ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BTS) 'อสงไขย' รักนี้ไม่สิ้นสุด...

    ลำดับตอนที่ #9 : A - S o n g - K a i : นักข่าว (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 58





    A - S O N G - K A I
    9
    นักข่าว
     
     
     
     
     
     
     หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่จินก็เหมือนจะค่อยๆพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดี จากที่ตอนแรกก็มีอึดอัดกันบ้างแต่เพราะต้องเจอหน้ากันทุกวันความอึดอัดที่มีมันก็ค่อยๆจางหายไปจนแทบไม่เหลือ
     
     
     
     
     
    นี่ก็ผ่านมาจนครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าเกิดผมจะขอตั้งให้วันนี้เป็นวันครบรอบได้มั้ยอ่ะ
     
     
     
     
     
    ‘ครบรอบหนึ่งสัปดาห์ที่จูบกัน’ คิดแล้วฟิน *////*
     
     
     
     
     
    โอ้ยยย นี่ผมคิดอะไรอยู่เนี้ย ให้ตายเถอะถ้ามีใครรู้อายเค้าแย่เลย
     
     
     
     
     
    “จองกุก”
     
     
     
     
     
    “อ่าครับ” ผมหันไปขานรับกับพี่ชายร่างสูงที่ทำให้ผมคิดเรื่องหน้าอายแบบเมื่อกี้ออกมาอย่างสงสัยว่าเรียกทำไม
     
     
     
     
     
    “เสาร์นี้ว่างรึเปล่า”
     
     
     
     
     
    “เสาร์นี้หรอ ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ ว่างๆพี่มีอะไรหรอ” ผมตอบออกไปตรงๆอย่างไม่ต้องคิดมากก็ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยออกไปไหนอยู่แต่บ้านอย่างเดียว
     
     
     
     
     
    “ไปเดทกันมั้ย?”
     
     
     
     
     
    “หื้ม??” หันไปมองหน้าคนถามอย่างงงๆ
     
     
     
     
     
     
    “หมายถึงไปเที่ยวน่ะ แบบดูหนัง เดินเล่น หาอะไรกินแล้วก็นั่งคุยกันอะไรแบบเนี้ย” ไม่ปล่อยให้ผมงงนานพี่จินก็อธิบายขยายความของคำพูดเมื่อกี้ ผมเลยถึงบางอ้ออย่างไว
     
     
     
     
     
    “ก็ได้นะว่าแต่ที่ไหนดีอ่ะ”
     
     
     
     
     
    “ไม่บอกไว้ค่อยรู้วันไปละกันนะ”
     
     
     
     
     
    “อ่าวแล้วจะไปเจอกันถูกได้ยังไงอ่ะ”
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยววันเสาร์พี่ไปรับเราเอง”
     
     
     
     
     
    “งั้นก็โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับรู้แต่ก็แอบรู้สึกแปลกใจนิดๆกับสรรพนามที่พี่แกใช้เรียกแทนตัวเองและก็ตัวผมที่เปลี่ยนไป
     
     
     
     
     
    จาก ‘ฉัน’ เป็น ‘พี่’
     
     
     
     
     
    จาก ‘นาย’ เป็น ‘เรา’
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
     
    -วันเสาร์-
     
     
     
     
     
    “โอโหวันนี้น้องชายกูตื่นแต่เช้าเลยเว้ย มีเดทที่ไหนหรอจ๊ะ”
     
     
     
     
     
    “บ้าน่าก็แค่ไปเที่ยวกันตามประสาพี่น้องเดทเดิดอะไร” หันไปตอบคนแซวอย่างอายๆ พยายามปั้นหน้าให้เรียบที่สุด ไม่งั้นโดนล้อแย่
     
     
     
     
     
    “แหมแซวนิดแซวหน่อยทำเป็นหน้าแดง แสดงว่ามีจริงใช่มะ” คนเป็นพี่ก็ยังไม่วายเลิกแซวยิ่งเห็นว่าผมเขินก็ยิ่งทำหน้าล้อเลียนยกใหญ่
     
