ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BTS) 'อสงไขย' รักนี้ไม่สิ้นสุด...

    ลำดับตอนที่ #1 : A - S o n g - K a i : สั ญ ญ า

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58







    A - S O N G - K A I
    1
    - สั ญ ญ า -
     
     
     
     
     “จอนจองกุก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
     
     
     
     
     
    พรึบ!
     
     
     
     
     
    อีกวันแล้วครับที่ผมจะต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงปลุกมหาประลัยของพี่ชายต่างสายเลือดของผม
     
     
     
     
     
    มินซูก้า ผู้ชายผิวสีเผือกส่วนสูง173ซม. หน้าตาก็ผ่านมาตรฐานชายทั่วไป ส่วนนิสัยน่ะเหรอ? คุณเชื่อมั้ยล่ะว่ามันพร้อมที่จะเป็นพ่อของทุกคนบนโลกใบนี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ถูกละเว้นให้มันคิดว่าเป็นเพียงแค่น้อง
     
     
     
     
     
    17ปีแล้วครับที่ผมจะต้องทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านเดียวกับมัน ถามว่ามันลำบากมากมั้ย? ก็ไม่อ่ะ แต่โคตรน่ารำคาญเลย
     
     
     
     
     
    ก็เข้าใจอ่ะนะว่าผู้ชายที่มีการงานมั่นคงแล้วแบบมันจะทำอะไรก็ต้องตรงเวลา ห้ามสาย ห้ามเลท แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเคร่งตลอดเวลาก็ได้ไม่ใช่หรอครับ? จงช่วยตอบว่าใช่ และพยักหน้าเห็นด้วยกันผม เพราะคุณจะกลายเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ร่วมขบวนการต่อต้านการปฏิวัตินาฬิกาของผู้ชายที่ชื่อมินซูก้า
     
     
     
     
     
    “ไอ้กุกมึงยังไม่เสร็จอีกเหรอว้ะ!! โรงเรียนมึงเข้าสอบแปดโมงนะเว้ยไม่ใช่บ่ายสาม!”
     
     
     
     
     
    “เฮ้ย!!!” ผมรีบเด้งตัวขึ้นหมุนคอเก้าสิบองศาหันไปดูนาฬิกาทีหัวเตียงทันที
     
     
     
     
     
    7.40 น.
     
     
     
     
     
    “ชิบหา_!!!”
     
     
     
     
     
    ไม่รอช้าแล้วครับ ณ ตอนนี้วิชาวิ่งผ่านน้ำต้องมา
     
     
     
     
     
    #สิบนาทีผ่านไป.....
     
     
     
     
     
    ตึกๆๆๆ
     
     
     
     
     
    “เฮ้ยๆ มึงจะรีบไปไหนกินข้าวเช้าก่อนดิ”
     
     
     
     
     
    “ไม่ทันแล้วเหลือเวลาแค่สิบนาทีไปก่อนนะ”
     
     
     
     
     
    “เฮ้ยมึงสอบแปดโมงไม่ใช่หรอ?”
     
     
     
     
     
    “ก็ใช่อ้ะดิจะชวนคุยอะไรนักหนาเนี้ยจะแปดโมงแล้ว” ผมหันไปบอกไอ้พี่ชายที่เดินออกมาจากในครัวพร้อมกับใส่รองเท้าไปด้วยเตรียมใส่เกียร์หมาเต็มที่ แต่ก็ต้องเบรกหัวแทบทิ่มเมื่อมันพูดประโยคนี้
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยว! นี่เพิ่งเจ็ดโมงสิบห้าเองนะ”
     
     
     
     
     
    “ห๊ะ!!!”
     
