ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แฮร์รี่พอตเตอร์ เล่ม 5 ( ภาคีนกฟีนิกซ์ )

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : บ้านโพรงกระต่าย

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 49


    บทที่ 2 บ้านโพรงกระต่าย
    ..........เมื่อแฮรี่กลับมาที่บ้านในซอยพรีเว็ตตอนปิดเทอมฤดูร้อนนั้น เขาพบว่าโปรแกรมลดน้ำหนักของดัดลีย์ไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด น้ำหนักตัวขนาดเท่าลูกปลาวาฬเพชฌฆาตของดัดลีย์นั้นไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ลุงเวอร์นอนน้ำหนักลดลงไปถึง 7 ปอนด์แทน ดังนั้นป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนจึงยกเลิกโปรแกรมลดน้ำหนัก และหันไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแทน ด้วยการสั่งตัดชุดเครื่องแบบโรงเรียนสเมลติ้งส์ขนาดพิเศษให้กับดัดลีย์ และป้าก็เอาแต่พูดปลอบใจตัวเองว่าอีกสักปีหนึ่งดัดลีย์ก็คงจะยืดตัวขึ้นเอง เพียงแต่ตอนนี้แฮรี่ยังไม่เห็นวี่แวว

    ส่วนตัวแฮรี่เองนั้นก็สูงขึ้นอีกหลายนิ้ว ทำให้เขาคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องไปซื้อเสื้อคลุมตัวใหม่ที่ร้านมาดามมัลกิ้นอีกครั้ง ส่วนเสื้อผ้าอื่นๆของดัดลีย์นั้นไม่เป็นปัญหา เพราะมันหลวมโพรกเกินขนาดตัวของเขามานานแล้ว รอนบ่นกับเขาบ่อยๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่เอาทองไปแลกเป็นเงินของมักเกิ้ลและซื้อเสื้อผ้าดีๆให้กับตัวเขาเองบ้าง แต่แฮรี่ก็มีเหตุผลของเขา เขาไม่อยากให้พวกเดอสลีย์สังเกตเห็นว่าเขาเอาเงินมากมายมาจากไหน และนั่นคงทำให้พวกนั้นรีบไปขนทองจากห้องนิรภัยใต้ดินของธนาคารกริงกอตส์ของเขามาจนหมดเป็นแน่

    ดังนั้นเมื่อแฮรี่ลงมาที่โต๊ะอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เขาก็พบอาหารเช้าชุดใหญ่ที่ป้าเพ็ตทูเนียเตรียมสำหรับดัดลีย์เรียบร้อยแล้ว แฮรี่รู้สึกว่าตั้งแต่มีการยกเลิกโปรแกรมลดน้ำหนัก ดัดลีย์จะกินมากกว่าเดิมถึงสองเท่าทีเดียว ลุงเวอร์นอนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะอาหารตามปกติ แฮรี่ดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลง รอให้ดัดลีย์ลงมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร

    ไม่กี่นาทีต่อมา ดัดลีย์ก็เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในครัวและนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา แฮรี่นึกภาพไม่ออกเลยว่าเมื่อดัดลีย์โตขึ้นเขาจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ขนาดไหน เผลอๆอาจจะเท่าแฮกริดก็ได้ แฮรี่คิด และทันทีที่ดัดลีย์นั่งลงบนเก้าอี้ขนาดพิเศษของเขา เขาก็คว้าไส้กรอกเข้าปากทันที แฮรี่จึงเริ่มกินอาหารเช้าของเขาบ้าง

    "แย่จริง! พวกงี่เง่านี่ เป็นนักล่าสัตว์แท้ๆ แต่ดันหลงป่าซะได้" ลุงเวอร์นอนบ่นดังๆกับป้าเพ็ตทูเนียที่กำลังจัดการกับถ้วยชามอยู่ "มือสมัครเล่นก็แบบนี้แหละ!"

