ตอนที่ 18 : แตะต้องครั้งที่ 18: จับบบ…ไม่เลือกงานไม่ยากจนคนจริงจ่ายสองพันกัดฟันปูไต่เปลี่ยนใจรึเปล่า
แตะต้องครั้งที่ 18
จับบบ…ไม่เลือกงานไม่ยากจนคนจริงจ่ายสองพันกัดฟันปูไต่เปลี่ยนใจรึเปล่า
เรานั่งกันอยู่ที่ป่าดงดิบ และผมกำลังนึกภาพตัวเองเอาปืนจ่อหัวพี่ทัชอยู่
แต่ในความเป็นจริง ผมกลับใช้น้ำเสียงเล็กๆ เหมือนเสียงลูกแมวที่เคลือบน้ำตาล น้ำอ้อย และตบท้ายด้วยคาราเมลอีกชั้น
“นะ พี่ ลองดูไม่เสียหาย”
“ไม่”
“น่า นะๆๆๆ”
“...”
“เหมือนพวกเอ็กซ์เมนไง ใช้พลังกอบกู้โลกกัน นี่ก็เป็นโอกาสให้พี่จะได้ช่วยทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นแล้ว”
“ช่วยให้มันเละเทะกว่าเดิมมากกว่า”
“ดีกว่าเดิมแน่ เชื่อผม น้าาา~ นะๆๆ พี่ทัช ปูไต่ๆๆ”
ปูกำลังจะไต่ขึ้นมือเลย ถูกพี่แกดีดขาปูซะเต็มเหนี่ยวจนสะท้านไปถึงตับ ดีดอย่างกับเขี่ยเห็บเหาทิ้งงั้นแหละ
“โอ๊ยยย! เจ็บ! อ๊ากกก!”
“เวอร์”
“เจ็บจริง ก็พี่พันพลาสเตอร์อะ คิดว่าดีดเบาแต่จริงๆ คือโคตรแรง” ผมก้มลงจ้องนิ้วมหัศจรรย์ของเขาอีก “แกะพลาสเตอร์ออกเหอะพี่ แล้วไปลุยกัน”
“...”
“ทำหน้าโปรยเม็ดเกลืออีกละ”
“เม็ดเกลืออะไร”
“ก็หน้างี้อะ จุดๆๆ”
“หน้ากูมีจุด?”
“ไม่ใช่แบบนั้น หน้าพี่อะเกิดมาเคยเป็นสิวรึเปล่าเหอะ หมายถึงทำหน้าเหมือนตอนแชตมาแค่จุดๆ เหมือนโรยเม็ดเกลืออะ หน้านิ่งๆ เงี้ย”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูแชตจุดๆ คือหน้านิ่ง กูอาจจะยิ้มก็ได้”
“จริงดิ จุดๆ คือพี่ยิ้มเหรอ”
“ไม่ ก็หน้าแบบนี้”
“เห็นมะ”
“แต่กูอาจจะยิ้มก็ได้ มึงจะรู้ได้ไง มีตาทิพย์เหรอ”
“เอ้า พี่นี่ ผมรู้เพราะผมฉลาดไง ไม่ต้องมีพลังตาทิพย์อะไรก็รู้” พูดแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าถ้าตัวเองมีพลังบ้างจะเป็นยังไง “แต่ถ้าผมมีตาทิพย์นะ ผมจะมองทะลุเสื้อผ้าทุกคนเลย เริ่มจากพี่ก่อนคนแรก…” หลุดปากอีกละ “แล้วผมก็จะขู่เอาเงินพี่ให้หมดตูด ไม่งั้นจะประจานให้ว่อนโซเชียลเลย”
“งั้นก็ดีแล้วที่มึงไม่มีพลังอะไร”
“ถ้าผมมีพลังสักอย่าง ผมไม่มานั่งง้อพี่งี้หรอก”
“งั้นก็ดีแล้วที่มึงไม่มีพลัง” พูดประโยคเดิม แต่อะไรบางอย่างบนสีหน้าเปลี่ยน อย่างน้อยก็แวบนึงแหละ
“เมื่อกี้พี่ยิ้มเหรอ”
“...” กลับมาเป็นสีหน้าโปรยเม็ดเกลือตามเดิมละ
“สรุปเลยละกัน นะพี่ ลองดูสักครั้ง ถ้าไม่เวิร์กก็เลิก โอเคนะ”
