ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : A - S o n g - K a i : ศิ ษ ย์ พี่
A - S O N G - K A I
2
- ศิ ษ ย์ พี่ -
ผมจอนจองกุก เด็กหนุ่มวัยกระเต๊าะ(?)อายุ17ปี อาศัยอยู่กับพี่ชายสองคน ซึ่งก็แนะนำไปแล้วเมื่อตอนก่อน มินซูก้า อายุมากกว่าผม4ปีซึ่งนอกจากสีผิวที่ขาวผ่องแล้วผมกับมันก็ไม่มีส่วนคล้ายกันเลยสักนิด
ในความเดิมตอนที่แล้วผมได้บอกไปแล้วว่าเราสองคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันเลย แต่ทำไมเป็นพี่น้องกันได้น่ะเหรอ ก็มีหลายวิธีนะ ดื่มน้ำร่วมสาบานก็ได้ กรีดแขนหลั่งเลือดก็ได้ แต่สำหรับเราสองคนที่หน้าตาติดออกจะไปทางแถบยุโรปนิดๆก็คงจะไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ ซึ่งผมจะถกให้ฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ตอนที่ผมยังตัวแดงๆ หลังจากที่แม่คลอดผมได้ไม่นานท่านก็เสียชีวิตลงเพราะโรคร้าย พ่อผมก็เป็นนักธุรกิจอ่ะนะครั้นจะให้มานั่งเลี้ยงเด็กอ่อนมันก็ใช่จะไหว หนทางแก้ตอนนั้นก็มีอยู่วิธีเดียวคือต้องจ้างแม่นมให้มาเลี้ยงผมแทน เพราะพ่อผมไม่มีนมให้ผมดูดนี่จริงมั้ย และคนที่ถูกจ้างให้มาเป็นคนให้นมผมดูดก็คือคุณแม่ผมในปัจจุบันนี่แหละซึ่งก็ควบตำแหน่งแม่ของซูก้าด้วย เด็กที่มีชะตาชีวิตไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ แต่ของมันแย่กว่าตรงที่พ่อมันตายตั้งแต่มันยังไม่คลอดเลยด้วยซ้ำ ด้วยความที่ก็เพิ่งมีลูกมาเลยเป็นเรื่องที่ไม่ยากเท่าไหร่ที่คุณแม่จะเลี้ยงผมอีกคนแต่ก็ไม่รู้เลี้ยงอีท่าไหนสุดท้ายเราสองคนก็เลยกลายมาเป็นพี่น้องกันโดยปริยาย
แม่รักผมมากถึงแม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่ว่าท่านก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิดส่วนพ่อก็รักซูก้าเหมือนลูกแท้ๆเหมือนกันเพราะซูก้าเป็นเด็กฉลาดและก็เอาตัวรอดเก่งเป็นที่หนึ่ง และนี่ก็เป็นเหตุผลให้ท่านไว้ใจให้ซูก้าดูแลผมอยู่ที่นี่ส่วนท่านก็ไปทำงานตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ต่างประเทศกันสองคน
ในทุกวันที่1ของทุกเดือนท่านก็จะส่งเงินมาให้ พวกเราก็เลยอยู่กันได้โดยไม่ลำบาก และที่เห็นผมกับซูก้าทะเลาะกันแบบเนี้ย ไม่ใช่ว่าเราเกลียดกันนะครับ แต่มันคือวิธีการแสดงความรักตามแบบฉบับของพวกเราต่างหาก
“จอนจองกุก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
พรึบ
7.40
เจ็ดโมงสี่สิบเวลาเดิม
ผมเริ่มจะชินแล้วครับกับวิธีการปลุกด้วยเสียงปรอทแตกแบบนั้นของพี่ชายผม และก็ไอวิธีปรับนาฬิกาให้เดินเร็วกว่าเวลาจริงครึ่งชั่วโมงนี่ด้วย
ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่เร่งรีบนักและก็ออกมาในอีกยี่สิบนาทีหลังจากนั้น
“วันนี้มีไรกินอ่ะ” ผมถามเมื่อพาตัวเองลงมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งในชุดนักเรียนเต็มยศเรียบร้อย
“ข้าวผัดอเมริกัน กินได้มั้ย?” ซูก้าถามพร้อมกับยื่นจานข้าวมาตรงหน้าผม
“ถ้าตอบว่ากินไม่ได้จะทำให้ใหม่หรอ?”
“ป่าว ถ้ากินไม่ได้มึงก็ต้องกิน”
“แล้วจะถามทำไม” ผมส่ายหน้าเบาๆให้กับความกวนอวัยวะเบื้องล่างของพี่ชาย ไม่อยากทะเลาะด้วย เดี๋ยวมันไม่ให้กินข้าว
“แล้วนี่สอบวันสุดท้ายใช่มั้ย?”
