั้นมืดมิด ได้แต่หวังว่าเพียงสักวันหนึ่งเขาจะได้พบกับแสงสว่างที่ปลายทางแห่งความสำเร็จ
“แข็งแกร่งมาก”
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเต้นเก่งได้ขนาดนี้”
“ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว”
ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบเคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนอง หากอี้ฟานเปรียบเสมือนปลาที่แหวกว่ายในสายน้ำ ซีนก็เปรียบเสมือนนกที่โผบินบนผืนฟ้า
ดวงตาสีน้ำตาลทอแสงอ่อนลง การตัดสินสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก จิตใต้สำนึกของพวกเขาต่างก็ร่ำร้องให้ตนเลือกผู้ชนะด้วยความเที่ยงตรง
เด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนปรบมือให้กับการแสดงที่จบลง ครูฝึกที่นั่งอยู่ด้านหน้าของพวกเขาต่างก็พูดคุยกันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ความสามารถของพวกเขาเรียกได้ว่ามากฝีมือ ด้วยรูปแบบการเต้นที่แตกต่างกันทำให้พวกเขาต่างรู้สึกลำบากใจที่จะนำทั้งสองการแสดงมาเปรียบเทียบกัน
“ผมไม่รู้เลยว่าคุณตัวอ่อนขนาดนี้ การร้องของคุณอยู่ในระดับที่สูงมากแต่คุณกลับสามารถแสดงทักษะการเต้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้” เกรย์เอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม
“คุณทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งจริง ๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคุณจะกลายเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงในอนาคตได้อย่างแน่นอน” ซานหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ” ซีนโค้งตัวลงอีกครั้งเมื่อได้รับการประเมินจากครูฝึก
“ถึงเวลาแล้วนะครับที่เด็กฝึกทุกคนจะต้องทำการโหวต เพื่อเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะผ่านเข้าไปอยู่ในคลาสเอ”
ซีนยืนหันหลังให้กับเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบน เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความลำบากใจให้กับเด็กฝึกคนอื่น ๆในการโหวต
“อี้ฟาน” เสียงประกาศชื่อของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกกดดัน แม้การเต้นของเขาจะอยู่ในระดับที่ดี แต่อี้ฟานนั้นมีประสบการณ์ในการเต้นมากกว่าเขาหลายปี ความห่างชั้นทางด้านการฝึกฝนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ
ซีนจินตนาการถึงบริเวณที่นั่งที่เต็มไปด้วยแสงสีฟ้าจากการเลือกโหวตอี้ฟาน ทว่าบุคคลที่ควรจะมีสีหน้ายินดีกับผลโหวตที่ท่วมท้น ใบหน้าของอี้ฟานกลับมืดครึ้มลงเรื่อย ๆ
“ไช่เสวี่ยซิน” เสียงประกาศชื่อของเขาทำให้ซีนยืดตัวขึ้นตรงอย่างไม่รู้ตัว สายตาของเขามองตรงไปยังใบหน้าของอี้ฟานเพื่อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลง จากใบหน้าที่มืดครึ้มกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูสับสน
“การโหวตเสร็จสิ้นลงแล้วนะครับ” โลแกนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “จะเป็นเด็กฝึกอี้ฟานที่ท้าชิงตำแหน่งได้สำเร็จหรือจะเป็นเด็กฝึกไช่เสวี่ยซินที่รักษาตำแหน่งเอาไว้ได้”
“ช่วยแสดงผลโหวตด้วยครับ”
ซีนกลับหลังหันอีกครั้ง จอมอนิเตอร์ด้านหลังแสดงตัวเลขผลโหวตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆของเด็กฝึกทั้งสองคน กระทั่งหยุดลงที่จำนวนสามสิบเท่ากัน สายตาของเด็กฝึกทั้งหมดจับจ้องหน้าจอแสดงผลตรงหน้าด้วยความลุ้นระทึก หากตัวเลขของทั้งสองฝั่งหยุดลงพร้อมกัน มีเพียงตัวเลขของคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบสงบ ก่อนเสียงร้องตะโกนของเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนจะดังขึ้น ใบหน้าของพวกเขาราวกับตกตะลึงในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
