ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : A - S o n g - K a i : พี่ น้ อ ง
A - S O N G - K A I
3
- พี่ น้ อ ง -
“โอเค ไม่เอาวาซาบิใช่ป่ะ ได้เดี๋ยวซื้อไปให้ แค่นี้นะ”
ติ๊ด!
ผมกดวางสายพี่ชายตัวดีที่สั่งห้ามนักห้ามหนาไม่ให้ผมโทรหามันแต่ทีตัวเองโทรมาหาเขาได้นะ ก็เข้าใจว่าเป็นนักข่าวใหญ่ ถ้าเกิดผมโทรไปในเวลาทำงานจะเป็นการรบกวน แต่ทีตัวเองโทรมาเนี้ยไม่ได้รู้เวล่ำเวลาเล้ยว่าคนอื่นจะกำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเกิดผมกำลังดูหนังอยู่ไม่ถูกคนทั้งโรงสาปแช่งรึไง
ป่าวหรอก ผมก็แค่มาเดินหาอะไรกินแถวเมียงดงเท่านั้นแหละ ก็แกล้งบ่นไปเท่านั้นอยากให้คนอ่านเสียเวลาเล่นๆ555
ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ซูก้าก็แค่โทรมาสั่งให้ผมซื้ออะไรเข้าไปให้กินก็เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับผมก็คือข้าวปั้นแปะหน้านั่นแหละ
“ฮึก....”
อุ้ย! เสียงคนร้องไห้นี่นา ใครมาร้องไห้แถวนี้นะ(ทำเสียงแบบมาดามมดซิ^^)
ผมกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อหาต้นตอของเสียงที่สร้างความขนลุกทุกครั้งที่ได้ยิน แล้วก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นตานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นแถมร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก แบบที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นเขาในอิริยาบถแบบนี้เสียด้วยซ้ำ
“ศิษย์พี่...” ผมเรียกร่างสูงเบาๆหลังจากที่ไม่ลังเลที่จะเดินเข้ามาแม้สักนิด ผมแอบเห็นหลายคนที่ยืนมองอยู่ บางคนก็ทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาแต่ก็ยังมีความลังเล คนเรานี่ก็จริงๆเลยนะชอบจริงๆยุ่งเรื่องของชาวบ้านเนี้ยแต่ไม่เห็นจะมีใครชอบช่วยเหลือชาวบ้านบ้างเลย ใจดำกันทั้งนั้น!
“ฮึกๆ...น..นาย ฮึก TT” คนโดนเรียกเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่เจ็บปวด นี่นั่งร้องไห้ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี้ย
“ลุกเถอะพี่ นั่งตรงนี้ไปก็ไม่ได้อะไรหรอก” ผมพูดก่อนจะฉุดคนตัวสูงให้ลุกเดินตามขึ้นมา และลานน้ำพุก็เป็นที่ที่ผมเลือกจะไป
ผมลากตัวศิษย์พี่ให้เดินตามมาอย่างทุลักทุเล ก็เจ้าตัวเล่นจะทรุดลงกับพื้นตลอดเวลาเลยน่ะสิ กว่าจะถึงเล่นเอาผมเหงื่อตกไปพอควรเลยล่ะ
“ศิษย์พี่... มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังมั้ย?” ผมทำใจดีสู้เสือถามออกไป
คนโดนถามหันมามองหน้าผมด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาคมที่ทอประกายบัดนี้ถูกกลบด้วยหยาดน้ำใสจนเอ่อคลอล้นขอบตา ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือหนาเอาไว้เป็นการปลอบใจ
“เธอทิ้งฉันไปแล้วในวันนี้ วันที่เราคบกันมาสี่ปี เธอทิ้งฉันไปแล้ว ฮึก.ฮือออ”
พูดได้แค่นั้นร่างสูงก็ก้มเอามือปิดหน้าแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งแบบไม่ยั้ง ผมมองไหล่หนาที่สั่นสะเทือน ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบไหล่กว้างเบาๆ
“ร้องออกมาเลยนะพี่ ผมจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง”
พรึบ!!
