ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (GOT7) Your heart หัวใจพ่ายรัก JackBam feat. Mark [Mpreg]

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 Your heart

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 58





    ตอนที่4 (Chapter Four)...





     
     
    “ไปครับน้องแบมเข้าบ้านกันเถอะ” มาร์คเอ่ยหันไปมองคนตัวเล็กที่สติยังล่องลอยอยู่




     
    “พี่มาร์ค......แบมกลัว” ตากลมก้มมองพื้นซ่อนแววตาที่สั่นไหว




     
    “ไม่เป็นไรนะพี่อยู่ตรงนี้แล้ว ข้างๆน้องแบมตรงนี้ไงครับ” มือหนาเลื่อนลงไปจับกุมมือบางเอาไว้ กระชับเบาๆเป็นสัญญา




     
    “พี่จะไม่ทิ้งแบมใช่มั้ยครับ พี่จะอยู่กับแบมใช่มั้ย” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาช้อนตามองร่างสูงของพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ  มาร์คยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยประโยคสัญญากับน้องอีกครั้ง




     
    “พี่เป็นลูกผู้ชายแมนๆนะครับ น้องแบมรู้รึเปล่าว่าคนแมนเค้าไม่ผิดสัญญากันหรอกนะ พี่ก็เหมือนกันครับ พี่สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆน้องแบมไม่ทิ้งน้องแบมไปไหน” ได้ฟังแบบนั้นแบมแบมก็ยิ้มออกมาได้อีกครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหนแต่ถ้ายังมีพี่มาร์คอยู่ข้างๆแบมแบมก็จะไม่เป็นไร




     
    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอลูก เป็นไงหมอว่ายังไงบ้าง” หญิงสาวเดินออกมาถามลูกชายอย่างเป็นห่วงหลังจากที่ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านแต่ก็ยังไม่มีใครเดินเข้าบ้านสักที พออกมาดูก็เห็นว่าเป็นลูกชายตัวเอง




     
    “เอ่อ...” แบมแบมอึกอักตอบไม่ถูก ไม่รู้จะบอกแม่ว่ายังไง ยังไม่ทันได้เตรียมคำพูดไว้เลย




     
    “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับน้าพิม ก็แค่ความดันต่ำนิดหน่อยน่ะครับ” เป็นมาร์คที่ตอบออกมาแทน มือหนากระชับเบาๆบอกเป็นนัยๆว่าไม่เป็นไร




     
    “โธ่ ลูกแม่ติดการ์ตูนใช่มั้ยเนี้ยถึงนอนดึก เห็นมั้ยความดันต่ำเลย” พิมเดินเข้ามาสวมกอดลูกชายอย่างโล่งอกนึกว่าจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ซะแล้ว แบมแบมที่พอโดนแม่กอดน้ำตาก็แทบจะไหลลงมาอีกครั้ง ยังดีที่มีพี่มาร์คยืนอยู่ข้างๆน้ำตามันถึงไม่ไหลออกมาให้แม่สงสัย




     
    เพราะมีพี่มาร์คที่ยืนยิ้มให้เขาไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ เพราะฉะนั้นแบมแบมก็จะยิ้มเหมือนกัน!






     
     
    -----Your heart-----




     
    #หนึ่งสัปดาห์ต่อมา


     
     
    “พี่มาร์ค แบมจะทำยังไงต่อดีถ้าต่อไปท้องแบมใหญ่ขึ้นแม่ก็ต้องรู้ แล้วถ้าเกิดแบมแพ้ท้องขึ้นมาก่อนที่ท้องจะโตแม่ก็จะรู้เร็วเข้าไปอีก แบมกลัวแม่รับไม่ได้อ่ะ แบมกลัวแม่เสียใจ” ร่างบางพูดอย่างกระวนกระวายจนคนฟังต้องเดินมานั่งข้างๆและจับไหลบางเอาไว้ ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาหวาน รอยยิ้มบางๆถูกส่งไปอีกเหมือนเคย มันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งถ้าเกิดคนที่แบมแบมมาปรึกษาคือพี่ชายตรงหน้าซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าตัวเลือกหมายเลขหนึ่งของเขาต้องเป็นผู้ชายคนนี้ แค่คนนี้เท่านั้น




     
    “หรือว่าแบมจะเอาเด็กออกดีอ่ะพี่มาร์ค” แบมแบมพูดเบาๆอย่างไม่เต็มเสียงนักแต่ถึงอย่างนั้นคนฟังก็ได้ยินมันชัดเจนแล้วก็ตีหน้ายักษ์ขึ้นมาทันที




     
    “น้องแบมพูดอะไรครับ อะไรคือจะเอาเด็กออก” ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่เข้าใจสิ่งที่แบมแบมพูด เขาก็ยี่สิบสามแล้วนะเขารู้ดีว่าสิ่งที่น้องพูดก็คือการทำแท้งนั่นแหละ แต่ที่เขาถามก็เพราะต้องการคำอธิบายถึงเหตุผลที่น้องพูดออกมาแบบนั้น



     
    “ก็...แบมไม่พร้อมที่จะมีเค้า แบมกลัวว่าแม่จะอับอาย และอีกอย่างเค้าก็ไม่ได้เกิดมาจากความรัก...มันก็แค่ความผิดพลาดอ่ะพี่มาร์ค แค่...”




