ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธุ์โหดเขี้ยวอำมหิต [No.1047 Canine Fang]

    ลำดับตอนที่ #6 : จดหมายมีดโกน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 48


    No.1047 พันธุ์โหดเขี้ยวอำมหิต

    ตอนที่ 5 จดหมายมีดโกน




        อะฮ้า ไอล์ยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อสบตากับสาวน้อยอีกด้านของเคาน์เตอร์คิดเงิน จากสายตาเขา เชื่อขนมกินได้เลยว่าแม่สาวนั่นชอบเจค! “เฮ้ เพื่อน มีสาวมาสนนายน่ะ ไปคุยกับเธอหน่อยสิ”

        “ไม่เอา”

        “เด็กนั่นออกจะน่ารัก นายไม่สนใจเขาบ้างเหรอ?” เท่าที่ผ่านหูผ่านตามีเด็กสาวๆหลายคนชอบเจคนะ แต่ไม่มีใครเข้ามาคุยด้วยไม่รู้เพราะอะไร... หรือเป็นเพราะว่ามีเขาอยู่ด้วยตลอดหว่า?

        “อย่าเพิ่งมาคิดหาแฟนให้ฉันเลย ห่วงตัวนายเองเถอะ แฟนนายมาโน่นแล้วแน่ะ” เจคชี้

        เจนนิเฟอร์ถกกระโปรงที่ยาวเกือบเลี่ยพื้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะวิ่งได้เร็วขึ้น แล้วโผเข้ากอดไอล์ เธอหน้าเสียกลายๆเพราะอยากกอดให้ได้ถึงคอเหมือนคู่รักวัยไล่ๆกัน แต่ส่วนสูงของเธอทำให้กอดถึงแค่เอวแม้จะเขย่งเท้าช่วย

        “ง่า... เจค ช่วยบอกให้เขาโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาหาฉันได้ไหม” ไม่กล้าพูดเอง ครั้นกระซิบขอให้เจคช่วยมันก็ดันสนับสนุนให้เขาคบกับเจนนิเฟอร์อีก

        “น่า เจนนิเฟอร์เขาชอบนายมากขนาดนี้แล้ว นายก็คบๆเขาไปเถอะ” เจคพูดจากใจจริง

        “พ่อแม่เขาไม่ว่าเอาเรอะ จะให้ฉันคบกับเขาเนี่ย!!” อาจได้ของสมนาคุณมาเป็นกระสุนลูกสองสักนัดสองนัดจากคุณพ่อหวงลูกสาวก็ได้

        “แม่เจนนิเฟอร์ตายแล้ว”

        “อ้าว ขอโทษ” ไอล์ขอโทษขอโพยเจนนิเฟอร์เป็นการใหญ่

    แต่คนถูกขอโทษยังยิ้มร่าไม่สนใจที่ไอล์พูดถึงแม่ “ไม่เป็นไรนี่ มีเจคอยู่ทั้งคน”

    มีเจคอยู่ทั้งคน “แล้วพ่อเธอล่ะ?”

        เจนนิเฟอร์สบตากับเจคพักหนึ่ง “...พ่อของหนู ก็เจคไงคะ”

        ก๊อง!! ไอล์รู้สึกเหมือนโดนภูเขาถล่มใส่ ล้อเล่นใช่ไหม นี่ต้องเป็นการล้อเล่นแน่ๆ ถ้าเจนนิเฟอร์เป็นลูกของเจค เจคจะมีลูกตอนอายุเท่าไหร่ล่ะ

        “...เฮ้ย!!” เจคปลุกเพื่อนให้ตื่นจากอาการช็อคค้าง

        “โทษที ฉันเบลอนานไปหน่อย พวกนายก็เล่นแรงนะ” เกือบขาดออกซิเจนตาย

        “เล่น ไม่ได้เล่นนะ เจนนิเฟอร์เป็นลูกสาวฉันจริงๆ” เจคย้ำให้เชื่อว่าเรื่องที่เขาพูดน่ะความจริงล้วนๆ “เพราะงั้น ถ้าฉันอนุญาตให้นายคบกับเจนนิเฟอร์ได้ แล้วนายกับเจนนิเฟอร์เป็นแฟนกัน ฉันก็ไม่เชือดนายทิ้งหรอกสบายใจได้”



        อ่า แล้วถ้าเขาปฏิเสธเจนนิเฟอร์ เขาจะโดนมีดของเจคเสียบกลางกระหม่อมเอาไหมเนี่ย?!!!



