คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เบลซ 2023
เบลซ 2023
-1-
บนท้องถนนที่แออัด การจราจรที่ติดขัดสอดคล้องกับความแน่นหนาของประชากรในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ยานพาหนะได้เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางถนนด้วยความเร็วเทียบเท่าเต่าคลาน
สำหรับเด็กหนุ่มที่รีบเร่งในช่วงเวลาพิเศษอย่างเวลาเลิกเรียนและเลิกงาน การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสาธารณะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
ภายในเมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การศึกษาและการท่องเที่ยว กรุงปักกิ่งที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้สภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จากเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งอารยธรรมโบราณมากมาย แม้จะมีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เข้ามา แต่ยังคงสามารถรักษากลิ่นอายของความร่วมสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัว
ประตูรถไฟถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงสัญญาณร้องเตือนให้ผู้คนภายในขบวนทยอยกันเดินออกมา ทำให้หลงเหลือที่ว่างเพียงพอสำหรับเขาและผู้คนที่ต้องการโดยสารให้เบียดเสียดเข้าไปด้านในรถไฟขบวนนี้
ทันทีที่ประตูปิดลง เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงสายตาจากผู้คนบนขบวนรถไฟที่ลอบชำเลืองมองมายังเขา นิ้วเรียวกำสายกระเป๋าที่สะพายอยู่แน่นด้วยความประหม่า ร่างกายสูงโปร่งที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยภายใต้เสื้อคอเต่าแขนยาวสีเทาเข้มประกอบกับกางเกงขากระบอกสีดำสนิทของเด็กหนุ่ม ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ใครหลายคนเฝ้ารอที่จะได้เห็นมันหากแต่มีเพียงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยให้ความรู้สึกอบอุ่นเท่านั้นที่โผล่พ้นหน้ากากสีดำสนิทออกมา
ในยุคการระบาดของโคโรนาไวรัสที่แพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ตามข้อกำหนดของเมืองที่เขาอาศัยอยู่ประชาชนทุกคนจำเป็นจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดการแพร่ระบาดและป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัส
เขาก้มหน้าลงต่ำ นิ้วเรียวยาวที่สัมผัสหน้าจอเลื่อนไปมาขณะสายตาจดจ่ออยู่กับเนื้อหา ส่วนหนึ่งเพื่อหลบสายตาจากผู้คนที่มองมาอย่างใคร่รู้ อีกส่วนหนึ่งเพื่อสำรวจบริเวณพื้นที่เสี่ยงและจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันราวกับเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ทำจนติดเป็นนิสัย ไม่นานนักประตูรถไฟก็เปิดออกเมื่อถึงสถานีปลายทาง น้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรดังขึ้นตรงหน้าเอ่ยทักทายด้วยภาษาของประเทศนี้
“มาแล้วเหรอ ซีน ?”
‘ซีน กรินทร์ ณรงค์กิตติวิฑูร’ หรือ ‘ไช่เสวี่ยซิน’ เด็กหนุ่มจากประเทศไทยที่สอบเทียบจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ห้า ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อไขว่คว้าโอกาสในการเป็นศิลปิน
เพียงแต่ในวงการอุตสาหกรรมบันเทิงของที่นี่นั้นแตกต่างออกไปจากประเทศไทยโดยสิ้นเชิง จากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปีทำให้ไม่มีบริษัทไหนยินดีเปิดรับเด็กฝึกจากต่างชาติเพื่อเข้ามาเป็นคู่แข่งให้กับเด็กฝึกดั้งเดิมที่ใกล้เปิดตัว