     
     
     
     
    พี่ชายหน้าขาวพูดพร้อมกับชี้ไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่กลางบ้านเพื่อยืนยันหลักฐานว่า ‘ที่กูพูดไม่ได้โกหกนะเว้ย’
     
     
     
     
     
    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ ‘แล้วกูจะรีบเพื่อออ!!’ เวลาเหลือเฟือขนาดเนี้ยให้แวะกินกาแฟสักแก้วแถมตีลังกาม้วนตัวไปโรงเรียนยังทันอ่ะ
     
     
     
     
     
    “ไม่ต้องมาห๊งมาห๊ะเลย มากินข้าว”
     
     
     
     
     
    ผมค่อยๆเดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับซูก้าก่อนจะจ้องหน้ามันเขม็ง ทำไมน่ะเหรอ? ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าทั้งหมดนี่เป็นฝีมือมันแน่ๆ แล้วยังมามีหน้าลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่อีกนะ
     
     
     
     
     
    “นี่แกล้งอีกแล้วหรอ?” ผมถามเสียงขุ่นไม่รู้สึกดีสักนิดที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังจะไปสอบสาย
     
     
     
     
     
    “แกล้ง? อะไรของคุณมึงครับ ไร้สาระรีบๆกินจะได้ไปโรงเรียน” คนขาวบอกปัดๆ
     
     
     
     
     
    “ไปปรับนาฬิกาในห้องใช่มั้ย ทำไมชอบยุ่งกับของๆคนอื่นวะ!”
     
     
     
     
     
    “อ้าวห่านี่ถ้ากูไม่ยุ่งวันนี้มึงจะมานั่งกินข้าวเช้ากับกูแบบนี้มั้ยครับถามหน่อย? คนอุตส่าห์หวังดีกลัวว่าจะเป็นโรคกระเพาะก็โดนหาว่าเสือก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆกู” ไม่พูดเปล่าปากอิ่มยังเชิดแบบงอนๆ ถ้าเป็นเด็กก็คงจะน่ารักอยู่หรอก แต่ลืมไปรึเปล่าว่าคุณมึง 21 แล้วนะครับ
     
     
     
     
     
    “เออๆ ไม่ว่าก็ได้วะ พูดแค่เนี้ยบ่นซะยาว”
     
     
     
     
     
    เฮ้อ.. ขี้เกียจจะเถียงกับมันละเพราะยังไงก็ไม่มีวันชนะหรอก ผู้ชายอะไรเถียงเก่งยิ่งกว่าเด็กร้องไห้ตอนอยากได้ขนมแล้วพ่อแม่ไม่ซื้อให้อีก
     
     
     
     
     
    “อ้า..อิ่ม” ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบท้องที่ขนาดเพิ่มขึ้นมาหลังจากที่ผมกลืนทุกอย่างที่อยู่ในชามลงท้องจนหมดเกลี้ยง วันนี้ซูก้าทำข้าวต้มหมูของโปรดผมให้กิน แอบหายเคืองเรื่องที่โดนแกล้งนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าผมจะซึ้งในพระคุณของพี่ชายอะไรนักหรอกนะ แต่ว่าอาหารเช้าในวันนี้ถ้าพลาดไปคงเสียดายแย่ ใช่ว่าซูก้ามันจะมีอารมณ์ทำให้ผมกินบ่อยๆซะที่ไหน
     
     
     
     
     
    “กินเสร็จก็รีบๆไปได้แล้วเดี๋ยวสาย แล้วเย็นนี้จะกินอะไรก็โทรบอกด้วยนะจะได้ทำให้”
     
     
     
     
     
    “คร้าบบ คุณพ่อ”
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยวเหอะ! รีบๆไปเลยไป๊!” ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านทันทีก่อนที่จะโดนตะหลิวปาหัว พอโดนล้อเข้าหน่อยก็เล่นสายโหดทุกทีสินะ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    ออดดด~
     
     
     
     
     
    เสียงออดบอกว่าหมดเวลาสอบวิชาสุดท้ายดังขึ้นผมรีบเด้งตัวขึ้นจากโต๊ะเอามือลูบหน้าลูบตาก่อนจะเดินเอาข้อสอบไปส่ง กว่าจะหมดเวลาเล่นเอาผมไปเข้าเฝ้าพระอินทร์มาตั้งหลายรอบ ก็ไม่รู้ว่าจะให้เวลาคิดอะไรนักหนากะอีแค่ข้อสอบศิลปะยี่สิบข้อให้เวลามาเป็นชั่วโมง ระดับอัจฉริยะอย่างผมอ่ะเสร็จตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้วครับจะบอกให้
     
