ตอนที่ 17 : แตะต้องครั้งที่ 17: จับบบ…ขายดอกไม้ช่วยดอกทองลองสวมหมวกกันน็อกปลดล็อกหน้าจอ
แตะต้องครั้งที่ 17
จับบบ…ขายดอกไม้ช่วยดอกทองลองสวมหมวกกันน็อกปลดล็อกหน้าจอ
สวัสดีวันเสาร์...แบบตรงวัน
นี่ไม่ใช่วันหยุดธรรมดา นอกจากเราสองแม่ลูกกับแมวหนึ่งตัวจะมาเฝ้าร้านดอกทองนั่งมองคนเดินไปเดินมาตามปกติแล้ว วันนี้ยังมีน้าเกดมาร่วมแจมด้วย ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับสามีวันนั้น น้าเกดก็ใช้สิทธิ์ลาพักร้อนยาวมานอนบ้านผม และออกมาเฝ้าร้านเป็นเพื่อนแม่หลายวันแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น
วันนี้น้าเกดให้ผมชวนพี่ทัชมากินข้าว เพื่อเลี้ยงขอบคุณที่เขาช่วยไขความลับของสามีให้ ซึ่งเขาก็ตกลง ไม่รู้ว่าตอนนี้ใกล้ถึงรึยัง
“เมื่อไหร่จะถึงเวลาปิดร้านสักที หิวแล้ว เราหมุนเข็มนาฬิกาไปถึงสามทุ่มแล้วปิดร้านเลยมะ”
น้าเกดมองหน้าผม “รถติดน่ะ เดี๋ยวก็ถึง”
“ใครถึงอะไร”
“ทัชไง”
“เอ้อ...ลืมไปเลยนะเนี่ยว่าเรานัดพี่ทัชไว้ นี่ผมนึกภาพปิดร้านแล้วก็รีบกลับบ้านไปนอนแล้วนะ ถ้าน้าไม่พูดขึ้นมา”
“เมื่อกี้บอกหิว”
“ก็กินก่อน แล้วก็นอนไง...มาๆ แม่ ผมช่วยจัดจะได้เสร็จเร็วๆ”
“อย่า” แม่ยกแจกันหนี “อันนี้แม่จัดไว้ดีแล้ว”
“งั้นผมทำเป็นช่อละกัน เริ่มอันใหม่…” เป๊าะ! นั่นไง “ก้านกุหลาบหักอีกแล้ว ทำไมดอกไม้ของเจ้านี้ก้านมันอ่อนจัง ไม่ทนมือทนตีนเลย”
“เขาปลูกมาให้คนจัดไง ไม่ได้ปลูกมาให้วัวให้ควายจัด” น้าเกดว่า “ไปถ่ายรูปอัพลงเพจไป น้ากับแม่ทำเอง”
“ผมอยากจัดดอกไม้ ความฝันของผมคือเป็นนักจัดดอกไม้มือหนึ่งของประเทศนะ นี่น้ากำลังทำลายความฝันของเด็กรู้ตัวรึเปล่า”
“งั้นมาจัด ถ้าไม่สวยโดนตบนะ”
“ไปถ่ายรูปก็ได้”
“ถ่ายรูปไม่สวยก็โดนตบเหมือนกัน...อ๊ะ นั่นไง ทัชมาแล้ว”
ผมหันขวับไปมอง…
ปกติผมจะเห็นเขาแต่ในชุดนักศึกษา ไม่ค่อยได้เห็นลุคอื่นๆ เท่าไหร่ วันนี้เขาสวมเชิ้ตสีฟ้า กางเกงเข้ารูปสีเข้ม ตบท้ายด้วยรองเท้าอดิดาส โดยรวมแล้วดูสบายๆ ซึ่งผมเดาว่าเขาจงใจไม่ให้หรูเกินไป ไอ้แบบนี้ก็เห็นคนอื่นแต่งกันอยู่ทั่วไป แต่พอพี่ทัชแต่งแล้วทำไมดูเท่จังวะ โคตรดูดี โคตร…
“แม่สวัสดีครับ น้าเกดสวัสดีครับ” ระหว่างที่ผมมองอยู่ พี่ทัชก็เข้ามาถึงตัวแล้ว หลังจากยกมือไหว้แม่กับน้าเขาก็หันมองหน้าผม “ไง”
“ก็เท่ดี”
พี่ทัชขมวดคิ้ว “หมายถึงมึงอะเป็นไง ได้ช่วยงานไรบ้างรึเปล่า”