     
     
     
     
    “ก็ อืม” ตอบได้แค่นั้นจริงๆเพราะเขินอยู่ ถึงแม้ว่าพี่จินจะบอกว่าแค่ไปเที่ยวเฉยๆแต่ไอแพลนที่พี่แกวางไว้ไม่ต่างอะไรจากเดทของคู่รักเลยนะ
     
     
     
     
     
    คิดแล้วจองกุก จิบร้า~
     
     
     
     
     
    ”ฮั่นน้อวววว จองกุกของเรามันโตเป็นหนุ่มแล้วเว้ย.....เอาวะยังไงก็อย่ากลับดึกมากล่ะกูไปทำงานก่อน” ว่าจบก็หยิบกระเป๋าออกไปทำงาน
     
     
     
     
     
    วันนี้ซูก้ามีลงพื้นที่ไปสัมพาษณ์ที่คังวอนเห็นว่าคนที่จะไปสัมพาษณ์เป็นคนดังที่รู้เกี่ยวกับประวัติการปกครองในสมัยสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีราวกับอยู่ในเหตุการณ์จริง ว่ากันว่าสิ่งที่เค้าพูดสามารถพิสูจน์ได้และผลก็ตรงกับที่เค้าพูดทุกครั้ง มันน่าทึ่งจริงๆเลย ว่ามะ
     
     
     
     
     
     
    ดิ๊งด่อง~
     
     
     
     
     
    ผมรีบออกไปดูหน้าบ้านทันทีที่เสียงออดดังบ่งบอกว่ามีแขก ร่างสูงที่ยืนอยู่นอกรั้วมาในชุดธรรมดาเพียงแค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ที่ขาดเป็นช่วงๆอย่างเป็นศิลปะมาพร้อมกับรองเท้าผ้าใบเยินๆคู่หนึ่ง เพียงแค่นี้ก็ดูดีอย่างหน้าประหลาดนี่ยังไม่นับรวมแจ๊คเก็ทสีดำที่สวมทับเสื้อยึดนั่นด้วยนะ พอดูโดยรวมแล้วอยากจะบอกว่า
     
     
     
     
     
    ’พี่จินแม่งโคตรหล่อ’
     
     
     
     
     
     
     
     
    ”หวัดดี (:" แคคำทักทายสั้นๆบวกกับรอยยิ้มหวานๆที่ส่งมาให้ก็เล่นเอาผมคนนี้แทบจะละลายแล้วครับ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าวันนี้สาวๆต้องเหลียวหลังมองพี่จินเป็นแน่
     
     
     
     
     
    พนันได้เลย!
     
     
     
     
     




     
     
     
     
    *****


     
     
     
     
    [Suga’s Part]
     
     
     
     
     
    ”เฮ้ยว่าไงพวกมึงพร้อมยัง” เดินไปตบบ่าไอคนที่เตี้ยที่สุดที่ยืนทำหน้าอมทุกข์เหมือนคนไม่ได้ขี้
     
     
     
     
     
    ”ไอพร้อมมันก็พร้อมอยู่หรอกพี่ก้าแต่....”
     
     
     
     
     
    ”แต่อะไรวะ?” ผมถามพรางหันไปมองหน้าอีกสองคนที่เหลือที่ยืนทำหน้าไม่ต่างกัน
     
     
     
     
     
    ”ก็ตอนนี้เรากำลังเสียเปรียบอ่ะดิพี่” ไอจุ๊นพูดขึ้น
     
     
     
     
     
    ”เสียเปรียบ?” ผมทำหน้างงเข้าไปใหญ่นี่ถ้ามีกระจกผมคงเห็นเครื่องหมายคำถามติดเต็มหน้าตัวเองไปหมด
     
     
     
     
     
    ”เมื่อเช้าบก.มาบอกว่าทางนั้นเค้าฟิกมาว่าให้คนที่จะไปสัมพาษณ์เป็นผู้หญิงเท่านั้น”
     