        วันนี้ก็เป็นวันสบายๆของเจควันหนึ่ง แต่เป็นวันช็อคสุดๆของไอล์ เจนนิเฟอร์เป็นลูกสาวเจค!!!  มีเสียงเคาะประตูห้องแล้วก็เงียบหาย ไอล์มองไปที่ประตูก็เห็นจดหมายซองนึงยื่นเข้ามาตรงธรณีประตู... จดหมายเป็นสีชมพูลายหัวใจกุ๊กกิ๊กน่ารัก... ลายมือที่เขียนชื่อผู้รับไว้ก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของจดหมายนี้เป็นผู้หญิง...

        เจคกำลังอาบน้ำ ไม่รู้ว่ามีจดหมายถูกสอดเข้ามาในห้อง...

        ชื่อผู้รับที่จ่าไว้ที่ซองเป็นชื่อไอล์ เจฟเฟอร์สัน ไอล์ฉีกอ่านอย่างไม่ติดใจสงสัย ปึ้ด!... มือของเขาถูกเฉือนด้วยของมีคมเป็นทาง... มีดโกน... มีมีดโกนติดไว้ตรงขอบทั้งสี่ด้านของจดหมาย

        กระดาษที่แนบใส่ซองมามีข้อความว่า – ตายซะ – ใครเป็นคนส่ง?  เขายังไม่เคยสร้างศัตรูที่นี่นี่นา



        “ไอล์ แผลนั่นโดนอะไรมา?” เจคถาม แต่ไม่ต้องรอคำตอบ เมื่อเห็นจดหมายมีดโกนนั่น เป็นหลักฐานอย่างดีว่าไอล์ถูกคนในปองร้าย และคนร้ายต้องเป็นผู้หญิง

        “แผลแค่นี้ไม่เป็นไร” แผลใหญ่กว่านี้ยังไม่ตายเลย แค่นี้ไกลหัวใจเยอะ

        นายไม่เป็น แต่ฉันเป็น อิริคให้เขาคุ้มครองไอล์ ถึงไอล์จะบาดเจ็บไม่มาก แต่นั่นหมายถึงการทำงานของเขามีข้อบกพร่อง



        “ปล่อยนะ ปล่อยฉันไอ้พวกบ้า! พ่อกับแม่ฉันอยู่ไหน!!” ลูอิสดิ้นสะเปะสะปะ แขนทั้งสองข้างโดนหน่วงเหนี่ยวด้วยมือของคนสองคนในเครื่องแบบทหาร

        “ท่านอิริคครับ พวกผมหน้าที่แล้วขอไปเลยนะครับ” หนึ่งในชายที่พาตัวลูอิสมาลูบคลำดวงตาบวมปูดของตัวเอง อนุญาตให้ใช้อาวุธได้ซะก็สิ้นเรื่อง ถ้าใช้กระสุนยาสลบคงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ เด็กอะไรหมัดหนักชิบเป๋ง

        เออร์วินมองด้วยสายตาเค้นถามว่าเด็กคนที่ถูกพามาเป็นใคร “...เฮ้ อิริค นายไปลักพาตัวเด็กที่ไหนมาน่ะ?”