“อ๊ะ”
จู่ๆร่างสูงที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ก็ดึงผมเข้าไปสวมกอด ไม่นานไหล่ข้างที่พี่เขาซุกหน้าลงมาก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาลูกผู้ชาย
แขนแกร่งที่กอดรัดผมกระชับมากขึ้นทำให้ผมรู้สึกใจหายอย่าบอกไม่ถูก ร่างกายสั่นสะเทือนไปหมด เรียกได้ว่าเป็นกอดที่สั่นที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมาเลยล่ะ
อาการของพี่เขาทำให้ผมอดคิดไม่ได้ ว่าความรักมันทำให้คนๆนึงเสียใจขนาดนี้เลยน่ะเหรอ...
“ย... ฮึก..อย่า...นาย...ฮึก..อย่าทิ้งฉันไป...นะ จองกุก..”
“.อ...พ................พี่จิน”
ไม่จริงหรอก ยังไงผมก็เชื่อว่าความรักน่ะ...สวยงามเสมอ
และผมนี่แหละจะเป็นคนช่วยให้พี่เขาได้เจอกับความรักที่สวยงามเอง
*****
[Suga’s Part]
“โห นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วครับคุณน้อง กลับมาดึกกว่ากูอีกนะมึง!” ทันทีที่เห็นหน้าไอ้น้องชายตัวดีผมก็ใส่เลยครับ ก็จะไม่ให้โวยได้ไง หันไปดูนาฬิกาซะก่อน (อ่อ ลืมไปว่าคนอ่าน อ่านคนละเวลากัน) แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะย้อนกลับไปความเดิมตอนที่แล้วถ้าจำไม่ผิดผมบอกว่าวันนี้ผมจะกลับดึกซึ่งก็อาจจะถึงเที่ยงคืนเลย และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ ผมกลับมาถึงบ้านตอนตีหนึ่งกว่าๆ พอมาถึงก็ไม่เจอคนที่ควรจะกลับมาถึงบ้านก่อนผมตั้งนานแล้ว และรู้มั้ยครับว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้ว
ตีสองสิบห้า!!!
มันใช่เวลาที่เยาวชนควรจะอยู่นอกบ้านมั้ยครับ
“อืม ขอโทษ”
“ห๊ะ! เมื่อกี้มึงว่าไงนะ กูได้ยินไม่ค่อยถนัด” ผมเบิกตากว้างราวกับว่าเห็นยุนอาใส่บิกินนียืนอยู่ตรงหน้า นี่ผมไม่ได้หูเผื่อนไปใช่มั้ย?
“ขอโทษ”
“จ..จองกุก”
“....ทำไม” คนโดนเรียกหันมาถามสีหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์ร่วมเป็นที่สุด
“มึงไม่สบายรึเปล่าเนี่ย หรือว่าเมื่อกี้กูฟังผิดไป ต้องใช่แน่ๆสงสัยกูจะทำงานหนัก” ผมยกมือขึ้นไปอังหน้าผากน้องชายก่อนจะยกกลับมาขยำหัวตัวเอง นี่ผมคงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ สงสัยผมต้องขอลาพักร้อนสักอาทิตย์นึงซะแล้ว ใช่ๆเป็นความคิดที่ไม่เลว
“ไม่ผิดหรอก”
“.....”
