ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ลูกสุนัข
No.1047 Canine Fang
Chapter 5 ลูกสุนัข
    “เจคจะไปไหนคอยเจนนี่ด้วย” ตื่นปุ๊บก็จะออกจากห้องปั๊บ
    “หาไอล์ อิริคให้ฉันคุ้มครองเขา” คุ้มครองตัวเองก่อนเถอะ เจนนี่คิดแต่ไม่พูดเพราะกลัวเจคจะโกรธ น่าจะให้เธอฆ่าอิริคซะแล้วหนีไปจากที่นี่กันก็สบายแล้ว ทำไมต้องเชื่อฟังหมอนั่นด้วย
    ปึ้ง!! เจคคลำหัวป้อยๆ มองเห็นแต่ภาพเบลอๆเลยเดินชนประตูห้องเข้า “ไม่ใช่ห้องฉันนี่”
    “ที่นี่ห้องอิริค” เจนนี่มุ่ยหน้าก่อนจะตอบ
    ยังไม่กลับอีกเรอะ เขาคิดว่าหลับไปนานพอดู แต่ยังเห็นเออร์วินนั่งคาบบุหรี่ที่ไม่ติดไฟที่เก้าอี้รับแขกในห้องทำงานของหัวหน้าผู้คุม จะมาถามว่าที่ปลดโซ่ให้นี่ยกหนี้ให้แล้วใช่ไหม แต่อิริคกลับขอคุยเรื่องงานด้วย
    “ดูนี่สิ” อิริคให้เด็กแสบในความดูแลดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีศพปริศนาที่เซ็นทรัลพาร์ค “คิดว่าไง”
    “กินทิ้งกินขว้าง เสียของ” สงสัยรสชาติห่วยแตกเลยกระเดือกไม่ลง เจคมองภาพศพแล้วคิด
    โป๊ก!! เจคได้รอยปูดบนหัวเป็นลูกที่สอง ถามความเห็นเป็นการเป็นงานมันยังจะทำทะเล้น เป็นคนป่วยทำตัวให้สมกับเป็นคนป่วยหน่อยก็ไม่ได้
    “...ผมว่าพฤติกรรมมันแปลกๆ...” เจคให้คำตอบจริงจัง เมื่อท่านผู้คุมไม่เล่นด้วย
    ความลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ปล่อยให้รั่วไหลถึงอาชญากรตัวร้ายได้ไง เออร์วินอยากต่อยหน้าเพื่อนอีกสักหมัด แต่ก็ทำเป็นไม่มีปา กเสียง ไหนๆมันก็รั่วไปแล้ว อย่างน้อยความเห็นของเจคอาจจะทำให้เขาติดตามมันได้ง่ายขึ้น
    “แปลกตรงไหน?” เออร์วินไปสุมหัวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วย
    “คุณคิดว่าถ้าขังฆาตกรโรคจิตที่สนุกกับการฆ่าคนจนหยุดตัวเองไม่ได้ไว้ในห้องขังเดี่ยวนานๆ พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระและได้อยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆมันจะทำยังไงล่ะ” หมายเหตุ ฆาตกรโรคจิตที่ยกตัวอย่างให้คือผมเอง
    แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็น... ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า...
