NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic all] ขอคำแนะนำหน่อยครับทุกท่าน แอพสะกดจิตเนี่ยควรนำไปใช้แบบใดดี?

    ลำดับตอนที่ #4 : มีอะไรรออยู่ในทางลัดนะ?

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 67



    ผลลัพธ์
    A: 4
    B: 1

    ================================

    ผมเป็นห่วงมิซากิด้วยสิ งั้นไปทางลัดดีกว่า

    ผมตัดสินใจเดินเข้าทางแคบที่จะทะลุผ่านซอยโดยตรงทำให้ไม่ต้องอ้อมย่านการค้าให้เสียเวลา

    เมื่อก่อนแถวนี้เคยเป็นย่านอุตสาหกรรมมาก่อน แต่หลังจากผ่านวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่พวกโรงงานทั้งหลายเลยปิดตัวลงเหลือทิ้งไว้แค่พื้นที่เปลี่ยวไม่มีใครใช้งานผิดกับพื้นที่ข้างเคียงถูกบูรณะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและชุมชน

    เมื่อเดินผ่านกำแพงแคบๆ เข้ามาก็จะพบกับเส้นทางที่มีแต่กำแพงสูงและกองขยะยาวไปจนสุดทาง เส้นทางนี้สามารถเดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟได้ในเวลาไม่เกินสิบนาที เมื่อก่อนสมัยที่ผมยังอยากรู้อยากเห็นก็เดินผ่านทางนี้บ่อยๆ เผื่อว่าจะได้เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ตื่นเต้นเหมือนในอนิเมะ

    อย่างพวกการต่อสู้ของบุคคลปริศนา ผู้ใช้พลังพิเศษที่หลบซ่อนจากสังคม สัตว์ร้ายทรงพลังที่บาดเจ็บและได้ตัวเอกช่วยไว้ อาวุธในตำนานที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นจำพวกนั้น

    "อื้อ! อื้ออื้อ!"

    "อย่าดิ้นสิวะอีนี่"

    "ทุบให้สลบก่อนดีไหมลูกเพ่?"

    "ทำแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไรเล่า มึงมาช่วยจับสิวะ"

    ใช่ พวกเหตุการณ์ข่มขืนด้วย....อะไรนะ?

    ผมหันไปในตรอกซอยมืดๆ ที่อยู่ทางซ้าย

    ร่างของชายสองคนกำลังขึ้นคร่อมผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เพราะมันมืดเลยเห็นหน้าของผู้หญิงไม่ชัดแต่จากเสียงค่อนข้างทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ในละแวกนี้มีโรงเรียนแค่ที่เดียว หมายความว่าเธอก็น่าจะเป็นคนโรงเรียนเดียวกับผม ชายสองคนที่กำลังใช้กำลังมัดแขนขาเด็กผู้หญิงมีรูปร่างปานกลาง ไม่อ้วนหรือผอม สวมเสื้อสีดำทั้งคู่ ผมสังเกตุเห็นว่ามีการย้อมผมเป็นสีทอง เจาะหูเต็มทั้งใบหูตรงตามคชลักษณ์ อาจจะเป็นพวกที่ออกจากโรงเรียนเพราะไปก่อเรื่องอะไรก็ได้

    ดูทรงแล้วคงเป็นพวกกร่างไม่ค่อยกลัวตำรวจแต่ก็กลัวที่จะทำอะไรประเจิดประเจ้อถึงได้เลือกสถานที่แบบนี้ อย่างที่บอกว่านี่คือเขตโรงงานเก่า พวกกล้องวงจรปิดน่ะพังหมดแล้ว จะแกล้งโทรหาตำรวจตอนนี้ก็คงไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ผมต้องรีบกลับบ้านด้วยสิ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้วช่างมันเลยแล้วกัน

    ใช่ แค่เมินมันไปเหมือนกับคนอื่นๆ

    ในชั่วขณะนั้น เจ้าจิ๋กโก๋คนหนึ่งขยับออกจนทำให้ผมเห็นเด็กสาวคนนั้น ปลายเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเปลี่ยนทิศทางเป็นเดินเข้าไปในตรอก มือของผมล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจี้หลังคอของจิ๋กโก๋ที่คร่อมร่างผู้หญิงคนนั้น

    ตื้ดดด...