“น้าว่าให้นะฑีอยู่เฉยๆ ดีกว่าทัช นี่กำลังคิดเลยนะว่าจะไปหาเชือกมามัดมือไว้” น้าเกดพูด “แล้วนี่ทำไมมาเร็วจัง นัดกันตอนเย็นไม่ใช่เหรอ”
“อยากมาเร็วครับ”
“กลัวรถติดใช่มะ”
“ครับ แล้วก็อยากมาเร็วด้วยครับ”
เขาตอบซื่อๆ นี่แหละ แต่ฟังแล้วอาจจะแปลความว่ากวนตีน ผมเลยชวนเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“พี่หิ้วไรมาอะ” วันนี้เขาติดพลาสเตอร์ครบทุกนิ้วตามปกติ แต่ของที่ถือมานี่ล่ะ คืออะไร
“อันนี้องุ่น เอามาฝากแม่ครับ”
“โอ้ ไม่เห็นต้องลำบากเลยทัช ขอบใจนะ” แม่รับถุงไปวางไว้บนโต๊ะ
“อีกถุงของผมใช่ปะ”
“ของหมอนนิ่ม” ว่าละ ไอ้หมอนเน่าก็หลับอยู่ตรงนี้แหละ พี่ทัชย่อตัวลงไปเกาหัวมันเบาๆ “หมอนนิ่มๆ หลับเหรอ...นี่ๆ มีของมาให้ ลองดูดิ๊” เขาหยิบบางอย่างออกจากถุงมาสวมหัวให้มัน
“อะไรอะ หมวกกันน็อก?” ที่ถาม เพราะมันดูเหมือนอย่างนั้นจริงๆ เป็นหมวกทรงกลมสีเหลืองครอบทั้งหัว มีหูแหลมคล้ายหมวกแบทแมน มีสลักเล็กๆ ล็อกใต้คาง แถมมีแว่นกันแดดด้วย
“เฮ้ย เท่อะหมอนเน่า” น้าเกดว่า
“ไม่ชอบเหรอ” พี่ทัชถามแมวนรก เพราะเห็นมันเอี้ยวตัวไปมาเหมือนพยายามจะสลัดออก
“มันแอ๊บอะดิ ไหนดูดิ๊” ผมอุ้มตัวมันขึ้นมาดูหน้าชัดๆ ขณะที่มันอยู่บนตักผม พี่ทัชยังตามมาจัดหมวกมันต่ออีก คราวนี้เหมือนมันจะโอเคขึ้น ไม่ค่อยดิ้นแล้ว “กันกระแทกได้มั้ยอะ อยากตบหัวมัน เห็นแล้วหมั่นไส้”
“ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ง เหมือนทำมาใส่น่ารักมากกว่า”
“ทัชได้มาจากไหนเหรอ น่ารักดี” แม่ถาม
“สั่งจากในเน็ตครับ เห็นนะฑีบอกหมอนนิ่มนั่งมอไซค์กับแม่ทุกวัน ไม่ใส่หมวกเดี๋ยวตำรวจจับ” แม่กับน้าเกดหัวเราะ แต่ผมเฉยๆ มุกผู้ดีเกิ๊น “มีขนมด้วยครับ แต่อย่าให้กินเยอะนะ เดี๋ยวอ้วน”
“ไม่ทันละมั้ง” น้าเกดว่า
“เดี๋ยววันหลังผมหาสายจูงมาลากมันไปเดินเล่น”
ผมกับพี่ทัชหันมองหน้ากัน แล้วหัวเราะเบาๆ ส่วนน้าเกดกับแม่ยังทำหน้างงอยู่ เพราะนี่เป็นมุกที่มีแค่เราสองคนกับผงซักฟอกเท่านั้นที่เข้าใจ
“นะฑี พาพี่เขาไปนั่งร้านกาแฟมั้ย” แม่บอก “จะได้นั่งกันสบายๆ ร้านเราแคบ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังอยากเล่นกับหมอนนิ่มต่อ”
“ถ้างั้นทัชช่วยขายดอกไม้ด้วยเลยดิ ใช้หน้าตาหล่อๆ เรียกลูกค้าหน่อย” น้าเกดว่า
“ได้ครับ”
“อู๊ยยย น้าล้อเล่น”
“พูดจริงได้ครับ น่าสนุกดี”