    “ฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหากับการกินเหยื่อนี่นา หรือไม่กินเพราะกินไม่ได้” อิริคเสริมทฤษฎีของเจค
    - เซนทรัลพาร์ค ตะวันตกตอนบน -
    “แม่ แม่จ๋า ดูลูกหมาสิคะ น่ารักมากเลย หนูเอาไปเลี้ยงนะ” เด็กหญิงตัวเล็กวัยไม่เกินสิบขวบอุ้มลูกหมาพันธุ์ทางสีน้ำตาลเดินไปทางคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย ครอบครัวไบรอันมาปิกนิกกันในเขตสวนหย่อมของสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา
    “หมาพันธุ์ทางเหรอ?” ลูอิส พี่ชายของดีน่าเด็กสาวที่อุ้มลูกสุนัขมามองเมินๆ
    “ถ้าลูกอยากเลี้ยงเอามันกลับไปบ้านก็ได้” ลูซี่อนุญาตให้ลูกสาวเลี้ยงสุนัขที่เก็บมา ไม่มีปลอกคอ คือไม่มีเจ้าของ ถ้าครอบครัวเธอจะนำมันกลับไปเลี้ยงก็ไม่น่ามีปัญหา
    “แต่พี่ไม่ถูกชะตามันเลย” ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน ลูอิสไม่อยากมองแม้แต่หางตา ปกติเขาไม่ใช่คนเกลียดสัตว์ ออกจะชอบด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะสุนัข แต่กับเจ้าตัวนี้รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง
    “โถ มันน่ารักออก ลูกก็เอ็นดูมันหน่อยนะ” ชาร์ลขอกับลูกชาย
    ไอล์กับเจนนิเฟอร์นอนหลับสนิทหน้าจอทีวีที่เปิดรายการภาพยนตร์แนวสยองขวัญคาไว้... หนังเกรดบี ขาดความเร้าใจยังทนดูจนทนไม่ได้ หลับคาพื้นห้อง มาธีน่าห่มผ้าให้เด็กทั้งสองคน... เห็นไอล์แล้วรู้สึกว่าเด็กคนนี้มาอยู่ผิดที่ผิดทาง เพราะดูแตกต่างจากเจ้าพวกเหลือขอในนี้ราวฟ้ากับเหว
    “...พ่อครับ... แม่ครับ...” ไอล์ละเมอคิดถึงคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต แต่คนหนึ่งจากเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และคนหนึ่งทอดทิ้งเขาอย่างไม่ไยดี
    ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง มาธีน่าเดินไปเปิดก็เจอหน้าพ่อบุญธรรมของเด็กหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยในห้องเธอ
    “เบาๆหน่อยนะ ไอล์กับเจนนิเฟอร์กำลังหลับ” เธอจุ๊ปา กเสียงเบา
    เออร์วินเข้าไปดูหน้าของไอล์ เหมือนแม่มากขึ้นทุกวัน ไม่มีตรงไหนเหมือนโจนาธานเลย เออร์วินล้วงกระเป๋าเสื้อสูท นำกระดาษพับครึ่งคลี่ออกดูเนื้อความภายใน หลักฐานที่ว่า คนที่ไอล์คิดว่าเป็นพ่อมาตลอดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เรื่องนี้น่าจะเก็บเป็นความลับไปจนวันตาย เออร์วินจุดไฟแช็กเผากระดาษทิ้ง
    “เธอน่าจะจับเข่าคุยกับไอล์หน่อยนะ เขามีแค่นายนะน่าจะทำตัวสนิทสนมกับเขาหน่อย”
    “อยากจะสนิทด้วยนะ แต่ไอล์ยังไม่ยอมรับฉันเลยนี่” กับอิริคเรียกชื่อต้นได้ แต่ชื่อเขาไอล์ยังเรียกเป็นนามสกุล
    “ถ้าไอล์ตื่นแล้วจะให้ฉันบอกเขาไหมว่านายมา”
    “ตามใจ” เออร์วินตอบ มาธีน่าสะบัดหน้ามองไปทางไอล์แล้วหันกลับมามองคนโตแต่ตัว เด็กขี้น้อยใจ ผู้ใหญ่ก็ขี้ใจน้อย คู่นี้จะไปกันรอดเร้อ
    “ฉันกลับเลยแล้วกันนะ ส่วนเรื่องงานแต่งงานไว้เราคุยกันตอนฮอลิเดย์”
    ไอล์ได้ยินชัดแจ๋ว ‘งานแต่งงาน’ นี่เขามีคนงี่เง่ามาเป็นผู้ปกครอง แล้วยังต้องมีเพิ่มอีกคนเป็นเจ้าแม่ปืนโหดเรอะ! ไอล์แกล้งหลับต่อไป อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เขาไม่มีสิทธิ์ค้านนี่นา ตราบใดที่ยังต้องพึ่งพาคนอี่นก็คงทำได้แค่ยอมให้จูงจมูกไปทางโน้นทีทางนี้ที
    เซ็ง เซ็ง เซ็งมากๆ นึกถึงยัยอานิต้าแล้วเซ็ง แต่ลืมไม่ได้เพราะเจ้าหล่อนดันผ่ามาเป็นแม่ของเจนนี่กับเจนนิเฟอร์ และเป็นเหยื่อรายเดียวที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความสนุกเหมือนทุกครั้ง
    ไอล์เห็นเพื่อนทานยาแก้ไข้ด้วยหน้าเซ็งสุดชีวิตก็เปิดประเด็นสนทนาเผื่อจะแก้เซ็งให้เพื่อนได้ “นายรู้ไหมว่าคุณครอฟอร์ดเขามีโครงการจะแต่งงานกับคุณมาธีน่าน่ะ”
    “เหรอ?”
