คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : YB :17 - New Member
(เพื่อความไม่งงอยากให้กลับไปอ่านตอนก่อนหน้าก่อนนะคะ)
17
New Member
“อะไรนะ! นี่นายพูดแบบนั้นกับแบมแบมจริงๆหรอยูคยอม ทำไมนายถึงซื่อบื้อขนาดนี้ฮะ!!” จูเนียร์ถึงกับแว้ดออกมาทันทีหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากมักเน่ของวง
“ก็ฉันคิดว่าอย่างน้อยไม่เห็นแก่ฉันก็น่าจะเห็นแจ็คสันมันบ้าง ไม่คิดว่าแบมแบมจะโกรธนี่นา”
“ไม่ต้องเป็นแบมแบมหรอกแค่ได้ยินฉันก็โกรธแทนละ นายนี่ไม่น่าชื่อยูคยอมเล่นน่าจะชื่อไอบื้อ เปลี่ยนชื่อเลยดีมั้ยห้ะ” แทบอยากจะพาไปไถนาซะให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าเป็นไปได้อยากจะออกไปซื้อหญ้ามาป้อนซะเดี๋ยวนี้เลย
ให้ตายเถอะทำไมคิมยูคยอมถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้เนี่ย จะด่าว่าควายยังสงสารควายเลย!!
“โอ๊ยย ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด แต่อย่าย้ำมากได้ป่ะล่ะก็คนมันโง่ไปแล้วนี่หว่าจะให้ทำไงได้วะ”
“เด็กๆนี่กินแต่หญ้าใช่มั้ย ตอบ!”
“ไม่ใช่เว้ยย!!”
“พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว จริงๆเลยนะพวกนายสองคนเนี่ยมีโอกาสไม่ได้” เจบีที่เริ่มเห็นว่าสงครามกำลังจะเกิดก็รีบทำตัวเป็นกรรมการห้ามทัพทันที และไม่วายโดนหน้างอง้ำของแฟนหน้าแมวสวนเข้าให้เต็มๆ
“ไม่ต้องมาหน้าบึ้งใส่บี๋เลยนะจูจู.....นายก็อีกคนยูคยอมเอาแต่เถียงอยู่ได้แล้วแบบนี้จะคิดออกมั้ยว่าต้องทำยังไงต่อ” เอ็ดแฟนเสียงงุงิแล้วก็หันไปดุมักเน่ยักษ์ต่อ
ทำไมฮยองต้องมีสองเสียงอ่า ทำไม่ต้องทำหน้าดุใส่ยูคยอมด้วย ทีกับกับจูเนียร์นี่พินอบพิเทาเหลือเกิน อิมแจบอมคนสองมาตรฐาน !
“ผมจนปัญญาแล้วจริงๆฮยอง ไม่ว่าจะทำยังไงดูเหมือนแบมแบมจะไม่สนใจผมอีกต่อไปแล้ว” พอกลับมาคิดเรื่องของตัวเองก็ยิ่งอ่อนใจ บอกตรงๆว่าตอนนี้ยูคยอมใกล้หมดแรงเต็มที เหมือนกับต้นไม่ที่ไม่ได้รับการรดน้ำมานานแล้วกำลังจะยืนต้นตาย ยูคยอมคิดว่าตัวเองกำลังเป็นแบบนั้น
“ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะยูคยอม” เห็นคนตัวโตทำหน้าหงอยลีดเดอร์อิมก็อดสงสารไม่ได้ เข้าก็ไม่ใช่คนใจอ่อนอะไรหรอกนะถ้าไม่ใช่กับจินยอง แต่สำหรับเรื่องนี้ยูคยอมก็ดูน่าเห็นใจไม่น้อย พอลองมองย้อนกลับไปในอดีตแล้วแจบอมก็อยากจะขอบคุณจินยองที่หัวใจตรงกับเขาและไม่ได้ใจร้ายกับเขาแบบนี้
“ก็ดูสิ ขนาดผมแอดมิดที่โรงพยาบาลตั้งนานเขายังไม่เคยมาเยี่ยมผมเลยสักครั้ง เขาคงจะเกลียดผมไปแล้วจริงๆ” ยูคยอมตัดพ้อ มันน่าน้อยใจน้อยที่ไหนล่ะ ทั้งที่ตอนที่แบมแบมเป็นไข้เขายังอุตส่าห์ไปนอนเฝ้าจนติดไข้กลับมาแบบนี้แต่พอเขาเป็นบ้างแบมแบมกลับไม่มาแยแสเขาเลยสักนิด