“ไม่” คำตอบนี้ช่างหนักแน่นยิ่งนัก
เฮ้อออ…
ที่มานั่งง้อนั่งแงะกับพี่ทัชอยู่นี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอก
เพราะเงินล้วนๆ
งานที่น้าเกดเสนอมาน่าสนใจสุดๆ ในความเห็นผม เรื่องของเรื่องคือ ช่วงที่น้าเกดต้องอกตรมข่มไหม้กับความต่ำตมของสามี น้าก็พยายามบำบัดตัวเองด้วยการเข้าสู่กรุ๊ปไลน์สมาคมเมียหลวง ซึ่งคล้ายๆ กลุ่มบำบัดผู้ติดสุรานิรนามยังไงยังงั้น แต่ละคนจะผลัดเปลี่ยนกันเล่าถึงความชอกช้ำที่สามีเป็นผู้ก่อให้ บางคนต้องการหลักฐานชัดๆ เพื่อฟ้องหย่า บางคนต้องการแรงผลักดันให้ตัดใจให้ได้ บางคนยอมทนแต่ต้องการคนรับฟังแล้วแต่อาการจะกำเริบวันไหน
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในกรุ๊ปต้องการเหมือนๆ กันคือ ความจริง
ที่สำคัญคือ แต่ละคนดูจะเป็นเมียหลวงสายเปย์เทเงินเพื่อความจริงนี้ทั้งนั้น บางคนถึงขั้นจ้างนักสืบเอกชนตามจี้ตามเช็ก แต่ถูกผัวเปย์ทับซื้อตัวนักสืบและให้ส่งหลักฐานปลอมๆ คลีนๆ ให้เมียหลวงดูซะงั้น
น้าเกดเกริ่นไปในกรุ๊ปว่า มีคนเผยความจริงให้เห็นแบบชัดๆ จนตัวเองตาสว่างแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นโฆษณาสกิลของพี่ทัชโดยพลการ น้าเลยมาถามเจ้าตัวก่อนว่าสนใจมั้ย
ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่
ผมถึงได้มาตามอ้อนวอนร้องขอพี่ทัชอยู่นี่แหละ อ้อนมาสองวันเต็มๆ แล้ว แต่จิตใจพี่แกยังไม่หวั่นไหวสั่นคลอนอะไรเลย
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่ไม่ใช้พลังให้เป็นประโยชน์อะ” ผมวางฟอร์มพูดจริงจัง “ใช้มันหาเงินดิ ไม่เลือกงานไม่ยากจน เคยได้ยินเปล่า”
“กูไม่ได้ร้อนเงิน”
“พี่ไม่ร้อน แต่ผมนี่ร้อนอย่างกับอยู่ในนรกเลยเหอะ”
“ทำไม มึงเป็นหนี้นอกระบบเหรอ”
“ยังไม่เป็น แต่อีกไม่นานอาจจะเป็นก็ได้ เนี่ยดูดิ โทรศัพท์ยังยืมพี่ใช้เลย ไหนจะต้องจ่ายค่าเทอมอีก ไม่อยากรบกวนแม่อะ”
“โทรศัพท์เอาไปเลย กูยกให้”
“ไม่เอา อยากหาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง”
“น้ำพักน้ำแรงตัวเองยังไง ลากกูเข้าไปเกี่ยว”
“แบ่งหน้าที่กันไง เดี๋ยวผมเป็นคนติดต่อลูกค้าเอง วางแผนปฏิบัติการ ทำบัญชี อะไรทุกอย่าง พี่ไม่ต้องทำอะไร ถึงเวลาก็แค่เอานิ้วไปแปะๆ พอ แล้วก็แบ่งเงินกัน ห้าสิบห้าสิบ เคปะ”
“...”