     
    “แค่ความผิดพลาดมันก็เจ็บพอแล้วนะน้องแบม” ยังไม่ทันที่แบมแบมจะพูดจบมาร์คก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน ตาคมยังคงจ้องลึกเจ้าไปในดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว “แม้ว่าจะเป็นความผิดพลาด แต่เค้าก็เกิดมาแล้ว น้องแบมจะใจร้ายกับเด็กตาดำๆที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอย่างนั้นหรอครับ”




     
    แบมแบมส่ายหน้าเบาๆดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำใส เขาไม่ได้อยากทำร้ายเด็กแต่เขาก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้ต้องเกิดมาแล้วโดนเหยียดหยามหรือโดนดูถูก เขารู้ว่าในอนาคตลูกเขาต้องโดนพวกเด็กนิสัยเสียล้อแน่ๆเรื่องที่ไม่มีพ่อแถมยังมีแม่เป็นผู้ชายอย่างเขาอีก เขาไม่อยากให้ลูกของเขาเจ็บปวดแล้วเสียใจ สู้ให้ไม่ต้องเกิดมารับรู้อะไรเลยยังจะดีกว่า




     
    “ในเมื่อเค้าเกิดมาแล้ว สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือให้กำเนิดเค้าและเลี้ยงดูเค้าให้ดีที่สุดและพี่เชื่อว่าน้องแบมทำได้ พี่จะอยู่ข้างๆน้องแบมเองนะครับ”




     
    “แต่..”



     
     
    “ไม่ต้องกังวลไปนะครับ พี่รู้แล้วว่าเราจะทำยังไงกัน” ราวกับหยั่งรู้ เพราะแค่มองตามาร์คก็รู้ใจของแบมแบมไปซะหมด เขารู้ว่าน้องกังวลถึงเหตุการณ์ในวันข้างหน้าว่าจะทำยังไงต่อไปดี ไอตัวเขาก็อยากจะเดินไปบอกน้าพิมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะว่าแบมแบมกำลังจะมีเจ้าตัวน้อยแต่เจ้าตัวกลับเอาแต่กลัวอยู่แบบนั้นเขาเลยทำได้แค่อยู่ข้างๆน้องไม่พูดอะไร แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้และเขาก็รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงที่จะให้แบมแบมตั้งท้องให้ครบเก้าเดือนและคลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยโดยที่น้าพิมไม่รู้เรื่องนี้




     
    “ยังไงอ่ะพี่มาร์ค”




     
     “ไปอยู่เกาหลีกับพี่นะ (”









     
    -----Your heart-----






     
     “นี่เป็นเรื่องจริงหรอจ๊ะที่ว่ามาร์คกำลังจะไปเปิดโรงแรมที่เกาหลีน่ะ”



     
     
     “ครับน้าพิม ตอนนี้ผมก็กำลังประสานงานกับทางนู้นอยู่ แต่มันก็ค่อนข้างลำบากน่ะครับอยู่คนละประเทศจะทำอะไรก็เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” มาร์คตอบคำถามของคนเป็นน้าอย่างอ่อนใจเมื่อนึกถึงโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ตัวเองกำลังทำ วันนี้เขาตั้งใจจะมาคุยกับน้าพิมเรื่องของแบมแบมแต่ถ้าอยู่ๆจะให้มาขอลูกเขาไปอยู่ด้วยไปเลยมันก็กะไรอยู่ มาร์คเลยลองสปอยเรื่องนี้ให้แม่ตัวเองฟังคร่าวๆเพราะเขารู้ว่าแม่ต้องมาคุยกับน้าพิมแน่ๆ และมันก็จริงอย่างที่เขาคิด เพราะพอเจอหน้ากันปุ๊ปน้าพิมก็ถามถึงเรื่องนี้ปั๊ป




     
     “มันก็จริงเนอะ น้าก็พอจะเข้าใจตอนที่พ่อของเราต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างไต้หวันกับไทยอยู่บ่อยๆ ตอนที่พ่อน้องแบมยังอยู่ก็เป็นเหมือนกันจ่ะ น้านี่นะเห็นเขาเหนื่อยแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทำงานจนไม่มีแม้แต่เวลาจะพักผ่อนเลย” หญิงสาวเอ่ย ใจก็นึกไปถึงตอนที่สามีตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ตอนนี้เขาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอและลูกมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะสามีของเธอเป็นคนสร้างเอาไว้