เห็นตัวเล็กๆน่ารักแต่ทำไมใจร้ายนักนะแบมแบม
“ใครว่า ฉันเริ่มจะเห็นด้วยกับจูเนียร์ละว่านายสมควรจะเปลี่ยนชื่อเป็นไอบื้อจริงๆ”
“แทคยอนฮยองงง” พอโดนเมเนเจอร์ตัวโตตอกย้ำก็ยิ่งโอดครวญ แค่จูเนียร์ว่าคนเดียวก็รู้สึกอยากกินหญ้าจะตายอยู่แล้ว แทคยอนฮยองยังจะมาขยี้เขาอีก ในห้องนี้จะมีใครสักคนที่เข้าข้างคิมยูมยอมบ้างมั้ยเนี่ย
“ที่เขาไม่มาเยี่ยมนายเพราะนายไปบอกเขาเองไม่ใช่รึไงว่าไม่อยากเห็นหน้าอีก คนที่โดนพูดแบบนั้นใส่ต่อให้เป็นฉันฉันก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปให้เห็นหรอก แล้วรู้รึเปล่าว่าอาหารโรงพยาบาลที่นายกินทุกวันน่ะจริงๆแล้วแบมแบมเป็นคนทำ หมอนั่นอ่ะให้ฉันมาดูนายให้ทุกวันแล้วพอรู้ว่านายกินข้าวไม่ได้เพราะอาหารไม่ถูกปากก็ตื่นมาทำแต่เช้าให้ฉันหิ้วมาให้นายที่โรงพยาบาลทุกวันเนี่ย แล้วยังจะมาหาว่าเขาไม่สนใจอีก ไอซื่อบื้อเอ้ยย....โห้ยย เหนื่อย”
“จริงหรอฮะ ฮยองไม่ได้โกหกผมใช่มั้ย แบมแบมไม่ได้เกลียดผมจริงๆสินะ” ถามออกมาเสียงแผ่วราวกับคนเพ้อเพราะฤทธิ์ยา แต่เปล่าเลยตอนนี้ยูคยอมกำลังหวนคิดถึงรสชาติอาหารโรงพยาบาลที่แทคยอนฮยองบอกว่าแบมแบมเป็นคนทำมาหาก็รู้สึกปริ่มในอกขึ้นมา
“ทีนี่ก็ถึงเวลาของนายแล้วล่ะที่จะต้องพาแบมแบมกลับมา”
“แต่ผมจะทำยังไงล่ะเจบีฮยอง ก็ในเมื่อเขาเพิ่งวิ่งหนีผมไปเมื่อกี้”
“ยูคยอมฉันถามจริงๆเถอะ นายรักแบมแบมบ้างรึเปล่า” เป็นจูเนียร์ที่เริ่มทนไม่ไหวกับท่าทีของยูคยอมขึ้นมาซะงั้น เขาไม่ใช่คนที่จะมาโมโหหรือเดือดร้อนแทนในเรื่องของคนอื่นมากนักหรอก แต่สำหรับกรณียูคยอมนี่ปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ
“รักสิ..ผมน่ะ รักแบมแบมมากๆเลยล่ะ”
“ฉันไม่เชื่อนายหรอก คนอย่างนายนอกจากตัวเองแล้วคงรักใครไม่เป็นแล้วล่ะ” มาร์คพี่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างและคำพูดของมาร์คก็ทำเอายูคยอมหัวร้อน
“มาร์คฮยอง อย่ามาดูถูกความรักของผมนะ ผมรักแบมแบมจริงๆ” จะด่าว่ายูคยอมโง่ ซื่อบื้อหรืออะไรก็ได้ แต่อย่ามาพูดว่ายูคยอมไม่ได้รักแบมแบมเพราะนอกจากจะเป็นการดูถูกความรักของยูคยอมแล้วมันยังทำให้ยูคยอมรู้สึกเหมือนเป็นคนเลวที่ไม่มั่นคงต่อหัวใจตัวเองจนแม้แต่คนรอบข้างยังมองไม่เห็นความรักของเขา นับประสาอะไรกับแบมแบมที่ไม่เคยสนใจมัน
“รักหรอ ถ้ารักงั้นช่วยทำให้ฉันเห็นหน่อยสิว่านายรักแบมแบมจริงๆ ทำได้มั้ยล่ะ”
“ผม..ผมไม่รู้...” ยูคยอมคงจะเป็นคนโง่จริงๆนั่นแหละที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าควรจะจัดการยังไงกับหัวใจของตัวเอง ไม่แปลกหรอกถ้าจูเนียร์หรือแทคยอนฮยองจะมองว่าเขาซื่อบื้อ
“อย่าพูดว่าไม่รู้ยูคยอม....นายรู้ว่าต้องทำยังไง เลิกปากแข็งแล้ววางฟอร์มสักทีเถอะ ถ้านายยังเป็นแบบนี้สักวันนายคงจะเสียแบมแบมไปจริงๆ”
