ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BTS) 'อสงไขย' รักนี้ไม่สิ้นสุด...

    ลำดับตอนที่ #7 : A - S o n g - K a i : คนป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 58


     




    A - S O N G - K A I
    7
    คนป่วย
     
     
     
     
     
    “ฮัดชิ้ว!” ผมนั่งฟังเสียงจามของคนข้างๆมาสามชั่วโมงแล้วครับ ไม่รู้ไปทำอะไรมาหวัดถึงแง่มเอาได้ ไม่แข็งแรงเลยอ่ะเนอะ ไม่เหมือนผมถึกและบึกบึนมาก ฮา
     
     
     
     
     
    “ฮะ..ฮัดชิ้ว!!”
     
     
     
     
     
    “ย๊า! คิมซอกจินไปทำอะไรมาห๊ะถึงได้มานั่งส่งเสียงน่ารำคาญแบบนี้เนี้ย!” อาจารย์ฮิมชานที่ทนไม่ได้เลยแว๊ดออกมา สร้างความแปลกใจให้ผมได้ไม่น้อย ก็ไม่เคยเห็นอาจารย์แว๊ดอ่ะปกติจะทำแต่หน้าขรึมๆ
     
     
     
     
     
    เย็นชา ชิบ!
     
     
     
     
     
     
    “ขอโทษครับอาจารย์เมื่อวานโดนฝนนิดหน่อยน่ะครับเลยเป็นหวัด” ผมหันไปมองหน้าพี่จินที่ตอบเสียงอู้อี้อย่างสงสัย
     
     
     
     
     
    “ทำไมพี่ถึงโดนฝนล่ะ เมื่อวานพี่กลับบ้านก่อนผมตั้งนานไม่ใช่หรอ?”
     
     
     
     
     
    “ก็แหม นายก็รู้ว่าฉันชอบเถลไถล” ผมถึงกับบางอ้อเมื่อพี่จินพูดจบ จริงด้วยสิพี่จินน่ะเถลไถลจะตาย
     
     
     
     
     
    “ปกตินายก็พกร่มนิ่ทำไมถึงยังเปียกล่ะ” อาจารย์ฮิมชานถามแล้วผมก็หันไปมองหน้าพี่จินอีกครั้ง
     
     
     
     
     
    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับอาจารย์ว่าฝนมันจะตกมาตอนนั้น ฮัดชิ้ว!” พูดจบก็ถูจมูกตัวเองแรงๆอย่างเซ็งๆ เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ โชคดีนะเนี้ยที่เมื่อวานผมได้ร่มคันนั้นมาไม่งั้นคงเป็นแบบพี่จินแน่
     
     
     
     
     
    “แล้วนี่ไปหาหมอมารึยัง”
     
     
     
     
     
    “ยังครับ ผมไม่ค่อยถูกกับหมอเท่าไหร่เดี๋ยวซื้อยากินก็พอแหะๆ” ร่างสูงพูดแล้วก็หัวเราะแหะๆไปให้คนเป็นอาจารย์ที่ยืนมองอย่างเอือมๆ
     
     
     
     
     
    “เธอก็อย่างนี้ตลอดแหละนะ ไม่ไปหาหมอแล้วมันจะหายมั๊ย? แล้วถ้าเด็กคนนี้ติดหวัดเธอไปอีกคนก็เจ๊งกันพอดีสิงานนี้” อาจารย์ว่าก่อนจะเดินไปผลักหัวพี่จินเบาๆอย่างหมันไส้
     
     
     
     
     
    “โหว อาจารย์อ่ะ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมไปหาหมอเลยก็ได้”
     
     
     
     
     
    “ก็ดี งั้นมาติวกันต่อ”
     
     
     
     
     
    “ฮัดชิ้ว!!”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    “พี่โอเคนะ” ถามพี่ชายตัวสูงที่เดินโงนเงนอยู่ๆข้างๆ วันนี้อาจารย์ฮิมชานอนุญาตให้กลับเร็วเพื่อที่จะให้พี่จินไปหาหมอเพราะเจ้าตัวเอาแต่จามไม่หยุดจนไม่เป็นอันติวกันเลย และดูเหมือนตอนนี้พี่จินก็เริ่มไม่ไหวแล้วดูจากหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
     
     
     
     
     
    “อืม” ตอบออกมาแค่นั้นแล้วก็เดินนำผมไปข้างหน้า จนถึงหน้าโรงเรียนพี่แกก็ไม่ยักจะโบกแท็กซี่สักที
     
     
     
     
     