    แฮรี่มองดูหนังสือพิมพ์ที่ลุงเวอร์นอนกำลังอ่านอยู่ และเห็นพาดหัวข่าวใหญ่สะดุดตา

    คณะนักล่าสัตว์ 15 คนหายตัวลึกลับในป่าแถบอัลแบเนีย

    แฮรี่ใจหายวูบ นี่จะเกี่ยวกับโวลเดอมอร์หรือเปล่านะ เป็นไปได้มั๊ยว่าหลังจากที่เขาฟื้นคืนแล้ว เขากลับไปซุ่มสมัครพรรคพวกในป่าแถบอัลเบเนียที่เคยเป็นที่ซ่อนตัวครั้งหลังสุดของเขาอีกครั้ง และบังเอิญมีมักเกิ้ลไปพบเข้า หรือมันจะเป็นเพียงแค่การหลงทางในป่าของพรานผู้ไม่ชำนาญทางตามธรรมดา

    "แกควรจะไปตัดผมได้แล้วนะ!" ลุงเวอร์นอนตะคอกข้ามโต๊ะมา ดึงให้แฮรี่ออกจากห้วงความคิดกลับมาสู่โต๊ะอาหารเช้าอีกครั้ง

    "ครับ.." แฮรี่รับคำ "แต่ลุงก็รู้ว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์ เดี๋ยวเดียวมันก็ยาวอีก"

    "ยังไงก็ไปจัดการซะ! ฉันไม่สบอารมณ์เลยเวลาเห็นแกแบบนี้" ลุงเวอร์นอนยังบ่นต่อไปอย่างอารมณ์เสีย

    "ลุงคงไม่ต้องทนเห็นผมอีกนานนักหรอกครับ" แฮรี่ตัดสินใจพูดขึ้น "เพื่อนผม รอน วีสลีย์ จะมารับผมไปอยู่ด้วยวันพรุ่งนี้ครับ"

    คำพูดนี้มีผลอย่างมากต่อครอบครัวเดอสลีย์ ลุงเวอร์นอนถึงกับหน้าถอดสีและทำหนังสือพิมพ์ร่วงหลุดจากมือ ป้าเพ็ตทูเนียทำจานตกแตก และดัดลีย์สำลักไข่ดาวของเขา

    "พวก.." ลุงเวอร์นอนพูดไม่ออก "พวกนั้นจะมาอีกหรือ!" ลุงเวอร์นอนถามเสียงสั่น อย่างพยายามสะกดอารมณ์ไว้

    "ครับ" แฮรี่ตอบรับโดยไม่สะทกสะท้านต่อปฏิกิริยาของครอบครัวเดอสลีย์ อันที่จริงแล้วเขาอยากหัวเราะออกมาด้วยซ้ำไป

    "อย่าบอกนะว่า.." ลุงเวอร์นอนพูดพลางจ้องเขาตาถลนแทบจะหลุดจากเบ้า "..จะใช้วิธีเดิมมากันอีกน่ะ..."

    "ผมก็ไม่แน่ใจครับ.." แฮรี่ตอบ "อาจจะใช่"

    เมื่อปีที่แล้วนั้น ครอบครัววีสลีย์เดินทางมารับแฮรี่ที่บ้านในซอยพรีเว็ตด้วยการใช้ผงฟลู ซึ่งทำให้พ่อมดเดินทางไปมาทางเตาผิงได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครในบ้านซอยพรีเว็ตคาดการณ์มาก่อน และทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย จนเกือบจะเป็นสงครามย่อยๆ ทีเดียว

    ลุงเวอร์นอนจ้องมองดูแฮรี่ที่จ้องมองกลับ แฮรี่รู้ว่าลุงกำลังใช้สมองคิดตรึกตรองอยู่ เหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วคงยังตามมาหลอกหลอนลุงอยู่ แต่แน่นอนว่าลุงเวอร์นอนก็ไม่มีทางห้ามพวกวีสลีย์ไม่ให้มารับแฮรี่ได้ และลุงก็ย่อมที่จะอยากให้เขาออกไปจากบ้าน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

    "ถ้าอย่างนั้น.." ในที่สุดลุงเวอร์นอนก็ตัดสินใจ "คงต้องเตรียมการรับมือกันหน่อย..." ลุงเวอร์นอนไม่พูดอะไรอีก แต่ลุกออกจากห้องครัวไปทันที