     
     
     
     
    ”ห๊ะ!?” ผมร้องออกมาทันทีที่ไอเจปพูดจบ
     
     
     
     
     
    ”แล้วตอนนี้ทีมนั้นก็กำลังเยาะเย้ยพวกเราอยู่อ่ะพี่อันนี้ผมยอมไม่ได้เลยนะ!” ไอจิมคนตัวเตี้ยพูดบ้าง
     
     
     
     
     
    ทีมนั้นที่มันหมายถึงก็คือทีมข่าวของยัยจียอนแอ๊บแบ๊วเป็นทีมที่เรียกได้ว่ารวมนักข่าวหน้าตาดีไว้ในทีม ไม่ว่าจะเป็น ไอมาร์คผู้ประกาศข่าวสุดหล่อ ไอเจบีตาก้องที่หน้าตาดีที่สุดในสำนักงาน ไอจูเนียร์คนประสานงานของทีม และคนสุดท้ายคนสำคัญเลย ยัยจียอนหัวหน้าทีมที่ควบตำแหน่งผู้ประกาศสาวที่หน้าตาดีที่สุดเหมือนกัน ทีมนี้เป็นทีมที่สร้างชื่อเสียงให้กับสำนักข่าวได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากร้อย ส่วนอีกห้าสิบที่เหลือก็มาจากทีมของผมนี้ไง ฮริ้ง~ ทุกวันนี้เราก็เลยเปรียบเสมือนคู่แข่งไปโดยปริยาย
     
     
     
     
     
    และวันนี้ก็เหมือนกันที่เราทั้งสองทีมถูกส่งตัวให้ไปสัมพาษณ์บุคคลที่ขึ้นชื่อว่ารู้ประวัติศาสตร์เกาหลีดีที่สุดในโลก ประเด็นตอนนี้มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่มันอยู่ที่ทีมผม มีไอเตี้ยจิม ไอจุ๊น ไอเจป และก็ผมซึ่งเป็นหัวหน้าทีมและตอนนี้ทีมผมกำลังแย่เพราะทีมเรา
     
     
     
     
     
    ไม่มีผู้หญิง!!
     
     
     
     
     
    ”ไม่ได้นะเว้ยเราจะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้งานนี้นี้เราจบเห่แน่” ผมพูด
     
     
     
     
     
    ถึงแม่ว่าทีมผมจะสร้างชื่อเสียงมามากแต่ในส่วนที่ไม่ดีก็เยอะเหมือนกัน มีหลายคนเม้าท์ว่าพวกผมเต้าข่าวขึ้นมาเองบ้างและถ้างานนี้ผมชวดไปละก็มีหลังโดนโจมตีหนักกว่าเดิมแน่คนต้องมองว่าผมพวกไร้คุณภาพ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่นักข่าวอย่างผมยอมไม้ได้!
     
     
     
     
     
     
    ”แล้วเราจะทำยังไงกันอ่ะพี่ก้า”
     
     
     
     
     
    ”เราคงต้องหานักข่าวผู้หญิงมาคนหนึ่งแล้วล่ะ ใช่ซูจีไงให้เธอมาช่วยก่อนน่าจะได้”
     
     
     
     
     
     
    ”ไม่ได้หรอกพี่วันนี้พี่ซูจีบินไปดูงานที่ฮ่องกง ส่วนคนอื่นๆก็มีลงพื้นที่กันหมดจะมีที่ว่างก็แค่พี่จียอนแค่นั้นแหละ” ไอเจปพูด ผมยิ่งกุมขมับเข้าไปอีก แล้วตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่มากแล้วด้วยถ้าจะให้ไปหาผู้หญิงสักคนแล้วขอให้ไปทำหน้าที่แทนละก็พับเก็บไปได้เลย
     
     
     
     
     
     
    ”นึกออกแล้วเดี๋ยวมานะพี่” ไอจุ๊นพูดจบก็วิ่งพรวดพราดออกไปเลยปล่อยให้พวกผมที่เหลือยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ ไม่นานมันก็กลับมาพร้อมกับชุดทำงานของผู้หญิงหนึ้งชุด กระเป๋าเครื่องสำอางยกเซทและที่ลืมไม่ได้ก็คือวิกผมยาวอีกหนึ่งอัน
     
     
     
     
     
    ”อะไรของของมึงวะ?”
     