    “พี่จินจะไปไหนอ่ะ ไม่ไปหาหมอหรอ” ผมรีบสาวเท้าไปเดินขนาบข้างเห็นป่วยๆแบบนี้แต่เดินไวชิบเป๋ง
     
     
     
     
     
     “ไม่อ่ะฉันไม่ชอบหมอตรวจนู้นนี้นั่นเยอะแยะสุดท้ายก็ให้แค่ยาแก้ปวดมา ไปซื้อยากินเองง่ายกว่า” เราสองคนเดินมาถึงร้านขายยาข้างโรงเรียน พี่จินเดินเข้าไปซื้อยาข้างในส่วนผมก็ยืนรออยู่ข้างนอก ไม่รู้จะเข้าไปทำไม รอจนพี่จินออกมาก็กะว่าจะบอกลาแล้วกลับบ้านบ้างแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจแทบจะทันทีที่คนตัวสูงก้าวพ้นรัสมีประตูร้านขายยา
     
     
     
     
     
    ฟึบ!!
     
     
     
     
     
    “เฮ้ย! พี่จิน” รีบตรงเข้าไปประคองร่างสูงที่อยู่ก็ทรุดฮวบลงไปเฉยเลย พอได้สัมผัสตัวก็ต้องสะดุ้ง ตัวร้อนจี๋เลยนี่นา
     
     
     
     
     
    ผมพยุงร่างพี่จินไปที่ริมถนนเพื่อโบกแท็กซี่ โชคดีที่ตอนนี้เป็นเป็นตอนกลางวันเลยมีแท็กซี่ผ่านตลอด ผมดันร่างสูงของพี่จินเข้าไปข้างในก่อนจะเข้าไปนั่งตาม จะหันไปบอกจุดหมายกับคนขับก็นึกขึ้นได้ว่าไม่รู้เลยหันไปสะกิดคนข้างๆแทน
     
     
     
     
     
    “พี่จินบ้านพี่อยู่ไหนอ่ะ”
     
     
     
     
     
    “คอนโดXXX” ร่างสูงตอบกับมาเสียงเบาหวิวแต่ผมก็พอได้ยินอยู่เลยหันไปบอกจุดหมายแท็กซี่ ระหว่างทางก็หันไปมองคนข้างๆเป็นระยะๆ ใบหน้าหล่อเหลานั่นซีดลงเรื่อยๆเหงื่อกาฬก็ผุดเต็มใบหน้าแพรวพราวไปหมด
     
     
     
     
     
    ทำไมถึงเป็นหนักขนาดนี้นะ
     
     
     
     
     
    ผ่านไปไม่นานแท็กซี่ก็ขับมาจอดที่หน้าคอนโด ผมพยุงร่างของพี่ออกมาอย่างทุลักทุเลก่อนจะพาเข้าไปในลิฟท์
     
     
     
     
     
    “พี่จินห้องพี่อยู่ชั้นไหนอ่ะ”
     
     
     
     
     
    “สะ สองศูนย์ศูนย์สาม..” ผมกดลิฟท์ไปที่ชั้นยี่สิบ พอมาถึงก็รีบพาคนป่วยไปที่หน้าห้องตามที่เจ้าตัวบอก
     
     
     
     
     
    ‘2003’
     
     
     
     
     
    ผมหยุดมองเลขหน้าห้องก่อนจะหันไปมองเจ้าของมันที่ตอนนี้ยืนพิงกำแพงหน้าซีดเผือดอยู่ข้างประตู
     
     
     
     
     
    “คีย์การ์ดอยู่ไหนพี่”
     
     
     
     
     
    “นายกลับไปเถอะฉันดูแลตัวเองได้” ขนาดพูดยังยากเลยแล้วนับประสาอะไรจะพาตัวเองไปนอนที่เตียงได้โดยไม่หน้าทิ่มไปซะก่อนน่ะ
     
     
     
     
     
    “เอามาเถอะหน่า”
     
     
     
     
     
    “อยู่ในกระเป๋า อ๊ะ..”
     