        “ลูอิส ไบรอัน... เด็กคนนี้เป็นคนที่ฆ่าลูกของสัตว์ทดลองที่หนีออกไปได้” อิริคดึงบุหรี่จากปากเพื่อน หนอย บอกไม่ให้สูบมันยังกระแดะคาบไว้อีก “ก็เลยว่าจะขอความร่วมมือซะหน่อย”



        ขอความร่วมมือกับผีสิ จู่ๆก็มีคนบุกเข้าไปในบ้าน ลักพาตัวเขากับพ่อแม่มา ตอนนี้พ่อแม่ถูกจับตัวไปไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย ลูอิสงัดทุกคำที่ใช้ด่าได้ขึ้นมาด่า... ใช้คำว่า ‘หนีไป’ ย่อมหมายถึงต้นกำเนิดของมันอยู่ที่นี่... คนพวกนี้เป็นใครเขาไม่รู้แต่เขาไม่คิดจะร่วมมือโดยดี



        “ถ้าเป็นห่วงสวัสดิภาพของพ่อแม่เธอ เธอควรจะทำตามที่หมอนั่นบอกนะ” คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่อิริค แต่เป็นคนที่นอนเต๊ะท่าบนโซฟา เอากับมันสิ เพิ่งริบซองบุหรี่มาหมาดๆมันยังมีเก็บอีกซองอีก ซ้ำยังมีการมาแย่งบทพูด สมกับเป็นอดีตท็อปวันแห่งวงการบันเทิง เรื่องขโมยซีนล่ะไวปานวอก ไหนๆก็พูดแล้วปล่อยเพื่อนพูดไป “เป็นพนักงานที่นี่สวัสดิการดีนะ เจ้าอิริคคงเห็นว่าเธอมีความสามารถถึงให้คนพามา ไม่งั้นเธอกับคนในครอบครัวเป็นศพเพราะได้เจอกับเจ้านั่นแล้ว”

        “นั่นเป็นการขู่เหรอ?!” ถ้าแค่เขาคนเดียวจะไม่กลัวกับการขู่นี้เลย แต่ชีวิตของพ่อกับแม่แขวนอยู่บนเส้นด้าย ด้ายนั้นจะขาดหรือไม่ขาดขึ้นกับเขาคนเดียว



        คนนี้ก็ไม่น่าใช่ คนนั้นก็ไม่น่าใช่ เจคขีดรายชื่อที่ยาวเป็นหางว่าวในกระดาษม้วนรวมรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้าย

        “เรื่องแค่นี้ไม่ต้องจริงจังมากนักก็ได้นะเจค” คนโดนยังไม่คิดมากเลย คนไม่โดนจะมาคิดมากทำไม

        “นายน่ะหัดโกรธคนอื่นซะบ้างก็ดีนะ” มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว เจคขีดรายชื่อจนเหลือแค่ไม่กี่ราย และชื่อที่น่าสงสัยที่สุดคือไลนาร์ แม็คเคลน... เด็กสาวที่คอยด้อมๆมองๆเขาบ่อยๆในระยะนี้ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าจะเป็นพวกชอบแอบตาม



        จะเค้นคอให้สารภาพไงดีนะ วิธีการทรมานให้สารภาพความจริงไม่อยากให้ไอล์เห็นด้วย เดี๋ยวจะเป็นลมตายซะก่อน

        แต่จะปล่อยไอล์ไว้คนเดียวก็ไม่ได้... เขาไปถามด้วยตัวเองไม่ได้ แต่มีคนที่จะถามได้นี่... เจคดีดนิ้วเปาะ

        “เจนนี่ ไปหาไลนาร์ แม็คเคลนทีนะ ถามเรื่องจดหมายว่าหล่อนเป็นคนส่งหรือเปล่า ถ้าใช่ก็สั่งสอนเบาะซะหน่อยนะ”

        เจนนี่พยักหน้า อยากฆ่าไอล์จริงๆ มาแย่งความสนใจของเจคไปจากเธอหมด แต่เป็นคนที่เจนนิเฟอร์ชอบ แล้วถ้าเธอฆ่าเขาเจคต้องโกรธมาก คนที่ชื่อไลนาร์จะเป็นคนส่งจดหมายหรือไม่ใช่ไม่รู้ล่ะ ขอใช้เป็นที่ระบายความเครียดหน่อยเถอะ

        “นิสัยชอบคุยคนเดียวของเจนนิเฟอร์นี่ติดมาจากนายสินะ” พ่อลูกพอกัน

        “ทำงานของนายไปเถอะน่า” เจคเหล่จดหมายที่เป็นกองพะเนิน งานคัดแยกจดหมายนี่งานผู้หญิงทำชัดๆ... แต่ช่วยไม่ได้นะ แขนข้างที่ถนัดเป็นซะแบบนั้นจะใช้ให้ทำงานหนักๆได้ไง

        “เจค ตึกเก่าน่ะมันใช้ทำอะไรเหรอ?”