     
     
     
     
    ”ก็นี่ไงพี่ผู้หญิง”
     
     
     
     
     
     
    ”-.;-”
     
     
     
     
     
    ”=_=”
     
     
     
     
     
     
    ”….”
     
     
     
     
     
    ”ก็ในเมื่อเราไม่มีผู้หญิงจริงๆเราก็ต้องแต่งให้เป็นผู้หญิงไงพี่” ไอจุ๊นรีบอธิบายเมื่อพวกผมสามคนมองหน้ามันประมาณว่า ‘มึงพูดเชี่ยอะไรอยู่’
     
     
     
     
     
    ”เออใช่ ความคิดดีๆ แล้วใครจะแต่งวะ”
     
     
     
     
     
    ”ก็....” ไอจุ๊นเว้นช่วงก่อนที่พวกมันทั้งสามคนจะหันมามองที่ผมเป็นทางเดียว
     
     
     
     
     
    เดี๋ยวสิเดี๋ยว นี่พวกมึงคงไม่ได้กำลังจะบอกข่าวร้ายกับกูใช่มั้ย???
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    โอ้ มาย ก้อด!
     
     
     
     
     
    ผมนั่งมองสภาพตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องอึ้ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่ามินซูก้าเวลาแต่งหญิงแล้ว
     
     
     
     
     
    ‘โคตรสวยยย’
     
     
     
     
     
    นี่ไม่ได้ยอตัวเองแต่อย่างใดเลยนะ คือจะพูดว่าไงดีอ่ะถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากแต่งงานกับตัวเองอ่ะ
     
     
     
     
     
     
    ”พี่สาวครับ สวัสดีครับพี่ครับ จำน้องชายคนนี้ได้ก่อ จำได้ บ่ ได้ ก็บอกมาล้าลา~”
     
     
     
     
     
    ป้าบ!!!
     
     
     
     
     
    ”ล้าลาพ่องมึงสิ มันใช่เวลามั้ยห๊ะ!” ไอจุ๊นพูดขึ้นหลังจากที่จัดการเบิ้ดกระโหลกไอจิมเป็นที่เรียบร้อย ที่บังอาจมาแซวผมไม่รู้เวลาล่ำเวลา
     
     
     
     
     
    “โห ไรอ่ะพี่จุ๊นใช้กำลังอีกละ” ไอจิมยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเองพร้อมกับเบะปากอย่างน่าสงสาร
     
     
     
     
     
    เห็นแบบนั้นแล้วซูก้าพูดได้คำเดียวครับ
     
     
     
     
     
    สมควร!!!
     
     
     
     
     
     
    ”ผมว่าพี่รีบไปแต่งตัวดีกว่าครับเดี๋ยวจะไม่ทัน” ไอเจปที่ไม่ได้อยู่ในสารวงตบตีพูดขึ้นก่อนที่ผมจะถูกบรรดาเจ๊ๆช่างแต่งหน้าทำผมของทีมฝนฟ้าอากาศที่ถูกไอจุ๊นขอร้องมาให้ช่วยลากไปที่ราวที่มีเสื้อผ้าของนักข่าวผู้หญิงแขวนอยู่เต็มราว
     
     
     
     
     
    ไม่นานผมก็ถูกแปรรูปจากซูก้าดองเป็นซูก้าแช่อิ่ม เอ้ย!ไม่ใช่ (ยังมีอารมณ์มาเล่นมุกนะ-..-) หมายถึงเปลี่ยนจากผู้ชายมาดแมนเป็นสาวมั่นได้เพียงแค่วิกผมกับเสื้อผ้าผู้หญิงและก็การแต่หน้าขั้นเทพของบรรดาเจ๊ๆทั้งหลาย
     