    ป้าเพ็ตทูเนียที่ยังมีสีหน้าตระหนกตกใจไม่หาย รีบตามลุงเวอร์นอนไปทันที ดัดลีย์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่มีสีหน้าสยดสยองอยู่ เรื่องเมื่อปีก่อนคงยังตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เช่นกัน

    แฮรี่ย่องออกจากห้องครัวไป เขาอยากรู้ว่าลุงเวอร์นอนจะเตรียมการรับมืออย่างไร

    แฮรี่ต้องประหลาดใจที่พบว่า ลุงเวอร์นอนกำลังใช้เครื่องมืองัดแงะเตาผิงที่ปิดตายออก(เมื่อปีที่แล้วนายวีสลีย์เสกให้เตาผิงปิดตายเหมือนเดิม ก่อนที่เขาจะหายตัวกลับไป) โดยมีป้าเพ็ตทูเนียยืนดูอยู่ด้วยสีหน้าหวาดหวั่นอยู่ข้างๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างบ่อยๆ ราวกับว่ากลัวใครจะมาเห็นว่าพวกเขากำลังทำอะไรประหลาดๆ กับเตาผิง

    ยี่สิบนาทีต่อมา ลุงเวอร์นอนก็จัดการเปิดเตาผิงเรียบร้อย และขนเครื่องทำความร้อนไฟฟ้าออกมา จากนั้นจึงขนเฟอนิเจอร์และของแต่งบ้านทั้งหลายให้อยู่ไกลจากเตาผิงมากที่สุด

    "ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความเสียหาย" ลุงเวอร์นอนพูดในที่สุด "ฉันหวังว่าพวกนั้นคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรได้อีกล่ะทีนี้ ใช่มั๊ยล่ะแก!" ลุงเวอร์นอนหันมาตะคอกแฮรี่

    แฮรี่นึกอยากตอบกลับไปจับใจว่าคนที่จะหาเรื่องได้ก็คือลุงเวอร์นอนนั่นแหละ เพราะครอบครัววีสลีย์เป็นครอบครัวพ่อมดที่ดีและสุภาพที่สุดที่แฮรี่รู้จักแล้ว แต่เขาก็ยั้งปากไว้ได้...


    --------------------------------------------------------------------------------


    วันรุ่งขึ้น เมื่อใกล้เวลา 5 โมงเย็น ครอบครัวเดอสลีย์อยู่ในอาการเครียดจัดอย่างเห็นได้ชัด ลุงเวอร์นอนและป้าเพ็ตทูเนียนั่งคอยอยู่ในห้องรับแขกด้วยความกระวนกระวายใจ แฮรี่เก็บข้าวของทุกอย่างของเขาลงมาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนดัดลีย์ไม่ได้อยู่ที่นั่น ป้าเพ็ตทูเนียบอกว่าดัดลีย์ไม่สบายและนอนอยู่บนห้องของเขา แต่แฮรี่คิดว่า นี่คงเป็นมาตรการป้องกันอย่างหนึ่งของลุงเวอร์นอนแน่ๆ

    เมื่อถึงเวลา 5 โมง 10 นาที ทุกคนในห้องรับแขกต่างจับจ้องอยู่ที่เตาผิง ป้าเพ็ตทูเนียกำแขนเก้าอี้นวมไว้แน่นและมีสีหน้าซีดลงเรื่อยๆ ส่วนลุงเวอร์นอนยังคงจ้องมองไปที่เตาผิงอย่างไม่ไว้วางใจ

    "ติ๊ง ต่อง.." ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำลายความเงียบ ทั้งลุงเวอร์นอน ป้าเพ็ตทูเนีย และแฮรี่ ต่างสะดุ้งพร้อมๆ กัน

    "ไปดูซิว่าใครมา!" ลุงเวอร์นอนสั่งแฮรี่เมื่อเขาตั้งสติได้ "ใครกันนะมาในเวลาแบบนี้ ถ้าพวกนั้นโผล่มาตอนนี้จะทำยังไง" พูดจบลุงเวอร์นอนก็หันไปสบตากับป้าเพ็ตทูเนียอย่างกังวลใจและมองไปที่เตาผิง

    เมื่อแฮรี่ไปที่ประตูและมองลอดตาแมวออกไป เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจ

    นายอาเธอร์ วีสลีย์ ยืนอยู่ที่นั่น

    แฮรี่เปิดประตูรับ และต้องประหลาดใจเพิ่มขึ้นอีก นายวีสลีย์ใส่เสื้อผ้าแบบมักเกิ้ลที่ดูแนบเนียนทีเดียว ถ้าไม่นับรองเท้าหนังหุ้มส้นสีเขียวมรกตที่เขาใส่อยู่ เขามาพร้อมกับรถคาดิแล็กเก่าๆ คันหนึ่ง และทันทีที่เขาเปิดประตูรับ รอน วีสลีย์ เพื่อนสนิทของเขา เฟร็ดและจอร์จ พี่ชายฝาแฝดของรอน ก็ออกมาจากรถ และตรงเข้ามาหาเขา

    "เป็นยังไงบ้างแฮรี่ เธอสบายดีนะ" นายวีสลีย์ทักทาย

    "ครับ สบายดีครับ" แฮรี่ตอบด้วยอาการยังไม่หายประหลาดใจและจ้องมองไปที่รถ

    "ไง! แฮรี่" รอนทักเขา "พร้อมรึยัง"

    ฝาแฝดวีสลีย์ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังรอน และพยายามมองเข้าไปในบ้าน

    นายวีสลีย์คงจะเห็นอาการประหลาดใจของแฮรี่ จึงเอ่ยขึ้น "จากบทเรียนเมื่อปีที่แล้ว ฉันเลยคิดว่าคราวนี้เราควรจะมาแบบมักเกิ้ลน่ะ.."

    "เอ่อ...ครับ เข้ามาข้างในก่อนซิครับ" แฮรี่นึกขึ้นได้ว่าควรเชิญพวกเขาเข้ามาในบ้าน

    ครอบครัววีสลีย์ค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาในบ้าน นายวีสลีย์มองข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างอย่างกระหายใคร่รู้ และกดสวิตซ์ไฟปิดๆ เปิดๆ ที่โถงทางเข้าถึง 3 ครั้ง จนรอนต้องเตือนพ่อของเขา

    "พ่อครับ เรามารับแฮรี่นะครับ"

    เมื่อแฮรี่เดินนำครอบครัววีสลีย์เข้ามาในห้องรับแขก ลุงเวอร์นอนพูดขึ้นโดยที่ยังไม่หันมามองดู

    "ทำไมช้าจังล่ะแก.. ใครมากัน....." เสียงของลุงเวอร์นอนขาดหายไป เมื่อเขาหันมาพบว่าใครที่กำลังเข้ามาในห้องรับแขก เขามีสีหน้าตกตะลึง ต่างฝ่ายต่างจ้องดูกันและกัน

    ในที่สุดนายวีสลีย์ก็ทำลายความเงียบขึ้น

    "สวัสดีครับ." นายวีสลีย์ทักทายขึ้น และเอื้อมมือไปให้ลุงเวอร์นอนจับ

    ลุงเวอร์นอนมองมือที่ยื่นมานั้นอย่างลังเล ราวกับว่าถ้าเขาเอื้อมมือไปจับจะทำให้เข้าชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้น แต่ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นและยื่นมืออกไปจับ ก่อนจะรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว

    "มาวิธีปกติธรรมดากันก็ได้นะ" ลุงเวอร์นอนพูดแดกดัน

    "ก็ดีกว่าปีที่แล้วไม่ใช่หรือครับ" นายวีสลีย์ตอบอย่างไม่ค่อยจะชอบใจกับน้ำเสียงของลุงเวอร์นอน

    "มาแล้วก็รีบๆ จัดการให้เรียบร้อยเถอะ!" ลุงเวอร์นอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ และเดินไปนั่งที่โซฟาตัวที่อยู่ห่างออกไป มีป้าเพ็ตทูเนียตามไปนั่งด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

    "ข้าวของอยู่ไหนล่ะ แฮรี่" นายวีสลีย์หันมาถามแฮรี่

    "อยู่ตรงนี้ครับ.." แฮรี่ตอบ พลางเดินไปยังมุมห้องที่เขาวางหีบใส่ของและกรงของเฮ็ดวิกไว้