“ถ้าพี่ไม่ต้องการเงิน ผมเอาหมดเลยก็ได้ พี่ก็คิดซะว่าช่วยคนพวกนั้นไง ได้บุญนะ”
พี่ทัชมองหน้าผม “กูจะไปทำร้ายคนพวกนั้นมากกว่า กูเคยบอกแล้วไง บางทีความจริงมันโหดร้าย”
“ไม่เสมอไปหรอกน่า มันช่วยน้าเกดไม่เห็นเหรอ ตอนนี้น้าดีขึ้นมากแล้วนะ”
“...”
“น่า พี่ นะๆๆ ปูไต่ๆๆ”
“เครียดโว้ย!” ปูกำลังจะไต่ขึ้นแขนพี่ทัช พี่เห็ดโผล่มาจากไหนวะ เดินปึงปังเข้ามานั่งด้วยโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลย “พวกมึงทำไรกันวะ”
ผมกระตุกขาปูที่กำลังจะไต่มือพี่ทัชกลับแบบเก้อๆ เปลี่ยนมาเกาจมูกแทน พี่ทัชเองก็เลื่อนมือข้างนั้นกลับเข้าหาตัวเล็กน้อย แต่ยังวางพักไว้ใกล้ๆ กับหนังสือที่เขาวางตั้งไว้อยู่
“ทำไมมึงมาแถวนี้บ่อยจังวะ คณะบริหารไม่มีเก้าอี้รองตูดเหรอ” ตอนนี้หน้าพี่ก็อย่างกับตูดอั้นขี้เลยนะ หรือว่าเจ๊แคลเทแกอย่างเป็นทางการแล้ววะ
“ผมดูหมอมา หมอดูบอกว่าให้พาตูดมาสูดอ๊อกซิเจนเยอะๆ แล้วจะรวย แถวนี้ต้นไม้เยอะไง ก็เลยมา”
“หมอดูบอกกูเหมือนกัน ให้เตะหมา แล้วชีวิตจะดี”
“เมี้ยว~”
“เตะแมวก็ได้เหมือนกัน”
“กะต๊ากๆๆๆ”
“ถ้าหาหมาแมวไม่ได้ สัตว์ปีกก็แทนได้”
“กระรอกๆๆ”
“ฮะ? กระรอกบ้านพ่องร้องงี้เหรอ” พี่เห็ดยังหน้าตึงอยู่ แต่พี่ทัชนี่แอบขำไปแล้ว ถึงกับต้องแกล้งหันไปมองทางอื่นเลยเหอะ ผมกำลังจะแซวพี่ทัช แต่พี่เห็ดพูดต่อซะก่อน “ถามจริง ไหนมึงบอกคณะบริหารเรียนหนัก ทำไมยังมาเสนอหน้าอยู่นี่วะ”
“ผมไม่ใช่สายเด็กเรียน”
“งั้นแคลนี่โคตรเด็กเรียนเลยดิ ทักเป็นสิบตอบคำเดียว มึงดู” ว่าแล้วพี่เห็ดก็ควักมือถือออกมา กดเข้าหน้าแชต เลื่อนมือถือมาตรงหน้าผม
★R3NJI: ทำไรอยู่คับ
★R3NJI: วันเสาร์นี้ว่างมั้ย
★R3NJI: ไปโยนโบว์กันป่ะ
★R3NJI: มีหนังผีเข้าใหม่ด้วยนะ