     
     “มันก็เป็นธรรมดาของผู้ชายน่ะครับน้าพิม ผมก็เข้าใจคุณพ่อกับคุณน้าบวรนะครับ ความจริงพวกท่านก็ไม่ใช่คนบ้างานอะไรหรอกแต่พวกท่านก็คงแค่อยากจะทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวให้สุขสบายเท่านั้นเอง” มาร์คเอ่ยยิ้มๆ เขาเองก็ไม่ต่างกับพ่อเท่าไหร่นัก อยากทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงครอบครัวของตัวเอง มันก็คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันไม่ใช่รึไง ก็แค่เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้สุขสบายไม่ลำบากน่ะ




     
     “จริงอย่างที่มาร์คพูดเลยจ่ะ พ่อน้องแบมน่ะเขาสร้างทุกอย่างมาก็เพื่อน้องแบมแม้ว่าสุดท้ายเขาจะไม่ได้เห็นความสำเร็จของลูกแต่เขาก็ทำมันออกมาได้ดีแล้วในหน้าที่ของคนเป็นพ่อ.....ว่าแต่มาร์คเถอะมีแพลนรึยังว่าจะทำยังไงต่อ เดินทางไปมาระหว่างสองประเทศนี่มันเหนื่อยเอาการอยู่นะ”




     
    “ผมว่าจะย้ายไปอยู่ที่นู้นจนกว่าโรงแรมจะสร้างเสร็จน่ะครับ เลยกะว่าจะมาขอน้าพิมพาน้องแบมไปอยู่ด้วย” มาร์คเอ่ยออกไปอย่างไม่ลังเลถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ 




     
    ใช่! เขาจะพาแบมแบมไปอยู่เกาหลี น้องจะได้เลิกกังวลใจสักทีว่าจะมีใครรู้เรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ ระหว่างนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงหากว่าแม่หรือน้าพิมจะบินไปหา พอคลอดเด็กออกมาแล้วก็ค่อยบอกว่ารับมาเลี้ยงโดยเขาจะรับเป็นพ่อเด็กเอง 




     
    “เรื่องนี้น้าคงจะตัดสินใจอะไรไม่ได้ มาร์คคงต้องไปคุยกับน้องแบมเองแล้วล่ะ แต่ถามว่าน้าอยากให้น้องไปมั้ย? มันก็คงจะแปลกๆหน่อยเพราะเราไม่เคยอยู่ห่างกันแต่ถ้าน้องแบมโอเคที่จะไปน้าก็ไม่ขัดนะ” 




     
    “ขอบคุณครับน้าพิม ผมก็เคยลองเกริ่นๆกับน้องไว้บ้างแล้วแต่น้องแบมเขาอยากมาถามน้าพิมก่อนนะครับ...อ้อมีอีกเรื่องหนึ่งครับ...”




     
    “หื้ม? ว่าไงจ๊ะ” เลิกคิ้วถามอย่างใจดี จะว่าเธอเอ็นดูมาร์คก็ใช่เพราะว่าเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันก็มีอะไรที่มากกว่านั้น เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้จะดูแลลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอได้ และเธอก็เชื่อว่ามาร์คจะไม่มีวันทำให้แบมแบมเสียใจ




     
    “ก่อนไป ผมอยากจะขอหมั้นน้องแบมไว้ก่อนน่ะครับ เพื่อความสบายใจของน้าพิม ส่วนเรื่องแต่งงานไว้รอให้น้องพร้อมเมื่อไหร่ค่อยแต่งเมื่อนั้น ผมรอได้”




     
    “น้ายินดีนะถ้าว่าที่ลูกเขยของน้าจะเป็นมาร์คยังไงน้าก็ฝากดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ” ได้ยินดังนั้นมาร์คก็ยิ้มแก้มแทบปริ ที่คุณว่าที่แม่ยายไฟเขียวให้ซะขนาดนี้ ที่เหลือก็คงจะมีแค่น้องแบมนั่นแหละที่จะใจอ่อนยอมแต่งงานกับเขารึเปล่า







     
    -----Your heart-----




     
     
    @เกาหลีใต้ , โซล , เพนเฮ้าส์ ห้อง 701





     
    ‘เรื่องที่นายให้ฉันไปสืบมาได้ความแล้วนะ’ 




     
    ร่างสูงนั่งกุมขมับตัวเองด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อนึกถึงคำพูดของผู้จัดการหนุ่ม วันนี้เขาขอผู้กำกับให้เลิกกองเพื่อกลับมาพักก่อนโดยอ้างว่าปวดหัว แต่ที่จริงแล้วมันมากกว่านั้นเสียอีก หลังจากที่ผู้จัดการส่วนตัวของเขามารายงานเรื่องที่เขาให้ไปตามสืบให้ เขาก็เอาแต่คิดถึงคำพูดนั้นโดยไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานอีกเลย




     
    ‘เด็กคนนั้น กำลังตั้งท้อง และอีกไม่นานเขากำลังจะมาเกาหลี’