     
     
     
     
    “จอนจองกุก”
     
     
     
     
     
    “ค..ครับ” ผมหันไปตามเสียงเรียก ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็อาจารย์ฮิมชาน อาจาร์ยคุมสอบผมเองแหละ
     
     
     
     
     
    “ก่อนกลับเดี๋ยวไปพบครูที่ห้องหน่อยนะ”
     
     
     
     
     
    ว่าจบนางก็เดินบิดก้นไปโดยไม่หันมาถามสุขภาพผมสักคำ เวลาอันแสนสุขของจอนจองกุกคงจะหายไปอีกยี่สิบนาทีหรือคงจะมากกว่านั้นสินะ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    “ห๊ะ!! ว่าไงนะครับอาจารย์จะให้ผมไปแข่งตอบปัญหาวิชาการเนี้ยนะ?”
     
     
     
     
     
      “ใช่”
     
     
     
     
     
    นั่นไง! คิดไว้ไม่มีผิด เวลาที่แสนสุขของผมกำลังจะหายไปจริงๆด้วย บ้าไปแล้วครับอาจารย์ฮิมชานของผม ผมก็อุตส่าห์มองเป็นไอดอลมาตั้งนานไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ มีอย่างที่ไหนจะให้ผมไปแข่งตอบปัญหาระดับประเทศเลยนะ มันใช่เรื่องเล่นๆซะที่ไหน แล้วจะให้ผมไปอาจารย์ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
     
     
     
     
     
    “เดี๋ยวนะครับ ผมว่าอาจารย์ต้องเข้าใจอะไรผิด ผมให้เวลาอาจารย์คิดอีกห้าวิแล้วค่อยตอบใหม่อีกรอบนะครับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ....”
     
     
     
     
     
    “ใช่”
     
     
     
     
     
    “อะ....”
     
     
     
     
     
    “หยุด! อย่าเพิ่งเถียง ครูคิดดีแล้วว่าจะส่งเธอเข้าแข่งขันครั้งนี้”
     
     
     
     
     
    “อาจารย์...แล้วทำไมต้องเป็นผมอ่ะ” ผมโอดครวญจนอาจารย์หลายๆคนในห้องต้องหันมามองพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก็ผมแทบจะลงไปดิ้นที่พื้นอยู่แล้ว(คือกะว่าถ้าลงไปนอนดิ้นที่พื้นจริงๆได้ก็ทำอ่ะ) แต่ผู้ชายตรงหน้าผมก็ยังคงนั่งหน้านิ่งยืนยันคำตอบเดิมที่จะให้ผมทำในสิ่งที่เขายัดเยียด
     
     
     
     
     
    “ก็เธอสอบวิชาครูได้คะแนนเต็ม”
     
     
     
     
     
    “แต่คนอื่นก็มีอีกตั้งเยอะแยะนี่ครับ”
     
     
     
     
     
    “ไม่ มีแค่เธอสองคนเท่านั้นที่สอบได้คะแนนเต็ม”
     
     
     
     
     
    “งั้นก็เอาไอคนนั้นลงเลยครับครู ผมไม่ค่อยว่างไปก่อนนะครับ” ผมรีบรวบรัดตัดตอนก่อนจะโค้งลาอาจารย์ฮิมชานเตรียมจะชิ่งเต็มที่ แต่เหมือนเดจาวู ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าลอยเข้าแทรก ผมเบรกแทบไม่ทันเมื่ออยู่ๆอาจารย์ฮิมชานก็ยื่นข้อเสนอที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้ออกมา
     
     
     
     
     
    “คอนเสิร์ต BTS ที่จะมีขึ้นในอีกสองอาทิตย์นายคงจะมีบัตรไปแล้ว ว้าเสียดายจัง” อาจารย์พูดพลางทำหน้าเสียดายสุดขีด ซึ่งถ้าไม่โง่พอก็คงจะดูออกว่าเฟคชัดๆ แต่อะไรนะที่อาจารย์บอก
     
     
     
     
     