★R3NJI: หนังกุ๊กๆ กิ๊กๆ ก็มี
★R3NJI: หรือไปนั่งรถเล่นชิวๆ ก็ได้
★R3NJI: เด๋วพี่พาซิ่ง
★R3NJI: นอนแล้วเหรอ
❤ C A L ❤: อื้อ
❤ C A L ❤: zzZ
★R3NJI: งั้นฝันดีนะคับ
★R3NJI: พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน
น้ำตากูจะไหล
ทำไมสงสาร
ผมฮึบไว้และแกล้งทำหน้าชิลล์ๆ “พี่ไปทักเจ๊ดึกอะดิ ตีสามตีสี่ใครจะบ้าลุกมาคุยด้วย”
“ตีสามบ้านป้ามึง แหกตูดดู กูทักสองทุ่ม”
“อ้อ บางทีเจ๊แกก็งี้แหละ งีบตอนหัวค่ำไง”
พี่เห็ดจ้องหน้าผมเหมือนจะมองเข้าไปให้เห็นถึงก้อนนิ่วในท่อปัสสาวะ “มึงรู้อะไรเกี่ยวกับแคล ที่กูไม่รู้”
ผมแอบเหลือบตามองพี่ทัช ซึ่งอีกฝ่ายก็แอบส่ายหัวนิดๆ เป็นการตอบกลับมา
“ก็เยอะแยะอะ”
“งั้นบอกมาดิ๊ ทำไมแคลไม่คุยกับกู”
ผมยักไหล่ “พี่ลืมแล้วเหรอ จะถามไรเกี่ยวกับเจ๊แคลผมคิดเงินนะ ของเก่านี่พี่ก็ยังไม่เคยจ่ายเลย รวมๆ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าห้าร้อยแล้ว”
พี่เห็ดควักกระเป๋าตังค์ หยิบแบงค์ห้าร้อยออกมาฟาดลงบนโต๊ะ “เอาไป แล้วนี่สำหรับคำถามเดียว ทำไมแคลไม่คุยกับกู” ตามด้วยแบงก์พันอีกใบ ฟาดลงมาหนักๆ เหมือนเซียนพนันทิ้งไพ่เด็ด
คนจริงเว้ย!
เอาไงดีวะ
พี่ทัชส่ายหน้าอีก ผมกลอกตาไปมาพยายามสื่อสารกับเขาว่า พันห้าเลยนะ บอกไปเลยมั้ย ยังไงพี่เห็ดก็โดนเทอยู่ดีอะ
“ตาแม่งเป็นต้อเหรอ ขยิบจัง ไอ้ทัช มึงรู้อะไรกับมัน”
ซวยละ
จังหวะพี่เห็ดหันไป พี่ทัชก็เงยหน้าขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งละสายตาจากหนังสือที่เพิ่งปิดไป ดูเผินๆ ก็เนียนใช้ได้ แต่ผมน่าจะเนียนกว่า
“โอ๊ยๆๆ ยุงกัดตา” ขยี้ตาซะเลย “พี่ทัชจะไปรู้อะไร ผมนี่ น้องรหัส รู้หมดทุกเรื่อง...แต่เงินแค่นี้ซื้อผมไม่ได้หรอก”
ป๊าบ!