    "เฟร็ด จอร์จ ไปช่วยแฮรี่ซิ" นายวีสลีย์หันไปบอกฝาแฝด

    ฝาแฝดที่มีท่าทีผิดหวังมากที่ไม่พบตัวดัดลีย์อีกครั้ง แต่ก็เดินไปช่วยแฮรี่ขนของเพื่อเอาไปใส่ท้ายรถ

    "บรรยากาศเครียดๆ นะ" รอนกระซิบกับแฮรี่ "ฉันว่าเราควรจะรีบไปก่อนที่จะมีเวลาพอให้เรื่องอะไรเกิดขึ้นได้ดีกว่านะ"

    "ฉันก็ว่างั๊น" แฮรี่เห็นด้วย

    "เรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกผมลานะครับ" นายวีสลีย์กล่าว เมื่อเฟร็ดกับจอร์จจัดการขนหีบใส่ของไปที่รถเรียบร้อยแล้ว

    "แล้วเจอกันหน้าร้อนหน้าครับ" แฮรี่เอ่ยลาป้าและลุง

    "เฮอะ!" ลุงเวอร์นอนคำรามอยู่ในคออย่างไม่ใส่ใจแฮรี่และครอบครัววีสลีย์ทั้งสี่คน ที่กำลังเดินออกจากบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตไป


    --------------------------------------------------------------------------------


    สิบนาทีต่อมา ครอบครัววีสลีย์และแฮรี่ กับหีบใส่ของ 1 ใบ และนกฮูกอีก 1 ตัว นั่งอยู่บนรถคาดิแล็กเก่าๆ ออกมาจากซอยพรีเว็ต

    "เป็นยังไงบ้างแฮรี่ วิธีที่พวกเรามากันน่ะ" นายวีสลีย์หันมาถามแฮรี่ที่นั่งอยู่เบาะหลัง

    "ใช้ได้ครับ แม้แต่ลุงเวอร์นอนยังพูดไม่ออกเลย" แฮรี่ตอบ

    นายวีสลีย์ยิ้มให้แฮรี่ผ่านทางกระจกหลัง "เอาล่ะ ทีนี้เราคงต้องใช้เทคนิคกันนิดหน่อย" นายวีสลีย์ว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปที่ปุ่มสีแดงเล็กๆ ที่แผงหน้ารถ "เธอคงจะเคยเจอแบบนี้มาแล้วนะแฮรี่"

    แฮรี่เข้าใจว่านายวีสลีย์คงจะหมายถึงการหายตัวเหมือนรถฟอร์ดแองเกลียคันก่อนหน้านี้ และใช้วิธีบินไปบนท้องฟ้า แต่เขาเข้าใจผิด ทันทีที่นายวีสลีย์กดปุ่ม เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้น และเมื่อนายวีสลีย์เหยียบคันเร่ง รถยนต์ก็กระชากและพุ่งพรวดเดียวมายังถนนแถบชนบทเส้นหนึ่ง แฮรี่มองเห็นป้ายบอกทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ และนายวีสลีย์เลี้ยวรถไปทางเดียวกับป้ายที่ชี้ว่า "หมู่บ้านอัลเทอรี่ เซนต์ แคทช์โพล" แฮรี่เข้าใจแล้วว่ามันเป็นวิธีการเดินทางแบบเดียวกับรถเมล์อัศวินราตรีนั่นเอง

    "ถ้าทำอย่างนี้ก็ถูกกฎหมาย" นายวีสลีย์บอกแฮรี่ "จะได้ไม่มีปัญหากับกระทรวงอีกไง แต่จะว่าไป ตอนนี้ที่กระทรวงก็วุ่นวายเกินกว่าจะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้นะ...