“บอกว่าขอโทษ ที่กลับดึก อ่ะนี่ซูชิที่ฝากซื้อ ไปนอนก่อนนะ” ว่าจบก็ยัดกล่องซูชิใส่มือผมก่อนจะหันหลังเดินขึ้นห้อง แต่ผมว่าคนที่เพี้ยนไปไม่ใช่ผมแล้วล่ะ คนที่เพี้ยนมันน้องชายผมต่างหาก
“เดี๋ยวๆ มานี่ก่อน นั่งลง” ไม่พูดเปล่า ผมดึงคอเสื้อเจ้าน้องชายให้ลงมานั่งแหมะที่โซฟาด้วย มันมองหน้าผมอย่างหน่ายๆเหมือนไม่อยากจะคุย หนอยไอบ้านี้นี่กูยังไม่ได้เคลียร์กับมึงนะครัชเรื่องที่กลับบ้านดึก ยังมีหน้ามาทำหน้าแบบนี้ใส่กูอีกหรอ
“มีอะไร” ดูมันถาม
“มึงนั่นแหละมีอะไร ทำหน้าเป็นหมาโดนเจ้าของทิ้งไปได้”
“เปล่า จะถามแค่นี้ใช่มั้ย ขึ้นไปนอนก่อนนะ” ยังไม่ทันจะได้เรื่องคนโดนถามก็เตรียมจะชิ่ง
“นี่เราสองคนยังเป็นพี่น้องกันอยู่ใช่ป่ะ”
“…..” เกิดความงียบขึ้นอีกครั้งที่ผมพูดจบประโยค จองกุกทำหน้าครุ่นคิดทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่พูด
“เออ กูลืมไป กูไม่ใช่พี่แท้ๆของมึงนี่ มึงคงไม่อยากให้กูยุ่งเรื่องของมึง งั้นกูขอโทษละกันที่กูเสือก” ผมตัดสินใจยืนขึ้นเต็มความสูง ก็ได้ในเมื่อผมยุ่งไม่ได้ผมก็จะไม่ยุ่ง
“.....ซูก้า...”
”…..” ผมหันไปมองคนเรียกนิ่งๆ นี่ไม่ได้งอนเลยสักนิดนะครับบอกก่อน เผื่อใครสงสัย
“ถ้าเกิดคนที่คบกันมานานหลายปี อยู่ๆมาเลิกกัน คิดว่าเหตุผลมันคืออะไรวะ?”
“ห๊ะ??”
“รุ่นพี่ที่โรงเรียนอ่ะ เค้าโดนแฟนที่คบกันมาสี่ปีบอกเลิก ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันครบรอบแท้ๆ”
ผมค่อยๆถอยก้นตัวเองลงไปนั่งทีเดิมอีกครั้ง และฟังจองกุกเล่าอย่างตั้งใจก็ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะสนใจเรื่องแบบนี้ แล้วจู่ๆมาถามแสดงว่ารุ่นพี่คนนั้นต้องมีความสำคัญมากแน่ๆ
“มันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอวะ?” จองกุกเล่า สีหน้าจริงจังสุดๆ จนทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันเป็นใครกัน ที่ทำให้น้องผมเจียดเวลาไปคิดเรื่องของมันได้
“บางที่แฟนหมอนั่นอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างก็ได้”
“แค่รักอย่างเดียวไม่พอ...”
“ฮึ?...”
“เหตุผลที่ผู้หญิงคนนั้นบอก ว่าสำหรับเธอแล้วแค่รักอย่างเดียวมันไม่พอ ทำไมผู้หญิงจะต้องต้องการอะไรมากขนาดนั้นด้วยวะ แค่ไม่มีรถแพงๆขับ ถึงขนาดต้องเลิกกันเลยหรอ!!”
“เฮ้ยๆ มึงจะอินกับบทไปป่ะวะ เรื่องของรุ่นพี่มึงไม่ใช่หรอทำไมมึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นด้วย” ผมรีบแย้งขึ้นก่อนที่บ้านจะไฟลุก แอบเห็นควันลอยออกมาจากหูมันด้วยแหละ
“ก็มันน่าโมโหมั้ยล่ะ สมัยนี้ผู้หญิงคบคนที่เงินหรอ?”
“มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นทุกคนหรอก อย่าเหมารวมดิ ผู้หญิงดีๆก็มีเยอะแยะไป แต่รุ่นพี่มึงมันโชคร้ายเองที่ไปเจอผู้หญิงแบบนั้น” ผมพยายามพูดให้น้องชายที่ตอนนี้อารมณ์เดือดปุดๆใจเย็นลง ทำอย่างกับเป็นเรื่องของตัวเองไปได้
“ให้ตายเถอะ!!”
