ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอดอลใต้ดิน

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 แฟนบอย

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 66


    แฟนบอย

    -6-

     

    “การแสดงลำดับถัดไป เด็กฝึกอิสระ โจวจางเหยี่ยน”

    เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังก้องกังวานในขณะที่เด็กหนุ่มก้าวเดิน สายตาของเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนจับจ้องไปยังบุคคลตรงหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นบนเวที 

    “โจวจางเหยี่ยน !”

    “ฉันพนันได้เลยว่าเขาต้องเป็นคลาสเอคนต่อไป”

    ภายในห้องเงียบสงัด เมื่อท่วงทำนองอันเชื่องช้าดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่ม เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเย้ายวน ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตา ท่วงทำนองที่เคยเชื่องช้าได้แปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นเมื่อดำเนินมาถึงท่อนกลางของเพลง

    ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไป สีหน้าที่เคยเย้ายวนกลับกลายเป็นแข็งกร้าว การเต้นอันทรงพลังที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวถูกส่งผ่านออกมาแก่ผู้รับชม ราวกับถูกล่อลวงอยู่ภายในความฝัน

    เมื่อพวกเขาเข้าถึงอารมณ์ของบทเพลงได้ถึงขีดสุด การแรปอันทรงพลังของอีกฝ่ายได้กระชากพวกเขาออกมาจากภวังค์ ท่อนแรปที่ถูกแต่งขึ้นเป็นภาษาอังกฤษทำให้ซีนรับรู้ถึงเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมา

    โจวจางเหยี่ยนคือปิศาจร้ายที่มีรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลด้วยใบหน้าและร่างกายที่พระเจ้าสรรค์สร้าง เขาล่อลวงผู้คนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ก่อนที่ผู้คนจะทราบว่าเปลือกนอกอันงดงามที่พวกเขามองเห็นถูกสร้างมาเพื่อปกปิดจิตใจที่แสนอัปลักษณ์ของชายหนุ่ม ทว่ากว่าพวกเขาจะทราบถึงความจริงเหล่านั้น พวกเขาก็กลับกลายเป็นเหยื่ออันแสนโอชะไปเสียแล้ว

    เสียงปรบมือจากครูฝึกเรียกสติของซีนที่หลุดลอยไปกลับมาอีกครั้ง เด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนต่างก็ลุกขึ้นยืนและปรบมือให้กับโจวจางเหยี่ยนด้วยความตื่นตะลึง 

    “ส่วนตัวผมชอบการแสดงของคุณมากครับ” โลแกนเอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม 

    “การเต้นของคุณเต็มไปด้วยพลัง รวมถึงเนื้อแรปที่คุณแต่งเข้ากับเนื้อเพลงต้นฉบับได้เป็นอย่างดี”

    “ตอนนี้เหมือนฉันกำลังถูกใบหน้าของคุณล่อลวง” ซานหลิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “คุณหล่อมากจริง ๆ ค่ะ”

    “ผมทราบมาว่าก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นนักแสดงมาก่อนเหรอครับ”

    “ใช่ครับ”

    “ถ้าต้องเลือกระหว่างการเป็นนักแสดงและการเป็นนักร้อง คุณจะเลือกอะไรครับ”

    เขาเงียบไปครู่หนึ่ง คำถามที่เกรย์เอ่ยออกมานั้นเป็นคำถามยอดฮิตที่ครูฝึกมักจะถามเด็กฝึกทุกคนที่มีผลงานในวงการบันเทิงอยู่ก่อนแล้ว หากเขาไม่สามารถตอบคำถามออกไปได้อย่างเหมาะสมได้ คาดว่าสิ่งที่พูดออกไปอาจจะถูกนำไปตัดเรียกกระแสในการออกอากาศเป็นแน่

    บางทีมันก็น่ารำคาญที่เขาจะต้องมานั่งตอบคำถามพวกนี้ทุกครั้ง ในเมื่อสุดท้ายแล้วคนที่ถามคำถามพวกนี้ออกมากลับไม่ได้ต้องการฟังคำตอบที่แท้จริงของเขาเลยเสียด้วยซ้ำ

    “ผมเลือกนักร้องครับ”

    “ขอบคุณครับ”

    “โจวจางเหยี่ยน” ลู่ซือประกาศผลการประเมิน “คลาสเอ”