“ผมกลัว ผมกลัวว่าถ้าพูดไปแล้ว แบมแบมเขา...” นี่คงจะเป็นเหตุผลเดียวว่าทำไมยูคยอมถึงยังไม่กล้าที่จะเดินหน้าเข้าหาแบมแบม ไม่กล้าที่จะพูดคำนั้นออกไปให้เจ้าตัวได้ฟัง ยูคยอมกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยพ่ายแพ้ให้เจบี เขาไม่กล้ามั่นใจว่าเขาจะทำได้
ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเป็นเหมือนเขาหรือเปล่าแต่สำหรับยูคยอมการพูดคำนั้นมันยิ่งใหญ่ เพราะเขาจะมอบทั้งหัวใจและจิตวิญญาณให้กับคนที่รับมัน ยูคยอมไม่เคยพูดคำว่ารักกับใครแม้แต่ตอนจูเนียร์เขาก็ไม่เคยพูด และถ้าเขาพูดมันไปแล้วแบมแบมปฏิเสธมันล่ะ เขาไม่ต้องเสียแบมแบมไปตลอดเลยหรือไง
“เลิกกลัวแล้วเผชิญหน้ากับความเป็นจริงสักที รักก็พูดไปสิว่าเก็บไว้เขาก็ไม่รู้หรอก ดูอย่างฉันสิไม่เคยกลัวที่พูดว่ารักแต่แค่ความรักไม่เลือกฉัน ความรักเลือกนายยูคยอม.....ถ้าเป็นฉัน ฉันจะรีบพูดมันก่อนที่จะไม่ได้พูด ฉันพูดว่ารักเพื่อความรักของฉัน” คำพูดของมาร์คตีเขาแสกกลางใจยูคยอมเข้าเต็มๆ ยูคยอมไม่เคยเชื่อว่าแค่คำว่ารักจะสามารถยื้อใครไว้ได้ แต่ถ้าหากเป็นอย่างที่มาร์คฮยองบอก ถ้าหากว่าคำว่ารักที่เขาไม่เคยพูดกับใครจะสามรถพาหัวใจของเขากลับมาได้ ยูคยอมก็จะพูดมัน
พอกันทียูคยอมคนขี้ขลาด ต่อจากนี้เขาจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อหัวใจของตัวเอง ในเมื่อความรักเลือกเขาแล้วยูคก็จะไม่ยอมปล่อยความรักไปอีกเด็ดขาด
“ขอบคุณนะฮยอง ขอบคุณจริงๆ....ผมไปก่อนนะ” คว้ากอดพี่รองอย่างเต็มรักก่อนจะหันไปพูดกับอีกสามคนที่เหลือแล้ววิ่งออกไป ยูคยอมจะไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าอีกแล้ว เขาเสียเวลามามากพอแล้วกับความงี่เงาของตัวเอง มันถึงเวลาที่เข้าจะต้องทำตามหัวใจตัวเองสักที
“รอก่อนนะแบมแบม รอฉันก่อนนะหัวใจของฉัน”
50%
#ท่าอากาศยานอินชอน
“ตอนนี้เครื่องบินแลนด์ดิ้งแล้วครับบอส อีกไปเกินหนึ่งชั่วโมงผมน่าจะพาเขาไปถึงบริษัทครับ”
[ฝากด้วยนะนิชคุณ]
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
มือหนากดตัดสายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาใครบางคนที่เดินทางมาจากอีกประเทศหนึ่ง ไม่นานชายหนุ่มร่างโปร่งก็ปรากฏเข้ามาอยู่ในสายตาของนิชคุณ ไม่รอช้าร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาอีกคนทันที
“สวัสดีครับผมนิชคุณบอสสั่งให้มารับคุณครับ”
คนอายุน้อยกว่าโค้งให้ก่อนจะแนะนำตัวเองกับอีกฝ่ายบ้างและทั้งสองก็ตรงไปยังที่จอดรถเพื่อที่จะเดินทางไปบริษัท
