ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : A - S o n g - K a i : ผิ ด แ ผ น
A - S O N G - K A I
10
ผิดแผน
รถของสำนักข่าวสองคันเคลื่อนเข้ามาในตัวคฤหาสน์ย่าน.......
สองผู้สื่อข่าวก้าวลงมาจากรถพร้อมกันก่อนที่ดวงตาทั้งสองคู่จะเบิกกว้างอย่าตกตะลึง
โห ใหญ่อย่างกับวังแหนะ
ทุกคนต่างทยอยกันลงจากรถทีละคนจนครบ ไม่นานก็มีผู้ชายร่างสูงใส่สูทรเรียบร้อยคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับ สายตามองมาที่คณะสื่อมวลชนอย่างสงสัยก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเอ่ยประโยคคำถามออกมา
“พวกคุณมาทำอะไรไม่ทราบครับ”
“สวัสดีค่ะ" คือพวกเรามาจากสำนักข่าวน่ะค่ะที่นัดสัมพาร์ทคุณคิมไว้วันนี้” จียอนเอ่ยขึ้นไม่ได้กระแดะจนผมหมันไส้ ถึงจะไม่ค่อยถูกกันแต่เวลาทำงานก็ไม่เคยตีกัน อาจจะมีค่อนขอดกันบ้างแต่ก็ไม่เคยทำลายงานของกันและกัน เราสู้กันมาอย่างแฟร์ๆ
“อ๋อ แต่ถ้าผมจำไม่ผิดผมว่าผมโทรไปกำชับแล้วนะครับว่าขอเป็นผู้หญิงที่จะมาสัมพาร์ท” ชายในชุดสูทรเอ่ย
“นี่ไงคะ เรามีผู้หญิงตั้งสองคน! ดิฉันนักข่าวจียอนค่ะ” ยัยจียอนเน้นเสียงนิดหน่อยตอนพูดว่าสองคนแต่ก็เอาเถอะแค่นี้ผมจะทำเป็นไม่สนใจละกัน
“ผะ เอ้ย! ฉันนักข่าวมินค่ะ” ผมหันไปมองหน้าจียอยนิดๆ แอบเห็นยัยนั่นหัวเราะเยาะเย้ยผมด้วยที่ผมพลาดแต่โชคดีที่กลับตัวทัน
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ!
“งั้นขอเชิญคุณจียอนและคุณมินตามผมมาครับ ส่วนพวกคุณที่เหลือกรุณารอข้างนอกนะครับ” ชายชุดสูทรพูดก่อนจะเดินนำผมกับยัยจียอนเข้ามาข้างใน
โอโห อิห่า อิหหหหห นี่โคตรพ่อโคตรแม่ทำงานอะไรกันครับ บอกกูทีบ้านหรือพิพิธภัณฑ์!! ถ้าไม่บอกว่านี่ปี2015 กูจะนึกว่าเป็นสมัยโชซอนละนะ ของแต่ละอย่างถึงร้อยปีละมั้งนั้น โคตรเก่า!!!