“งั้นเอาผ้ากันเปื้อนไป” น้าเกดถอดผ้ากันเปื้อนของตัวเองส่งให้ พี่ทัชรับมาสวมแล้วลูบๆ เหมือนเด็กเพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ ผ้ากันเปื้อนที่ว่าไม่ได้ใช้กันเปื้อนอะไรจริงจังหรอก แต่มีโลโก้ของร้านเราแปะอยู่ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ผมคิดเอง ลูกค้าจะได้รู้ว่าใครเป็นพนักงาน
“ถึงพี่ใส่ก็ดูไม่เหมือนพนักงานอะ” ผมบอก
“ทำไม”
“พี่ต้องใส่เสื้อขาดๆ อะถึงจะเหมือน หลังร้านมีเสื้อผ้าขี้ริ้วอยู่ เอาปะ”
“พูดมาก ปะ หมอนเน่า ไปเรียกลูกค้ากันดีกว่า” พี่ทัชแย่งหมอนเน่าไปจากตักผม แล้วก้าวออกไปที่หน้าร้าน ร้านเราไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แต่มีเก้าอี้ทรงสูงไว้รองรับลูกค้าอยู่สี่ห้าตัว บางทีก็ใช้เก้าอี้พวกนี้เป็นที่ตั้งแจกันด้วย ผมลากเก้าอี้สองตัวตามออกไป ส่งตัวนึงให้เขา แล้วเราก็นั่งประกบประตูทางเข้าซ้ายขวา
คอมมูนิตี้มอลล์ที่ร้านเราตั้งอยู่นี้ แทบจะเรียกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมๆ ก็ได้ เพราะมีทั้งร้านอาหารสไตล์ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง แต่ละเจ้าก็เป็นเจ้าดังทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร ยังมีซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อผ้า คลินิกความงาม ร้านขายยา หรือแม้แต่โรงเรียนสอนโยคะร้อนก็มี
ที่สำคัญ ลูกค้าที่เดินเข้าเดินออกตึกนี้ล้วนแต่กระเป๋าหนักอยากเปย์อยู่แล้ว
ปัญหาข้อเดียวคือ ดอกไม้ไม่ใช่สินค้าที่จะขายได้รัวๆ ทุกวันนี่แหละ
“ขอโทษนะคะ” นั่นไง ชินละ ถามทางไปห้องน้ำแน่ๆ “คือ สนใจดอกไม้น่ะค่ะ”
หืม?
ผมหันขวับมามองและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนพอยต์เท้าอยู่ต่อหน้าพี่ทัช หน้าสวย แต่งตัวดี กระเป๋าแบรนด์ดัง อายุน่าจะไล่ๆ กับน้าเกด
“แป๊บนึงนะครับ” พี่ทัชถอดหมวกกันน็อกให้ไอ้หมอนเน่า เอี้ยวตัวไปปล่อยมันลงกับพื้น มองดูมันยืดตัวบิดขี้เกียจก่อนจะเข้าร้านไป แล้วค่อยหันมาหาลูกค้าพร้อมกับยืนขึ้น
“น่ารักดีนะคะ”
“เจ้าของร้านตัวจริงน่ะครับ สนใจดอกไม้แบบไหนดีครับ”
“ก็…”
“ให้ใครในโอกาสพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ”
“ว่าจะเอาไปแต่งบ้านน่ะค่ะ”
“อ้อ งั้นเอาเป็นแบบไหนดีครับ”
“เลือกไม่ค่อยถูกเลยค่ะ ช่วยเลือกหน่อยได้มั้ย”
พี่ทัชหันมามองหน้าผมเหมือนขอความช่วยเหลือ แหม เห็นโต้ตอบกันไหลลื่น ทำไมไม่คุยกันต่อล่ะ แต่ถ้าไม่ช่วยก็จะดูไม่เป็นมืออาชีพอีก
“ดอกหน้าวัวมั้ยครับ” ผมเสนอ
“หน้าตาเป็นไงเหรอคะ…”