     
     
     
     
    ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะพูดจบผมก็ดึงร่างสูงเข้ามาหาตัวก็จะเอื้อมไปหยิบคีย์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋าช่องแรกออกมา ลืมตัวว่าทำอะไรลงไปมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆเป่าลดที่ต้นคอเนี้ยแหละ
     
     
     
     
     
    นี่ก็เท่ากับว่าผมกำลังกอดพี่จินอยู่เลยนะ
     
     
     
     
     
    ผมรีบผละออกมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนแตะคีย์การ์ดกับประตูแล้วหันมาพยุงคนป่วยให้เข้ามาในห้อง พาไปส่งถึงเตียงด้วยเป็นไงล่ะ จัดแจงท่านอนให้เสร็จก็เดินไปหยิบกะละมังมารองน้ำโดยไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กติดมือออกมาด้วย จากการที่เคยดูแลคนป่วยมาก่อนก็พอจะทำให้ผมรู้ว่าควรทำยังไงบ้าง
     
     
     
     
     
    ผมบิดผ้าขนหนูอีกครั้งก่อนจะนำมันขึ้นมาวางทาบไว้บนหน้าผากมน จากนั้นก็ห่มผ้าให้ร่างสูงจนถึงคอ เสร็จแล้วก็ค่อยๆเดินออกมานอกห้องนอนปิดประตูเบาๆ ไม่อยากให้คนป่วยตื่น
     
     
     
     
     
    ทรุดนั่งลงที่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน พี่จินตัวหนักชะมัดยาดแบกมาได้นี่ถือว่าบุญเลย นั่งพักเหนื่อยได้สักพักสายตาผมก็เริ่มสอดส่องไปรอบๆห้อง การตกแต่งแปลกตาพอสมควรตอนที่เข้ามาตอนแรกก็ไม่ทันได้สังเกตหรอก ผมลุกเดินไปรอบๆห้องก็ต้องหลุดขำน้อยๆกับความน่ารักของเจ้าของห้อง ก็ของแทบทุกชิ้นในนี้มีชื่อเขียนติดอยู่แทบจะทุกอย่างเลยนี่นา บางอย่างก็มุ้งมิ้งจนผมไม่คิดว่าจะเป็นของผู้ชายด้วยซ้ำ อย่างเช่นสมุดโน้ตสีชมพู ปากกาสีชมพูและอีกหลายๆอย่างที่เป็นสีชมพูเกือบจะทุกชิ้น จะว่าไปไอนั้นก็.....
     
     
     
     
     
    ผมเดินไปเปิดกระเป๋านักเรียนตัวเองก่อนจะหยิบของที่เพิ่งได้มาขึ้นมาดูอย่างละเอียดและก็เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
     
     
     
     
     
    ที่ตูดกระบอกร่มอันนี้มีจริงๆ
     
     
     
     
     
    ชื่อเจ้าของที่ชื่อ.....
     
     
     
     
     
     ‘คิมซอกจิน’
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    [Jin’s Part]
     
     
     
     
     
    “พี่จินลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนนะ” เสียงเรียกพร้อมแรงสะกิดที่ต้นแขนเบาๆปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ทันทีที่ลืมตาก็เห็นเจ้าของร่างเล็กยืนมองผมอยู่ข้างเตียง ดวงตาฉายแววเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
     
     
     
     
     
    “นี่นายยังไม่กลับอีกหรอ” เอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านเดี๋ยวก็โดนดุหรอก
     
     
     
     
     
    “คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ถึงพี่ไม่อนุญาตผมก็จะนอน” ร่างเล็กพูดแกมบังคับไม่สนว่าผมจะค้านอะไรบ้างเลย แขนเล็กพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินไปยกเก้าอี้ที่ผมใช้ทำการบ้านมาวางข้างเตียงผมแล้วก็จับจองพื้นที่นั่งนั้นทันที
     
     
     
     
     
    “จะนอนทำไม แล้วพี่ชายนายไม่ว่ารึไง”
     
     
     
     
     
    “ผมโทรไปขอเค้าแล้ว บอกว่าพี่ไม่สบายเลยจะนอนเฝ้าเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร” พูดไปมือก็ฉวยถ้วยโจ๊กที่ตัวเองเป็นคนทำมาถือไว้ ก่อนจะตักขึ้นมาเป่าสองสามทีแล้วจ่อที่ปากผม
     
     
     
     
     
    “แล้ว...”
     
     
     
     
     
    “กินเข้าไปก่อนเถอะหน่า ไม่สบายก็อย่าพูดมากสิ” ว่าผมอย่างดุๆ หน่อยไอเด็กนี่เห็นผมอ่อนแอเข้าหน่อยเบ่งใหญ่เลยนะ ถ้ารู้ว่าจะโดนเบ่งใส่แบบนี้รู้งี้เมื่อคืนผมไม่ยอมวิ่งตากฝนสละร่มให้หรอก
     
     
     
     
     
    ชิ! มันน่าน้อยเนื้อต่ำใจนัก!
     
