คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สิ่งที่ร่วงลงมา
วันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การออกมานอนอาบแดดสุดๆ ผมเลยโดดเรียนขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าอันเป็นจุดประจำในการงีบหลับ
แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายหลังพักกลางวันอบอุ่นกำลังสบาย ข้าวกล่องที่กินไปก็อยู่ท้องพอดีทำให้ไม่รู้สึกแน่น ขอเสริมว่าอาหารวันนี้เป็นข้าวกล่องที่ผมทำเองตอนเช้ามืด ซึ่งก็ทำเองทุกวันอยู่แล้วเลยไม่ได้น่าอวดอะไรแต่ก็อยากจะอวดซักหน่อยเผื่อว่าจะได้ความสนใจจากสาวๆ ซะบ้าง อย่างน้อยผมก็ยังมีความหวังว่าซักวันจะมีแฟนสาวคอยป้อนข้าวให้เหมือนในอนิเมะซักครั้ง แต่ก่อนอื่นต้องเริ่มที่การหาแฟนให้ได้ก่อนน่ะนะ
ผมเอนหลังนอนกับพื้นตรงร่มเงาอาคาร ที่ไม่โดนแดดจะได้ไม่ตื่นมาแสบผิว
ลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาแผ่วเบาทำให้เย็นสบายเหมือนเปิดแอร์เบาๆ ในฤดูร้อนแต่ก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นเพราะตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนแต่เป็นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศกำลังดี ถ้าพูดถึงเรื่องฤดูแล้วส่วนตัวผมคงชอบฤดูใบไม้ร่วงมากกว่าเพราะชอบบรรยากาศที่แห้งแต่ก็เย็นสบาย ส่วนฤดูที่ไม่ชอบที่สุดคือฤดูหนาว เพราะมันหนาวมากซะจนไม่อยากทำอะไรนอกจากซุกตัวอยู่ในเตียงตลอดทั้งวัน แถมน้ำยังหนาวจนไม่อยากอาบอีกฤดูหนาวเลยเป็นตัวเลือกที่ตัดไปได้เลยถ้าหากให้เลือกฤดูที่ชอบที่สุด
คิดไปเรื่อยเปื่อยจนเริ่มง่วงขึ้นมา ขณะหนังตากำลังจะปิดผมก็อ้าปากหาว
"หาาาาวววว~"
วิ้ง~!
หือ?
บางอย่างสะท้อนแสงกำลังร่วงลงมา
นั่นอะไรน่ะ? นก? เครื่องบิน? ซุปเปอร์แมน?
ไม่ใช่ พอดูดีๆ แล้วมันคือโทรศัพท์ต่างหาก เอ๋? โทรศัพท์? ทำไมโทรศัพท์ถึงร่วงมาจากฟ้าล่ะ?
ขณะที่กำลังสงสัยว่าโทรศัพท์มาจากไหน ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันกำลังร่วงลงมาใส่ผม แต่จะขยับตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว
"แอ๊ก! ค่อก—แค่ก! อ็อค—!!! กร็อก!"
โทรศัพท์เครื่องเขื่องร่วงเข้าปากผมที่อ้าหวอเต็มๆ เจ้าก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าพุ่งลงคอผมแบบกระอักกระอ่วน ผมอยากดึงออกแต่เหมือนมีพลังบางอย่างพยายามกระแทกโทรศัพท์เชี่ยนี่ให้มันลงคอผม
หลังจากดิ้นทุรนทุรายอยู่หลายนาที
"เอี๊อก!"
มันก็ไหลลงคอผม
"อุแหวะ..."
ผมแทบจะล้วงคออ้วกออกมาจากทั้งรสสัมผัสและขนาดที่บ้าคลั่งกระแทกกระทั้นไปทั้งปาก ดันลิ้นไก่ผมจนแทบสำรอก ไอ้โทรศัพท์เชี่ยนั่นมันไหลลงคอผมไปจนได้!
ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรเรียกรถพยาบาลแต่จู่ๆ สมองก็หยุดทำงาน มือถือในมือร่วงหล่นแล้วผมก็หมดสติไป
.
.
.
.
.
.
เสียงนกการ้อง กา กา
พอตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็เป็นสีส้มไปแล้ว...ผมลูบหน้าที่ระบมเพราะนอนคว่ำมานาน
ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย?
17:23 น.
เอ๋ เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ ผมต้องรีบกลับบ้านแล้ว....สิ....?
"หือ???"