        “เอาไว้ขังสัตว์ประหลาด” คนฟังลมออกหู นี่มันนึกว่าเขาเป็นเด็กอมมือเรอะ จะได้เชื่อเรื่องสัตว์ประหลาดน่ะ “พูดจริงล่ะดันไม่เชื่อ ทำไมโกหกดันเชื่อฟะ... พ่อนายเขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลยเหรอ?”

        “พ่อฉันเสียไปแล้ว” ไอล์ตอบซึมๆ ถ้าพ่อยังอยู่เขาคงยังใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

        “ฉันหมายถึงคุณเออร์วินน่ะ เขาเป็นพ่อบุญธรรมนายไม่ใช่เหรอ?”



        พ่อบุญธรรม... ไม่เห็นมีใครบอกกับเขาเลย... เขากลายเป็นลูกบุญธรรมของเออร์วิน ครอฟอร์ดไปตั้งแต่เมื่อไหร่?



        “เจค เธอนี่ปากไม่มีหูรูดเหมือนเคยเลยนะ”

        อึ๋ย ไหงคนเดียวที่เขาเกรงใจถึงได้มาหาที่ห้องล่ะ เจคตัวหดเหลือเท่าไม้บรรทัด ย่อเท่ากล่องไม้ขีด แล้วก็กลายเป็นมด “ผมผิดไปแล้วครับ อย่าลงโทษผมเลยนะ สงสารเด็กตาดำๆเถอะ”

        พูดไม่ดูตัวเองเลย ตาสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ เขาไม่ได้โกรธถึงขนาดนั้นซะหน่อย แต่เรื่องภายในครอบครัวก็สมควรให้คนในจัดการกันเอง ไม่ค วร ยื่นมือเข้าไปยุ่ง “ฉันอยากให้พวกเธอรู้จักกันไว้” อิริคกวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่ซุกตัวที่อีกฟากของประตูให้เข้ามาในห้อง

        “เด็กคนนี้ชื่อลูอิส ไบรอัน” อิริคแนะนำแทนเจ้าตัวที่ยังหัวแข็งไม่ยอมอ่อนข้อให้ “บางทีเธอกับเขาอาจจะต้องทำงานด้วยกัน”

        ฟ้าววว! บททดสอบด่านแรกที่จะให้ยอมทำงานด้วย เจคเหวี่ยงหมัดบวกอาวุธเสริมคือสนับมือเล็งว่าต้องโดนเต็มหน้า แต่ลูอิสหลบทัน “ว้าว... เริ่มถูกใจแล้วสิ... นายเป็นคนที่สองนะที่หลบได้น่ะ...”

        ฝ่ายลูอิสไม่ยอมโดนทดสอบฝ่ายเดียว แต่นั่นคือข้ออ้าง ความจริงแล้วเขาแค่เหม็นขี้หน้าเจคตั้งแต่แรกพบ เปรี๊ยะ! เจคหลบหมัดของลูอิสได้ แต่เก้าอี้ไม้สำหรับนั่งเขียนหนังสือผู้โชคร้ายกลับต้องรับกรรม หักเป็นสองท่อน ชะตาขาดแทนเจ้าของ

        “พอพอ พวกนายสองคนอย่าทะเลาะกันได้ไหม” ไอล์ขอร้องแกมสั่ง

        “ผู้หญิงอย่าสอด”

        พลั่ก!! ใครเป็นผู้หญิงวะ!!!! คนที่เคยห้ามเดือดซะเอง ประทานลูกถีบสะท้านโลกันตร์ให้คนเข้าใจผิดได้อิงแอบวัดฝาผนังที่มีรอยแตกร้ายเป็นเส้นๆ “...ได้ยืดเส้นยืดสายค่อยยังชั่วหน่อย......” นอนซะนานเรี่ยวแรงหายหมด แต่คงจะเริ่มเข้าที่แล้ว