“อืม แต่ยังไงก็ต้องไปโรงเรียนต่ออยู่ดีเพราะมีแข่ง”
“อ่อ...” ซูก้าพยักหน้าเข้าใจก่อนจะจิ้มไส้กรอกเข้าปากเคี้ยวหงับๆ ถ้าเป็นเด็กคงน่าเอ็นดูเนอะ
“ถ้าอยากรู้เรื่องไรก็ไลน์มาถามได้นะ ห้ามโทรเหมือนเดิม”
“คร้าบ เข้าใจแล้วครับคุณนักข่าวใหญ่”
และนี่คือคำตอบว่าทำไมผมถึงสอบได้คะแนนวิชาการเมืองของอาจารย์ฮิมชานเต็ม
มันเป็นผลพลอยได้น่ะ เพราะซูก้าเป็นนักข่าว คอยทำข่าว เขียนคอลัมน์ เกาะติดทุกกระแสเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของเกาหลี มันเลยเป็นเรื่องไม่แปลกที่ผมจะได้รับรู้อะไรต่างๆไปด้วย บางทีพี่ผมก็ถูกส่งตัวไปทำข่าวที่ต่างประเทศก็มี แต่ส่วนมากมันก็จะปฏิเสธ โดยเหตุผลมีอยู่ว่าถ้ามันไปผมก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว มันทิ้งน้องไม่ได้....ซึ้งป่ะล่ะ ตอนได้ยินน้ำตาแทบร่วงแหนะ
“เออนี่ วันนี้กูกลับดึกหน่อยนะคงไม่ได้กลับมาทำกับข้าวให้กิน ก่อนจะกลับก็หาอะไรกินมาก่อนละกัน”
“อ่า แล้วจะกลับกี่โมงอ่ะ”
“อาจจะถึงเที่ยงคืนเลยแหละมีทำข่าวใหญ่”
“อ่อ โอเค” ผมตอบรับก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เตรียมจะไปโรงเรียน
“เดี๋ยว”
“หือ?”
“ตั้งใจสอบล่ะ”
“เห้ มาแปลกเว้ย มีอวยพงอวยพรด้วย น่ารักอ่ะมาจุ๊บทีนึงดิ๊^^”
“เยอะไปละมึง ไปเลยรีบไปโรงเรียนเลยไป” ซูก้าโบกมือไล่ก่อนจะหันไปเก็บจานข้าวที่กินหมดแล้ว ที่จริงผมรู้หรอกหน่าว่าแกล้งทำฟอร์ม ใจจริงอยากจะจุ๊บผมแทบตายเชื่อมั้ยล่ะ555
*****
ออดดดด
การสอบผ่านไปอย่างน่าเบื่อเหมือนเดิมแต่อย่างน้อยมันก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ว่านี่เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมต้องมานั่งทนเบื่อแบบนี้หลังจากนี้สามเดือนผมก็จะได้นอนอยู่บ้านตื่นสายๆได้อย่างเต็มที่แล้ว เย้!!!
ตามหลักการแล้วมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่า....
“จอนจองกุกเดี๋ยวไปพบครูที่ห้องด้วยนะ”
“ครับอาจารย์ฮิมชาน”
ยังมีผู้ชายคนนี้อยู่..........
*****
“โหว ศิษย์พี่โคตรเจ๋งอ่ะ ทำได้ไงวะได้คะแนนเต็มวิชาการเมืองของอาจารย์ฮิมชานทุกรอบเลย” ผมกำลังทำหน้าตื่นตาตื่นใจสุดเมื่อได้เจอศิษย์รุ่นพี่ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก จำได้มั้ยที่อาจารย์เคยบอกว่ามีแค่สองคนเท่านั้นที่สอบได้วิชาของอาจารย์เต็ม ซึ่งคนที่หนึ่งก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าคือผม ส่วนอีกคนก็คือผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตรงนี้ล่ะครับ
“ฮะฮ่าๆๆ นายก็เหมือนกันนั่นแหละ นับถือเลยเว้ยศิษย์น้อง”
“ไม่เหมือนกันดิพี่ผมอ่ะคลุกคลีอยู่ในวงการนี้มันเป็นธรรมดาที่จะรู้เรื่อง แต่พี่อ่ะ...”