ไม่รู้ว่าตาฝาดไปรึเปล่าแต่เหมือนผมจะเห็นข้อความบนอากาศ มันเหมือนกับหน้าโฮมของมือถือที่มีแอพอยู่ไม่กี่อันและหนึ่งในนั้นก็เป็นนาฬิกาที่ผมเพิ่งอ่านเวลาไปเมื่อซักครู่
เอ๊ะ? นี่ผมหลอนรึเปล่าเนี่ย? หรือเพราะกระเดือกไอ้โทรศัพท์จากนรกนั่นไปเลยเห็นภาพหลาน เอ๊ย ภาพหลอน แต่โทรศัพท์มันตกลงมาจากฟ้านี่หว่าแล้วจะเรียกว่าโทรศัพท์จากสวรรค์งั้นเหรอ แต่ทวยเทพที่ไหนมันจะมายัดโทรศัพท์ลงคอเด็กมอปลายกัน? อะไรเนี่ย? หรือจะ แบบว่ายมทูตซักตัวทำเดธโน้ตตกลงมาที่โลกมนุษย์แต่เพราะอยู่ในยุคโมเดิร์นแล้วแทนที่จะใช้สมุดก็เลยเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์เพื่อความสะดวก แล้วเดี๋ยวอีกซักพักยมทูตก็จะโผล่มาใช่มะ? งั้นผมตัองไปซื้อแอปเปิ้ลเตรียมไว้ก่อนรึเปล่าเนี่ย แต่ว่าพอดูๆ แล้วไม่เห็นไอคอนที่ดูน่าจะเป็นเดธโน้ตเลยแฮะงั้นแปลว่านี่มันภาพหลอนจริงๆ สินะ!
ผมลองขยี้ตาก็แล้ว ลองเคาะหัวตัวเองก็แล้ว
เอ๊~ ไม่หายว่ะ
โชคดีที่ภาพมันไม่ได้บังทัศนวิสัยอะไรผมเลยเดินปร๋อกลับไปเอากระเป๋าที่ห้องเรียนผ่านทางเดินที่แสนอ้างว้าง ซึ่งก็ปกติสำหรับโรงเรียนในเวลานี้ที่มักจะกลับบ้านเร็วถ้าไม่ได้มีกิจกรรมชมรม ว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้ไปชมรมตั้งนานแล้วนะ มันเป็นชมรมวรรณกรรมน่ะ ทีแรกที่สมัครไปก็คิดว่าจะได้ชิวๆ นั่งอ่านมังงะอ่านนิยายตามสไตล์ผมกับเพื่อนโอตาคุ ไม่ก็รุ่นพี่สาวสวยสุดคูลอะไรทำนองนั้น แต่ที่ได้จริงๆ คือคาบที่กลุ่มเนิร์ดมารวมตัวกันอ่านบทกวี วรรณคดี หนังสือปรัชญา บลาบลาบลา แล้วก็มานั่งถกกันอย่างกะผู้ทรงภูมิ ครูที่ปรึกษาก็เป็นครูแก่ๆ อายุเกือบเจ็ดสิบที่สั่งให้ทำสรุปเรื่องที่อ่านมาส่งท้ายคาบ พอเจออย่างงั้นไปผมเลยไม่ได้ไปที่ห้องชมรมอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น
ในเวลานี้แสงอาทิตย์อัสดงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้นึกถึงฉากเพลงปิดในอนิเมะซักเรื่อง พอมาถึงห้องเรียนผมก็ได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวที่ครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องผีที่ได้ยินมาเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับนักเรียนหญิงที่ถูกกลุ่มเพื่อแกล้งจนฆ่าตัวตายที่โรงเรียน วิญญาณของเธอยังไม่ไปไหนและยังคงวนเวียนอยู่ในโรงเรียนนี้ที่ไหนซักแห่งเพื่อหาคนมาแทนที่เธอ โห ผมนี่ขนลุกซู่ซ่าเลย แต่ถ้าไม่เข้าไปผมก็ไม่ได้กระเป๋าน่ะสิ ในนั้นมีทั้งกระเป๋าตังค์ ทั้งบัตรรถไฟ ถ้าไม่มีผมก็กลับบ้านไม่ได้ แถมในนั้นยังมีฟิกเกอร์เลดี้มาเรียแห่งหอนาฬิกาดารา ดีลักซ์อิดีชั่นขนาด 1:4 อยู่ด้วย ผมทิ้งเธอไว้ไม่ได้จริงๆ
เอาวะ ผมนับสาม สอง หนึ่งแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่นล่ะโป๊ะเช๊ะ
"โฮร่า! โฮร่า! แตกซะนังหมูโสโครก!!!"
"ฮรี๊ย์~~~! แตกล้าว! แตกล้าวค่าาาาา~~~!!!"
ปรี๊ด~!
ราวกับปืนฉีดน้ำในช่วงสงกรานต์ที่เป็นประเพณีของประเทศไทยที่จัดขึ้นในหน้าร้อนโดยมีจุดประสงค์เป็นการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ ผมเคยไปร่วมเทศกาลนั้นครั้งนึงสมัยยังเด็ก และภาพของเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมที่โดนผู้ใหญ่ยิงปืนฉีดน้ำความแรงสูงใส่จนหัวสะบัดตกท้ายรถกระบะก็ยังคงตราตรึงผมอยู่จนถึงทุกวันนี้ น่าเสียดายที่มันต้องถูกแทนที่ใหม่ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าผม ละอองน้ำสาดกระจายพุ่งปรี๊ดจากโพเดี้ยมอาจารย์หน้าห้องมาจนถึงหลังห้อง
อ๊ะ ผมเห็นสายรุ้งด้วยล่ะ
================================
ความคิดเห็น