“ดอกใหญ่สีแดงครับ แต่ไม่เหมือนดอกไม้หรอก เหมือนใบเป็นสีมากกว่า ตรงกลางใบมีเดือยยาวๆ ด้วย”
“งั้นเอาเป็นกุหลาบดีกว่าค่ะ” นางตอบ แล้วหันไปยิ้มให้พี่ทัช “คิดว่าไงคะ กุหลาบดีมั้ย”
พี่ทัชหันกลับไปมองภายในร้าน “แบบที่จัดในกล่องดีมั้ยครับ แบบนี้ยกไปวางได้เลย สวยดีนะครับ”
“กำลังคิดเหมือนกันเลยค่ะ งั้นช่วยเลือกให้หน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ”
ดอกไม้ในกล่องที่ว่านี่ เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่น้าเกดกับแม่เริ่มทำเลย คือ จัดดอกไม้เป็นช่อลงในกล่องสีหวานหลายแบบ ทั้งกล่องเล็ก กล่องใหญ่ ทรงกลม และสี่เหลี่ยม ซึ่งกล่องนี่ก็เป็นเหมือนแจกันไปในตัว สามารถยกทั้งกล่องไปวางประดับได้เลย
พี่ทัชโผล่หน้าเข้าไปคุยกับแม่ เขาถือโอกาสนั้นเก็บหมวกกันน็อกของไอ้หมอนเน่าไว้ในร้านด้วย แล้วกลับออกมาพร้อมกับดอกไม้ในกล่องยื่นส่งให้ลูกค้า รับเงินสดเหนาะๆ กลับไปส่งให้แม่ รับเงินทอนกลับมาส่งให้ลูกค้าอีกที เป็นอันปิดจ๊อบ
แต่เจ๊นี่ไม่ยอมไปไหน ยังยืนพอยต์เท้ากอดกล่องดอกไม้อยู่
“นิ้วเป็นไรเหรอคะ ติดพลาสเตอร์เต็มเลย หนามกุหลาบตำเหรอ”
“เปล่าครับ ชอบติดเฉยๆ”
“อ่อ...”
“แฟชั่นอะครับ ช่วงนี้กำลังมาเลย” ผมพูดตัดบทให้ ไม่งั้นเจ๊แกถามอีกยาวแน่
“อ้อ เก๋ดีนะ” เหมือนจะพูดตอบผม แต่ตานี่ไม่หลุดโฟกัสจากพี่ทัชเลย “แล้ว...ทำงานที่นี่เหรอคะ เดินผ่านหลายที ไม่เคยเห็นเลย หรือว่าเป็นเจ้าของร้าน”
“พนักงานรายวันครับ” ผมบอก “จ้างวันละร้อยห้าสิบ”
“เล่นมุกงี้ไปไม่ถูกเลยนะเนี่ย แล้วมีเบอร์มั้ยคะ” พี่ทัชหันมองหน้าผมด้วยสีหน้านิ่งๆ แบบเดาอารมณ์ยาก ถ้าแชตกันอยู่ก็คงโปรยเม็ดเกลือนั่นแหละ ผมมองหน้าเขาตอบ ก่อนจะเหลือบไปทางเจ๊ เจ๊เล่นงี้เลยเหรอวะ รุกแรงเวอร์ “เผื่อวันหลังจะได้โทรมาสั่งดอกไม้อีกน่ะค่ะ”
อ้อ
แต่สายตาก็ยังรุกแรงอยู่ดี
ผมควักนามบัตรของทางร้านส่งให้ แต่เจ๊ไม่ยอมหยิบไปเว้ย พี่ทัชเลยหยิบจากมือผมไปดู แล้วค่อยส่งให้ “โทรมาเบอร์นี้ได้เลยครับ” ทีงี้ล่ะคว้าเร็วเชียว
“ไว้โทรมานะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“ค่ะ” เจ๊ยิ้มส่งท้าย แล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินขาไขว้ออกไป
ขอบคุณที่ใช้บริการร้านดอกทองนะครับ
อยากจะพูดตามหลังแบบนี้จริงๆ เน้นเสียงที่ชื่อร้านให้ชัดๆ เลย แต่เพราะลูกค้าคือพระเจ้าไงเลยพูดได้แค่ “ขอบคุณที่ใช้บริการร้าน Golden Flower นะครับ ถามหาดอกไม้ดี ถามหาดอกไม้งาม ถามหา Golden Flower ครับ”