“โอเคๆ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันเก่งพอใจยัง”
“โหว ขี้โอ่ว่ะ”
“อ้าวไอนี่เดี๋ยวปั๊ด โบกเลย” คนเป็นพี่ทำท่าจะโบกหัวผมจริงๆตามที่พูดแต่ผมก็หลบได้ทัน
เขาเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปีตามหลักแล้วก็คืออยู่ม.6 ประวัติของพี่เขาเป็นที่เลื่องลือมาก ทั้งเรื่องหน้าตา กีฬา และเรื่องเรียน โดยเฉพาะวิชาการเมืองของอาจารย์ฮิมชานที่พี่เขาไม่เคยได้คะแนนอื่นเลยนอกจากคะแนนเต็ม เจ๋งปะล้า
จากที่เคยได้ยินคนอื่นพูดๆกันมาเขาว่ากันว่าวิชาการเมืองที่มีผู้สอนคืออาจารย์ฮิมชานเป็นวิชาที่ข้อสอบหินสุดๆไม่เคยมีใครได้เฉียดหรือแตะคะแนนเต็มกันเลย แต่สุดท้ายก็มีผู้พิชิตก็คือศิษย์เอกอย่างผมกับพี่เขายังไงล่ะ55555
“โทษๆพี่ผมล้อเล่น แหมแค่นี้ก็ทำเป็นโหด คิดว่าตัวเองชื่อมินซูก้าหรอครับ”
“มินซูก้า? ใช่ผู้สื่อข่าวที่ตัวขาวๆคนนั้นใช่ป่ะ?”
“อ้อ ใช่ครับ พี่ชายผมเองแหละ”
“เฮ้ย จริงดิ มินซูก้าเป็นพี่ชายนายจริงอ่ะ”
“ก็จริงดิ ไม่เชื่อใช่ป่ะ? งั้นดูนี่” ผมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเปิดรูปที่ถ่ายคู่กับซูก้าขึ้นมาให้อีกคนดู พอเห็นแล้วพี่เขาเบิกตากว้างเลยราวกับเห็นสมบัติล้ำค้ายังไงยังงั้นเลย
“โอ้ มาย ก้อดดด”
“พี่เป็นไรอ่ะ ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนดีใจขนาดนั้นด้วย อย่าบอกนะว่าเป็นเอฟซีพี่ชายผมอ่ะ”
“ฟังนะไอน้อง เหตุผลที่ศิษย์พี่คนนี้ได้คะแนนเต็มวิชาการเมืองเนี้ยทุกรอบ คำตอบก็คือมินซูก้าเนี้ยแหละครับ”
“เฮ้ย!!!”
“อะไรของเอ็งวะ?”
“พี่เป็นเมะเป็นเคะเนี้ย?”
“เมะเคะไรวะ...อ๋อ ไม่ใช่เว้ย รู้จักคำว่าไอดอลป่ะ ไอดอลอ่ะ”
ฮู้วว โล่งอกไปทีนึกว่าพี่กูจะโดนเสียบซะแล้ว
“เอ่อ แล้วพี่กลับบ้านยังไงเนี้ย”
“แท็กซี่อ่ะ แล้วนายอ่ะ”
“อ๋อ ผมขับเครื่องบินเจ็ทมา จอดอยู่หลังโรงเรียนนู้นแหน่ะ”
“ห๊ะ??”
“555 พี่เชื่อด้วยหรอ ผมไปแล้วพี่พรุ่งนี้เจอกัน” ผมโบกมือลาก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย วันนี้ซูก้ากลับดึกงั้นผมขอเถรไถลหน่อยละกันนะ
*****
#เบื้องหลังของศิษย์พี่
@เมียงดง
“ถึงแล้วครับน้อง”
“อ่ะนี่ครับพี่ไม่ต้องทอนนะ”
ปึง!