    ไม่เหมือนที่พวกคุณคิดไว้หรอก เสียงเครื่องช็อตไฟฟ้าไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างเป๊าะเปรี๊ยะอะไร แค่จี้แล้วกดปุ่มให้ไฟมันขึ้นแค่ไม่กี่วิให้กระแสไฟมันไหล แค่นี้มันก็มากพอจะทำให้ชายโตเต็มวัยลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว เพราะงั้นในจังหวะที่อีกคนกำลังตกใจผมก็จี้ไปที่คอ

    ตื้ดดด...

    เท่านี้สองคนที่กำลังจะกลายเป็นอาชญากรก็ลงไปนอนพะงาบกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย ผมจะบอกให้ว่าทำไมถึงได้พกเครื่องช็อตไว้ในกระเป๋า ในยุคนี้ที่มีแต่คนไม่ดีเต็มไปหมดการพกสิ่งของไว้ป้องกันตัวเป็นเรื่องปกติใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมต้องเป็นเครื่องช็อตไฟฟ้า? คำตอบก็ง่ายๆ ผมเคยพกค้อนกับชะแลงมาก่อน มันหนักไปหน่อยแถมเก็บลำบาก ประสิทธิภาพต่ำเกินไปถ้าจะใช้ในแง่การป้องกันตัว แถมเวลาโดนเรียกตรวจก็อธิบายลำบาก จะโกหกก็เสียเวลาเพราะงั้นเนี่ยแหละทางออก ใช้ง่าย เก็บสะดวก น้ำหนักเบา ดีไซน์เรียบหรู จับสบายมือแถมผมสั่งมาตอนลดราคาหกสิบเปอร์เซ็นต์ได้โค้ดส่วนลดส่งฟรีอีก คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

    แล้ว

    "ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ รุ่นพี่ฮินาโมริ"

    ผมพึมพำใต้ลมหายใจของผมเอง

    สาวสวยผมดำผู้มีใบหน้าเย็นชาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตากำลังมองมาที่ผม ชุดของเธอหลุดลุ่ยจนแทบเปลือยเปล่า เสื้อนักเรียนสีขาวโดนกระชากจนกระดุมหลุดเปิดให้เห็นชุดชั้นในสีชมพูกับหน้าอกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ถ้าให้ประเมินคงเป็นคัพ C กำลังพอดี ผมถอดเสื้อนอกออกแล้วยื่นให้ ดูเหมือนเธอจะยังผวาอยู่แต่ก็รับไปสวม

    ฮินาโมริ อายาเนะ เป็นรุ่นพี่ของผมแล้วก็เป็นรักแรกที่ไม่สมหวังอีกด้วย

    ผมมองไปรอบๆ แล้วก็เจอโทรศัพท์มือถือตกอยู่ไม่ไกล นั่นคงจะเป็นของรุ่นพี่ฮินาโมริ ก่อนจะเดินไปหยิบผมก็เอาเครื่องช็อตไปจี้ซ้ำเผื่อว่าสองคนนั้นจะลุกขึ้นมาอีก เพื่อความชัวร์น่ะเข้าใจไหม ผมไม่อยากให้สถานการณ์ที่ก้มตัวไปหยิบของแล้วโดนตัวร้ายที่เพิ่งจัดการไปฟาดหัวจนสลบหรอกนะแบบนั้นมันคลีเชไป

    ผมยื่นโทรศัพท์ให้รุ่นพี่ฮินาโมริ

    "ขะ...ขอบคุณ..."