     
    ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว  ภาพในอดีตลอยเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นอีกครั้ง 




     
    “ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอย” พึมพำกับตัวเองก่อนที่มือหนาควานหาโทรศัพท์มือถือมากดโทรออกหาเบอร์ที่เขามักจะโทรหาประจำ 




     
    [ว่าไงแจ็คสัน] 




     
    “เกอว่างมั้ยครับ คือ...ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย”




     
    [ว่ามาสิ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่านายจะโทรมา]




     
    “เกอรู้...รู้ได้ยังไงครับ?” คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเล็กๆอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเขาจะโทรไป 



     
     
    [มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับนายแล้วฉันไม่รู้บ้างล่ะ เจบีบอกฉันหมดแล้วล่ะ] 




     
    และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้แจ็คสันหายสงสัยไปทันที จริงสินะ ก็เกอของเขาสนิทกับเจบีนี่




     
    “ผมควรจะทำยังดีครับเกอ ผมกลัว...กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนตอนนั้น...” พอหายสงสัยแล้วก็เริ่มพูดเรื่องของตัวเอง 




     
    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างสั่นไหว เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเล่าให้เกอคนนี้ฟัง ไม่ว่าเรื่องไหนๆ คนปลายสายมักจะได้รู้ก่อนเป็นคนแรกเสมอ เพราะเขาคือที่พึ่งทางจิตใจของแจ็คสันยังไงล่ะ




     
    [ฟังนะแจ็คสัน สิ่งที่นายทำได้ตอนนี้คืออยู่เฉยๆไปก่อน ในเมื่อนายก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าเด็กคนนั้นตกลงว่าจะปิดเรื่องคืนนั้นไว้เป็นความลับน่ะ แล้วนายจะกลัวอะไร หื้ม?]




     
    “แต่ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ เด็กคนนั้นกำลังตั้งท้องนะครับเกอ ตั้งท้องลูกของผมอ่ะ” ว่าอย่างกระวนกระวายใจ บอกตามตรงตอนนี้แจ็คสันไม่ไว้ใจเด็กไทยคนนั้นเอาซะเลย ข้อตกลงที่เคยให้ไว้ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้รึเปล่า




     
    [ใจเย็นๆนะแจ็คสัน นี่มันก็ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วฉันว่าเด็กคนนั้นก็คงไม่คิดที่จะมาพูดมันตอนนี้หรอก ถ้าเขาคิดที่จะแบล็คเมล์นายจริงๆก็คงทำไปนานแล้ว]




     
     “แต่ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดีอ่ะครับเกอ ถ้าเกิดเขาไม่ได้คิดจะแบล็คเมล์ผมแล้วเขาจะมาเกาหลีทำไมอ่ะ” และนั่นคือสิ่งที่แจ็คสันกลัวที่สุดนะตอนนี้ 




     
     [บางทีเขาอาจจะแค่หลบมาตั้งครรภ์ก็ได้นะ...นายก็รู้นี่ว่าบ้านเขากับบ้านเราไม่เหมือนกัน คนไทยน่ะเป็นพวกชอบขยายความใส่สีเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องนู้นได้เก่งจะตาย ไอเรื่องที่ผู้ชายท้องเนี้ยก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่มาก...ถึงแม้ว่าองค์การแพทย์จะออกมาเผยแล้วว่าเคสแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้มันก็แค่หนึ่งในล้านเองนะ...เด็กคนนั้นก็คงจะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองประหลาดก็เลยหนีมาอยู่ที่เกาหลีเพราะว่าที่นั่นก็เคยมีเคสแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่รึไง...นายคงจะจำได้นะ] ร่างสูงฟังคนเป็นพี่ไปพรางย้อนคิดถึงอดีตไปด้วย




     
    ก็เพราะจำได้เนี้ยแหละเขาถึงกลัวไง กลัวว่าเด็กคนนั้นจะไม่ยอมปล่อยมือ เขาเกลียดการผิดพลาด และเกลียดการถูกแบล็คเมล์เป็นที่สุด ตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่อยู่ในวงการมาเขาถึงไม่เคยแม้แต่จะมีข่าวเสียๆหายๆออกไป 




     
     แจ็คสันใส่ใจแค่งาน ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับดาราหรือนางแบบคนไหน จนหลายครั้งก็แอบมีคนซุบซิบกันมาเข้าหูว่าเขาเป็นเกย์ แต่ก็นั่นแหละ...ไม่เคยมีใครเห็นเขาหิ้วเด็กที่ไหนขึ้นห้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะแจ็คสันน่ะห่วงภาพลักษณ์และรักงานในวงการบันเทิงมาก ถ้าสิ่งไหนที่ทำแล้วมันจะส่งผลเสียกับหน้าที่การงานของเขา เขาก็จะไม่ทำ