สามสิบเอ็ดคะแนนต่อสามสิบคะแนน ผลต่างของคะแนนเพียงหนึ่งคะแนนเป็นสิ่งที่จะตัดสินผู้ชนะในรอบนี้ เด็กฝึกที่สละสิทธิ์การโหวตมีมากถึงยี่สิบเอ็ดคน
“ยินดีด้วยกับเด็กฝึกอี้ฟานท้าชิงตำแหน่งได้สำเร็จ” ลู่ซือเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังที่นั่งด้านบน “เชิญขึ้นไปยังที่นั่งของพวกคุณครับ”
ซีนเม้มปากที่สั่นระริก ใบหน้าก้มหน้าลงต่ำ สายตาจับจ้องไปยังพื้นห้องราวกับต้องหาจุดโฟกัสให้กับตนเอง ขณะที่ภายในจิตใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง ขาที่ไร้เรี่ยวแรงแม้ก้าวเดิน ความรู้สึกหนักอึ้งจนแทบทนไม่ไหว หากแต่เขากลับทำได้เพียงก้าวเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นและทีละขั้น เพื่อตรงขึ้นไปยังนั่งที่ของเด็กฝึกคลาสเอฟ
“การประเมินครั้งที่หนึ่งของพวกคุณจบลงแล้ว”
“สำหรับเด็กฝึกคลาสเอ ผมอยากให้พวกคุณนึกอยู่เสมอว่ามีสายตามากมายจับจ้องไปยังที่นั่งของพวกคุณและพวกเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้มันมา เด็กฝึกทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ เป้าหมายของคุณคือสิ่งเดียวกัน ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมานั่งเสียใจในภายหลัง”
“ผมหวังจริงๆ ว่าพวกคุณทุกคนจะหยิบยื่นมิตรภาพที่ดีต่อกันและไม่ลืมเป้าหมายของตัวเอง”
“สำหรับวันนี้พวกคุณพยายามได้ดีมากครับ”
การถ่ายทำจบลงในเวลาเที่ยงคืนตรง เด็กฝึกทั้งหมดจำนวนเก้าสิบคนเดินออกจากสถานที่ถ่ายทำไปยังรถบัสเพื่อมุ่งหน้ากลับหอพัก
เสียงร้องตะโกนจากกลุ่มแฟนคลับที่ยังคงยืนรอเด็กฝึกที่ตนชื่นชอบอยู่บริเวณด้านนอกสถานที่ถ่ายทำ
“ซีน หยุดก่อน” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เขาหยุดเดิน เอเคอร์ที่เดินมาจากด้านหลังอ้อมมาทางด้านหน้าและกุมมือของเขาพร้อมกับเดินไปยังรถบัสที่จอดอยู่ตรงหน้า
“ซีน !”
“ไช่เสวี่ยซิน !” เสียงเรียกจากแฟนคลับราวกับตอกย้ำความผิดพลาดของเขาในวันนี้ ความผิดหวังทำให้เขาไม่อาจยืดอกและตอบรับเสียงเรียกของคนที่คาดหวังในตัวของเขาได้
ซีนหันไปตามเสียงร้องเรียกและโค้งตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณและขอโทษในเวลาเดียวกัน
บรรยากาศภายในรถโดยสารเงียบสงัด ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยเฉกเช่นดังเคย เด็กฝึกที่มาเข้าร่วมรายการนี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันทั้งสิ้นคือการผ่านเข้าไปยังรอบสุดท้ายและกลายเป็นสมาชิกวงไอดอลจำนวนเจ็ดคน
พวกเขาต่างทบทวนความผิดพลาดของตนเอง
“พวกคุณทุกคนจะต้องนำกระเป๋าสัมภาระออกมาจากห้องที่เคยพักและย้ายไปยังห้องที่ทางรายการกำหนดไว้” ทีมงานผายมือไปทางด้านหลัง กระดานขนาดใหญ่ถูกติดตั้งไว้บนผนังบริเวณมุมห้องอีกฝั่งหนึ่ง
“ทุกคนสามารถตรวจสอบห้องพักของตัวเองได้จากรายชื่อที่แปะไว้บนบอร์ดค่ะ มีใครมีคำถามไหมคะ”
“พวกเราต้องอยู่ห้องที่รายการจัดไว้ตลอดไปเลยหรือเปล่าครับ” เด็กฝึกคนหนึ่งยกมือขึ้นพร้อมกับเอ่ยถึงข้อสงสัย
“หลังการประกาศอันดับรอบแรก พวกคุณถึงจะสามารถย้ายห้องพักได้ค่ะ”
“ครับ”
“หากมีปัญหาอะไรก็ตาม พวกคุณสามารถติดต่อทีมงานได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พวกเขาจะคอยสแตนบายเพื่อคอยอยู่ช่วยเหลือพวกคุณอย่างสุดความสามารถค่ะ”
“นายพักห้องไหน” เอเคอร์เอ่ยถามกับเด็กหนุ่มที่นั่งเงียบมาตลอดทางกลับหอพัก
ซีนไล่สายตามองตามรายชื่อทั้งหมด นิ้วเรียวไล้ลงบนแผ่นกระดาษผ่านตัวอักษรจีนที่เขียนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบและหยุดลงเมื่อพบกับชื่อของตน
“ฉันสามศูนย์หนึ่ง” เขาละสายตาออกจากบอร์ดรายชื่อและหันหน้าไปหาอีกฝ่าย “นายล่ะ”
“เสียใจด้วย ฉันสามศูนย์หก” เอเคอร์ยักไหล่ “ไปเถอะ”
ซีนกล่าวลาเอเคอร์ก่อนจะเดินตรงไปตามทางมุ่งหน้าไปยังห้องพัก ทางเดินที่ทอดยาว ห้องพักหมายเลขสามศูนย์หนึ่งอยู่บริเวณด้านในสุดของชั้นที่หกและเป็นห้องพักที่มีสมาชิกเข้าพักเพียงสี่คนเท่านั้น