มาอีกห้าร้อยแล้ว รวมเป็นสองพัน นี่พี่แกจะพกเงินสดอะไรนักหนาวะ
ยัง ยังไม่พอ มีควักเหรียญมาวางอีกสองบาท
“บอกมา”
“คะ...คือ…ก็เรียนหนักไง เจ๊แกไม่มีเวลา”
“ไม่ใช่มั้ง”
“เป็นเมนส์มั้ง อาจจะอารมณ์ไม่ดี”
“กูว่าไม่ใช่อีก”
“งั้น...งั้นก็ไม่รู้แล้วอะ เก็บเงินพี่ไปเหอะ”
พี่เห็ดมองผมด้วยสายตาเหมือนเครื่องเอ็กซ์เรย์อีก จากนั้นหยิบแบงก์พันกับแบงค์ห้าร้อยกลับไป เหลือแบงก์ห้าร้อยกับเหรียญอีกสองบาทไว้ที่เดิม “ถือว่ามึงไม่ได้ตอบคำถามล่าสุดละกัน ส่วนห้าร้อยนั่นสำหรับคำถามเก่าๆ”
“เฮ้ย จริงดิ”
“กูเป็นเพื่อนเล่นมึงเหรอ จะเอาไม่เอา”
ผมเหลือบมองพี่ทัชอีก คราวนี้เขาทำหน้านิ่งไม่ออกความเห็น แต่ผมหยิบไม่ลง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถือว่าผมช่วยฟรีๆ ละกัน พี่น่าสงสารอะ”
“สัด ถ้ามึงไม่เอา ตอนนี้แหละมึงจะน่าสงสารแล้ว”
“น่ะ จะเตะต่อยอีกละ” ผมหยิบแบงก์ห้าร้อยยัดใส่กระเป๋าเสื้อพี่เห็ด “เอาคืนไปเหอะ แต่เดี๋ยวเสียน้ำใจ ผมเอาสองบาทนี่ละกัน”
“อันนั้นกูเอาไว้ให้มึงใส่ปากตอนสัปเหร่อจับมึงใส่โลงนะ อาจจะได้ใช้เร็วๆ นี้แหละ”
“งั้นแบ่งคนละบาท” ผมหย่อนเหรียญนึงใส่กระเป๋าเสื้อพี่เห็ดตามแบงก์ห้าร้อยไป “เอาติดตัวไว้ตลอดเลยนะ เผื่อใครเจอศพพี่เขาก็จะได้เอาเหรียญนี้ยัดปากพี่ได้เลย”
“มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ”
“ขอบคุณครับโผม”
พี่เห็ดถอนหายใจเหมือนอ่อนอกอ่อนใจ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “หิวว่ะ ไอ้ทัช หาไรแดกกัน”
“ไปด้วย” ผมบอก
“ใครชวนมึง”
“พี่ทัชชวน ใช่มะพี่” ผมยื่นหน้าไปทางพี่ทัช
“มึงหิวเหรอ” พี่ทัชถาม
“หิวมาก”
“อือ งั้นก็ไป”
“ทำไมมันง่ายจังวะ” พี่เห็ดโวย
“มันดื้อ”
“ดื้อ? ทำไมฟังดูแปลกๆ วะ”
“เถียงไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไปด้วยอยู่ดี”
พี่ทัชรวบกองหนังสือลุกขึ้นยืน ผมก็รีบยืนด้วย ส่วนพี่เห็ดหันมองหน้าเราสลับไปมาเหมือนพยายามทำความเข้าใจ
“พี่ไม่ไปก็แล้วแต่นะ ผมกับพี่ทัชไปละ”
“เอ่า เฮ้ย กูต้องไปดิวะ หิว”
เราเดินกันออกจากป่าดงดิบอ้อมไปทางหน้าอาคาร พอถึงทางสะดวก ด้วยความที่เป็นคนหัวร้อน พี่เห็ดก็เริ่มก้าวยาวๆ ทิ้งห่างนำหน้าเราไปเรื่อยๆ ขณะที่พี่ทัชกับผมยังเดินด้วยจังหวะก้าวปกติ
“ทำไมมึงไม่เอาเงินเรนจิ” จู่ๆ พี่ทัชก็ถามขึ้น
“เอาได้ไง แกจะโดนเทอยู่”
“ถ้าไม่โดนเท จะเอามั้ย”
“ก็ไม่อะ กวนตีนแกเล่นไปงั้น” ผมยักไหล่
“อืม”