    “ตายจริง ไปได้ยินจากไหนจ๊ะ ขอแก้ข่าวหน่อยจ้ะ ฉันขอร้องให้เออร์วินเขาช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ต่างหาก” มาธีน่าพาเจนนิเฟอร์มาส่ง ไม่ได้ล็อคห้องเลยถือวิสาสะเข้ามาเลย
    เพื่อนเจ้าบ่าว?... เพื่อนของเออร์วินในนี้... มาทีไรส่วนมากคุยกันแค่สองคน... งั้นว่าที่เจ้าบ่าวก็อิริค
    “งั้นก็ยินดีด้วยนะครับ... ที่ไม่ขึ้นคาน” ประโยคหลังเจคบ่นอุบอิบ มาธีน่าได้ยินชัดเจนแต่ไม่ถือสาหาความ หญิงสาวในห้วงรักกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงงานแต่งงาน
    มาธีน่าลาไปเดินตรวจอาคารตามหน้าที่ ปล่อยให้เจนนิเฟอร์เล่นที่ห้องของเจคกับไอล์ เจนนิเฟอร์เห็นหน้าเจื่อนๆของเจคก็สงสัยว่าเป็นอะไร
    “...เจค” ทำหน้าเหมือนไม่ดีใจสักนิดกับข่าวที่มาธีน่าจะแต่งงาน ไอล์คิด “...หรือว่านายจะชอบคุณมาธีน่า?”
    เจนนี่แยกเขี้ยว อย่ามาพูดว่าเจครักคนอื่นต่อหน้าเจนนี่นะ แต่เปล่าประโยชน์ที่จะขู่คนที่มองไม่เห็นตัวเธอ
    “.........” ไม่มีคำตอบ เขาจะชอบใครหรือไม่ชอบใครก็ช่างหัวเขาเถอะ เจคบ่นในใจ
    ไอล์รู้สึกผิดที่ลึกๆแล้วตัวเองโล่งใจที่คู่บ่าวของมาธีน่าไม่ใช่ผู้ปกครองของเขา “น่า ผู้หญิงมีอีกตั้งเยอะ อย่าเศร้าไปเลย”
    “ไม่ได้เศร้า แค่เซ็ง” เจคแก้ต่าง พลางกรอกยาแก้ไข้ลงไปในปากอีกเป็นกำโดยไม่ดื่มน้ำตาม
    “กินมากไปแล้ว เดี๋ยวก็ตายหรอก” ตั้งแต่ตื่นมาเขามีเจคคนเดียวที่เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ถ้าตายเขาจะหาเพื่อนใหม่ได้ที่ไหน “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น ใช้เวลาสักหน่อยแผลใจก็หายไปเองแหละ” ทีเรื่องอื่นละความรู้สึกทื่อ เรื่องความรักนี่คล่องเชียวนะ
    อกหักดีกว่ารักไม่เป็น... เจคย้ำคำนั้นลงในสมอง
    ก็เขานั่นแหละที่เป็นคนประเภทรักไม่เป็น แล้วจะเอาความรักที่ไหนมาหักอกตัวเอง... จำไม่ได้ว่าเคยรักใครสักคน ไอ้ความรักที่ว่าหน้าตายังไง เป็นความรู้สึกแบบไหนไม่เคยรู้ เจนนี่กับเจนนิเฟอร์ที่มีสายเลือดเดียวกับเขาความผูกพันก็ยังไม่ถึงระดับขั้นที่เรียกได้ว่ารัก... เฮ้อ เซ็งชีวิต ตอนนี้อยากฆ่าคนอีกแล้วล่ะ... เจคฟุบคาโต๊ะเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่มีส่วนผสมของยานอนหลับ... ทานยาเป็นกำจะได้หลับลึกไม่ต้องฝันถึงอานิต้า
    วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 1993 เวลา 16 นาฬิกา
    บ้านไบรอัน
    “ลูอิส เห็นแมวของฉันไหม?” ลิซ เด็กสาวเพื่อนข้างบ้านตะโกนถามข้ามรั้ว