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา แฮรี่ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านโพรงกระต่ายอีกครั้ง นางวีสลีย์ออกมาจากในครัวและตรงเข้ามาทักทายแฮรี่

    "ว่าไงจ๊ะ แฮรี่! สบายดีใช่มั๊ย รออีกแป๊บเดียวนะจ๊ะ อาหารเย็นจวนจะเสร็จแล้ว โอ้..รอน พาแฮรี่ขึ้นไปเก็บของบนห้องดีกว่าจ๊ะ" นางวีสลีย์พูดทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็วและเดินกลับเข้าครัวไป เพราะซุปที่อยู่บนเตากำลังเดือดปุดๆ

    "แฮรี่!" เสียงร้องมาจากเชิงบันได และเฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งถลาลงมา ตามมาด้วยจินนี่ วีสลีย์ ที่เดินลงมาอย่างอายๆ และทักทายแฮรี่ด้วยเสียงแผ่วเบา

    "ฉันมาถึงเมื่อตอนกลางวันล่ะ พ่อของรอนไปรับฉัน อ้อ..ใช้ผงฟลูน่ะ แต่ฉันอธิบายกับพ่อแม่ไว้แล้ว เลยไม่เป็นไร นี่..หวังว่าที่บ้านเธอคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีกนะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็วพอๆกับนางวีสลีย์

    "เรียบร้อยดีมากเลย" รอนเป็นฝ่ายตอบเสียเอง "ฉันเองยังแปลกใจที่ราบรื่นขนาดนี้ ถ้านึกถึงเรื่องเมื่อปีก่อนน่ะนะ"

    "เธอขึ้นไปเก็บของดีกว่า จะได้ลงมาทานอาหารเย็นกันนะ" เฮอร์ไมโอนี่บอก "ฉันว่า ฉันไปช่วยแม่เธอดีกว่า รอน ฉันจะได้เรียนทำอาหารไปด้วยเลย..."

    "เธอว่าไงนะ!" รอนร้องขึ้น "เธอนี่นะ จะทำอาหาร"

    "แล้วทำไมกันเหรอยะ!" เฮอร์ไมโอนี่สวนกลับ "ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะหัดเข้าครัวบ้างแล้วมันแปลกตรงไหนไม่ทราบ"

    "โอเคๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่" รอนตอบกลับ และเดินนำแฮรี่ขึ้นไปบนห้อง

    "นายว่าฝีมือทำอาหารของเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นยังไงเนี่ย" รอนพูดกับแฮรี่ระหว่างที่เดินขึ้นบันได

    "ก็ขอให้ดีเหมือนทุกๆ วิชาที่เธอทำได้ละกัน" แฮรี่ตอบ


    --------------------------------------------------------------------------------


    ที่โต๊ะอาหารค่ำวันนั้นที่บ้านโพรงกระต่าย ประกอบไปด้วยสมาชิกครอบครัววีสลีย์หกคน แฮรี่และเฮอร์ไมโอนี่ รวมเป็นแปดคน เพอร์ซี่ไม่ได้อยู่ทานอาหารด้วย นายวีสลีย์บอกว่าเขายุ่งอยู่กับงานที่กระทรวงจนกลับบ้านไม่เป็นเวลามานานแล้ว

    "เออ ใช่! พูดถึงเพอร์ซี่.." รอนพูดขึ้นและหันไปหาเฮอร์ไมโอนี่ "ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ ที่เธอไม่ได้เป็นพรีเฟ็คนะ เฮอร์ไมโอนี่.."

    "แล้วใครบอกว่าฉันไม่ได้เป็นล่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่ใส่ใจ และตักซุปเข้าปาก

    รอนและแฮรี่สำลักซุปของพวกเขาพร้อมกัน และหันมาจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่

    "แล้วทำไมเธอไม่บอกเราล่ะฮึ!" รอนประท้วง

    "ฉันไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน" เฮอรืไมโอนี่พูดเรื่อยๆ "ก็แค่มีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นอีกหน่อย แล้วก็ทำให้เสียเวลาอ่านหนังสือไปอีกนิดเท่านั้นแหละ"

    "แต่ยังไงเธอก็น่าจะบอกพวกเราบ้างนะ" แฮรี่พูด "ปล่อยให้ฉันงงตั้งนานว่าทำไมเธอถึงไม่ได้รับเลือกให้เป็นพรีเฟ็ค เธอรู้เมื่อไหร่ล่ะ"

    "เมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะ นกฮูกของโรงเรียนเอาจดหมายพร้อมกับตราพรีเฟ็คมาส่ง แต่เอาเถอะน่า.." เฮอร์ไมโอนี่บอกแฮรี่กับรอน "ยังไงฉันก็ยังเป็นฉันอยู่ดีล่ะน่า...กินข้าวต่อเถอะ"