แต่เจ๊แกเดินไปไกลละ
ทำไมปิดการขายง่ายจังวะ ผมมานั่งเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้านแบบนี้ประจำ ดอกไม้มั้ยครับ ดอกไม้สวยๆ ดอกสด ดอกแห้ง ราคาไม่แรงแต่ดูแพงเวอร์นะครับ...เอาสักดอกมั้ยพี่ ดอกเดียวก็ขายนะครับ หรือให้จัดเป็นพวงหรีดก็รับนะ… พูดไปดิ ปากเปียกปากแฉะ ไม่เห็นจะได้ผลอะไรเลย มีมาถามไถ่บ้างก็คือ ห้องน้ำไปทางไหนคะ อยากจะชี้บอก โน่นเลย ปั๊มท้ายซอย
แต่ทีพี่ทัชไม่เห็นต้องทำอะไร นั่งเฉยๆ ลูกค้าตัวแม่ก็เข้ามาหาเอง
หมั่นไส้ ผมนั่งกอดอกและมองหน้าเขา “รู้ตัวปะ ว่าถูกอ่อย”
“แล้วไง”
“ก็รู้มั้ยล่ะ”
“รู้แล้วไง ไม่รู้แล้วไง สำคัญตรงไหน” เขายักไหล่ “ทำไมทำหน้าเครียด”
“อารมณ์ไม่ดี”
“มึงยังไม่ได้เล่าเรื่องในแชต”
เปลี่ยนประเด็นอีกละ
“เรื่องไหน”
“เรื่องไม่สบายใจ ที่บอกเล่าไม่ได้”
“เอ้า อย่าเริ่มดิ ก็บอกว่าเล่าไม่ได้ไง…”
พี่ทัชเหลือบมองเข้าไปในร้าน แล้วลดเสียงลง “เรื่องน้าเกดรึเปล่า น้าเป็นไงมั่ง”
ผมลดเสียงบ้าง “ไม่ใช่อะ น้าก็โอเคอยู่ ช่วงนี้นอนบ้านผม”
“อ้อ ดีแล้ว”
“แต่เรื่องนั้นอะ เล่าไม่ได้จริงๆ มันแบบ…”
“งั้นก็ไม่ต้องเล่า”
“เล่าก็ได้ คืองี้” ผมลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้พี่ทัช “เรื่องพี่เห็ดกับเจ๊แคลอะ”
“ทำไม เรนจิมันทำอะไรแคล”
“พี่ผิดละ เจ๊แคลต่างหากทำพี่เห็ด คือ...แกกำลังจะเทพี่เห็ดอะ”
“อ่อ”
“ดูพี่ไม่แปลกใจเลยนะ”
“เรนจิมันนิสัยเข้ากับคนได้ยากอยู่แล้ว”
“มันก็ไม่เชิงแบบนั้นอะ พี่เห็ดไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ...เจ๊แคลก็บอกว่าพี่เห็ดหล่อ แต่งตัวดี มีสไตล์ เอาใจใส่ดี อะไรก็ดีไปหมด เจ๊ชอบคนตลกด้วย แล้วพี่เห็ดนี่ก็ตัวฮาเลยเหอะ แต่เจ๊ดันบอกว่า ชอบตัวเองตอนอยู่กับพี่เจมส์มากกว่าซะงั้น พี่เจมส์นี่เรียนวิศวะอะ อยู่ปีสาม”
“อืม”
“ที่งงคือไรรู้ปะ ติพี่เจมส์สารพัด ชอบอะไรหลายอย่างไม่เหมือนกันบ้างละ เจ๊สายกินเจมส์สายออกกำลังบ้างละ ที่สำคัญ คือเจ๊แคลไม่ชอบคนพูดมาก แล้วพี่เจมส์นี่ อือหือ พูดแทบตลอดเวลา แต่สุดท้ายเป็นไง...บอกคุยๆ กันไปก็เพลินดี”
“พอเข้าใจได้” พี่ทัชพูดเรียบๆ
“เข้าใจว่าไง”
“ที่ไม่ชอบคนพูดมาก แต่คุยๆ ไปก็เพลินดี”
“ก็งงอยู่ดีอะ”
“กูก็ไม่ชอบคนพูดมาก”
“ดีที่ผมไม่ใช่คนพูดมาก” ผมบอก แต่รู้สึกว่าต้องเสริมอีกเพื่อความชัดเจน “ก็ไม่ได้พูดมากขนาดพี่เจมส์อะ เลยคุยกับพี่ได้”