        หน้าสวยๆ รูปร่างเพรียวๆ ผิดกับพละกำลังที่มีมากโข ถ้าไม่เจอกับตัวใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะเถื่อนขนาดนี้ เจคขยี้ตาเผื่อสิ่งที่เห็นจะเป็นภาพหลอน

        ลูอิสพูดเสียงค่อยเพราะจุกในช่องท้อง “...แฟนแกนี่ตี นหนักชิบ”

        ใครเป็นแฟนใคร?... เจคคิดนานกว่าจะนึกออก อ้อ ที่แท้เจ้าลูอิสก็เข้าใจผิดอย่างมหาศาล ภูเขาไฟก็ใกล้จะระเบิดแล้ว ไอล์ท่องหนึ่งถึงสิบซ้ำไปซ้ำมา ถ้าไม่รีบสงบอารมณ์เร็วๆเขาอาจได้กลายเป็นฆาตกร

        “ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเจค แล้วฉันก็เป็นผู้ชายโว้ยไอ้เซ่อ!!”

        เพล้ง เพล้ง เพล้ง! หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ “ก็หน้าอย่างนี้จะให้มองมุมไหนมันเหมือนผู้หญิงนี่หว่า แล้วไว้เคลียบ่าแบบนั้นยิ่งดูเหมือนเข้าไปใหญ่”

        ไอล์หยิบกรรไกรจากในลิ้นชักโต๊ะ อิริคเริ่มกังวลกับสถานการณ์ คนปกติอยู่ใกล้เจคนานๆอาจซึมซับพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่มีสถานการณ์อันตรายเกิดขึ้น คนถูกเข้าใจผิดแค่ตัดผมที่ยาวออกมาของตนทิ้งโดยไม่สนใจว่ามันจะแหว่งตรงไหนบ้าง

        “พอใจหรือยัง”

        “ดูดีขึ้นหน่อย” ลูอิสเปรย ทรงผมน่ะเปลี่ยนได้ แต่หน้านี่คงต้องไปทำศัลยกรรม



        ลา... ลา... ลา... เด็กสาวที่ถูกติดตามฮัมเพลงไปเรื่อยๆขณะที่เข้าใกล้ตึกเก่าเข้าไปทุกขณะ พลางเหลือบตามองเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนตุ๊กตาที่สะกดรอยตามเธอมา

        “ไม่ไหวเลย เรานี่เนื้อหอมกับพวกผีกับปีศาจจริงๆ” ไลนาร์พึมพำ แต่เสียงกังวานพอจะให้คนติดตามได้ยินเสียง

        “รู้เหรอว่าฉันตามมาน่ะ”

        “สงสัยว่าฉันเป็นคนเขียนจดหมายล่ะสิ ฉันไม่ได้เขียนนะ” แต่คนเขียนน่ะเธอรู้ว่าเป็นใคร

        “ถ้างั้นใครเขียน?” แต่ใครเขียนเธอก็ไม่สน เพราะที่นี่มีคนที่เห็นเธออยู่... ความอยากจะฆ่าพุ่งพล่าน...

        “...อืม...... ถ้าเจคมาถามเองฉันอาจจะตอบก็ได้”

        “อย่าเล่นลิ้นนะ ถ้าไม่อยากตายก็ตอบมา”

        “แหม... ก็ได้ ก็ได้... คนเขียนน่ะพี่สาวของเจนนี่ไง” ไลนาร์ตอบพลางหัวเราะการกระทำของเด็กตัวน้อยๆที่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เจนนิเฟอร์ก็ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบเหมือนกันแฮะ แกล้งแรงซะด้วย

        “...ทำไมรู้ชื่อของเจนนี่” ยังไม่ได้บอก ทำไมไลนาร์ถึงได้รู้จักชื่อของเธอ

        “ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ ให้เจคมาถามเอง”



        “คอยที่นี่เดี๋ยวเขาก็มา” ไลนาร์บอกกับเจนนี่ซึ่งกำลังจะไปตามเจค เข้ามาในตึกเก่าแล้วจะออกไปอีกทำไม