    "ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเขาไม่ดีใจที่ได้รับเลือกนะ ตามปกติเขาน่าจะชอบไม่ใช่เหรอ เรื่องอะไรทำนองนี้" รอนหันมากระซิบกับแฮรี่

    แฮรี่ยักไหล่ แล้วลงมือกินซุปต่อไป

    "เออ แฮรี่ นายรู้มั๊ยว่าเราได้รถคันใหม่มาได้ยังไง" รอนเอ่ยขึ้น

    "ยังไงเหรอ" แฮรี่ถามด้วยความอยากรู้

    "เฟร็ดกับจอร์จน่ะซิ" รอนตอบ "พวกเขาขายลิขสิทธิ์ช็อกโกแลตให้ร้านซองโก้ล่ะ ได้ทองมาตั้ง 300 เกลเลียนแน่ะ"

    "อย่าบอกนะว่าคือช็อกโกแลตที่นายให้เป็นของขวัญวันเกิดฉัน" แฮรี่ถาม

    "ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ได้บอกไปในจดหมาย เพราะอยากให้นายประหลาดใจน่ะ" รอนตอบ "นายลองรึยัง"

    "เกือบแล้ว" แฮรี่ตอบ "แต่ดีที่ฉันเห็นคำเตือนข้างกล่องเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเดอสลีย์ได้แตกตื่นแน่ๆ"

    "นายน่าจะลองเอาให้ดัดลีย์กินนะ แหม..คงจะสนุกพิลึกล่ะ" รอนพูด แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ แปลได้ความว่า นั่น - ไม่ - ตลก - เลยนะ

    "เอาน่าๆ" แฮรี่รีบพูด "ยังไงก็ไม่ได้ทำจริงๆ นี่น่า"

    "เราพัฒนามันขึ้นมาจากขนมครีมคีรีบูนล่ะ" เฟร็ดบอกแฮรี่ "ใช้เวลาสองอาทิตย์เท่านั้น"

    "เพราะทองของนายนั่นแหละ แฮรี่" จอร์จกระซิบบอกแฮรี่ "เราเลยมีทุนในการค้นคว้า และทำได้เร็วขนาดนี้"

    "อีกไม่นานเราสองคนจะมีทองมาใช้คืนนายล่ะ" เฟร็ดกระซิบกับแฮรี่บ้างและหลิ่วตาให้เขา

    แฮรี่นึกดีใจที่ทองของเขามีประโยชน์ต่อครอบครัวที่แสนดีครอบครัวนี้

    "เฟร็ดกับจอร์จยกทองทั้งหมดให้แม่ล่ะ" รอนบอกทั้งๆ ที่ยังมีมันฝรั่งเต็มปาก "แม่ดีใจจนน้ำตาไหลเลยตอนที่พวกเขาเอาทองมาให้ แล้วบอกว่าพวกเขาขายลิทสิทธิ์ของเล่นตลกของพวกเขาได้ จากนั้นมาแม่ก็ไม่เคยบ่นเรื่องที่พวกเขาสอบ ว.พ.ร.ส. ได้น้อยอีกเลย ฉันคิดว่า แม่คงจะปล่อยให้พวกเขายึดอาชีพทางนี้แล้วล่ะ"

    "เราเสนอให้พ่อเอาทองไปซื้อรถมือสองมาสักคัน" จอร์จบอกแฮรี่ "จะได้มีรถไว้ใช้แทนคันเก่า"

    "เฟร็ดซื้อชุดราตรีใหม่ให้ฉันด้วยล่ะ" รอนพูดกับแฮรี่อย่างดีใจ "ฉันไม่คิดว่าเขาจะใจดีขนาดนี้นะเนี่ย"

    "แหม..รอน นายทำฉันเขินนะ" เฟร็ดแกล้งทำเป็นอาย แล้วทั้งหมดก็ร่วมหัวเราะกันอย่างมีความสุข

    ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของแฮรีคืนหนึ่งเลยทีเดียว ที่เขาได้รู้ว่าเขามีส่วนทำให้ครอบครัวพ่อมดที่น่ารักที่สุดในโลกครอบครัวนี้ ได้ยิ้มและหัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุข...

    ที่มา : http://board.narak.com/topic.php?No=145861

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×