แต่ด้วยอุตสาหกรรมที่เปิดกว้างและกลุ่มเป้าหมายที่มีอิสระในการไขว่คว้าหาสื่อบันเทิงใจ เขาจึงได้รับข้อเสนอจากเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในประเทศญี่ปุ่นก่อตั้งวงดนตรีขึ้นโดยไร้สังกัดใด ๆ หรือที่ถูกเรียกขานกันในนาม ‘ไอดอลใต้ดิน’
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้วงเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างแพร่หลาย วงของพวกเขาสามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เงินจำนวนมากที่พวกเขาได้รับจากการเดินสายออกอีเว้นท์ตามสถานที่ต่าง ๆ หากแต่รายได้ส่วนใหญ่ของวงกลับไม่ได้มาจากความสามารถของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
รายได้ที่แลกกับการขายวิญญาณให้กับเหล่าแฟนคลับ ทั้งการถูกคาดหวังในภาพลักษณ์ที่ไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของพวกเขา ทั้งการถูกคุกคาม ถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับผู้คนที่มอบประสบการณ์อันเลวร้ายให้แก่พวกเขา
ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีที่ทำให้เปลวไฟภายในจิตใจของพวกเขามอดลง วงของพวกเขาถูกยุบลงในที่สุด
แม้พวกเขาจะแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตน แต่พวกเขากลับไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ดังเคย สมาชิกบางคนถูกดักทำร้ายร่างกายจากความไม่พอใจของแฟนคลับที่สะสมมาจากการประกาศยุบวง ชีวิตของพวกเขาและคนใกล้ตัวยังคงถูกคุกคามจากบุคคลนิรนาม ไร้ซึ่งอิสระ
‘ไช่เสวี่ยซิน’ คือชื่อของเขาในภาษาจีน ซึ่งมีความหมายว่า บุคคลผู้มีความเถรตรง ผู้มีความคิดที่ดีและมีคุณธรรม เด็กหนุ่มที่ได้รับโอกาสอีกครั้งเข้าร่วมการประเมินจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเดินทางมาถ่ายทำรายการเรียลลิตีค้นหากลุ่มศิลปินชายในประเทศจีน ละทิ้งอดีต ไล่ตามความฝันของตน
“พยายามปรับตัวอยู่ครับ” ซีนตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงข้ามแสดงสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ เจียงเหลียนเป็นล่ามส่วนตัวของเด็กหนุ่มที่ทางบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นส่งมาคอยดูแลเรื่องสัญญาเด็กฝึกภายในประเทศจีน เขาและเจียงเหลียนพูดคุยกันด้วยภาษาจีนทุกวันเพื่อเป็นการฝึกต่อบทสนทนา หลังจากที่เขาผ่านการคัดเลือก ซีนก็เริ่มฝึกภาษาทันทีแม้จะมีเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น
เป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ซีนเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศจีนเพื่อทำเรื่องในการขอเข้าพักอาศัย ด้วยเหตุนี้วันนี้จึงเป็นวันแรกที่เขาจะต้องเดินทางไปยังจุดนัดหมายเพื่อย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักที่ทางรายการจัดเตรียมไว้ให้
ซีนมองตึกสูงใหญ่ที่อยู่รอบตัวเขาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนหน้านี้ที่เขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะไม่มีตึกสูงเหมือนที่นี่ หากแต่สถานที่แห่งนี้กลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป ยิ่งเขาที่เคยอยู่ประเทศไทยมาก่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บ้านเกิดของเขาอยู่ในแถบชานเมือง ด้วยฐานะทางบ้านที่พอมีกินมีใช้ แม้ในเมืองจะเต็มไปด้วยสิ่งที่เจริญหูเจริญตาและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น เงินก้อนแรกที่เขาได้มาจากการประกวดร้องเพลงตามรายการต่าง ๆ ซีนได้นำมาใช้เป็นค่าเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น