     
     
     
     
    “น้องซูก้าสวยสุดติ่งไปเลยค่ะ” เจ๊ส้มเปรี้ยวพูดขึ้น ยิ้มแก้มแทบปริกับผลงานแต่งหน้าขั้นเทพของตัวเอง
     
     
     
     
     
    “ใช่ค่ะ นี่ถ้าพี่ไม่ได้เป็นคนแต่งเองแล้วไปเจอน้องซูก้าข้างนอกพี่คงจำไม่ได้แน่ๆ” เจ๊เขียวหวานสมทบ
     
     
     
     
     
     
    ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา อยากจะหยิบโทรศัพท์โทรไปถามแม่ว่าตอนคลอดหมอเค้าหยิบเพศมาให้ผมถูกใช่มั้ย
     
     
     
     
     
    “ผมขอบคุณพวกเจ๊มากเลยนะครับที่ช่วย ถ้าเกิดผมทำโปรเจ็กซ์นี้สำเร็จผมจะพาพวกเจ๊ไปฉลองด้วยกันนะครับ”
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยวตีปากแตกเลยนี่ เป็นสาวเป็นนางมาพูดคงพูดครับได้ยังไงคะน้องซูก้า” ผมหลุดขำหลังจากที่เจ๊บานเย็นพูดจบ ก่อนที่นางจะเดินเข้ามาจับไหล่ผมด้วยท่าทางมุ่งมั่น
     
     
     
     
     
    “จำไว้นะคะน้องซูก้าว่าวันนี้น้องซูก้าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในสำนักข่าวเรา เอางานนี้มาให้ได้นะคะตีแสกหน้ายัยจียอนก้นกบนั่นไปเลย พวกพี่นะหมันไส๊~ หมันไส้ ชอบเชิดใส่พวกพี่!” เจ๊บานเย็นพูดก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสาว(?)ที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วทั้งสองก็พยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วย
     
     
     
     
     
    “ฮ่าๆ ผม เอ้ย! ฉันจะพยายามนะคะ” ผมบีบเสียงให้เล็กลงเหมือนผู้หญิงแล้วกระขยิบตาให้ทั้งสามคนไป พวกเธอก็ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดยกใหญ่
     
     
     
     
     
    ผมโค้งลาทั้งสามคนก่อนจะเดินออกมาหาไอเจ้าสามแสบที่ยืนรออยู่ข้างนอก แต่พออกมาแล้วก็ไม่เห็นใครยืนอยู่สงสัยคงไปรอที่รถกันแล้ว
     
     
     
     
     
    พลั้ก!!
     
     
     
     
     
    “โอ๊ะ ขอโทษครับ เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงเข้มเอ่ยถามหลังจากฉุดมือผมให้ลุกขึ้น ชนซะกูกระเด็นเชียวไอ้หอก!! หน้าตาก็ไม่คุ้นซะด้วยเป็นเด็กใหม่ชัวร์
     
     
     
     
     
    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร” ผมบอกพรางโบกมือปัดๆประกอบว่าไม่เป็นไรจริงๆ นี่เห็นว่าเป็นเด็กใหม่นะเลยพูดเพราะด้วย ถ้าเกิดเป็นคนที่รู้จักกันแล้วละก็ อย่าหวังเลย!
     
     
     
     
     
    “หื้ม?” คนตัวสูงกว่ามองหน้าผมอย่างงงๆ และผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำไม
     
     
     
     
     
    ก็ผู้หญิงที่โดนชนจนกระเด็นแล้วบอกว่า ’ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไร’ มันมีที่ไหนกันเล่า!
     