“เอาเถอะหน่า ยังไงซะก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่หรอที่ผู้หญิงคนนั้นบอกเลิกไปอ่ะ ถ้าเกิดยังคบกันอยู่หมอนั่นอาจจะโดนปอกลอกมากกว่านี้ก็ได้” บางทีการที่ผู้หญิงคนนั้นบอกเลิกไปเองมันอาจจะเป็นผลดีกับไอรุ่นพี่อะไรนั่นก็ได้ จะได้ไม่ต้องทุ่มเทให้กับคนรักที่ไม่ได้รักเราเลยแบบนั้น
“อืม มันก็จริง” จองกุกพยักหน้าเข้าใจ สีหน้าวิตกในตอนแรกก็ดีขึ้น ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้สติมันหลุดขนาดนั้น
“นี่ใช่มั้ยเรื่องที่ทำให้มึงกลับบ้านดึก โอเคงั้นกูจะปล่อยไปสักวันละกัน เข้านอนได้แล้ว ฝันดี” ผมว่าก่อนจะลุกเตรียมตัวเข้านอน นี่ก็ปาเข้าไปตีสองครึ่งแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปทำงานอีก ถ้าไม่รีบขึ้นนอนมีหวังเข้างานสายแน่ๆ
“เดี๋ยว..”
“อะไรอีกล่ะหรือว่ายังมีเรื่องอื่นอีก” หันไปถามคนที่เรียกไว้ จองกุกไม่ได้ตอบทันที คนเป็นน้องยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนเสมองไปทางอื่น ผมแอบเห็นมือนั้นขยำชายเสื้อตัวเองจนยับยู่ยี่
“คือ...วันหลังอย่าพูดแบบนั้นอีกนะ ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆแต่เราสองคนก็เป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึไง พี่น้องที่มีที่ไม่วันตัดกันขาด”
“......”
“แล้วก็ไม่ใช่ว่ายุ่งไม่ได้ อย่าเลิกยุ่งอย่าเลิกสนใจเลยนะ เพราะถ้าไม่ใช่พี่ก็คงไม่มีใครสนใจผม”
คำพูดของจองกุกทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออก มันก็จริงอยู่ที่ผมไม่เคยพูดแบบนั้นกับน้องเลยแต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะคิดมากขนาดนี้
“เออ กูก็พูดไปงั้นแหละ มึงคิดว่ากูจะเลิกยุ่งกับมึงได้จริงๆรึไง ชีวิตกูมันชินไปแล้ว กับการที่ต้องยุ่งเรื่องของมึงอ่ะ จำไว้ด้วย แล้วคราวหลังมีเรื่องอะไรก็ต้องบอกกูก่อน เพราะว่ากูกับมึงเป็นพี่น้องกัน พี่น้องที่ไม่มีวันตัดกันขาด เข้าใจมั้ย?” ผมพูดพร้อมกับตบเบาๆไปที่บ่าน้องชาย
“อืม (”
จองกุกยิ้มส่งยิ้มบางๆกลับมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนัก
รอยยิ้มแห่งความรักอย่างจริงใจ
เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่อยากให้จองกุกไปยิ้มแบบนี้ให้ใครเลย...
TBC.
แหน่ะๆๆ ซูก้า แกแอบคิคไรกับน้องรึเปล่าห๊ะ! (อันนี้ก็ไม่รู้สินะ) แต่สายสัมพันธุ์ของพี่น้องมันช่างแน่นแฟ้น (ซึ้ง)
ได้รู้กันแล้วนะคะว่าที่แท้ศิษย์พี่ของเราก็คือพี่จินสุดหล่อของเรานั่นเอง แล้วนังผู้หญิงคนนั้นล่ะคือใคร? เดี๋ยวรู้กันค่ะ แต่อาจจะอีกสักพักนะ ^^
ปล.เนื้อหาเดิมไม่ได้รีไรท์ค่ะ แค่เอามาลงใหม่เพราะมีบางคนบอกว่ามันอ่านในโทรศัพท์ลำบากเค้าก็เลยลงให้ใหม่ ไม่ได้ลงธีมแล้วนะ อ่านแบบโล่งๆไม่ว่ากันนะคะ พอดีลงในโทรศัพท์อ่า ผิดพลาดยังไงก็บอกด้วยนะคะ
Thank u for reading
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น