    “ไม่เห็นเลย” ลูอิสปด จะให้เขาเอาซากแมวตายไปให้เธอดูได้ไงล่ะ เพื่อนสาวของเขาเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เกิด ไม่อยากให้จิตใจได้รับความกระทบกระเทือน เจ้าแมวนั่นดันมาตายในสวนหลังบ้านเขา เจ้าเหมียวโดนแยกชิ้นส่วน ชิ้นเนื้อกระเด็นกระด อนไปคนละทาง ตามันเหลือกค้าง ปากยังอ้าหวอ เหมือนตื่นกลัวสุดขีด เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้โรคจิตที่ไหนเป็นคนทำ
    ลิซเป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก ดวงตาสีเขียวเป็นประกายสดชื่นราวกับหอบกลิ่นไอของฤดูใบไม้ผลิมา ผมสีบลอนด์ยาวตรงไม่ต้องแตะก็ดูรู้ว่ามันต้องนุ่มมือ ริมฝีปากเรียวเป็นสีชมพูระเรื่อ แก้มฝาดสีเปล่งปลั่งโดยไม่ต้องแต้มเครื่องสำอาง ให้ตายสิ เธอช่างเหมาะเป็นคู่ตุนาหงันของเขาเหลือเกิน เธอผู้แสนงดงามกับเขาผู้สุดแสนเพอร์เฟ็ค ไม่อยากโม้หรอกนะ แต่เขาน่ะหน้าตาก็สุดจะเลิศ สาวๆที่โรงเรียนติดกันเกรียวถึงขนาดจัดตั้งแฟนคลับให้ กีฬาก็สุดจะเด่น ได้เหรียญทองมาแล้วเกือบทุกประเภท ถึงเธอจะเจ็บออดๆแอดๆบ่อยไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เขามั่นใจว่าจะดูแลและเลี้ยงดูเธอได้ตลอดชีวิต ลูอิสเพ้อไปตามประสาคนรักเขาข้างเดียว
    “พี่ เห็นเจ้าบราวน์ไหมคะ?” ดู๊ดู ตั้งชื่อมักง่ายจริงน้องสาวเขา ให้ชื่อ ‘บราวน์’ เพราะเจ้าลูกหมามีขนสีน้ำตาล ถ้าสีขาวคงชื่อไวท์ สีดำคงคงชื่อแบล็ค
    “ไม่เห็น ไปหาเองสิ” ลูอิสพูดเสียงแดกดัน เห่อไอ้หมาบ้านั่นเข้าไป เขาไม่ชอบมันและมันก็ไม่ชอบเขา เขาเป็นคนเดียวในบ้านที่โดนมันกัดถ้าแตะตัวมัน
    “ฮึ ถ้าพี่มันเอามันไปทิ้งอีกหนูจะฟ้องแม่” เธอขู่ เพราะพี่ชายเคยเอาหมาของเธอไปทิ้งทีนึงแล้ว แต่คราวนั้นมันกลับมาบ้านเองได้
    “อยากฟ้องก็ฟ้องเลย” ลูอิสท้าให้ฟ้อง
    “ฟ้องแน่ไม่ต้องท้า” พ่อแม่ยังไม่กลับจากที่ทำงานดีน่าจึงไม่มีคนถือหาง
ดีน่าจ้ำอ้าวขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วเข้าไปในห้องของเธอ
    “เจ้าบราวน์ มานี่มะ” เธอเข้าไปอุ้มลูกหมาที่เธอเก็บมาเลี้ยงอย่างเอ็นดู ที่แท้มันก็มานอนขดตัวในผ้าห่มที่ห้องนอนของเธอ มันดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดเหมือนอึดอัด ดีน่าปล่อยมันวางลงบนพื้น แล้วเดินไปหยิบถุงนมสำหรับลูกสุนัขมาเทใส่ชามให้ มันเลียนมในชามอย่างกระหายจนหมดเกลี้ยงแต่ไม่รู้สึกอิ่ม
    สิ่งที่มันต้องการตอนนี้คือเนื้อสด!!