“อ้อ” น้ำเสียงเหมือนประชด
“สรุปเลยนะ เจ๊แคลจะเทพี่เห็ดไปคุยกับพี่เจมส์แบบจริงจังอะ แกบอกไม่อยากคุยซ้อน”
“งั้นก็ดีแล้ว”
“สงสารพี่เห็ดไง แกจะไหวรึเปล่าวะ”
“กูนึกว่ามึงไม่กินเส้นกับเรนจิซะอีก”
อันนี้แหละที่งงตัวเองอยู่
เหมือนผมกับพี่เห็ดจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงอยู่ทีมแก อาจจะเป็นเหตุผลง่ายๆ ก็ได้ แกรับมุกดี และสำหรับผม ใครที่มีความสามารถในการรับส่งมุกคือประชากรคุณภาพที่ควรได้รับการเห็นอกเห็นใจจากสังคม ถึงพี่เห็ดแกจะมาสายมุกควายๆ เถื่อนๆ ก็เถอะ
“ก็…” ผมยักไหล่ “ถ้าเทียบโปรไฟล์กัน คือพี่เห็ดกินขาดอะ เลยสงสารแก บางทีเจ๊แคลอาจจะบ้าไปแล้ว เดี๋ยวต้องพาไปเช็กสมองหน่อย”
“มึงใช้เหตุผลตัดสินไง แต่แคลใช้ความรู้สึก”
คม
บาดไส้
“นี่จำมาจากหนังสือกลอนใช่ปะ ไฮกุอะ”
พี่ทัชทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนโปรยเม็ดเกลือกลางอากาศ ผมกำลังจะถามย้ำอีก แต่จังหวะนั้นน้าเกดเปิดประตูออกมาจากร้านพอดี
“เป็นไง หนุ่มๆ”
“สนุกดีครับ” พี่ทัชตอบ
“แป๊บเดียวขายได้เลย ทัชนี่สุดยอดจริงๆ ถ้าสนใจทำงานบอกน้านะ”
“นะฑีบอกจะจ้างวันละร้อยห้าสิบครับ”
น้าเกดหัวเราะยกใหญ่ จากนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับลดเสียงลงอย่างมีลับลมคมใน “น้ามีงานอื่นเสนอ ไม่รู้ทัชจะสนใจมั้ย ได้เงินเยอะกว่าร้อยห้าสิบแน่ๆ”
คำว่า ‘เงิน’ ดึงดูดให้ผมขยับเข้าไปสุมหัวทันที “งานไรเหรอน้า”
น้าเกดหันมองซ้ายมองขวา แล้วควักมือถือขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอ
“ดูนี่สิ”
เวลาได้อ่านคอมเมนต์แล้วชื่นใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณมากเลยนะคะ > < ดีใจจจจจ
นางร้าย
22.กันยา19
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮือชอบมากกก มันทั้งฮาความตบมุก และคาแรคเตอร์น้องๆๆๆ อ่านแล้วมีความสุขมายเลยยยย ติดตามอยู่ตลอดเลบนะคะ อยากเห็นผลงานเรื่อยๆ😘😘😘 จะตามติดแบบไม่พลาดทุกตัวอักษรของคุณพี่นางร้ายเลยค่ะ รักค่ะ💕
แหมน้าเกดพี่เค้าบอกอยากมาเร็วก็คืออยากมาเร็วอ่า...ถามจริง
ส่วนพี่ทัชนี่มาถูกทางเค้ารักผญ.ต้องอิงผุหยั่ยแต่พี่รักน้องชายต้องอิงแมวหมอนเน่าได้ไม่โดน ตร.จับบ่ะรอบคอบดีว่าที่พี่เขยหมอนเน่าเนี่ย
แต่น้าเกดตัดจบแบบนี้ตองรีบมาต่อแล้วนะคะ
รอเสมอค่ะ สู้ๆนะคะ ไฟต์ติ้ง
จบตอนแบบค้างเลย งานอะไรรรคะ อยากไปร่วมวงคุยด้วยคน55555