     
     
     
     
    “มายืนทำอะไรตรงนี้น่ะยูคยอม” เสียงแจ๋นดังขึ้น ผมรู้ทันทีเลยว่าใครโดยไม่ต้องเห็นหน้าด้วยซ้ำ
     
     
     
     
     
    “พอดีผมเดินชนพี่สาวคนนี้น่ะครับแล้วเธอก็พูดจาแปลกๆ” เจ้าเด็กตัวสูงพูดพร้อมกับชี้มาที่ผม ประมาณว่า ‘ไอนี่แหละๆ’
     
     
     
     
     
    ยัยจียอนทำหน้างงๆนิดหน่อยตอนที่ยูคยอมพูดว่าพี่สาว เพราะว่านอกจากผู้ประกาศข่าวแล้วคนที่ทำงานที่นี่ก็เป็นผู้ชายทั้งนั้นหรือไม่ก็เป็นสาวเทยแบบเจ๊ส้มเปรี้ยวเขียวหวานบานเย็นและผู้ประกาศข่าวทั้งหลายตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ประจำสักนักงานสักคนน่ะสิ แต่พอนางหันมาเห็นผมเท่านั้นแหละก็ถึงกับอ้าปากค้างกันไปเลยทีเดียว
     
     
     
     
     
    “ซูก้า!!” ยัยจียอนอุทานชื่อผมออกมาเสียงดังจนคนในทีมจียอนอีกสามคนเดินเอาตัวเองมาอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย
     
     
     
     
     
    “มีอะไรหรอจียอน เฮ้ย!..ซูก้า” เป็นเจบีคนแรก(ในบรรดาสามคน)ที่หันมาเห็นผมก่อน และคนที่เหลือพอหันมาเห็นผมก็อ้าปากค้างไปตามๆกัน
     
     
     
     
     
    “เออฉันเอง ทำไมสวยอ่ะดิ” ผมตอกกลับไปอย่างมั่นใจ จนไอเด็กยูคยอมหลุดขำออกมาน้อยๆ ถึงพวกยัยจียอนไม่เห็นแต่ผมเห็นนะเว้ย ไอเด็กไร้มารยาท!!
     
     
     
     
     
    “เออสวย เอ้ยไม่ใช่!” มาร์ครีบแก้ตัวทันทีที่หลุดชมผมออกมา
     
     
     
     
     
    “นี่ลงทุนทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” ยัยจียอนเดินมาประชันหน้าผมมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไร้มารยาท ผมอดไม่ได้เลยต้องตอกกลับไปอีกสักดอก
     
     
     
     
     
    “ใช่! และผลที่ออกมามันก็โอเคอยู่นะ ตอนนี้ฉันก็มั่นใจว่าฉันสวยกว่าเธอ!”
     
     
     
     
     
    “เฮอะ! สวยกว่าหรอ! ฉันยอมรับนะว่าคนที่แต่งหน้าให้นายอ่ะฝีมือใช้ได้อยู่ที่สามารถแปลงโฉมให้นายกลายร่างเป็นผู้หญิงได้ แต่ยังไงซะของปลอมรึจะสู้ของแท้ได้!” ยัยจียอนพูดแล้วก็ยกยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ แต่มีเรอะว่ามินซูก้าคนนี่จะยอม
     
     
     
     
     
    “อย่าทำหน้าขี้อิจฉาแบบนั้นสิจียอน ฉันไม่สนหรอกนะว่าจะหญิงแท้หรือหญิงเทียมแต่ฉันสนแค่ผลงานที่ได้ ฉันหวังว่าเธอคงจะอยากสู้กันฉันแฟร์ๆและไม่เอาเรื่องที่ฉันเป็นอะไรไปบอกคุณคิมนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขอบคุณมาก” พูดจบผมก็สะบัดปลาย(วิก)ผมเดินออกมาเลย ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่ายัยจียอนกำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน คงอยากจะกรี๊ดๆๆน่าดูเลยล่ะ (:
     










    TBC.
    ตอนนี้มีนักแสดงเพิ่มมาเยอะเลยเนอะ ตอนหน้าบังทันออกครบแล้วนะคะ คงจะพอเดาเนื้อเรื่องได้ละ เจอกันตอนหน้านะคะ^^
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×