     
    [ฉันหวังว่านายจะไม่คิดทำอะไรแผลงๆนะแจ็คสัน อย่างน้อยถ้านายจะทำอะไรก็ช่วยคิดไว้ด้วยว่าเด็กคนนั้นคือลูกของนาย] ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจในตัวแจ็คสันนะ แต่กันไว้ก่อนก็ดีกว่าต้องมาตามแก้ทีหลังไม่ใช่รึไง




     
     “ครับเกอ ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”




     
    [ถ้าอย่างนั้นก็ดี เรื่องของเด็กคนนั้นน่ะ ไม่ต้องห่วงเดี่ยวฉันกับเจบีจัดการให้ นายแค่ทำงานของนายไปก็พอแล้ว เข้าใจมั้ย]




     
    “ครับเกอ ขอบคุณนะครับ” แจ็คสันรับคำ ก่อนจะเป็นฝ่ายกดวางสายเอง 




     
    ร่างสูงเอนตัวลงนอนราบไปกับเตียง แขนแกร่งที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามถูกยกขึ้นมาพาดหน้าผากไว้ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าทำไมเวลาคนคิดมากจะต้องยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วย แต่ที่รู้คือเขาก็เป็นอีกคนที่ทำมัน




     
    แจ็คสันเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานอย่างนึกคิดหาทางออก ตาคมสำรวจไปทั่วเพดานห้องตัวเอง จากหลอดไฟดวงเล็กไปมองที่หลอดไฟดวงใหญ่และก็กลับมาที่หลอดไฟดวงเล็กอีกที ย้ายจากมุมนี้ไปที่มุมนู้นราวกับเครื่องสแกนจับหยากไย้ยังไงยังงั้น




     
    เมื่อมองจนไปรู้จะมองอะไร จึงเปลี่ยนอัปกริยาลุกขึ้นมานั่งชันเข่า กอดขาตัวเองเอาไว้หลวม พลันนึกไปถึงเรื่องที่เกออีกคนพูดเมื่อครู่ 




     
    เกอของเขาก็คงจะแค่กลัวว่าเขาจะคิดสั้นทำอะไรไม่ดีลงไป แต่ก็อย่างที่บอกถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากให้มีเด็กคนนั้นกับลูกมาอยู่ใกล้ๆก็ตาม แต่แจ็คสันก็ไม่ได้เลวพอถึงขนาดจะไปฆ่าใครได้ 




     
    ถึงแม้ว่าเกอจะบอกให้เขาอย่าเพิ่งทำอะไรแต่เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ เขาจะไม่ยอมให้เกอของเขาต้องมาลำบากในเรื่องของเขาอีกแน่นอน เขาจะต้องจัดการมันด้วยตัวเขาเอง








     
    -----Your heart-----






     
    “ตั้งใจทำงานนะครับ” เสียงหวานเอ่ยพลางจัดเน็กไทด์ให้กับร่างสูงไปด้วย




     
    “ขอกำลังใจหน่อยสิ” มาร์คพูดพรางพองแก้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆน้อง ไม่วายโดยทุบอกกลับมาเบาๆ




     
    “แหนะ นิดหน่อยนี่ก็เอานะ” แบมแบมว่า หน้าหวานส่ายหน้าน้อยกับอาการขี้อ้อนของพี่ชาย




     
    “แหมน้องแบมอ่ะรู้ทันอีกละ ก็พี่อยากได้กำลังใจนี่ครับจะได้มีแรงทำงาน” ไม่พูดเปล่า ยังส่งสายตาอ้อนวอนมาให้แบมแบมใจสั่นเล่นๆอีก




     
    คิดว่าน่ารักมากรึไง





     
    เออ! น่ารักที่สุดแล้วอ่ะคนเนี้ย ><





     
    “พี่ก็หอมแบมทุกวันอยู่แล้วนี่ครับ” มือบางดันอกของพี่ชายที่พยายามยื่นหน้ามาให้เขาหอมให้ได้





     
    “แต่วันนี้พี่อยากให้น้องแบมหอมพี่บ้างนี่ครับ วันนี้พี่มีประชุมใหญ่กับคุณคริส คงต้องเหนื่อยมากแน่ๆเลย” 




     
    อะไรคือเบะปาก ทำตาปริบๆบวกกับตาแดงๆนั่นอีก เดี๋ยวนี้มีอ๊อฟชันเสริมนะเรา




     
    “โอ๋ๆมาๆ มาให้แบมหอมเป็นกำลังใจหน่อยเร็วจะได้มีแรงทำงานเนอะ” แบมแบมกางแขนให้พี่ชายร่างสูงเดินเขามาสวมกอด ก่อนจะกดจมูกสูดดมความของแก้มขาวไปหนักๆทั้งสองข้าง 




     
    คนโดนหอมก็ยิ้มหน้าบานผละออกมานิดหน่อยและก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยๆของคนรักบ้าง




     
    ฟอดด




     
    “ชื่นใจจัง”