    ชายหนุ่มเดินตรงขึ้นไปยังบริเวณที่นั่งด้านบนสุดของคลาสเอ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สีฟ้าอ่อนในลำดับที่สี่ เด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนปรบมือให้กับอีกฝ่ายด้วยความยินดี 

    “เด็กฝึกไช่เสวี่ยซิน ลงมาเตรียมตัวบริเวณด้านหลังเวทีด้วยค่ะ” เสียงที่ดังขึ้นผ่านหูฟังสำหรับแปลภาษาทำให้ซีนต้องบอกลากับเอเคอร์และเดินลงไปบริเวณด้านหลังของเวที

    จากการแสดงที่ผ่านมาทั้งหมด ซีนพบว่ามีเด็กฝึกจำนวนมากที่โดดเด่นและน่าจับตามอง ความสามารถของพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นของจริง เด็กฝึกบางคนเป็นถึงอดีตครูสอนเต้นหรือครูสอนร้องเพลง กระทั่งเด็กฝึกที่เป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ พวกเขาต่างละทิ้งโอกาสเหล่านั้นเพื่อเดินตามเส้นทางแห่งความฝัน 

    “การแสดงลำดับถัดไปเด็กฝึกจากเจเคเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ไช่เสวี่ยซิน”

    เด็กหนุ่มก้าวเดินออกจากบริเวณด้านหลังของเวที เสียงของเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบนร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นกับการแสดงของไอดอลใต้ดินที่พวกเขาคาดหวัง 

    ซีนกัดริมฝีปาก แสงไฟที่สาดส่องราวกับภาพซ้อนทับในอดีต จังหวะอันหนักหน่วงและบรรยากาศที่คุ้นเคย เสียงร้องตะโกนเรียกชื่อของพวกเขาที่ครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้น ความรุ่งโรจน์อันแสนสั้นก่อนที่เส้นทางของพวกเขาจะถูกปิดตาย 

    “สวัสดีครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นจากบริเวณด้านหน้าทำให้เขาได้สติ

    “สวัสดีครับทุกคน” เขาโค้งตัวลงพร้อมกับเอ่ยแนะนำตัว “ผมชื่อซีน หรือไช่เสวี่ยซิน เด็กฝึกจากประเทศไทยครับ”

    “เชิญครับ” 

    ซีนรับขาตั้งไมโครโฟนมาจากทีมงานและวางมันลงบริเวณพื้นที่ตรงกลางของเวที แสงไฟดับลงเมื่อเสียงระฆังดังขึ้นพร้อมกับท่วงทำนองอันแสนเชื่องช้า น้ำเสียงแหบต่ำถูกเปล่งออกมาแตกต่างจากน้ำเสียงที่ใช้ในการพูดคุยอย่างสิ้นเชิง

    แสงไฟสีแดงที่สาดส่องทำให้บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป เด็กฝึกที่ได้รับฟังต่างก็หยุดนิ่งราวกับต้องมนตร์สะกด น้ำเสียงอันทรงพลังถูกเปล่งออกมาและถ่ายทอดเรื่องราวให้แก่ผู้ฟัง

    ท่วงทำนองแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง แววตาของเด็กหนุ่มแข็งกร้าว มือขวากระชากไมโครโฟนขึ้นมาจ่อบริเวณริมฝีปากและเดินตรงไปยังด้านหน้าของเวที เสียงสูงที่ถูกเปล่งออกมาก่อนเสียงกลองที่หนักแน่นและรุนแรงจะดังขึ้นทำให้อารมณ์ของบทเพลงเปลี่ยนไปในทันที

    เนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่เต็มไปด้วยความหมายกล่าวถึงความศรัทธาอันไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาที่ครั้งหนึ่งเคยขาวสะอาดจมดิ่งลงไปในบ่อน้ำที่ไร้ก้นบึ้ง บ่อน้ำที่เต็มไปด้วยเศษซากและสิ่งสกปรก พวกเขาตะเกียกตะกายอย่างบ้าคลั่งเพื่อกลับขึ้นฝั่งอีกครั้งทว่ากลับมีมือที่มองไม่เห็นฉุดรั้งพวกเขาเอาไว้ 

    พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ผู้โง่เขลา เหล่าผู้ศรัทธาที่ครั้งหนึ่งเคยแปดเปื้อนเป็นเพียงผู้ที่อ้างตนว่าบริสุทธิ์และคอยตัดสินผู้อื่น แท้จริงแล้วพวกเขานั้นกลับเป็นบุคคลที่เสพสมความดำมืดเสียเอง

    บรรยากาศที่ให้ความรู้สึกราวกับถูกกดทับ เรื่องราวอันดำมืดถูกถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลง ผ่านการแสดงที่สมบูรณ์แบบ ท่วงท่าและสายตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของเขาทำให้เด็กฝึกที่ได้รับชมต่างลุกขึ้นยืนและปรบมือกันอย่างบ้าคลั่ง

    ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณ ราวกับต้องการประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงการกลับมาอีกครั้ง

    “แข็งแกร่งมาก”

    “เสวี่ยซินอ่า !!”

    “สุดยอด !”

    เมื่อการแสดงจบลง บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ซีนที่ยืนนิ่งอยู่บนเวทีก้าวขึ้นมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อรอรับคำตัดสินจากครูฝึก

    “ผมอยากรู้ว่าตอนที่คุณอยู่ญี่ปุ่น การเป็นไอดอลใต้ดินมันเป็นยังไงบ้างครับ”

    “ครับ” ซีนเอ่ยกับครูฝึกด้วยภาษาอังกฤษ “ในประเทศญี่ปุ่น การเป็นไอดอลใต้ดินจะแตกต่างจากไอดอลที่มีสังกัดครับ ภาพลักษณ์ของเราจะมีสไตล์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วแต่การวางคาแรกเตอร์ของแต่ละคน รวมถึงเพลงที่ถูกแต่งออกมาจะมีความหมายที่ค่อนข้างรุนแรงมากกว่าด้วยครับ”

    “สารภาพตามตรงนะคะว่าฉันไม่รู้จักไอดอลใต้ดินเลยค่ะ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่ออะไรแบบนี้  แต่การแสดงของคุณสามารถทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้สัมผัสอีกด้านหนึ่งของคุณเลยล่ะค่ะ”

    “เนื้อเสียงของคุณรวมถึงเทคนิคที่ใช้ในการร้องเพลงน่าทึ่งมากครับ ตอนที่ได้ยินครั้งแรกผมตกใจเลยล่ะครับ” ลู่ซือเอ่ยออกมาพร้อมกับเจียงเหลียนที่พยักหน้าขึ้นลงด้วยความเห็นที่ตรงกัน

    “ผมคาดหวังในสเตจต่อไปของคุณนะครับ”

    “เด็กฝึกไช่เสวี่ยซิน” โลแกนประกาศผลการประเมิน “คลาสเอ”

    เสียงปรบมือดังขึ้นจากเด็กฝึกที่นั่งอยู่ด้านบน ซีนเดินก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นด้วยความประหม่า เขานั่งลงบนเก้าอี้สีฟ้าอ่อนลำดับที่ห้าทางด้านซ้ายมือของโจวจางเหยี่ยน ที่นั่งในคลาสเอจำนวนเจ็ดที่นั่ง ขณะนี้เหลือเพียงพอสำหรับเด็กฝึกที่ยังไม่ทำการแสดงเพียงสองที่นั่งเท่านั้น

    เมื่อการแสดงในลำดับถัดไปเริ่มขึ้น ท่วงทำนองอันแสนคุ้นเคยทำให้สายตาของซีนจับจ้องไปยังเด็กฝึกกลุ่มหนึ่งที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเวที การแสดงของเด็กฝึกจากโกโกบอย พวกเขาใช้เพลงของวงแคสซึ่งเป็นเพลงแนวเมทัลร็อคเพลงเดียวของพวกเขาตั้งแต่ออกอัลบั้มมาทั้งหมด

    โจวจางเหยี่ยนยิ้มออกด้วยความขบขัน สายตาที่เป็นประกายวาววับของอีกฝ่ายราวกับเด็กที่ได้พบเจอเรื่องราวสนุกสนาน เด็กฝึกคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเสียงเพลงต่างก็หันหน้ากลับมามองปฏิกิริยาของเจ้าของเพลงอย่างสนอกสนใจ