แต่ก็ถือว่ามีราคาพอควรนะ อาจจะเป็นเงินเดือนผมสักปีหรือสองปีต่อราคาแจกันหนึ่งใบ ถ้ามีโจรปีนเข้าบ้านหยิบแจกันไปใบเดียวก็เที่ยวรอบโลกได้รอบหนึ่งอ่ะ ผมบอกเลย
“เดี๋ยวพวกคุณยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะไปตามท่านให้ อย่าเดินเพ่นพ่านล่ะ” ชายคนเดิมบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องๆหนึ่ง
“ฮึ่ย! อึดอัดชะมัด ทำไมต้องทำตัวแบบนั้นกันด้วยนะ” ยัยจียอนว่าแล้วก็ลูบแขนตัวเอง ทำท่าขนลุกขนพองเสียเต็มประดา ซึ่งอันนี้ผมก้เห็นด้วยนะ บรรยากาศที่นี่โคตรอึดอัดเลย
“นี่....ฉันว่างานนี้เรามาร่วมมือกันเหอะ ดูเหมือนว่าจะไม่เสร็จง่ายๆอ่ะ” ยัยจียอนเอ่ย ไม่บ่อยนักหรอกที่ยัยนี่จะเอ่ยขอความร่วมมือแบบนี้ ก็พวกเราเป็นคู่แข่งกันนี่นา แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายเพราะดูท่าทางตาแก่คิม(?) อะไรนั่นจะเรื่องมากน่าดู
“ก็เอาสิ” ผมตอบตกลงแล้วพวกเราก็ต่างเงยหน้ามองไปรอบๆแต่ไม่กล้าขยับขาหรอกครับ กลัวโดนตาคนใส่สูทรนั่นเตะปลิวออกจากบ้าน
คนอะไรแค่เห็นหน้าก็ขนลุกละ
“ท่านคิมมาแล้วครับ” เสียงอิตาชายชุดสูทรคนเดิมดังขึ้น ผมกับยัยจียอนหันไปมองทางต้นเสียงแล้วก็ถึงกับอ้าปากค้าง แต่ดูเหมือนอีกคนจะอึ้งกว่าและอยู่ดีๆร่างสูงก็เดินดิ่งมาทางผมแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดเฉยเลย
แต่เห้ย! มันไม่ใช่แบบนี้ดิ
ผมพยักคนที่กอดตัวเองอย่างแรงจนอีกคนเซไปหลายก้าวแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร สีหน้ายังคงอึ้งอยู่ไม่น้อย
อึ้งห่าไรวะ หน้ากูเหมือนแม่มึงรึไง! กูดิต้องอึ้ง!!
“ทำไรอะคุณ!!” ผมโผล่งออกไปอย่างโมโห จนยัยจียอนต้องรีบเอามือมาปิดปากผมเพราะลืมแอ๊บเสียง
“เห้ย!! ผู้ชายนี่” อิตาคนชุดสูทรคนเดิม โอ้ยยย ชื่อยาว สมมติว่ามันเป็นพ่อบ้านละกันนะ.....อ่ะ อิตาพ่อบ้านมันว่าขึ้นมาแล้วก็ชี้หน้าผม ทำท่าจะเดินมาลากผมออกไป แต่ก็โดนเจ้านายตัวเองเรียกเอาไว้ซะก่อน
“หยุด!” เสียงเย็นๆพยางค์เดียวหยุดคนตัวใหญ่ที่ทำท่าจะพุ่งใส่ผมให้หันไปโค้งขอโทษให้อีกคน อิตาท่านคิมมองหน้าผมนิ่งๆด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะหันไปมองทางยัยจียอนแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
“ขอโทษนะครับ นี่คุณมาทำงานหรือมาอ่อยผมกันแน่ ใส่กระโปรงสั้นขนาดนั้นไม่เย็นขาบ้างรึไง” ยัยจียอนถึงก็เหวอไปเลยที่โดนว่าแบบนั้น ขนาดผมที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้โดนว่าเองยังรู้สึกชาๆที่หน้าเลย
ผู้ชายอะไรปากคอเราะร้ายชิบ!!
“ผมไม่อยากเสียเวลา เชิญคุณกลับไปได้ครับ” อิตาคุณคิมพูดจบก็หันหลังจะเดินหนีจนผมต้องคว้าแขนแทบไม่ทัน
“เดี๋ยวดิคุณแล้วเรื่องสัมพาษท์ล่ะ?” ตาคิมหันมามองมือผมที่จับแขอยู่จนผมต้องรีบปล่อยแล้วเอ่ยขอโทษออกมา
“เอ่อ....ขอโทษ ถ้าคุณไล่เธอกลับแล้วจะสัมพาษท์คุณล่ะครับ” วินาทีนี้ไม่ต้องแอ๊บมันแล้วครับก็รู้กันแล้วนี่จะปิดบังไปทำไม
“ผมไล่เธอ แต่ผมไม่ได้ไล่คุณนี่” ว่าจบก็เดินไปเลยปล่อยให้ผมยืนมองตามอย่างงงๆ
“ฉันฝากด้วยละกันนะ ไปก่อนล่ะ” ยัยจียอนพูดแล้วก็เดินออกไปทางเดิมที่เข้ามา ส่วนผมก็ถูกอิตาพ่อบ้านบอกให้นั่งรอแถวนั้นก่อน แล้วก็เดินหายเข้าไปทางห้องเดิมที่ตาคุณคิมเพิ่งเดินเข้าไป
อะไรกันวะ งงไปหมดละ ซูก้างงครับ!!