     
    “ถ้ามีกำลังใจแล้วก็ไปทำงานได้แล้วนะครับ เดี๋ยวจะเข้าประชุมสายนะ”




     
    “ครับผม น้องแบมก็อยู่บ้านเฉยๆนะครับ อย่าทำงานเยอะอย่ายกของหนักนะ ถ้าเกิดตอนเย็นพี่กลับมาแล้วลูกฟ้องพี่ พี่จะตีให้ก้นลายเลย” ไม่พูดเปล่ายังชี้หน้าคาดโทษไว้ด้วย หากคนตัวเล็กไม่เชื่อฟังก็ต้องมีก้นลายกันบ้างละงานนี้




     
    “พี่มาร์คจะใจร้ายตีแบมลงหรอครับ...” พูดเสียงอ้อนๆ ช้อนตามองคนที่บอกว่าจะตีตัวเองแล้วทำถ้าเบะ เรียกรอยยิ้มบนหน้าของมาร์คได้เป็นอย่างดี




     
    “คนดื้อก็ต้องตีนะครับ” มาร์คว่า ส่งมือหนาไปยีหัวทุยๆให้มันเสียทรงอย่างหมันเขี้ยว  




     
    “โอเคครับ แบมสัญญา จะไม่ทำงานเยอะไม่ยกของหนัก” มือบางถูกยกขึ้นมาชูแต่นิ้วก้อย ประกอบคำสัญญา แต่แทนที่มาร์คจะยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยด้วยกลับส่งมือมายีหัวเขาอีกรอบ ดีนะที่ไม่ได้เซ็ตผม ไม่งั้นต้องเสียว่าเซ็ตใหม่อีก




     
    “ดีมากก งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะครับ รักน้องแบมนะ”




     
    “แบมก็รักพี่มาร์คครับ”




     
    จบคำบอกรักในยามเช้ามาร์คกับขับรถออกจากบ้านไปทำงาน แบมแบมยืนมองปอร์เช่สีขาวขับออกไปจนลับก่อนเดินกลับเข้าบ้านมานั่งดูทีวี




     
    นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วที่เขาและพี่มาร์คมาอยู่ที่เกาหลี จะว่ามีความสุขก็สุขแต่ถามว่าทุกข์มั้ย...มันก็ไม่เท่ากับตอนแรกๆ การได้มาอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับการหลบโลกภายนอกมาอยู่แต่ในโลกของตัวเอง โลกที่มีพี่มาร์คคอยเติมเต็มทุกสิ่งอย่างให้เขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง




     
    เขารู้สึกโชคดีมากที่เกิดมาเป็นแบมแบม...ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้เกิดมาเป็นเด็กชายกันต์พิมุกต์ ภูวกุล...เขาคงจะเสียใจที่ไม่ได้มาเจอผู้ชายดีๆที่รักเขามากขนาดนี้อย่างพี่มาร์คแน่ๆ แค่คิดก็เริ่มอิจฉาตัวเองแล้วอ่ะ









     
    -----Your heart-----







     
    ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นั่งอ่านหนังสือและผล็อยหลับไป มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาเบาๆให้หายง่วง เงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาบนผนัง ก่อนจะลุกไปเปิดประตูเพราะเสียงออดที่ปลุกให้เขาตื่น เพิ่งจะสี่โมงกว่าทำไมพี่มาร์คถึงกลับเร็วจัง




     
    “ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะครับพี่มาร์คไหนว่าประชุ.....แจ็คสัน” เสียงหวานขาดห้วงไปก่อนจะเอ่ยชื่อของผู้มาเยือนเสียงแผ่ว ทั้งอึ้งและตกใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอแจ็คสันที่นี่




     
    “ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย” คนที่มาพร้อมกับหมวก แว่นตาดำและแมสปิดปากเอ่ยขอขึ้น แต่ถึงจะแต่งขนาดนั้นแต่แค่มองแว๊บแรกแบมแบมกลับรู้ทันทีว่าเป็นเขา สงสัยครั้งหน้าต้องใส่วิกติดหนวดมาด้วย คนอื่นจะได้จำไม่ได้




     
    “คุณมีอะไรทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ” แบมแบมเอ่ยถามหลังจากเบี่ยงตัวหลบให้คุณซุป’ตาร์เข้ามาในบ้าน มือหนาจัดการถอดแว่นกับแมสปิดปากออก ตาคมก็มองสำรวจไปรอบๆบ้านด้วย…..รวยเอาการอยู่นี่




     
    “ฉันได้ยินมาว่านาย เอ่อ...ท้อง” แจ็คสันพูด สายตาก็จับจ้องไปที่ท้องแบมแบมที่ดูเหมือนจะป่องขึ้นมาจนเริ่มเห็นชัดด้วยสายตาไม่ค่อยมั่นใจ




     
    “…..” แบมแบมยังคงเงียบไม่พูดอะไร รอให้อีกคนพูดจนพอแล้วค่อนใส่ทีเดียว



     
     