        “แน่ใจได้ไง” เจนนี่ไม่เชื่อคำของคนที่เธอตามมานัก แต่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะฆ่า เหมือนคนๆนี้มีบางอย่างที่ดึงดูดเธอ

        “ก็ฉันเป็นคนนัดเขาเองนี่” ริมฝีปากเรียวเข้ารูปกระแอมเบาๆ ภูมิใจกับฝีมือการแสดงที่หลอกทุกคนได้แนบเนียน ไม่มีใครจำเธอได้สักคน



        “คุณแม่ มานานแล้วหรือครับทำไมไม่ไปหาผมที่ห้องล่ะ” อิริคถามคนที่แต่งชุดผิดวัย อายุปาเข้าไปตั้งเกือบหกสิบแล้วยังใส่ชุดไสตล์วัยรุ่นอีก โกงอายุเห็นๆ น่าจะรู้ตัวบ้างว่าวัยวุฒิปาเข้าไปกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว

        ไลนาร์เหวี่ยงวิกผมสีทอง กับถอดคอนแท็คเลนส์สีฟ้าทิ้ง สีผมกับสีตาจริงของเธอเป็นสีดำเหมือนอิริค “ไม่น่าเรียกแม่เลย กำลังสนุกอยู่เชียว” เธอเบ้หน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ “คราวหน้าเรียกพี่สาวดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวผู้ชายดีๆที่มาจีบแม่จะหายจ้อยหมด”

        “พ่อไม่อยู่จะหาเศษหาเลยหรือครับ” อิริคเหล่ใส่บุพการี

        “โธ่ แม่ยังสาวพริ้งขนาดนี้มันต้องมีบ้างเป็นธรรมดา” ไลนาร์ท้าวเอวอวดโฉมความเต่งตึงของเนื้อหนังมังสา

        “เดี๋ยว เดี๋ยว ตกลงไลนาร์เป็นแม่ของคุณเหรอ?” เจคถามอิริค

        “ก็ใช่สิ เธอเคยเห็นครั้งหนึ่งแล้วนี่ จำไม่ได้เหรอ?” อิริคถามกลับ... จำไม่ได้เลย จำไม่ได้สักนิด เคยเห็นที่ไหน เขาไม่ใช่คนที่ลืมอะไรง่ายๆ เจอกันแล้วไม่น่าจะลืม แต่ทำไมจำหน้าแม่อิริคไม่ได้ “เคยเจอตอนเธอเด็กๆน่ะ”



        ลองนึกถึงความทรงจำสมัยเด็กดู

    วันที่เจออิริคครั้งแรก  พอจำได้ลางๆว่าตอนที่เจอกันมีผู้หญิงคนนึงเดินมากับอิริคด้วย



    “อ้ะ จริงด้วย” เจคจำความได้ แต่ผู้หญิงคนนั้นกับคนนี้ ไอ้ท่าทีสงบเสงี่ยม เป็นกุลสตรีหายไปไหนหมดล่ะ เปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือกับหลังเท้า

        “โธ่เอ๊ย จำไม่ได้เหรอเนี่ย งั้นเรามาสานสัมพันธ์กันใหม่หน่อยไหม เธอโตขึ้นหล่อน่าดู ตรงรสนิยมฉันเป๊ะ”

        “พอเลย พอเลยคุณแม่ เดี๋ยวก็โดนแจ้งจับข้อหาอนาจารเด็กหรอกครับ” เรียกตัวมาคุยเรื่องงาน ดันจะมาจีบเด็ก

        “อิริคอ่ะ ไม่เห็นใจแม่บ้างเลย พ่อลูกก็มีแต่งาน งาน งาน ทิ้งให้แม่เหงาคนเดียว ลูกก็ห่วงงานมากกว่าแม่ แม่ก็เหงาน่ะสิ โฮ---” แกล้งร้อง แต่ลูกชายเฉยเมย เจอแบบนี้ประจำรู้แกวแล้วว่าแม่แกล้งทำ