สมาชิกคนแรกของห้องพัก เด็กฝึกคลาสเอที่จับจองพื้นที่บริเวณชั้นบนของเตียงด้านขวามือเป็นที่เรียบร้อยอย่าง ‘อากิระ’ พร้อมกับเด็กฝึกจากคลาสเอฟที่พ่ายแพ้ให้กับเอเคอร์ในรอบแบทเทิลที่เตียงชั้นล่าง ‘เฮนรี่หลิว’
ในขณะที่เตียงทางด้านซ้ายมือบริเวณชั้นบนเป็นของ ‘เจเดน’ เด็กฝึกจากคลาสบีที่ใช้เพลงของเขาในรอบการประเมิน ทำให้พื้นที่ชั้นล่างของเตียงตกเป็นของเขาไปโดยปริยาย
“สวัสดี ฉันเฮนรี่หลิว เรียกฉันว่าเฮนรี่ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เมื่อเห็นซีนเข้ามาภายในห้องพักเด็กฝึกทั้งสองคนก็รีบเข้าไปทักทายอีกฝ่ายทันที
“ผมเจเดนครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันไช่เสวี่ยซินหรือจะเรียกว่าซีนก็ได้ ตามที่พวกนายสะดวกเลย” เขาเอ่ยแนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกับเด็กฝึกอีกสองคน แม้จะเป็นคนที่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อนก็ตาม
“โอเคเลยซีน” เฮนรี่ตอบกลับด้วยความเป็นมิตรขณะที่เจเดนตอบรับอย่างแข็งขัน
“ครับ”
หลังจากที่ได้พูดคุยกันก็ทำให้รู้ว่าทั้งเจเดนและเฮนรี่นั้นมีอายุเท่ากันกับเด็กหนุ่ม ในตอนแรกเจเดนไม่ยอมที่จะพูดเป็นกันเองกับพวกเขา แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับเด็กฝึกคนอื่น ๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจอายุของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่อยู่ด้วยกันเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ เจเดนจึงริเริ่มที่จะพูดจากับพวกเขาด้วยความสนิทสนมมากยิ่งขึ้น
ทว่าก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป หางตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตรงเข้ามา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หลังจากที่เจเดนและเฮนรี่ได้จากไป อากิระที่กลับเข้ามาภายในห้องเป็นฝ่ายที่เข้ามาทักทาย เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมการแสดงสำหรับการประเมิน นี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่พวกเขาได้พูดคุยกัน
“อากิระซัง”
“พูดแบบปกติเถอะ ยังไงตอนนี้เราก็เป็นผู้เข้าแข่งขันเหมือนกันแล้วนะ”
“แต่ว่าผม-” ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยแย้งอะไรออกไป อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาห้ามก่อน “ก็ได้ ๆ”
ซีนพูดภาษาญี่ปุ่นกับอากิระด้วยความคุ้นชิน
“วันนี้ฉันได้เห็นแล้วล่ะ การเต้นของนาย” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ “ฉันไม่รู้ว่านายยังจำได้อยู่หรือเปล่า แต่สำหรับฉันนายคือนักเต้นที่ยอดเยี่ยมเสมอมา เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้ล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ราวกับได้หวนกลับไปยังช่วงเวลาแห่งความสุข ในวันนั้นเองที่อากิระพูดกับเขาเหมือนในวันนี้ ทุกครั้งที่เขาประสบกับความผิดหวังและเสียศรัทธาต่อตนเอง อากิระก็มักจะคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ
“แล้วทำไมถึงมารายการนี้ล่ะ” ซีนเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจออกไป อากิระเป็นคนที่มีความสามารถ ระดับของเขาควรมาเป็นครูฝึกมากกว่าเป็นเด็กฝึกที่เข้ามาแข่งขันในรายการเช่นนี้
“พอดีว่าฉันเบื่อที่จะทำงานเบื้องหลังแล้วน่ะ คนที่รู้จักก็เลยบอกให้ฉันลองมาออดิชั่นดู สุดท้ายก็อย่างที่เห็น”
“อย่างนี้นี่เอง”
“แต่เห็นแบบนี้ฉันก็เอาจริงเอาจังพอตัวนะ”
“ถ้าเป็นนายล่ะก็ต้องทำได้แน่ ๆ”
“จะเป็นอย่างนั้นไหมน้า ฉันเองก็ไม่ได้มีฐานแฟนคลับที่จีนมากด้วยสิ” อีกฝ่ายกระตุกยิ้มบาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยอกเย้า “เอาเป็นว่าเรามาพยายามด้วยกันดีกว่านะ”
“อืม !”
ซีนในวันนี้ :
ความคิดเห็น