*****
[J-hope’s Part]
ผมเจโฮปครับหรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามไอ้เจปนั่นแหละ พอดีพี่ซูก้าแกขี้เกียจเรียกน่ะครับเลยเรียกย่อเอา ไอ้เตี้ยจีมินก็เหลือแค่ไอ้จิม ไอ้นัมจุนก็เหลือแค่ไอ้จุ๊นส่วนพี่แกพวกผมก็เรียกแกว่าพี่ก้าครับไม่มีซู ผมกับไอ้จิมแล้วก็ไอ้จุ๊นอายุเท่ากันพวกเราสามคนอายุน้อยกว่าพี่ก้าสองปี แต่ประสบการณืการทำงานพี่แกเหนือชั้นกว่าเยอะ ผมเพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่ปีกว่าๆเองครับ ส่วนคนอื่นนั้นนำผมไปไกลแล้ว
วันนี้พวกเรามีโปรเจ็กซ์ยักษ์ที่ต้องทำแข่งกับทีมของเจ๊จียอนแต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เหมือนการแข่งขันแล้วล่ะครับ ก็แต่ละคนเล่นทรุดนั่งหมดอะไรตายอยากกันซะขนาดนั้น
มันน่าเบื่อมากครับ หลังจากที่ไอคุณผู้ชายคนนั้นพาเจ๊จียอนกับพี่ก้าเข้าไปแล้วปล่อยให้พวกผมนั่งรออยู่หน้าบ้านแบบไม่คิดจะเชิญเข้าบ้านเลย ไร้มารยาทสุดๆอ่ะ......จนตอนนี้ไอจิมไปนั่งดวลไพเรทคิงกับไอเด็กใหม่ยูคยอมนั่นแล้ว ส่วนไอจุ๊นก็เอนเบาะรถหลับไปแล้วครับ
“บ้า! บ้าที่สุด!!”
ผมหันไปมองทางต้นเสียงทันทีและก็เห็นเจ๊จียอนเดินออกมาจากบ้านด้วยท่าทางอารมณ์เสียสุดขีด แล้วพี่ก้าของผมล่ะ ทำไมเจ๊ออกมาแค่คนเดียว
“เกิดอะไรขึ้นหรอเจ๊?” ผมรีบเข้าไปถามแล้วก็โนค้อนวงใหญ่กลับมา
“ย๊า! ใครบอกให้นายมาเรียกฉันว่าเจ๊ยะ!!”
“เอาหน่าจียอน เป็นไรทำไมถึงอารมณ์เสียออกมา แล้วซูก้าล่ะ” เป็นไอคุณนักข่าวรูปหล่อนามว่ามาร์คถามขึ้นแทนผมที่โดนเหวี่ยงใส่เพราะไปเรียกนางว่าเจ๊
“อิตาคุณคิมนั่นน่ะสิหาว่าฉันมาอ่อยฉันรับไม่ได้!!” ตอนนี้เหมือนกับกำลังมีควันจางๆลอยออกมาจากหูเจ๊แกเลยครับ ท่าทางโกรธสุดๆ
“แล้วพี่ซูก้าอ่ะครับทำไมถึงไม่ออกมาด้วยกัน” เด็กยูคยอมถามขึ้น ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ๆมันถามถึงพี่ก้าของพวกผมแต่ก็แค่คิดว่ามันคงจะไม่รู้เรื่องที่สองทีมไม่ถูกกันละมั้ง
“อยู่ข้างในนั่นแหละ กลับเถอะอยู่ไปก็ม่มีประโยชน์ละ” พูดจบเจ๊จียอนก็ขึ้นรถไปตามด้วยพวกที่เหลือแล้วรถก็ค่อยๆขับออกไป เหลือแต่พวกผมสามคนที่ยังคงรอพี่ก้าอยู่ ไม่นานไอพ่อบ้านคนเดิมก็เดินออกมาหาพวกผม
“พวกคุณกลับไปก่อนเลยก็ได้นะครับ วันนี้ท่านชวนคุณมินดินเนอร์ต่อคงอีกยาว ท่าจะให้คนขับรถไปส่งเธอเองครับ” มันบอกแล้วก็ผายมือไปทางประตู ไล่กันสุดๆ พวกผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็เลยตัดสินใจกลับกันก่อนไว้ค่อยส่งข้อความคุยกันทีหลังก็ได้