“อย่างที่บอกไง อยากหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองมากกว่า” ว่าแล้วผมก็ขยับไปกระแซะเขา “ว่าไงอะพี่ เรื่องช่วยสมาคมเมียหลวงอะ ยังไม่ให้คำตอบเลย”
“กูตอบไปแล้วไง ว่าไม่”
“ไม่ตอบแบบนี้ดิ น่า พี่ ปูไต่ๆๆ”
“อย่ายุ่งกับมือได้มั้ย”
“จะยุ่ง ไต่ๆ”
“เล่นไร นี่ไม่ได้อยู่กันสองคนนะ”
“ไม่สน” ผมรุกหนักขึ้นไปอีกขั้น หมับ! จับข้อมือไว้เลย แล้วใช้มืออีกข้างไต่ขึ้นลงไปตามแขน “จะไต่จนกว่าพี่จะยอม ไต่ๆๆๆ”
“นะฑี”
“ปูต่าย ไต่ๆๆ”
“เฮ้ย! พวกมึงเดินกันช้าจังวะ ทำเหี้ยอะ…” พี่เห็ดหันกลับมาแล้วหยุดชะงัก ก็น่าชะงักอยู่ เพราะภาพที่เห็นคือ...ตัวเราแทบจะแนบชิดติดกัน มือข้างหนึ่งของผมยังทำเป็นขาปูค้างเติ่งอยู่บริเวณหัวไหล่ของเขา ทั้งหมดนี้อาจจะแปลความว่าผมแทะโลมพี่ทัชอยู่
มาถึงขั้นนี้ละ
จะให้บอกไงล่ะ
“เล่นปูไต่กันอยู่เพ่ ไปก่อนเลยก็ได้”
พี่ทัชถอนหายใจแรงๆ “เดินไปก่อน ขอเคลียร์กับนะฑีแป๊บ”
พี่เห็ดขมวดคิ้ว ก่อนจะหมุนตัวเดินต่อ “เออ รีบมาละกัน”
พอพี่เห็ดเดินไป ขาปูก็เริ่มเดินตามหลังไหล่ของพี่ทัชต่อ
“นะฑี หยุด” เสียงพี่ทัชเริ่มเข้มขึ้น
ผมไม่ถึงกับหยุด แต่ขยับนิ้วเดินช้าลงด้วยสีหน้าจ๋อยๆ “พี่จะไม่รับงานนี้จริงๆ เหรอ นะพี่ เราสองคนช่วยกันต้องเวิร์กอยู่แล้ว นะ”
“แล้วจะหยุดมั้ย”
“ถ้าพี่ตกลงรับงาน อะไรก็ได้หมด สั่งอะไรผมจะเชื่อฟัง”
“งั้นก็หยุด”
“แปลว่า...พี่ตกลงเหรอ”
“อือ”
อือแบบแผ่วเบามาก จนนึกว่าเป็นเสียงถอนหายใจ
“จริงเหรอ!”
คราวนี้พี่ทัชถอนหายใจออกมาจริงๆ แล้วค่อยตอบด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“อือ”
“เยส!” ผมกระโดดตัวลอย “พี่พูดแล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด พูดแล้วๆๆ เยส!”
“กูจะเปลี่ยนใจถ้ามึงไม่หยุดพูด”
“ได้ ไม่พูดแล้วครับโผม”
ผมหุบปาก
แล้วเริ่มเต้นลีลาศไปตามทาง
____________________
มาแล้วค่า :D อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงบอกกันได้ตลอดเลยนะคะ
จะพยายามให้ดีที่สุดเลยค่ะ! ขอบคุณที่อยู่กันมาถึงตอนนี้นะคะ /กุมหัวใจจจ
นางร้าย
27.กันยา.2019
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านแล้วหายใจไม่ทันเลยค่ะะะ ทั้งขำหนักมากกก เขินหนักมาก หนักไปหมดทุกอย่างงง😍😍😍😍 ชอบบบบคิดบทแบบนี้มาได้ยังไงงงง ไหลลื่นและเคลิ้มที่สุด สำหรับหนูพี่นางร้ายเป็นสุดยอดนักเขียนเลยคนับ💖 หนูชอบแนวที่พี่เขียนมากเลยยย รักค่ะ💟
ชอบความเต้นลีลาศ55555555555555555555555555
เจอฤทธิ์ปูไต่ทำพิษแน้วพี่ทัช