    บะ...บี ที เอส งั้นหรอ? บังทันบอยส์ ?.................................อ๊ากกกก อยากไปๆๆๆ
     
     
     
     
     
    “เมื่อกี้อาจารย์ว่าอะไรนะครับ?” ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจเผื่อบางทีผมอาจจะหูฝาดไปเอง อาจารย์อาจจะแค่พูดว่าจะให้ตั๋วนั่ง BTS ฟรีรอบกรุงเทพฯ ก็ได้ (ช่างเปรียบเทียบ-..-)
     
     
     
     
     
    “ถ้านายตกลงที่จะแข่งบัตรคอนเสิร์ตบังทันซอนันดันที่นั่งชิดติดขอบเวทีจะตกเป็นของนายทันที ว่าไง”
     
     
     
     
     
    “ตกลงครับ*O*”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    *****
     
     
     
     
     
    “อะไรนะ 5555 มึงอำกูอยู่หรอวะไอกุก หน้าอย่างมึงเนี้ยนะจะลงแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการ ถ้าบอกว่าไปแข่งคัดลายมือกะเด็กป.3กูยังจะเชื่อมากกว่าอีกนะ”
     
     
     
     
     
    “เงียบไปเลย ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะ ก็เพราะใครที่ทำให้เป็นแบบเนี้ยอ่ะ”
     
     
     
     
     
    “อะไรมึง โทษกูอีก กูผิดอีกช้ะ?” ซูก้าทำหน้าตาเหลอหลาที่ถูกผมมองด้วยสายตาคาดโทษ ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องไปแข่งตอบคำถามบ้าบอนั่นน่ะ
     
     
     
     
     
    “เออ! โทษ ต้องรับผิดชอบด้วย!!”
     
     
     
     
     
    “รับผิดชอบ อะไรว้ะ นี่มึงพูดเหมือนกูไปเอามึงท้องอ่ะ ไม่รู้เว้ยไม่เกี่ยว” ไอห่านี่พูดจาน่าเกลียดมาองมาเอาอะไรแถวนี้วะนี่ถ้าไม่ติดว่ายังมีประโยชน์อยู่ กูตั๊นหน้าไปแล้วนะ
     
     
     
     
     
    “ต้องรู้ และก็ต้องเกี่ยว......ติวให้เลย” ผมพูดเสียงแข็ง เอาสิมึงปฏิเสธสิกูจับทำเมียจริงๆด้วย
     
     
     
     
     
    “…..”
     
     
     
     
     
    “…..”
     
     
     
     
     
    “ดูปากซูก้าชัดๆนะครับ..........................................................................................ไม่!!”
     
     
     
     
     
    พรึบ!
     
     
     
     
     
    “เฮ้ย! มึงทำเชี้ยไรเนี่ย! ปล่อยกูนะเว้ย!!” คนใต้ล่างร้องเสียงหลงเมื่อถูกผมจับกดลงกับโซฟาตัวยาว ไม่พอผมยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆทำท่าเหมือนเสือหิวกระหายที่พร้อมจะกลืนกินกระต่ายน้อยตัวขาวเข้าไปทั้งตัว แล้วผมเชื่อว่าภาพนี้เป็นภาพที่ถ้าสาววายเห็นแล้วต้องจิ้นกระจายเป็นแน่
     
     
     
     
     
    “จะติวไม่ติว ถ้าไม่ติวจูบนะ”
     
     
     
     
     
    “เออๆ ติวๆๆ ปล่อยกูได้แล้ว!!”
     
     
     
     
     
    “ก็เท่านั้น….โอ้ย!”
     
     
     
     
     
    ทันทีที่ผมผละออกมือบางก็จัดการโบกหัวผมทันที
     
     
     
     
     
    “ไอ่ห่า เล่นเชี้ยไรแผลงๆ เดี๋ยวกูตบหัวทิ่มเลยนิ”
     
     
     
     
     
    มึงตบกูแล้วครับ ไม่ต้องเดี๋ยวหรอก
     
     
     
     
     
    “ตบหรอ? เดี๋ยวจูบนะ โอ้ย!!”
     