รถบัสปรับอากาศสองชั้นจำนวนสองคันถูกจอดเรียงไว้ที่ลานจอดรถบริเวณกลางแจ้ง ด้านข้างเต็มไปด้วยทีมงานและตากล้อง อุปกรณ์การถ่ายทำจำนวนมากถูกวางไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อเก็บฟุตเทจสำหรับการตัดต่อ
ก่อนหน้านี้เด็กฝึกเจ้าถิ่นจากประเทศจีนขึ้นไปรอบนรถอยู่ก่อนแล้ว ซีนได้ยินเสียงทีมงานดังขึ้นจากด้านหลังเอ่ยบอกให้เด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนรถคันที่สอง เด็กฝึกที่มาก่อนจะมีสิทธิในการเลือกตำแหน่งที่นั่งบนรถ ขณะที่ใครหลาย ๆ คนเลือกที่จะนั่งแถวหน้า ๆ เพื่อให้เป็นจุดสนใจ เด็กฝึกบางคนกลับเลือกที่จะนั่งหลบกล้องเพื่อไม่ให้โดนจับภาพขณะพักผ่อนในระหว่างที่เดินทางไปยังหอพัก แต่ดูเหมือนว่าเด็กฝึกต่างชาติเองก็มาจนครบแล้วเหมือนกัน ซีนที่มาถึงคนสุดท้ายจึงไม่มีทางเลือก
“ขอโทษด้วยนะครับ” ซีนหันไปกล่าวขอโทษทีมงานทุกคนพร้อมกับโค้งเก้าสิบองศาให้ด้วยความรู้สึกผิด
ทีมงานตากล้องคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงทำเอาซีนหน้าเสีย กระทั่งในที่สุดอีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มให้เขาด้วยความเอ็นดูก่อนจะกล่าวบางอย่างด้วยสำเนียงต่างถิ่น แต่เด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นชินกับภาษาจีนกลับทำหน้างงงวย เดือดร้อนเจียงเหลียนที่ต้องเดินเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
“พี่สตาฟบอกว่าทุกคนมาก่อนเวลานัดกันเองเพราะตื่นเต้นส่วนนายก็มาก่อนเวลาเหมือนกัน แต่แค่ช้ากว่าพวกเขานิดหน่อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล”
ซีนที่ได้ทราบความจริงก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เข้าใจเจตนาอีกฝ่ายผิดไป เขาหันไปขอบคุณทีมงานอีกครั้ง บอกลาเจียงเหลียนและเดินไปขึ้นรถบัส
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้นทำให้กิจกรรมของคนภายในรถหยุดนิ่ง พวกเขาต่างก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าค่าตาของผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย สายตาจากคนทั้งรถบัสมุ่งตรงมายังเขา เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ ด้วยอาการประหม่าที่ปกปิดไม่มิดเพื่อมองหาที่นั่งที่ยังคงว่างอยู่
“ตรงนี้ ๆ” เสียงที่ดังขึ้นเป็นภาษาอังกฤษทำให้ซีนยิ้มออกมาเล็กน้อย เด็กฝึกทั้งหมดที่เขาเดินผ่านกล่าวต้อนรับซีนด้วยความอบอุ่นก่อนจะหันไปพูดคุยกันต่อ เขาทรุดตัวลงบนที่นั่งแถวหน้าที่ยังว่างอยู่ ด้านขวาของเขาเป็นหน้าต่างขณะที่ด้านซ้ายเป็นเด็กฝึกที่ส่งเสียงเรียกเขา
ที่นั่งภายในรถบัสเป็นเบาะหนังสีฟ้าอ่อนที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งละสองที่นั่งขณะที่แถวหลังสุดมีจำนวนที่นั่งทั้งหมดห้าที่ โดยปกติทุกครั้งที่ซีนมีโอกาสไปทัศนศึกษาในสมัยวัยเรียน เขาจะต้องนั่งบนรถบัสสองชั้นแบบรถคันนี้และเพื่อน ๆ ที่ซีนรู้จักทุกคนมักจะชอบแย่งที่นั่งตรงริมหน้าต่างกันเป็นพิเศษ หากแต่ตอนนี้มันกลับเป็นที่ว่างเพียงที่เดียวบนรถคันนี้สร้างความรู้สึกประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย
“สวัสดี ฉันเอเคอร์” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างยื่นมือมาตรงหน้าของเขา