    แม้จะไม่ได้ยินมานานแต่เสียงของรุ่นพี่ก็ยังทำให้ผมใจสั่นได้ทุกครั้ง การพบกันครั้งแรกของผมกับรุ่นพี่ฮินาโมริเกิดขึ้นในชมรมวรรณกรรม ใช่ ที่ผมบอกว่ามีแต่พวกเนิร์ดนั่นแหละ รุ่นพี่นั่งอยู่ริมหน้าต่างขณะอ่านหนังสือพิชัยสงครามซุนจื่อ ที่ไม่ใช่ซุนวู สายลมพัดแผ่วเบาทำให้เส้นผมยาวสลวยสยายออก ดวงตานิ่งสงบของเธอจับจ้องเพียงตัวหนังสือบนหน้ากระดาษขณะที่ผมสลักภาพนั้นลงหัว

    แต่อย่างที่เขาว่า รักแรกนั้นแย่เสมอ เรื่องของผมก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอเวลาเลิกเรียนเพื่อที่จะไปห้องชมรมให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เฝ้ามองรุ่นพี่ฮินาโมรินานขึ้นสักเพียงวิ ผมใช้เวลารวบรวมความกล้ามากมายเพื่อจะก้าวเข้าไปทักทาย บางทีผมคงจะคิดมากเกินไปคำที่กลั่นกรองออกมาเลยเหลือเพียงไม่กี่ประโยค มานึกย้อนดูก็น่าขัน รุ่นน้องที่ไม่เคยพูดคุยด้วยซักครั้งก้าวมาหาแล้วเปิดบทสนทนาด้วยการสารภาพรัก ไม่ต้องให้คนตาบอดมาดูก็รู้ว่าผมโดนปฏิเสธ

    ที่จริงแค่การปฏิเสธไม่สามารถทำให้ผมถอดใจได้หรอก แต่ว่าความจริงที่เพิ่งรู้มันรุนแรงกว่าการถูกปฏิเสธน่ะสิ รุ่นพี่ฮินาโมริ….มีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นคู่หมั้นที่ครอบครัวจัดหาให้ เห็นว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามดีกรีนักศึกษาแพทย์อนาคตไกลสมฐานะกับรุ่นพี่ที่เป็นคนในครอบครัวมีอันจะกิน จะบอกว่าไม่อิจฉาก็ไม่ได้ พอรู้เรื่องแล้วยิ่งเห็นรุ่นพี่ยิ่งทำให้เจ็บใจ พอรู้ตัวก็ไล่ติดตามแอคเคาท์ของคู่หมั้นคนนั้นจนหมดทุกช่องทาง...

    รุ่นพี่ฮินาโมริน่ะไม่เล่นโซเชียลมีเดีย แต่คู่หมั้นน่ะเล่น เขาชอบลงรูปเวลาไปเดทกับรุ่นพี่ช่วงสุดสัปดาห์ตลอด ถ้าได้เห็นรุ่นพี่ในชุดใหม่ก็ทำให้หัวใจชุ่มชื่น แต่พอนึกได้ว่าภาพที่ดูมาจากที่ไหนก็ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านราวกับเป็นโรคจิต

    ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหาบัญชีของคู่หมั้นคนนั้น

    @Msy165: ดันมีคลาสชดเชยซะได้ อดไปเที่ยวเลย~(⁠〒⁠﹏⁠〒⁠)

    ชัดเจน ดูเหมือนรุ่นพี่ฮินาโมริจะถูกเทนัดเพราะคู่หมั้นเชี่ยนี่เห็นการศึกษาและอนาคตตัวเองสำคัญกว่าตัวรุ่นพี่จนพวกเดนสังคมมาฉุดรุ่นพี่ไปจะทำมิดีมิร้าย

    ผมระบายความหงุดหงิดด้วยการจี้เครื่องช็อตไปอีกสองสามครั้งแล้วหยิบเอาปากกาเคมีลบไม่ได้มาเขียนคำว่า"พยายามข่มขืน"ไว้กลางหน้าของพวกมันตัวโตๆ พอเสร็จแล้วผมก็หันไปหารุ่นพี่ฮินาโมริ