        “ไม่ใช่เวลาเล่นนะครับ ผมไม่ได้บอกหรือไงว่านี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน” ส่งศพลูกหมาในสภาพเสียบไม้(ดาบ)เป็นลูกชิ้นปิ้งไปให้ดูแล้วนี่

        “แล้วพ่อหนูคนนั้นเป็นคนที่จัดการกับเจ้าลูกหมา C-1 ได้ใช่ไหม?” ไลนาร์มองลูอิสแบบผ่านๆ หน้าตาก็หล่อดีหรอก แต่หล่อมากไปจนไม่อยากแตะ เหมาะจะเอาไว้สตาฟโชว์ในตู้

        “C-1?” ลูอิสทวนงงๆ นั่นชื่อหรือรหัส

        “ไม่ต้องมาทำหน้างง C-1 ซีวันน่ะ มีวัน ทู ทรี... อินฟินิตี้ ถ้ามันมีเวลาพอ เพราะมันใช้วิธีแบ่งเซลล์ สืบพันธุ์ได้โดยที่ไม่มีตัวผู้” ไลนาร์อธิบายจีบปากจีบคอ พลางเหล่เจคที่ขนลุกเกรียว เป็นแม่ของอิริค=ฆ่าไม่ได้ เขาต้องทนสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

        “มีใครจะช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจได้ไหมว่ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน” ไอล์คั่นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงขุ่นขึ้ง



        “ฉันอธิบายให้ฟังเอง” คนเปียกมะล่อกมะแล่กที่เข้ามาทีหลังสุดเอ่ย

        “หายไปไหนมา ฉันนึกว่านายจะไม่มาแล้ว” อิริคถามเพื่อนที่มีสภาพเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมาสักแห่ง

        “เรื่องนั้นช่างมันก่อน ฉันมีเรื่องต้องพูดกับไอล์” ที่เปียกมานี่เพราะมัวแต่ท่องบทที่จะพูดกับลูกชายให้ขึ้นใจ มองแต่บทที่เขียนในกระดาษไม่ได้มองทางเลยตกน้ำเอาน่ะสิ บทนั่นฉีกทิ้งไปแล้ว ความรู้สึกมันไม่ใช่บทละครที่จะได้ซ้อมกันมาก่อนได้ เขาขอพูดจากใจจริงเลย

        “เรื่องจะพูดกับผม?”

        “ทุกคนไปไกลๆก่อนได้ไหม” เพราะเป็นตัวตนจริงของตนเอง ไม่ใช่การสร้างภาพเหมือนการเล่นหนังหรือละครสักเรื่องเลยอายที่จะพูดต่อหน้าคนอื่น



        “เรื่องที่ฉันจะพูด ฟังให้ดีนะไอล์ไม่มีรีเพลย์” ครั้งเดียวก็อายจะแย่ “ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่ฉันกลายเป็นผู้ปกครองของเธอ แต่ฉันจะพยายามดูแลเธอให้ดีในส่วนของโจนาธานกับโจลีนด้วย”

        “ผมอยากรู้ว่าคุณเป็นใคร?” จะบอกว่าเป็นเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ก็ไม่เคยเห็นหน้า จะว่าเป็นญาติก็ไม่น่าใช่

        “เป็นคนคนหนึ่งที่เป็นห่วงเธอ รู้แค่นี้ก็พอ” เออร์วินเบนสายตาไปทางเพื่อนวัยเดียวกันที่รอจังหวะเข้าเรื่องสำคัญ



    เป็นคนคนหนึ่งที่เป็นห่วงเธอ... คนปกติจะเป็นห่วงคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยเหรอ?... ทำไมถึงไม่ยอมบอกมาตรงๆนะว่ามีความเกี่ยวพันอย่างไรกับเขา ไอล์คิดอย่างหงุดหงิด

    “พี่ไอล์ขา” เจนนิเฟอร์ถลาเข้ามาหาเด็กหนุ่มสุดรัก

    เหวอ มาอีกแล้ว แฟนอายุน้อยกว่าก็ดีนะ แต่นี่มันอายุห่างกันเกินไป เจ้าเจคเลี้ยงลูกยังไงแก่แดดขนาดนี้ “เจนนิเฟอร์... ไว้เธอโตกว่านี้แล้วเราค่อยคบหาดูใจกันนะ”