หวังว่าพี่ก้าจะไม่เป็นอะไรนะ
*****
[Suga’s Part]
“ผมต้องขอโทษคุณมินด้วยนะครับที่ไปกอดคุณแบบนั้น พอดีหน้าคุณเหมือนกับคนๆหนึ่งที่ผมรักมากๆน่ะครับ” คุณคิมเอ่ยหลังจากปล่อยให้ผมนั่งรออยู่สักพัก เขาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่ดูเป็นมิตรกว่าเมื่อกี้นิดนึง
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจนิดหน่อย” ผมตอบ ยิ้มบางส่งไปให้
ผมแอบแปลกใจนิดนึงที่เขาไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิดไว้ ตอนแรกผมนึกว่าคุณคิมอะไรนี่จะต้องแก่เป็นคุณปู่หนังเหี่ยวแน่ๆจากที่เคยได้ยินแค่ชื่อมา แต่นี่กลับยังหนุ่มแถมยังหน้าเด็กกว่าผมอีก
“ว่าแต่ผมหน้าเหมือนใครหรอครับ คนรักคุณหรอ?” ผมทำใจกล้าถามไปซื่อๆ คนโดนถามทำเพียงแค่ยิ้มบางๆกลับมาให้ จนผมต้องเลิกคิ้วสงสัย
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ตามผมมานี่สิผมมีอะไรจะให้ดู” ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินนำผมไปทางห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องที่ถัดไปจากห้องที่เขาเดินออกมา
มือหนาเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไปข้างใน ผมเข้ามาก่อนและเขาก็ปิดประตู ภายในห้องดูสะอาดตาเป็นห้องโล่งๆ รอบห้องติดกระจกเงาเอาไว้รอบ ไม่มีเตียง โซฟา หรือแม้แต่โต๊ะสูง มีเพียงเสื่อกับเบาะนั่งนุ่มๆเหมือนของสมัยก่อน แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่ากับรูปวาดขนาดใหญ่ตรงหน้า
ภาพผู้หญิงผมยาวในชุดฮันบก ใบหน้าอ่อนหวานที่ยิ้มละมุนยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ผมมองรูปวาดกับมองตัวเองที่แต่งเป็นผู้หญิงในกระจกสลับกันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ทำไมผู้หญิงในรูปนั้นหน้าเหมือนกับผมเลยล่ะ?
ผมหันไปมองคนข้างๆ เขายิ้มให้ก่อนจะเริ่มอธิบาย
“ผู้หญิงในรูปคือแม่ของผมครับ” เขาตอบ ผมนี่ถึงกับอ้าปากค้างเลยครับ จำได้ว่าเคยแอบด่าเขาในใจ ไม่คิดว่าหน้าผมจะเหมือนแม่เขาจริงๆ
“แหะๆ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เขา ไม่รู้จะพูดอะไร
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อรึเปล่า คุณอาจจะว่าผมบ้า....แต่ผมว่าคุณคือแม่ของผมที่กลับชาติมาเกิด” ผมพยักหน้ารับ เงียบๆฟังเขาต่อไม่ได้พูดขัดอะไร ถึงแม้ในใจจะคิดว่ามันแปลกก็เถอะ
มีอย่างที่ไหนมาคิดว่าผมเป็นแม่ตัวเองกลับชาติมาเกิด ตลกละ!