    จะทำไงต่อดีล่ะ? ผมแทบไม่ได้คุยกับรุ่นพี่เลยตั้งแต่วันนั้น แบบว่าแค่เดินผ่านตรงทางเดินแล้วทักทายตามประสา ประมาณ'สวัสดีครับ'แล่วอีกฝ่ายก็ตอบแค่'ค่ะ'แบบนี้ตลอด กิจกรรมชมรมผมก็ไม่ได้ไปมาตั้งแต่ตอนนั้น จะให้เดินไปพูดนิ่มๆ แบบ'โย่ เกือบไปแล้วนะเธอเนี่ย ถ้าชั้นไม่ผ่านมาจะทำยังไงฮะ?'งั้นเหรอ? อย่างบ้าไปหน่อยเลยเว้ย คาแรกเตอร์ผมไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย ถ้างั้นลองเป็น'ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าหญิงของผม รอยยิ้มของผม หวานใจของผม' อ๊าาาาาาาา นั่นมันบ้าอะไรฟะ! เลิกทำเป็นเล่นแล้วคิดจริงจังได้แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องพาไปส่งบ้าน...แต่ผมไม่รู้นี่หว่าว่าบ้านรุ่นพี่อยู่ไหนแถมถ้าจะตามไปส่งทั้งๆ ที่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นมีหวังถูกคิดว่าเป็นพวกโรคจิตแหง รุ่นพี่เพิ่งจะเกือบถูกข่มขืนเลยนะตอนนี้ต้องกำลังเพนิคแน่ๆ ถ้าผมเผลอทำอะไรแบบไม่คิดไปเกมโอเวอร์ชัวร์ งั้นลองคิดตามหลัก ถ้าหากไปส่งที่บ้านไม่ได้แต่ก็พาไปส่งที่มีคนเยอะๆ ก็ไ้ด้นี่อย่างน้อยรุ่นพี่ก็จะได้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง และสถานที่แบบนั้นที่ใกล้ที่สุดในเวลานี้ก็มีแค่สถานีรถไฟที่ผมกำลังจะไป โอเคเอาตามนั้นละกัน!

    "เดี๋ยวผมไปส่งที่สถานี ลุกไหวรึเปล่า"

    "เอ๊ะ?"

    "ครับ?"

    "อะ! ไม่มีอะไร!"

    รุ่นพี่กระชับเสื้อนอกของผมแล้วรีบลุก แต่ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านจะทำให้เธอหวาดกลัวจริงๆ ผมสังเกตุเห็นขาที่สั่นและไม่มั่นคงของรุ่นพี่แม้ว่าเธอจะพยายามทำสีหน้าให้ปกติก็ตาม

    รุ่นพี่เดินไปหยิบกระเป๋าแต่ดูเหมือนแม้แต่มือของเธอก็อ่อนแรงไปด้วย ผมรับกระเป๋าที่หลุดจากมือไว้ทันก่อนจะตกพื้น

    "ผมถือให้"

    "...ขอบคุณ ดาไซคุง"

    เราเดินไปในทางคับแคบของตึกสีเทา ตะไคร่สีเขียวเกาะตามผนังทำให้พื้นที่โดนรอบดูเก่าแก่และถูกทิ้ง

    ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเลยเงียบไว้ ตั้งสมาธิไปกับการเดินแต่ละก้าวโดยระวังไม่ให้ก้าวยาวเกินไปจนรุ่นพี่ตามไม่ทัน

    ขณะนั้นผมก็คิดดู ถ้าหากว่าผมเลือกกลับทางปกติไปผมคงจะไม่ได้มาพบกับรุ่นพี่ และเรื่องน่าเศร้าก็คงจะเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นต่อให้ผมรู้ข่าวผมก็คงจะรู้สึกเสียใจสักเดือนสองเดือนแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตปกติ ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ ผมจะถือว่าตัวเองเป็นคนปกติทั่วไปได้รึเปล่านะ? คนปกติที่ไม่ได้สนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง ตราบใดที่เป็นเรื่องไกลตัวก็พร้อมจะปัดเมินแล้วทำเหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ สังคมมองคนไร้บ้านนอนตายข้างถนนเป็นเรื่องปกติ แต่มองคนที่ออกมาเรียกร้องให้กับความตายของคนไร้บ้านว่าเป็นเรื่องแปลก บางที ถ้าในวันนี้คนที่เกือบถูกข่มขืนไม่ใช่รุ่นพี่ผมก็คงจะเบือนหน้าหนีเช่นกัน การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองไม่ว่ายังไงก็ถูกมองว่าแปลก

    คนที่ออกมาช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลจะถูกตั้งแง่วิจารณ์ว่าหิวแสงและคาดหวังอะไรบางอย่าง