ร่างสูงก้าวขาลงจากแท็กซี่เมื่อถึงที่หมาย วันนี้เขานัดกับแฟนสาวไว้ด้วยแหละ ก็วันนี้เป็นวันพิเศษน่ะสิ คนโสดไม่ต้องอิจฉานะจ๊ะ
“ฮัลโหลตัวเองเค้ามาถึงแล้วนะตัวเองอยู่ที่ไหนอ่ะ” มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเบอร์คนรักก่อนจะกดโทรออกทันที
คิดถึงใจแทบขาดแล้วเนี้ยไม่เจอกันตั้งหลายวัน
[เค้าเห็นตัวเองแล้ว ตัวเองอยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวเค้าเดินไปหา] ปลายสายกดวางไป ไม่นานร่างบางก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดให้หายคิดถึง
“เค้าคิดถึงตัวเองจังเลย”
“อื้อ รู้แล้วปล่อยก่อนสิคนเยอะแยะนะ” ร่างบางว่าพรางดันตัวแฟนหนุ่มออก แขนแกร่งเลยเปลี่ยนมาโอบไหล่บางไว้แทน
“วันนี้ตัวอยากไปไหนอ่ะ”
“แล้วแต่เลย วันนี้เค้าตามใจตัวเองนะ”
“อืม.. งั้นไปกินไอติมกัน เค้าอยากกินสตอว์เบอรี่เชอเบทอ่ะ”
“อื้มไปสิ(”
และทั้งสองก็พากันไปกินไอติมตามที่ชายหนุ่มต้องการ โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเลยว่านี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เค้าจะได้มานั่งกินไอติมกับแฟนสาวแบบนี้
“ตัวเอง เค้ามีเรื่องจะบอกอ่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากร้านไอติมแล้ว ความจริงเธออยากจะบอกเรื่องนี้กับแฟนหนุ่มมาสักพักแล้วล่ะแต่ก็ไม่มีโอกาสสักที แต่วันนี้เธอตั้งใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงเธอก็จะบอกเรื่องนี้กับแฟนหนุ่มให้ได้
“หื้ม? เรื่องไรอ่ะ”
“คือว่าเราก็คบกันมานานแล้วเนอะ”
“ใช่ แต่ตัวเองรู้มั้ยว่าเค้าไม่เคยรักตัวเองน้อยลงเลยนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่คนรับฟังกลับมีสีหน้าที่แย่ลงกว่าเดิมไปอีก ‘ทำไมนายถึงโง่แบบนี้นะ จะโดนอะไรบ้างยังไม่รู้ตัวอีก’
“เค้ารู้ แต่สำหรับเค้าแค่รักอย่างเดียวมันไม่พออ่ะ”
“ตัวหมายความว่ายังไงอ่ะ ตัวไม่ได้กำลังจะ...”
“เค้าว่าเราเลิกกันเถอะ”
“ต...ตัวเอง” เสียงทุ้มขาดหายไป มือหนาที่กุมมือบางไว้ก็บีบแน่นขึ้นไปอีก ดวงตาคมมองหน้าแฟนสาวอย่างไม่เชื่อสายตา
“ดูแลตัวเองดีๆนะ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของมือหนา ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจอดีตแฟนหนุ่มที่ยืนค้างกลางอากาศอยู่ท่านั้น
แค่จะเอ่ยปากเรียกยังไม่มีแรง แค่จะดึงรั้งเธอไว้ยังทำไม่ได้ เขาไม่ได้โกรธที่อยู่ๆเธอก็ทิ้งเขาไปแต่เขาแค่อยากจะรู้ว่าเขาทำผิดอะไร ทำไมเธอถึงต้องใจร้ายกับหัวใจของเขาขนาดนี้ด้วย
“ฮึก...”
ในที่สุดร่างสูงก็กลั้นมันไว้ไม่ไหว หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินลงมาพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆแตกสลาย มือหนาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง และสิ่งที่หยิบติดมือออกมาก็ยิ่งตอกย้ำให้เขาเจ็บมากขึ้นไปอีก
ทำไมต้องเป็นวันนี้ ทำไมไม่ให้ผ่านวันนี้ไปก่อน ทำไมกัน ทำไม!
แกร๊ง!
ร่างสูงทรุดลงกับพื้นปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาโดยไม่สนใจว่าจะมีสายตาของใครจับจ้องมาบ้าง
ก็แคคนที่มองมาเพราะอยากรู้เรื่องคนอื่นเท่านั้น จะมีใครบ้างล่ะที่จะเดินเข้ามาปลอบเขา จะมีใครบ้างล่ะที่จะเดินมานั่งข้างๆเขา นอกจากแหวนสลักที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น แหวนที่ไร้ค่าไปแล้ว มันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว
4 year 4 ever
Happy Anniversary…
TBC.
งื้อออ สงสารศิษย์พี่อ่ะ ผู้หญิงใจร้ายมากอ่ะ เพราะงี้ไงผู้ชายเลยหันมารักกันเอง เอ๊ะ ไม่ใช่ละๆ (ผิดๆ)
อย่างไรก็ตามคงจะมีคนสงสัยว่าศิษย์พี่คือใคร ทำไมไรท์ไม่บอก! ตอนหน้ารู้แน่ค่ะ
ปล.แอบชอบมุกเครื่องบินเจ็ทอ่ะ วันหลังต้องเอาไปเล่นกับเพื่อน (วันนั้นอาจะได้รองเท้ากลับบ้านหลายคู่555)
ปล2.เนื้อหาเดิมไม่ได้รีไรท์ค่ะ แค่เอามาลงใหม่เพราะมีบางคนบอกว่ามันอ่านในโทรศัพท์ลำบากเค้าก็เลยลงให้ใหม่ ไม่ได้ลงธีมแล้วนะ อ่านแบบโล่งๆไม่ว่ากันนะคะ พอดีลงในโทรศัพท์อ่า ผิดพลาดยังไงก็บอกด้วยนะคะ
Thank u for reading
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น