เอเคอร์มีดวงตาเรียวเล็กประกอบกับจมูกที่โด่งเป็นสัน เส้นผมสีบลอนด์ทองเป็นประกายเงางาม เขาสวมเสื้อแขนกุดก่อนจะคลุมทับด้วยสูทแฟชั่น กางเกงทรงกระบอกกับรองเท้าหุ้มส้นเผยให้เห็นข้อเท้าเรียว ทุกอย่างบนตัวเขาเป็นสีดำสนิทมีเพียงเครื่องประดับต่างหูและสร้อยคอเท่านั้นที่มีสีเงิน ซีนชื่นชมสไตล์การแต่งตัวของเด็กฝึกคนนี้อยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ
การถ่ายทำทั้งหมดนี้จำเป็นจะต้องถอดหน้ากากอนามัยออกเพื่อความสะดวกต่อการถ่ายทำ โดยจะมีการคัดกรองก่อนถ่ายทำทุกครั้ง เด็กฝึกทุกคนจะต้องตรวจวัดอุณหภูมิและผ่านการกักตัวมาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าร่วมการถ่ายทำได้
“สวัสดี ฉันไช่เสวี่ยซิน” เอเคอร์แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อภาษาจีนจากเด็กฝึกต่างชาติ แม้เขาจะเป็นคนจีนแท้ ๆ แต่ชื่อในวงการของเขาก็ยังเป็นชื่อภาษาอังกฤษ ซีนรับรู้ได้ถึงความคิดผ่านสีหน้าของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มจึงเอ่ยต่อด้วยความเป็นมิตร “หรือนายจะเรียกฉันว่าซีนก็ได้”
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่าย ซีนก็พบว่าเอเคอร์ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไร แม้อีกฝ่ายจะมีใบหน้าที่เรียบเฉยไม่น่าเข้าใกล้ แต่เขากลับเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำไป
“นายมาที่นี่คนเดียวเหรอ”
“ฉันมากับเพื่อนร่วมบริษัทอีกสองคน แต่เพราะมีที่นั่งไม่พอสำหรับสามคน ฉันเลยต้องมานั่งรถคันนี้คนเดียวตามที่นายเห็นนั่นแหละ” เอเคอร์ตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก “แล้วนายล่ะ”
“ดูเหมือนว่าบริษัทจะส่งฉันมาที่นี่คนเดียวนะ”
อีกฝ่ายทำตาโต ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจประเด็นนี้อยู่ไม่น้อย
ในการที่บริษัทจะส่งเด็กในสังกัดของตนมาเข้าร่วมรายการสักคน พวกเขาจะต้องเสียทรัพยากรจำนวนไม่น้อยเพื่อทำให้ตัวแทนของพวกเขาดูดีที่สุด ดังนั้นหากเด็กที่พวกเขาส่งไปไม่มีใครที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเลยแม้แต่คนเดียวจะทำให้พวกเขาขาดทุนอย่างมาก ดังนั้นการที่บริษัทเลือกส่งซีนมาเพียงคนเดียว พวกเขาจะต้องมั่นใจเป็นอย่างมากว่าซีนจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทได้
ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน ซีนเล่าถึงเรื่องราวในประเทศญี่ปุ่นและชีวิตความเป็นอยู่ของเขาตอนที่ยังเป็นไอดอลใต้ดิน การเดินสายร้องเพลงและการฝึกซ้อมซ้ำ ๆ เป็นกิจวัตร เรื่องราวในหนึ่งปีตั้งแต่จุดเริ่มต้นวงดนตรีและจุดจบของมัน เขาไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก
เด็กหนุ่มกังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกรำคาญหากเขาพูดภาษาจีนไม่รู้เรื่องจึงเลือกใช้ภาษาอังกฤษตลอดบทสนทนา แต่เอเคอร์ที่เห็นว่าเขาเป็นชาวต่างชาติจึงเสนอให้พูดคุยกันเป็นภาษาจีนเพื่อฝึกภาษา หลายครั้งที่เขาต้องหยุดจดคำศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่เอเคอร์ก็ไม่มีทีท่าจะรำคาญเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความเร็วของรถบัสที่ค่อย ๆ ลดลงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหยุดนิ่ง ประตูรถโดยสารถูกเปิดออกด้วยฝีมือของทีมงานประจำกองถ่าย
“ยินดีต้อนรับทุกคนสู่เบลซ 2023 !”
ซีนที่ใส่หน้ากากอนามัย :
ความคิดเห็น