        เรื่องครอบครัวกับเรื่องรักใคร่น่ะไว้ทีหลัง แต่ละคนไม่ได้ห่วงใยอนาคตของตัวเองกันเลย ขืนปล่อยให้เจ้าสัตว์ทดลองแพร่พันธุ์ต่อไป โลกทั้งโลกคงกลายเป็นดินแดนที่หาความสงบสุขไม่ได้ อิริคส่ายหน้าเอือมระอา... แต่คนที่คิดว่าจะทำตัวไม่เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุดกลับตั้งใจฟัง ไม่มีพูดเล่นพูดกวนสักคำ

        “ลงไปห้องใต้ดินกัน ฉันจะให้ดูภาพจำลองของเจ้าตัวใหญ่” อิริคหมายถึงตัวแม่ของสัตว์ทดลอง

        “ครับ” เจคตามลงไปคนแรก



        ใต้ดินของอาคารร้างผิดกับข้างบนที่เป็นไม้ผุซอมซ่อ เบื้องล่างเป็นพื้นกระเบื้องอย่างดีที่ทนต่อแรงกระแทกและความร้อน ทางเดินมีแสงเลเซอร์เป็นส่วนๆ อิริคคลำหาสวิตซ์ลับบนกำแพงแล้วกดสวิตซ์เพื่อปิดการทำงานของระบบเลเซอร์

        “ทำไมพวกคุณถึงอยากจับตัวมันนัก ไอ้ตัวพรรค์นี้มันไม่ควรจะให้อยู่บนโลกด้วยซ้ำ“ ไอ้สัตว์นรกนั่นถ้าเจอเมื่อไหร่จะฆ่ามันให้ได้ ถึงคำสั่งจะเป็นแค่ให้จับก็ตาม สิ่งที่มันทำกับดีน่า สิ่งที่มันทำกับลิซ เขาไม่มีทางให้อภัย ลูอิสกัดฟันกรอด

        “ใครอยากจับ พวกเราน่ะเหรอ?” เออร์วินชี้หน้าตัวเอง “ฉันอยากจะฆ่ามันต่างหาก”

        อยากฆ่า... หมายความว่า อย่างน้อยในกลุ่มคนพวกนี้เขามีแนวร่วมอย่างน้อยหนึ่งคน ลูอิสไม่ได้ใจชื้นขึ้น แค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร

        “ฉันก็เหมือนกัน เบื้องบนสั่งให้จับ ในฐานะเจ้าพนักงานต้องกระทำตามอย่างเคร่งครัด แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งฉันปล่อยให้มันอยู่รอดไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่มีวิธีที่จะฆ่ามันได้” อิริคเปิดเผยความในใจเมื่อที่ตรงนี้มีแต่คนที่เขาไว้ใจได้ว่าจะไม่แพร่งพรายความคิดเขาให้เบื้องบนรู้



        “ตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัย ฉันถึงขอกับอิริคให้เธอมาด้วย อย่างน้อยฉันอยากจะให้เธอเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน” เออร์วินพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ขณะนี้ทุกหนทุกแห่งคือสังเวียนแห่งความตายที่ผู้เข้มแข็งกว่าจะเป็นฝ่ายมีชีวิตรอด



    เป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่อย่างน้อยร่างที่แบ่งเซลล์ออกมาไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์เหมือนตัวแม่ ไลนาร์สาธยายข้อมูลที่เธอได้จากการตรวจศพลูกของสัตว์ทดลองที่เธอตั้งชื่อรหัสว่า C-1 ระหว่างที่เดินไปตามระเบียงที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต

    “ที่ว่าไม่มีวิธีที่จะฆ่าน่ะหมายถึงอะไร?” ลูอิสถามคาดคั้น

    “...มันฟื้นฟูสภาพร่างกายของตัวเองได้เร็วกว่าที่จะตายน่ะสิ” ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเขาคงฆ่ามันไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขังมัน เออร์วินคิดอย่างเจ็บใจ





    - โปรดติดตามตอนต่อไป -
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×