    มันจำได้ว่าแม่ของมันเคยสอนวิธีล่าอาหาร... อาหารที่แม่ล่าก็เป็นสัตว์สองขาพันธุ์เดียวกับตัวที่อยู่ในห้องของมัน... ใช่ ห้องของมัน... มันไม่มีสัญชาตญาณความจงรักภักดีต่อผู้เลี้ยงเหมือนสุนัขบ้าน... เพราะมนุษย์เป็นเหยื่อ มันพร้อมที่จะล่า
    ขนสีน้ำตาลของเจ้าลูกหมาน่าเอ็นดูหลุดร่วงเป็นกระจุกจนโกร๋น ตาปูดโปนและมีรอยเส้นเลือดฝอยแตกแขนงภายใน เล็บของมันยื่นยาวแหลมคมดุจมีด ฟันบนและฟันล่างโง้งยาวราวกับงาช้างเป็นคู่ประกบกัน หางของมันแยกเป็นแฉกสามทาง แต่ละหางต่อเป็นข้อสั้นๆจนถึงปลายหาง หางเหล่านั้นแข็งและคมราวกับกริช กล้ามเนื้อทุกส่วนพองตัวออก จากลูกหมาตัวเล็ก มันกลายเป็นปีศาจร้ายที่ตัวพอๆกับดีน่า... มันคือผู้ล่าและเธอคือเหยื่อ!
    “กรี๊ดดดดดด!!!” ดีน่าร้องเสียงดังลั่น เจ้าสุนัขปีศาจเล็งที่คอตามอย่างแม่ของมัน แต่ความที่ร่างกายยังขยับได้ไม่สมดุลทำให้มันพลาดกัดเข้าที่หัวไหล่ของเหยื่อ
    “ดีน่า!” ลูอิสตกใจกับเสียงน้องสาว เสียงร้องดังมาถึงชั้นล่าง เกิดอะไรขึ้นข้างบน
    มันเหวี่ยงร่างเด็กน้อยลองไปในอากาศ จนร่างนั้นตกลงมา มันอ้าปากรอ เมื่อเขี้ยวของมันสัมผัสกับเนื้อสดที่อยากทานก็กัดเต็มแรงเพื่อบดเนื้อและกระดูกของเหยื่อ
    ลูอิสเปิดประตูห้องของน้องสาว แล้วเข้าไปยื้อตัวน้องสาวโดยไม่หวาดกลัวหรือลังเล เขาพยายามง้างปากของมันเอาน้องสาวออกมาได้ ดีน่าครางฮือ เธอเจ็บมาก น้ำลายของของเจ้าหมาปีศาจเป็นกรด ไหล่ของเธอมีเลือดอาบ เอวสองด้านของเธอเหวอะหวะเป็นรอยเขี้ยว และหน้าท้องของเธอละลายให้ได้เห็นซี่โครงบางส่วน
    ลูอิสถอดเสื้อเชิ้ตของเขาห้ามเลือดให้น้องสาวอย่างเร่งรีบ มีความหวังเพียงน้อยนิดว่าจะเกิดปาฏิหารย์ให้น้องสาวเขารอดตาย
    เจ้าหมาปีศาจไม่ขยับเขยื้อน มันประเมินคนที่เข้ามาขวางการกิน แม้จะตัวใหญ่กว่ามันแต่มันก็รุ้ได้ด้วยสัญาตญาณของสัตว์กินเนื้อว่า... สิ่งมีชีวิตที่ไร้เขี้ยวเล็บคือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ... มันแยกเขี้ยวน้ำลายสอ
    “ไอ้หมานรก!!” ลูอิสคว้าเก้าอี้มาใช้ทุบหัวมัน มันร้องเอ๋งแต่ไม่สิ้นฤทธิ์ แฉกหางของมันยืดยาวออกมาจากข้อเดิมราวกับเสาอากาศรับสัญญาณวิทยุ แต่ต่างกันตรงที่หางของมันมีพลังในการสังหาร
   
    ด้วยความความคล่องแคล่วจากการหมั่นฝึกฝนทักษะด้านกีฬาชนิดต่างๆ ลูอิสหลบหางแรกและหางที่สองพ้น แต่โดนหางที่สามหวดเข้าตรงแก้มได้แผลเป็นรอยขีดจากใต้ตาซ้ายลงมาถึงคาง... ถ้ามันเล็งสูงกว่านี้อีกนิด ตาเขาบอดไปแล้ว... ไม่ใช่เวลาจะมาสู้กับมัน เขาต้องพาดีน่าไปโรงพยาบาล... ลูอิสอุ้มน้องสาวที่ยังร้องครวญแต่คำว่า ‘หนูเจ็บ’ อย่างน่าเวทนา แล้ววิ่งไปที่ประตูห้อง
    “ลูอิส” ลิซเห็นประตูหน้าบ้านเปิดไว้ มีเสียงโครมครามมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อนชาย เกิดเป็นห่วงก็เลยเข้ามาดู
    ฉัวะ! หางของสัตว์กินเนื้อหิวโซเล็งเหยื่อที่อ่อนแอกว่าก่อน มันฉวยโอกาสขณะที่ลูอิสตะลึงกับแขกที่จะไม่น่ามาเยือนในเวลานี้ ศรีษะของลิซถูกหางของมันเฉือนเป็นรูปกากบาท ใบหน้าที่ติดกับลำคอเหลือเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ส่วนที่กระเด็นหลุดไปสามส่วนกระจายไปคนละทาง
    “อะ! ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” ลูอิสตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ด้วยความกลัวแต่เป็นความโกรธเกรี้ยว
    “ไอ้หมาเวรตะไล มึงอย่าอยู่เลย!!”
    มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่มันสมควรกลัว... มันไม่รอให้ลูอิสเข้าไปหา ร่างของดีน่าหล่นผล็อยเพราะแรงพุ่งชน ตอนนี้มันสนใจแค่เขา ลูอิสใช้ตัวเองล่อมันไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาของเขา เขาจำได้ว่าเก็บดาบเซเบอร์ที่ใช้ในการแข่งขันฟันดาบตอนอยู่มัธยมต้นไว้เป็นที่ระลึก เขาเลิกเล่นกีฬาชนิดนั้นหลังจากที่พลั้งมือทำคู่แข่งบาดเจ็บ แต่ก็เก็บดาบที่ใช้ในการแข่งไว้เป็นที่ระลึก
    ลูอิสกระแทกตัวเปิดประตูเพราะไม่เหลือเวลาสำหรับหากุญแจห้อง ผู้ล่าไล่กระชั้นชิดเข้ามา ลูอิสพยายามเปิดกล่องอย่างร้อนรน เพราะเป็นของมีคมขนาดใหญ่ที่อันตรายจึงใส่ไว้ในกล่องเหล็กที่ต้องใช้รหัสผ่านจึงจะเปิดได้ เขาทำหลายครั้งถึงเปิดได้ ดาบอยู่ในมือเขา แต่เขี้ยวของมันก็ฝังที่ขาของเขาแล้วเช่นกัน เขี้ยวของมันยาวพอที่จะกัดขาของเขาได้ทั้งสองข้างในการกัดครั้งเดียว ลูอิสเสียบดาบทะลุจากคอด้านบนถึงแผงคอด้านล่าง มันตายสนิท เมื่อมันตายกรดในน้ำลายของมันก็เจือจางลง
    ลูอิสเดินกระเผลกขึ้นไปที่ชั้นสอง น้องสาวเขายังหายใจแม้จะรวยรินเต็มที... โทรศัพท์บ้านจำได้ว่าเสียยังมีช่างมาซ่อม เขามีโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง เขาล้วงมันขึ้นมาอย่างเร่งรีบและกดปุ่ม ไม่ได้! ผลพวงจากการสู้ ปุ่มที่จะใช้กดเบอร์ฉุกเฉินพังหมด ลูอิสตั้งสติกดเบอร์ที่พอจะกดได้ และเป็นเพียงเบอร์เดียวที่เขานึกได้ในเวลานี้ เป็นเบอร์พ่อของเขากับดีน่า
    “พ่อครับ ช่วยด้วย ดีน่ากำลังจะตาย!” ลูอิสพูดทันทีเมื่อมีคนรับสาย
    “ว่าอะไรนะ ดีน่าเป็นอะไร?!” คนเป็นพ่อถามด้วยอารามตกใจ และหันไปมองภรรยาที่เป็นผู้ช่วยงานในสำนักงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
    “ลูกหมาที่ดีน่าเอามาเลี้ยง มันเป็นปีศาจ!” ลูอิสอธิบายตามจริง
    “ลูอิส พ่อรู้ว่าลูกไม่ชอบเจ้าบราวน์ แต่เล่นมุขนี้แรงไปนะพ่อว่า พูดเรื่องตายน่ะมันไม่ดีกับน้องนะ”
    แบตเตอรี่หมด ที่ชาร์จอยู่ข้างล่างและขาเขาชาจนไม่มีแรงพอที่จะขยับแล้ว ลูอิสขว้างโทรศัพท์มือถือชนกำแพงเหล็กเป็นเสี่ยงๆ แล้วมองดูศพผู้หญิงที่เขารัก กับน้องสาวที่กำลังจะเป็นศพ ถึงที่เขาพูดมันจะไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อหน่อยสิวะ!!