    คนที่ยึดมั่นในความถูกต้องกลับถูกความเป็นจริงในสังคมตีกลับจนทำให้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพียงแค่เพราะต้องการซื่อตรงต่อตัวเองและผู้อื่น

    แม้แต่การเข้าไปช่วยเหลือคนที่ถูกรังแกก็ยังถูกมองว่าเป็นการยุ่งไม่เข้าเรื่อง และสุดท้ายการกลั่นแกล้งก็จะเปลี่ยนเป้าหมายมาหาคนที่พยายามช่วยเหลือ

    ยิ่งเวลาผ่านไปคนแปลกที่เรียกว่าคนดีในโลกนี้ยิ่งน้อยลง แล้วสุดท้ายโลกนี้จะยังเหลือเจตนาดีอยู่บ้างไหม ถ้าหากการทำความดีกลายเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับวัตถุประสงค์เบื้องหลังของคนบางกลุ่มเท่านั้นแล้วเราจะยังเชื่อมั่นในมนุษยชาติได้อยู่รึเปล่า

    บางทีผมที่คิดเรื่องนี้อย่างจริงจังอาจจะเป็นคนเดียวที่แปลกก็ได้ มันก็เป็นแค่สิ่งที่ผมมองในมุมของผมจะเอามาตัดสินทุกอย่างในโลกก็กระไรอยู่ ความคิดเห็นของผมก็เป็นแค่หนึ่งในเม็ดทรายท่ามกลางกระแสของยุคสมัย ไม่ได้สลักสำคัญและไม่มีค่าพอให้ยกขึ้นมาขบคิด

    มัวแต่คิดไร้สาระไปเรื่อย พอรู้ตัวเราก็ออกจากตรอกมาเรียบร้อย ตรงหน้าคือสถานีรถไฟที่ผมต้องนั่งกลับ พอหันหลังไปก็เห็นรุ่นพี่ฮินาโมริที่ดูเหม่อๆ ผมยื่นกระเป๋าให้เธอ รุ่นพี่เหมือนจะหลุดจากภวังค์ก่อนจะยื่นมือมารับกระเป๋ากลับไป

    หลังจากนี้เธอก็น่าจะโทรให้คนที่บ้านไม่ก็เจ้าคู่หมั้นนั้นให้ออกมารับกลับ หน้าที่ของผมหมดลงตรงนี้

    ผมก้มหัวให้เธอแล้วเดินมุ่งเข้าสถานีรถไฟทันที หลังจากสแกนบัตรฉับไวผมก็เดินเข้ารถไฟที่มาจอดแบบตรงเวลาเป๊ะ ผมฉวยจังหวะที่มีคนลุกจากที่เข้าไปนั่งทันที แม้ว่าจะต้องลงในอีกสามสถานีแต่ผมก็อยากจะพักขาสักหน่อย

    หน้าปัดนาฬิกาที่ผมมองเห็นบอกเวลา 18:02 น. ถ้าไม่ผ่านทางลัดกว่าจะมาถึงสถานีก็คงประมาณ 19:30 ล่ะนะ

    ผมเริ่มชินกับการมีหน้าจออยู่ในสายตา อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของผมขนาดนั้น ถ้ากลับไปถึงบ้านผมเลยว่าจะลองตรวจสอบอะไรกับมันหน่อย ในฐานะโอตาคุที่เจอเหตุการณ์ประหลาดถ้าไม่ลองอะไรแปลกๆ คงได้เสียชาติเกิดกันพอดี

    ผมปรับท่านั่ง ก่อนสังเกตภาพสะท้อนในกระจก อา...ลืมขอเสื้อนอกคืนไปซะสนิท...แต่รุ่นพี่ก็กึ่งโป๊อยู่ ถ้าขอคืนท่ามกลางฝูงชนคงไม่ดีต่อทั้งผมและรุ่นพี่แน่ๆ เอาไว้ค่อยขอคืนแล้วกัน

    ผมพิงหัวกับกระจก รอให้รถไฟไปถึงสถานีที่ต้องการ

    ================================
     

    เผื่อไม่เชื่อว่าเหตุการณ์สุ่มจริง


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×