     
     
     
     
    ผมยอมนั่งอ้าปากรับโจ๊กที่มันหยอดมาให้เคี้ยวๆกลืนจนหมดถ้วย ตามด้วยยาอีกสามเม็ดที่เพิ่งซื้อมาตบท้ายด้วยการยกน้ำขึ้นดื่ม
     
     
     
     
     
    “ดื่มน้ำให้หมดดิพี่จิน” ไม่วายหันมาสั่งผมอีกครั้ง ผมเลยยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วหันไปมองอย่างเคืองๆ นี่ถ้าหายเมื่อไหร่โดนดีแน่
     
     
     
     
     
    “พอใจยัง!” กระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะหัวเตียงแรงๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าคนขี้สั่งที่นั่งอมยิ้มอย่างพอใจ
     
     
     
     
     
    “ดีมากๆ” ลูบหัวผมเหมือนเด็กก่อนจะยกถาดอาหารออกไปเก็บข้างนอก ท่าทางสบายๆแบบนั้นนึกว่าเป็นบ้านตัวเองรึไงวะ
     
     
     
     
     
    “กลับไปได้แล้ว” ผมเอ่ยหลังจากที่จองกุกเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง
     
     
     
     
     
    “ผมบอกพี่แล้วไงว่าผมจะนอนที่นี่แล้วถึงพี่จะไล่ผมก็จะไม่ไป เป็นไงหน้าด้านป่ะล่ะ” พูดแล้วยักคิ้วกวนๆส่งมาให้ผมสองจึก เห็นแล้วมันหมันเคี้ยวจริงๆ
     
     
     
     
     
    “สุดๆอ่ะ” ตอบพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมๆ
     
     
     
     
     
    “แล้วนี่พี่รู้สึกดีขึ้นยัง ยังปวดหัวอยู่มั้ย” ไม่ถามเปล่าร่างเล็กยังเอี้ยวตัวเอามือมาอังหน้าผากผมส่วนอีกข้างก็อังหน้าผากตัวเองได้ด้วย
     
     
     
     
     
    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
     
     
     
     
     
    จู่ๆก้อนเนื้อในอกก็เต้นแรงขึ้นมาซะอย่างนั้น กะอีแค่ใบหน้าขาวๆที่อยู่ห่างกันไม่กี่คืบทำไมมันถึงทำให้ผมใจเต้นแรงได้ขนาดนี้นะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เด็กคนนี้มีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจผม ก่อนหน้านี้ที่หน้าห้องก็เหมือนกันเพราะอะไรกันนะ
     
     
     
     
     
    “ตัวยังร้อนอยู่เลยอ่ะ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้อีกทีดีกว่า อ๊ะ!” ยังไม่ทันทีร่างเล็กจะเดินไปผมก็ฉุดข้อมือเอาไว้ก่อน
     
     
     
     
     
    “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำเอง”
     
     
     
     
     
    “เห้ย!ไม่ได้ คนป่วยใครเขาให้อาบน้ำกันเดี๋ยวไข้ก็ขึ้นหรอก”
     
     
     
     
     
    “ใครว่าตัวร้อนๆเนี้ยโดนน้ำจะได้เย็นๆ” ผมเถียงถึงแม้ว่าทฤษฎีของผมมันจะดูแม่งๆก็เถอะแต่ผมทนนอนแบบนี้ไม่ได้หรอกเหนียวตัวจะแย่
     
     
     
     
     
    “ดื้อว่ะ” บ่นออดแอดแต่ก็ยอมหลีกทางให้ผม แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินผมก็ทรุดลงไปซะก่อน “แค่เดินยังไม่ไหวเลยแล้วจะไปอาบน้ำ สภาพเนี้ยเดี๋ยวก็ได้ตกส้วมตายกันพอดี”
     
     
     
     
     
    “พูดมาก”
     
     
     
     
     
    “นอนไปเลย เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้” หลังจากที่จัดการกดผมให้ลงนอนบนเตียง จองกุกก็เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาพร้อมกะละมังใส่น้ำแล้วก็ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนหนึ่ง
     
     
     
     
     
    ไม่นานคนตัวเล็กก็เช็ดตัวให้ผมเสร็จรู้สึกสบายตัวขึ้นมานิดหน่อย เสื้อยึดสีขาวกับกางเกงนอนถูกหยิบมาโยนไว้ให้โดยคนตัวเล็กก่อนที่เจ้าตัวจะยกกะละมังเข้าไปเก็บในห้องน้ำ ผมเลยจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย
     
     
     
     
     
    “ขอบคุณนะ” ผมเอ่ยออกไปหลังจากจองกุกเดินออกมาจากห้องน้ำ คนตัวเล็กยิ้มบางๆแล้วเดินมานั่งลงบนเตียงข้างผม
     
     
     
     
     
    “ผมตางหากที่ต้องขอโทษ”
     
     
     
     
     
    “ขอโทษ? ขอโทษทำไม” อดถามอย่างสงสัยไม่ได้
     
     
     
     
     
    “ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้พี่ไม่สบาย แล้วก็ขอบคุณมากนะครับสำหรับร่ม”
     
     
     
     
     
    “นะ นายรู้?”
     