    ลูอิสมองดูน้องสาวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
    ถ้าเพียงเขาไม่เปิดประตูหน้าบ้านทิ้งไว้... ลิซจะไม่ได้ยินเสียงเจ้าหมาเวรนั่น และไม่ต้องมาตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
    ถ้าเพียงเขาจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินสักนิด... ดีน่าอาจมีโอกาสรอด
    ชาร์ลและลูซี่กลับมาจากที่ทำงาน เห็นประตูบ้านเปิดทิ้งไว้ และมีกลิ่นเหม็นคาวโชยมา ห้องเก็บอุปกรณ์ของลูกชายเปิดอ้าซ่า เมื่อเข้าไปดูก็พบสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวถูกดาบเสียบคอปักคาไว้กับพื้น ลูซี่กรีดร้องราวกับคนเสียสติ ชาร์ลตบหน้าภรรยาให้คืนสติ แล้วเดินหาลูกๆ
    “ลิซกับดีน่าตายแล้ว ” ลูอิสพูดพึมพัมในความมืด แววตาที่เคยมีความเชื่อมั่นในตนเองล้นเปี่ยมกลายเป็นแววเศร้าซึม “ น่าจะรอให้ผมตายด้วยก่อนนะค่อยกลับมาน่ะ”
    อาคารฝึกงาน เป็นอาคารที่กว้างและลึกมาก จำนวนชั้นรวมทั้งหมดสิบสองชั้น เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดใน 1047
    ห้าชั้นแรกแบ่งครึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ชั้นหนึ่งและสองเป็นตำแหน่งวางเครื่องจักรหนัก ชั้นสามถึงห้าใช้เก็บเครื่องมือผลิตและอุปกรณ์ที่มีขนาดปานกลางถึงขนาดเล็ก ตั้งแต่ชั้นหกขึ้นไปเป็นห้างสรรพสินค้าครบวงจร
    เจคดูสบายดี ได้ข่าวว่าป่วยกะจะมายำเสียหน่อย หลายคนด้อมๆมองๆดูการช็อปปิ้งของเจคกับไอล์... ทำได้แค่มอง ไม่กล้าสู้ ดั่งภาษิตเขาว่า หมาในทั้งฝูงไม่กล้าลองดีกับสิงโตที่แข็งแรงตัวเดียว
    “บอกแล้วว่าเวลาป่วยน่ะกินยามากๆไม่ดี ภูมิต้านทานมันหายหมด” ไอล์พูดฉอดๆ “ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีสุขภาพ แล้วก็ออกกำลังกายให้พอเพียง”
    “อือ” เจคให้เสียงที่ไม่รู้ว่าค้านหรือเห็นด้วย
    ไอล์เคยพูดว่าเขาชอบจู้จี้ทำตัวเหมือนเป็นพ่อ รู้ตัวบ้างมั้ยว่าตัวเองน่ะชักทำตัวเหมือนแม่เขาเข้าไปทุกวัน พับผ่าสิ!!