รถยนต์คนหรูที่ดูแว๊บแรกก็รู้ว่าเป็นรถนำเข้ากำลังขับไปตามท้องถนนเพื่อตรงไปยังตึกเจวายพี ใบหน้าติดไปทางหวานของชายหนุ่มมองออกไปทางหน้าต่างอย่างตื่นตาตื่นใจ ก็เห็นวิวแบบนี้บ่อยๆนะตามอินเตอร์เน็ต แต่ความรู้สึกที่ได้มองผ่านจอคอมพิวเตอร์กับตอนนี้มันกันโดยสิ้นเชิง
ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกว่า สัมผัสที่คนที่แค่มองภาพต่างๆนานานั้นในหน้าจอเพิ่งจะได้สัมผัส ถ้าจะให้อธิบายเป็นคำพูดคงอธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่ารู้สึกดีมากๆก็แล้วกัน
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็เคลื่อนเข้ามาจอดหน้าตึกเจวายพี ร่างสูงของนิชคุณเดินนำผู้มาเยือนเข้าไปด้านในโดยมีจุดมุ่งหมายเป็นห้องประชุมซึ่งมีประธานบริษัทอย่างปาร์คจินยองรออยู่
ทุกย่างที่ก้าวไปตามทางเดินทำเอาหัวใจของชายหนุ่มตื่นระรัว เหมือนกับกำลังมีใครเอากลองมาตีอยู่ในหัวใจของชายหนุ่มอย่างนั้นแหละ
“บอสรอคุณอยู่ด้านใน เชิญครับ” นิชคุณผายมือไปทางประตูแต่ไม่ได้เปิดออก ซึ่งอีกคนก็รู้ทันทีว่าเขาคงต้องเปิดเข้าไปเอง แล้วยิ่งพอรู้ว่าใครที่กำลังรอเขาอยู่ข้างในก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปกันใหญ่
นิชคุณแยกไปอีกทางเพื่อไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อ ตอนนี้จึงเหลือเพียงร่างโปร่งของชายหนุ่มที่อายุยังไม่18ปีเต็มเลยด้วยซ้ำกำลังยืนทำสมาธิเรียกสติอยู่คนเดียว
แต่ว่านะอายุยังไม่18ปีเต็มนี่สามารถเรียกว่าชายหนุ่มได้รึเปล่านะ หรือว่าต้องเป็นเด็กหนุ่ม?
ไม่เอาอ่ะ ดูไม่คูลอย่างไงไม่รู้ เอาเป็นว่าเป็นชายหนุ่มน่ะดีแล้ว
ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือที่ชื้นเหงื่อไปที่ลูกบิดประตูแล้วก็เปิดเข้าไป ในห้องประชุมขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่พอเทียบกับจำนวนคนที่อยู่ในห้องก็รู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้นมานิดๆ
ชายวัยกลางคนเพียงหนึ่งเดียวนั่งหันหลังให้กับประตูทางออกเลยไม่เห็นว่ามีใครเปิดประตูเข้ามาแต่ด้วยระบบสัมผัสส่วนอื่นแล้วก็พอจะทำให้รู้ว่าคนที่เขารอคอยมาถึงแล้ว
เก้าอี้หนังถูกหมุนกลับมาโดยคนที่นั่งมันเพื่อหันมาเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ มุมปากของคนที่มีอายุยกยิ้มขึ้นยามเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ
“สวัสดีครับ” คนอายุน้อยกว่าโค้งทักทายอย่างมีมารยาท ดูท่าจะเรียนรู้วัฒนธรรมของเกาหลีมาแล้วบ้าง
ก็ดี รู้จักปรับตัว จะได้ไม่ต้องสอนอะไรมากมาย คนแบบนี้ปาร์คจินยองชอบนักล่ะ
“เป็นยังไงบ้าง นั่งเครื่องมาเหนื่อยรึเปล่า” เอ่ยถามอย่างใจดีตามนิสัยของตัวเองทำให้บรรยากาศดูไม่ตึงเครียดมากนัก