     
     
     
     
    “อืม เพิ่งรู้ก่อนหน้าที่พี่จะตื่นนี่แหละ” คนตัวเล็กพูดยิ้มๆ “พี่ก็จริงๆเลยนะแทนที่จะเดินออกมาให้ดีๆจะได้เดินกลับบ้านพร้อมกันตัวเองจะได้ไม่ต้องเปียกแล้วก็เป็นไข้แบบนี้”
     
     
     
     
     
    “ก็ฉันกลัวนายรู้” ใช่ ผมกลัว กลัวว่าหมอนี่จะรู้ว่าผมยังไม่ได้กลับบ้านและแอบรอส่งมันกลับบ้านก่อนด้วย
     
     
     
     
     
    “จะกลัวทำไมครับเราก็กลับบ้านพร้อมกันทุกวันไม่ใช่หรอ” ร่างบางถามออกมาอย่างไม่รู้อะไร ก็แหงสิจะไปรู้ได้ไงว่าผมแอบเดินตามไปส่งที่บ้านทุกวันก็เอาแต่เดินฮัมเพลงอย่างสบายใจแบบนั้นนี่
     
     
     
     
     
    “กลัวเสียฟรอมตางหากเว้ย” แกล้งผลักหัวมันออกไปแรงๆหนึ่งที แต่ไม่วายเจ้าตัวก็หัวเราะออกมาซะอย่างนั้น
     
     
     
     
     
    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
     
     
     
     
     
    อีกแล้ว หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว ทำไมกันก็แค่เห็นจองกุกหัวเราะทำไมหัวใจผมต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ
     
     
     
     
     
    “ย๊า! จอนจองกุกหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ”
     
     
     
     
     
    “ก็มันขำอ่ะ ฮ่าๆๆ โอ้ย ปวดท้องไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” หัวเราะจนตัวงอ ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา
     
     
     
     
     
    “บอกให้หยุดไง” หัวใจฉันมันเต้นแรงไม่รู้หรอ!
     
     
     
     
     
    “โอ้ย พี่ตลกอ่ะ ฮ่าๆๆ” นอกจากจะไม่หยุดยังแหกปากหัวเราะซะลั่น ผมที่ทนเห็นไม่ได้แล้วเลยต้องรีบเอามือไปอุดปากไว้แต่เพราะคนตัวเล็กไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเซมาล้มทับผม ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ
     
     
     
     
     
    ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
     
     
     
     
     
    ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายผมเต้นแรงมากจนผมกลัวว่าคนที่นอนทับผมอยู่จะได้ยินมันซะเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นทั้งผมและจองกุกก็ไม่มีใครขยับไปไหน มีแต่ดวงตาคู่สวยของร่างบางที่มองตาผมอยู่
     
     
     
     
     
    ผมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตนั่นรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่ ก่อนที่สายตาผมจะไล่มองไปหยุดที่ริมฝีปากสีชมพูนั่น ไม่รู้อะไรดึงดูดให้ผมค่อยๆเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปจนริมฝีปากของตัวเองสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของอีกคน
     
     
     
     
     
    ‘จูบ’
     
     
     
     
     
    ผมกำลังจูบจองกุก...
     
     
     
     
     
    ผมกำลังจูบกับผู้ชาย…
     
     
     
     
     
    แต่ทำไมล่ะ ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันหอมหวานสุดๆไปเลย
     
     
     
     
     
     
    TBC.
    เฮ้ยๆ อะไรกันจูบกันแล้วอิชั้นจะกรี๊ด
    งือออ พี่จินเป็นผู้ชายอบอุ่นจังมีแอบเดินตามไปส่งน้องที่บ้านด้วย อีกอย่างก็มุ้งมิ้งไปเหมือนกันนะ แลดูเหมาะที่จะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของไรท์ (โดนตบ)
    ป่าวนะ ไรท์ป่าวเป็นเมนพี่จินแต่ไรท์เป็นเมนพระเอกตางหาก
    ถาม
    เรื่องนี้ใครเป็นพระเอก?
    ตอบถูกไม่มีอะไรให้นะจ๊ะ อิอิ
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×