“คุณคงไม่เชื่อ....เฉพาะฉะนั้นผมอยากให้คุณดูบางอย่างครับ”
“อะไรหรอครับ?” ผมถาม
คุณคิมเดินไปที่รูปวาดก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามันติดอยู่กับรูปออกมา เขาก้าวเข้ามาหาผมแล้วก็ยื่นสิ่งของในมือมาให้
ผมมองปิ่นปักผมในมือของเขาก่อนจะค่อยๆส่งมืออกไปรับมันเมื่อเขาส่งมาให้
วินาทีแรกที่มือผมสัมผัสกับปิ่นปักผมอันนั้น เหมือนผมถูกดูดมาอีกมิติหนึ่ง โดยที่ยังมีคนตรงหน้ายืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ภาพตรงหน้าคือสถานที่ที่หนึ่งที่ดูแปลกตาไป เหมือนว่าผมกับคุณคิมถูกปิ่นปักผมอันนั้นพาย้อนเวลากลับมาในช่วงสมัยหนึ่งที่ยังไม่มีไฟฟ้าและถนนตัดผ่าน
ผมหันไปมองหน้าคุณคิมอย่างไม่เข้าใจแต่เขาก็เอาแต่ส่งยิ้มบางๆมาให้เท่านั้น
“นี่มันอะไรกันครับ?”
“ชู่ว์~” คนตรงหน้าไม่ตอบเพียงแต่เอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากส่งสัญญาณให้ผมเงียบและชี้ไปข้างหน้าให้ผมหันไปดู
หญิงสาวในชุดฮันบกกำลังกอดลูกน้อยในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ มุมปากบางยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เห็นทารกน้อยชูแขนขาอย่างร่าเริง จนผมที่เห็นแบบนั้นก็อดที่จะยิ้มตามขึ้นมาไม่ได้
“อ๊ะ!” ผมร้องออกมาเมื่อจู่ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ในยุคสมัยเดียวกัน แต่คนที่อยู่ในเฟรมยังคงเป็นผู้หญิงคนเดิมที่ดูจะมีอายุเพิ่มขึ้นจากเมื่อกี้เดินจูงมือลูกชายที่โตขึ้นมากแล้ว อายุน่าจะประมาณสิบขวบเห็นจะได้
หญิงสาวยังคงยกยิ้มให้กับลูกชายตัวเองอย่างรักใคร่ เด็กชายคนนั้นก็ยิ้มตอบมารดากับไปไม่ต่างกัน จะว่าไปเด็กคนนั้นก็หน้าตาคล้ายกับผู้ชายที่ยืนข้างๆผมเหมือนกันนะ ยิ่งพอผมหันมาเห็นว่าเขากำลังยืนยิ้มมองภาพสองแม่ลูกนั่นแล้วก็ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่
“เรื่องมันเป็นยังไงหรอครับ เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?” ผมใจกล้าถามออกไป คุณคิมพยักหน้าน้อยๆก่อนที่ภาพรอบตัวเราจะเปลี่ยนกลับมาเป็นที่ห้องในบ้านคุณคิมเหมือนเดิม
ผมยื่นปิ่นปักผมคืนให้กับคุณคิมก่อนที่เขาจะเดินเอาไปเก็บไว้ที่เดิมและพาผมออกมาเดินชมรอบบ้านแทน พรางเล่าเรื่องที่ผมอยากรู้ไปด้วย ซึ่งเรื่องที่รู้มันทำให้ผมตกใจเป็นอย่างมากแต่ถามว่าเชื่อมั้ย? ถ้าเป็นตอนแรกก็คงจะไม่เชื่อหรอก แต่พอผมได้ไปเห็นมาด้วยตาตัวเองผมก็เชื่อซะสนิทใจ และผมก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเขามากขึ้นเรื่อยๆด้วย
บางทีผมกับเขาอาจจะเป็นแม่ลูกกันจริงๆในชาติที่แล้วก็ได้นะ
“อ๊ะ! ฝนตกนี่” ผมเอ่ยเมื่อเห็นว่าข้างนอกนั้นฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างรุนแรง ดูท่าแล้วไม่น่าจะหยุดง่ายๆด้วย แล้วผมจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณเองครับ” คุณคิมที่พอจะเห็นสีหน้าเป็นกังวลของผมเอ่ยขึ้น จนผมต้องรีบหันไปโค้งขอบคุณทันที
“ขอบคุณนะครับ”
*****
[Jungkook’s Part]
ผมมองสายฝนที่กระหน่ำตกอย่างบ้าคลั่งผ่านหน้าต่าง มือก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง นี่ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วแต่ซูก้าก็ยังไม่กลับอีก ฝนก็ตกหนัก ไลน์ไปก็ไม่ตอบ จะโทรไปก็กลัวว่าจะคุยงานอยู่ เลยได้แต่นั่งรออยู่แบบนี้
ติ้ง!
ผมรีบหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดดูทันทีที่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นว่ามีข้อความส่งมา คิดว่าคงจะเป็นซูก้าที่ตอบไลน์แล้ว แต่เปล่าเลย.....คนที่ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีกอดหัวใจซารางแฮมาให้คือผู้ชายที่ผมเพิ่งไปเดทด้วยวันนี้ยังไงล่ะ
ผมรู้สึกว่ามุมปากตัวเองยกยิ้มขึ้นมายังไงก็ไม่รู้เมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากอีกคนเด้งขึ้นมา
KIMJIN : ทำอะไรอยู่เอ่ย?? #พร้อมกับรูปหมีสงสัย
Kookkie : รอซูก้าอยู่ครับ
KIMJIN : อ้าว...ยังไม่กลับอีกหรอ ให้ตายสิพี่ชายเราปล่อยให้เด้กน้อยอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไงเนี่ย
Kookkie : ปกติผมก็อยู่คนเดียวบ่อยจะตาย เวลาที่ซูก้ามีลงพื้นที่น่ะครับ
KIMJIN : ตายๆ ต่อไปนี้ไม่ได้ล่ะ ถ้าวันไหนพี่ชายเรามีงานดึกบอกนะ เดี๋ยวพี่ไปอยู่เป็นเพื่อน
Kookkie : ได้เลย ^^
ผมกดพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ปากก็ยิ้มไม่หุบ ให้ตายเถอะ! พี่จินจะทำให้ผมคลั่งตายแล้วนะ ><
เสียงรถยนต์ที่มาจอดหน้าบ้านเรียกความสนใจให้ต้องหันไปมองก่อนจะพิมพ์บอกพี่จินว่าให้รอแป๊ปนึง ก่อนจะเดินมาส่องดูตรงหน้าต่างก็เห็นบีเอ็มสีขาวจอดอยู่หน้าบ้านและไม่ห่างไปนักมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนกางร่มหันหลังให้ผมอยู่ ไม่นานรถหรูก็เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านผมไปช้าๆ ผมอดที่จะมองตามไปไม่ได้ และก่อนที่รถคันนั้นจะเคลื่อนผ่านผมไป ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ในรถก็หันมาสบตากับผมพอดี
อะไรกัน? ความรู้สึกแบบนี้.....ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันนะ??
TBC.
รู้ยังๆๆ
จินกุกอีกแล้ว สั้นๆเบาๆแต่ฟิน *0*
ตัวละครหลักออกครบแล้วค่ะ ตอนหน้าจะเล่าย้อนไปตอนที่พี่จินกับน้องกุกไปเดทกันนะ
จะเขียนตอนต่อไปต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ปูเรื่องปูปมเอาไว้เยอะ ค่อยๆตามแก้กันดีกว่าเนอะ
ไม่รีบจบนะคะ เนื้อเรื่องยังอีกยาวไกล ได้แค่หนึ่งส่วนสามของทั้งหมดเอง
บอกไม่ได้ว่าจะมีกี่ตอนจบ วางพล็อตไว้หมดแล้ว แต่เวลาแต่งไปเรื่อยๆแล้วแบบคิดมุกสดได้อ่ะเข้าใจใช่มั้ยคะ
เอาล่ะแค่นี้พอ เจอกันตอนต่อไปนะคะ ชอบก็แชร์เลย^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น