“ไม่เท่าไหร่ครับ ผมหลับบนเครื่องมาบ้างแล้ว” ตอบด้วยภาษาเกาหลีที่ฉะฉานจนคนฟังอดที่จะยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่ได้ ไม่เสียแรงที่ส่งคนไปสอนที่ประเทศไทยมาตั้งหลายเดือน
“ยังไงก็ขอบคุณที่ยอมเซ็นต์สัญญากับทางค่ายของเรา ยินดีที่จะได้ร่วมงานกันนะแล้วก็....” เว้นช่วงไว้นิดหน่อยแล้วเดินเข้าไปสวมกอดว่าที่ศิลปินคนใหม่อย่างอ่อนโยน ให้ความรู้สึกเหมือนพ่อกับลูกจนอีกคนต้องยกมือขึ้นมากอดตอบ
สำหรับคนที่แทบจะไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อเลยแล้วยิ่งรู้สึกอบอุ่นยามมือหนาของประธานบริษัทเจวายพีกำลังลูบหลังของเขา ก่อนที่จะพูดอีกประโยคขึ้นมาให้คนฟังได้รู้สึกความอบอุ่นที่กำลังจะได้รับในวันข้างหน้าในฐานะสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวเจวายพี
“ยินดีต้อนรับนะมิสเตอร์กันต์พิมุกต์”
#ฟิคปมเด็กโข่ง
-----------------------------------------------------------------
ฮ้ายยย นี่มันชื่อตาหนูแบมนี่นา ทำไมถึงมาโผล่ในฐานะเด็กใหม่ได้ล่ะ Why?
ลองเดากันดูค่ะ เดาเล่นๆไปก่อน เดี๋ยวอีกไม่กี่ตอนจะมาเฉลยนะ
จริงๆตอนนี้มันควรจะยาวกว่านี้เนื้อหาที่เพิ่มเติมมาจากตอนแรกแค่30%แต่เนื่องจากว่าพาสหน้ามันก็ตัดตอนไม่ได้เราเลยยกอีก20%ที่เหลือไปไว้พาสต่อไปซะเลย เพื่อความฟินที่ต่อเนื่องนะคะ
สุดท้ายอยากจะบอกว่ารักพวกเธอนะคนอ่าน <3
ก็ไม่มีอะไรจะพูดมากนอกจากคำว่าขอโทษ...ขอโทษที่ทำเธอเสียใจ ฉันทำผิดไปแล้วจริงๆฉันทำพลาดไป ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้กลับมา.............(จบตรงนี้เถอะเนอะ)
คือความจริงแล้วขอบอกตรงๆเลยว่าตอนแรกเราคิดจะถอดใจไม่แต่งต่อแล้ว เนื่องจาก่อนหน้านั้นนานมากกก คอมพ์เครื่องที่เราใช้แต่งฟิคเรื่องนี้มันเสียและไม่สามารถซ่อมได้แต่เราได้เซฟไฟล์ทั้งหมดไว้ในไดรฟ์ก่อนแล้วแต่ไดรฟ์ดันโดนไวรัสทำให้ไฟล์ทั้งหมดหายหมดเลย ตอนนั้นเซ็งมาก ไม่รู้จะทำยังไง หมดอารมณ์ไปกับทุกสิ่ง จนเมื่อไม่นานที่ผ่านมา เราได้ทำงานตัดต่อที่มันต้องใช้ไดรฟ์เพื่อเซฟงาน แล้วที่นี้ก็โดนไวรัสอีก อันเดิมเลย แต่ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรืออะไร พอเราเอาไดรฟ์ไปกู้ไฟล์ ไฟล์ที่เคยหายไปก็เด้งกลับมาหมดเลยจ้า งงมาก แต่ก็คิดว่าเอาไงต่อดีวะ ฟิคก็ไม่ได้แต่งนานละ อารมณ์ตอนนั้นก็หายไปหมด ถ้าแต่งต่อจะมีคนอ่านหรอ? คิดแบบนี้อยู่ไม่นานเราก็เข้าไปส่องหน้าฟิคตัวเอง แล้วเจอหนึ่งคอมเม้นที่เค้าบอกว่ากำลังรออยู่นะ ทำให้มีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
อยากขอบคุณคนที่ยังรอคอยที่จะอ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ ถึงแม้จะมีคนอ่านไม่มากแต่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่อ่าน เราซาบซึ้งจริงๆ
รักนะ <3
ความคิดเห็น