    “ใช่ลูกฉันรึเปล่า” สายตาที่มองมาเหมือนคนแน่ใจแต่ไม่ค่อยมั่นใจของแจ็คสันทำให้แบมแบมที่คิดจะด่าเปิงในตอนแรกอ่อนใจขึ้นมาทันที 



     
     
    ก็นึกว่าจะมาดูถูกเหยียดหยามเขาเหมือนในละครน้ำเน่าที่พวกตัวโกงชอบพูดเวลามีผู้หญิงอุ้มท้องมาหาแล้วบอกว่าไม่ใช่ลูกมัน ทั้งที่คนดูทั่วประเทศก็รู้ว่ามันนั่นแหละเป็นพ่อของเด็ก




     
    แต่มันไม่ใช่กับแจ็คสัน...แววตาที่มองมาแบมแบมรู้สึกได้ว่าแจ็คสันรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาแต่เพียงแค่เขาไม่มั่นใจและอยากได้ยินคำตอบที่แน่ชัดจากปากแบมแบมเท่านั้นเอง




     
    “ปะ เปล่าหรอก เค้าไม่ใช่ลูกคุณ เค้าเป็นลูกผมตางหากล่ะ...ถ้าคุณกลัวว่าผมจะแบล็คเมล์คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมสัญญาไว้แล้วผมไม่กลับคำหรอก” 




     
    แบมแบมพูดได้ไม่เต็มเสียงนักแต่ก็จริงใจพอตัวจนแจ็คสันรู้สึกได้ แบมแบมไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบอย่างที่พูดจริงๆนั่นแหละ จากที่ดูตอนนี้แบมแบมคงจะมีครอบครัวใหม่ที่สุขสันต์ไปแล้ว...และผู้ชายนั้นก็คงจะรักแบมแบมมากอยู่เหมือนกัน




     
    “งั้นหรอ....ขอบคุณนะ บะ แบมแบม ใช่รึเปล่า?” แจ็คสันถามออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก...ก็ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรียกแต่เด็กนั่นๆนี่




     
    แบมแบมอมยิ้มน้อยๆกับท่าทางเก้ๆกังของคุณซุป’ตาร์หนุ่มที่พออยู่นอกจอแล้วก็ไม่เห็นมั่นใจเหมือนตอนอยู่ในจอเลย.....แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าแบมแบมตางหาก...ถ้าเกิดเป็นคนอื่นแจ็คสันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่ที่แจ็คสันดูเขินๆไม่ค่อยมั่นใจเพราะตรงหน้าเขาคือแบมแบมคนที่กำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ยังไงล่ะ ถึงปากแบมแบมจะบอกว่านั่นไม่ใช่ลูกเขาแต่แจ็คสันก็รู้มันดีอยู่แก่ใจว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของใคร




     
    “อืม ดีใจนะเนี่ยที่คุณตามสืบเรื่องของผมด้วย” ร่างบางว่าอย่างขำๆ เลยพลอยใจแจ็คสันยิ้มตามไปด้วย




     
    “ก็ฉันกลัวว่านายจะไม่รักษาคำพูดนี่ ถ้าเกิดนายแบล็คเมล์ฉันขึ้นมอนาคตฉันก็ดับน่ะสิ”




     
    “ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า ผมก็ไม่ได้อยากให้ไอดอลในดวงใจที่กำลังเป็นดาวรุ่งร่วงลงมาจากฟ้าหรอกนะ”




     
    “นายเป็นแฟนคลับฉันด้วยหรอ” แจ็คสันตาวาวขึ้นมาทันทีเมื่อแบมแบมบอกว่าเป็นแฟนคลับตน




     
    “ตัวยงเลยล่ะ” ร่างบางว่าพรางขยิบตาให้แจ็คสันไปหนึ่งที มันคือท่าประจำที่เขามักจะใช่เซอร์วิสแฟนๆ




     
    แม้จะอึ้งอยู่เล็กๆแต่ก็นับว่าแจ็คสันดีใจอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าแบมแบมเป็นแฟนคลับของเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ......ร่างบางเล่าให้ฟังว่าเริ่มติดตามคุณซุป’ตาร์หนุ่มครั้งแรกเพราะได้ไปอ่านบทสัมพาร์ทของเขาในนิตยาสารวัยรุ่นและก็เกิดความประทับใจในไลฟ์สไตล์ที่คล้ายๆกัน และหลังจากนั้นก็เริ่มให้การสนับสนุนและซัพพอตอย่างเต็มตัว




     
     เรียกได้ว่าแจ็คสันคือปั๊ปปี้เลิฟของแบมแบมเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่แบมแบมเริ่มติดตามแจ็คสันเขาก็ไม่เคยสนใจหนุ่มๆหรือสาวๆคนไหนที่เข้ามาจีบเลย ถ้าเกิดใครตื้อมากๆเขาก็จะอ้างว่ามีแฟน(ในดวงใจ)แล้ว ซึ่งก็คือแจ็คสันนั่นแหละ




     
     พอได้ฟังแบบนั้นแจ็คสันก็ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแบมแบมจะชอบเขามากถึงขนาดนี้ ตั้งแต่ร่างบางอายุสิบสามจนถึงตอนนี้ก็เจ็ดปีเข้าไปแล้วนะ เขาพรากชีวิตวัยรุ่นไปจากแบมแบมเลยนะ!