    ซีนยกสองมือขึ้นปิดหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย การแสดงเมื่อครู่จบลงแล้ว ครูฝึกที่ทราบถึงเรื่องราวทั้งหมดหันหน้ามามองเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับเด็กฝึกจากโกโกบอยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

    “พวกคุณมีอะไรอยากจะบอกกับเจ้าของเพลงไหมครับ”

    เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าเปื้อนยิ้มราวกับลูกสุนัขตัวใหญ่ ‘เจเดน’ หนึ่งในสมาชิกจากโกโกบอยยกมือขึ้นด้วยความกล้าหาญ “ผมชอบคุณมากครับ หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้ร่วมเสตจกันนะครับ”

    ซีนลุกขึ้นยืนและโค้งตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณ “ยินดีครับ”

    การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไป เด็กฝึกคนที่หกที่สามารถผ่านการประเมินเข้าไปในคลาสเอได้คือ ‘เฉิงอี้’ เด็กฝึกจากประเทศจีน อดีตนักกีฬาว่ายน้ำระดับเยาวชนที่ละทิ้งโอกาสการเป็นนักกีฬาทีมชาติด้วยการผันตัวไปเป็นเด็กฝึก ด้วยความสามารถในการแรปรวมถึงเสน่ห์ที่ส่งผ่านออกมาถึงคนดู ทำให้ครูฝึกถึงกับเอ่ยชมว่าเขาเป็นเพชรเม็ดงามที่รอการเจียระไน

    ซีนปรบมือให้กับเฉิงอี้ที่เดินขึ้นมานั่งบนที่นั่งด้านข้างของเขา เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง “การแสดงลำดับถัดไปเด็กฝึกจากบริษัทแอชเวลล์ เอเคอร์ จิ่งหลง คาซึมิ”

    เอเคอร์เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับจิ่งหลงและคาซึมิ สายตาของเด็กฝึกมองตรงไปที่เอเคอร์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเอเคอร์เป็นหนึ่งในเด็กฝึกที่ถูกคาดว่าจะผ่านประเมินเข้าคลาสเอ เขาเป็นเด็กฝึกที่มีประสบการณ์ฝึกในบริษัทนานถึงเจ็ดปีรวมถึงเคยเข้าร่วมรายการแข่งแรปใต้ดินและได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่งมาครอง

    การแสดงเริ่มขึ้นโดยไร้ข้อผิดพลาด เสียงเพลงที่ดังขึ้นเป็นจังหวะอันหนักหน่วง ร่างกายที่เคลื่อนไหวไปตามท่วงทำนองอย่างลื่นไหล เด็กฝึกทั้งหมดนั่งชมการแสดงอย่างตั้งใจ น้ำเสียงอันดุดันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยประสบการณ์การฝึกทั้งหมดเจ็ดปีทำให้เขาสามารถดึงดูดสายตาของเด็กฝึกทั้งหมด การแสดงของเขาทำให้เวทีลุกเป็นไฟ

    “เด็กฝึกเอเคอร์ คลาสเอ”

    เอเคอร์เป็นเด็กฝึกคนที่เจ็ดที่สามารถผ่านการประเมินเข้าคลาสเอ ทว่าการประเมินยังไม่สิ้นสุด ในกรณีที่ไม่มีเด็กฝึกไหนมีความสามารถผ่านเข้าคลาสเอ พวกเขาจะกลายเป็นเด็กฝึกคลาสเอโดยสมบูรณ์ 

    “ยินดีต้อนรับ” ซีนหันไปเอ่ยกับเอเคอร์ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดินขึ้นมายังที่นั่งที่สุดท้ายที่ยังคงว่างอยู่

    “ตามสัญญา”

    สายตาของซีนมองตรงไปยังแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดจีนโบราณ ‘อี้ฟาน’ เด็กฝึกอิสระจากประเทศจีน หนึ่งในเด็กฝึกที่ได้รับความนิยมสูงสุด เขาเป็นอดีตนายแบบที่มาจากครอบครัวของนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงในเซี่ยงไฮ้ 

    “นายว่าพวกเราจะมีโอกาสตกลงไปหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ของเอเคอร์เอ่ยถาม ซีนสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยความกังวลของอีกฝ่ายภายใต้น้ำเสียงที่ปกปิดไม่มิด

    “นั่นสินะ”

     

    ซีนกับการแสดงวันนี้ :

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×