     
     
     
     
    “ไปไกลๆตีนกูเลย เดี๋ยวกูถีบไปนู้น ไอเชี้ยขนลุก บึ้ย~” คนโดนแกล้งทำท่าขนลุกสุดกู่ ความจริงผมก็ไม่ได้จะจูบเจิบอะไรจริงๆหรอกเพราะยังไงๆก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกันถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเลยก็เถอะ แต่จะให้จูบกันเนี้ยก็ต้องคิดนานหน่อยนะ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อบังทันฯเท่านั้นล่ะ
     
     
     
     
     
    เพื่อไอดอลที่รัก ข้ายอมทำได้.....
     
     
     
     
     
    ใจจริงก็อยากจะพูดคำนั้นอยู่หรอก แต่ก็ไม่พูดได้ไม่เต็มปาก เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเสียเหลี่ยมให้กับอาจารย์ฮิมชานก็ตอนที่ถูกจับประทับลายนิ้วมือลงบนสัญญางี่เง่านั่นไปซะแล้ว
     
     
     
     
     
    เนื้อความในนั้นบอกว่าผมจะได้รับบัตรคอนฯทันทีที่ตอบตกลงเข้าแข่งขันตอบปัญหาวิชาการ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องชนะด้วย แต่ถ้าไม่ผมจะโดนปรับเป็นเงินจำนวนเท่าราคาบัตรคอนฯแถมต้องมานั่งติวกับอาจารย์ฮิมชานทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนด้วยเป็นเวลาสองเดือน และถ้าเกิดผมทำผิดข้อตกลงก็ถือว่าผมจงใจไม่ช่วยเหลืองานโรงเรียน โดนประนามอีก งี่เง่าป่ะล่ะ ไอ้เงินค่าบัตรไม่เท่าไหล่แต่ที่ให้ไปนั่งติวสองเดือนนั่นน่ะ นรกชัดๆ
     
     
     
     
     
    ผมหันไปมองหน้าซูก้าอีกครั้งโดนที่อีกคนก็จ้องตอบกลับมาเหมือนกัน มือขาวทำท่าจะหยิบหมอนอิงขึ้นมาเตรียมฟาด ผมเลยชิงลุกหนีขึ้นมาซะก่อน
     
     
     
     
     
    “คิดว่าพิศวาสนักหรอ นอกจากขาวแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด เตี้ยก็เตี้ย ขาก็ใหญ่!!” พูดจบผมก็รีบวิ่งขึ้นห้อง
    ปิดประตูใส่กลอนเลยครับ ไม่งั้นหัวอาจแตกได้ คนเตี้ยเวลาองค์ลงนี่ผู้ชายสิบคนก็เอาไม่อยู่นะครับ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “ไอ้เชี้ยกุกกก!!!!”
     
     
     
     
     
     
    TBC.
     
    ฮะฮ่าๆๆ น้องกุกเกือบหัวแตกแล้วมั้ยนั่น ไปว่าซูก้าแบบนั้นได้ยังไง ว่าเตี้ยยังพอทำใจว่าขาใหญ่นี่รับไม่ได้นะครับ (ฮา)
    อาจารย์ฮิมชานนี่ก็แสบใช่ย่อยถึงขนาดจับเซ็นต์สัญญากันเลยทีเดียว อย่าเพิ่งว่ามันไร้สาระนะคะเพราะว่ามันจะมีความสำคัญมากในพาร์ทต่อๆไปค่ะ อุ๊ปส์! เผลอสปอยด์ เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนละกันเนอะเอาไว้เจอกันตอนต่อไปค่ะ
     
    ปล.เนื้อหาเดิมไม่ได้รีไรท์ค่ะ แค่เอามาลงใหม่เพราะมีบางคนบอกว่ามันอ่านในโทรศัพท์ลำบากเค้าก็เลยลงให้ใหม่ ไม่ได้ลงธีมแล้วนะ อ่านแบบโล่งๆไม่ว่ากันนะคะ พอดีลงในโทรศัพท์อ่า ผิดพลาดยังไงก็บอกด้วยนะคะ
     
    Thank u for reading.
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×