     
    แต่ตอนนี้ก็คงไม่ต้องกลัวว่าแบมแบมจะขึ้นคานแล้วล่ะ ก็ผู้ชายที่ชื่อมาร์คนั่นดูแล้วก็น่าจะรักแบมแบมมาตั้งแต่เด็กๆเลยนี่นะ




     
    ผ่านไปสักพักกำแพงความอึดอัดก็ค่อยๆหายไปโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว ไม่รู้เมื่อไหร่ที่แบมแบมนั่งคุยกับแจ็คสันและยิ้มไปด้วยได้แบบนี้ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่แจ็คสันรู้สึกสนุกในการคุยกับแบมแบมจนลืมเรื่องที่เคยกลัวมาก่อนหน้านี้ไปซะหมด




     
    ทั้งคู่นั่งคุยกันจนเวลาล่วงเลยมาถึงเวลาเคารพธงชาติตอนเย็น(นั่นมันเมืองไทยมั้ยแก?) แจ็คสันก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะลุกขึ้นและเอ่ยลาแบมแบมอย่างเป็นมิตร




     
    “ฉันกลับก่อนนะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมนายกับ...ลูกใหม่” เว้นช่วงไว้นิดหน่อยก่อนจะพูดต่อโดยไม่ลืมมองไปที่ท้องของแบมแบมด้วย




     
    “ยินดีครับ” แบมแบมยิ้มส่งกลับไปให้




     
    แจ็คสันจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องอีกครั้ง (ใส่หมวก ใส่แว่น + แมสปิดปาก) ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านของแบมแบม.....บอกตามตรงว่าความประทับใจแรกเจอนั้นดีไม่น้อย แบมแบมน่ารัก น่ารักมากจนตอนนี้แจ็คสันเริ่มอิจฉาผู้ชายที่ชื่อมาร์คนั่นซะแล้วสิที่สามารถรักและดูแลแบมแบมกับลูกได้อย่างเปิดเผยแบบนี้




     
    และต่อไปนี้แจ็คสันก็คงจะสบายใจได้แล้วล่ะว่าแบมแบมจะไม่เอาเรื่องลูกมาแบล็คเมล์เขา.....แต่เขาคงจะต้องเปลี่ยนมากลุ้มใจเรื่องอื่นแทน...เรื่องที่ว่าเขาจะหาเวลามาเจอแบมแบมกับลูกได้อีกเมื่อไหร่


     


    Talk.ตอนนี้ยาวมากจริงๆ ตอนแรกว่าจะตัดจบตั้งแต่สิบหน้ากระดาษแต่ไปๆมาเลยมาถึงสิบสามหน้า แต่งไปแล้วเพลินดีจริงๆ 

    เย้! ดีใจอ่ะคือตอนแรกกะจะให้แจ็คสันเลวกว่านี้แบบมาถึงใส่ศอกตีเข่าน้องแบมเลย(โหดไปมั้ย?)แต่ด้วยความที่รักเมนมากเลยร้องไห้หนักมาก#ไม่เกี่ยวใช่มั้ย? เลยกลายเป็นว่าออกมาเป็นแบบนี้ ใสๆเบาๆ
     
    มันสลับกันที่มาร์คแบมแจ็คแบมอ่ะ ชิปคู่ไหนก็อ่านสลับตอนกันเองนะ เอ้ย!ไม่ใช่ ต้องอ่านทุกตอนสิไม่งั้นจะเข้าใจได้ยังไง
    ถามว่าทำไมไรท์ไม่ยอมเปิดเผยคู่ (ใครถามแก?) จริงๆแล้วเค้าเปิดเผยไปแล้วนะ ไปดูที่แท็กเลยคู่ตามนั้นเลยจ้า จริงๆนะไม่ได้โกหก
     
    เอาเป็นว่าใครจะคู่กันยังไงเดี๋ยวรอดูอีกไม่นานเดี๋ยวรู้เลย

    ปล.มีเรื่องกลุ้มใจนิดนึง คือจะบรรยายแจ็คสันยังไงใช้คำไม่ถูกเลย คำจำกัดความแจ็คสันน้อยมาก จะเรียกร่างสูงมันก็ยังไงๆอยู่อ่ะ(นี่คือไม่ได้ทำร้ายเมนเลยนะ555) ช่วยคิดหน่อยสิ

     
    #หัวใจพ่ายรัก
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×