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ
Chapter 5 ลูกสุนัข
    “เจคจะไปไหนคอยเจนนี่ด้วย” ตื่นปุ๊บก็จะออกจากห้องปั๊บ
    “หาไอล์ อิริคให้ฉันคุ้มครองเขา” คุ้มครองตัวเองก่อนเถอะ เจนนี่คิดแต่ไม่พูดเพราะกลัวเจคจะโกรธ น่าจะให้เธอฆ่าอิริคซะแล้วหนีไปจากที่นี่กันก็สบายแล้ว ทำไมต้องเชื่อฟังหมอนั่นด้วย
    ปึ้ง!! เจคคลำหัวป้อยๆ มองเห็นแต่ภาพเบลอๆเลยเดินชนประตูห้องเข้า “ไม่ใช่ห้องฉันนี่”
    “ที่นี่ห้องอิริค” เจนนี่มุ่ยหน้าก่อนจะตอบ
    ยังไม่กลับอีกเรอะ เขาคิดว่าหลับไปนานพอดู แต่ยังเห็นเออร์วินนั่งคาบบุหรี่ที่ไม่ติดไฟที่เก้าอี้รับแขกในห้องทำงานของหัวหน้าผู้คุม จะมาถามว่าที่ปลดโซ่ให้นี่ยกหนี้ให้แล้วใช่ไหม แต่อิริคกลับขอคุยเรื่องงานด้วย
    “ดูนี่สิ” อิริคให้เด็กแสบในความดูแลดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีศพปริศนาที่เซ็นทรัลพาร์ค “คิดว่าไง”
    “กินทิ้งกินขว้าง เสียของ” สงสัยรสชาติห่วยแตกเลยกระเดือกไม่ลง เจคมองภาพศพแล้วคิด
    โป๊ก!! เจคได้รอยปูดบนหัวเป็นลูกที่สอง ถามความเห็นเป็นการเป็นงานมันยังจะทำทะเล้น เป็นคนป่วยทำตัวให้สมกับเป็นคนป่วยหน่อยก็ไม่ได้
    “...ผมว่าพฤติกรรมมันแปลกๆ...” เจคให้คำตอบจริงจัง เมื่อท่านผู้คุมไม่เล่นด้วย
    ความลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ปล่อยให้รั่วไหลถึงอาชญากรตัวร้ายได้ไง เออร์วินอยากต่อยหน้าเพื่อนอีกสักหมัด แต่ก็ทำเป็นไม่มีปา กเสียง ไหนๆมันก็รั่วไปแล้ว อย่างน้อยความเห็นของเจคอาจจะทำให้เขาติดตามมันได้ง่ายขึ้น
    “แปลกตรงไหน?” เออร์วินไปสุมหัวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วย
    “คุณคิดว่าถ้าขังฆาตกรโรคจิตที่สนุกกับการฆ่าคนจนหยุดตัวเองไม่ได้ไว้ในห้องขังเดี่ยวนานๆ พอถูกปล่อยให้เป็นอิสระและได้อยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆมันจะทำยังไงล่ะ” หมายเหตุ ฆาตกรโรคจิตที่ยกตัวอย่างให้คือผมเอง
    แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็น... ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า...
    “ฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหากับการกินเหยื่อนี่นา หรือไม่กินเพราะกินไม่ได้” อิริคเสริมทฤษฎีของเจค
    - เซนทรัลพาร์ค ตะวันตกตอนบน -
    “แม่ แม่จ๋า ดูลูกหมาสิคะ น่ารักมากเลย หนูเอาไปเลี้ยงนะ” เด็กหญิงตัวเล็กวัยไม่เกินสิบขวบอุ้มลูกหมาพันธุ์ทางสีน้ำตาลเดินไปทางคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย ครอบครัวไบรอันมาปิกนิกกันในเขตสวนหย่อมของสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา
    “หมาพันธุ์ทางเหรอ?” ลูอิส พี่ชายของดีน่าเด็กสาวที่อุ้มลูกสุนัขมามองเมินๆ
    “ถ้าลูกอยากเลี้ยงเอามันกลับไปบ้านก็ได้” ลูซี่อนุญาตให้ลูกสาวเลี้ยงสุนัขที่เก็บมา ไม่มีปลอกคอ คือไม่มีเจ้าของ ถ้าครอบครัวเธอจะนำมันกลับไปเลี้ยงก็ไม่น่ามีปัญหา
    “แต่พี่ไม่ถูกชะตามันเลย” ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน ลูอิสไม่อยากมองแม้แต่หางตา ปกติเขาไม่ใช่คนเกลียดสัตว์ ออกจะชอบด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะสุนัข แต่กับเจ้าตัวนี้รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง
    “โถ มันน่ารักออก ลูกก็เอ็นดูมันหน่อยนะ” ชาร์ลขอกับลูกชาย
    ไอล์กับเจนนิเฟอร์นอนหลับสนิทหน้าจอทีวีที่เปิดรายการภาพยนตร์แนวสยองขวัญคาไว้... หนังเกรดบี ขาดความเร้าใจยังทนดูจนทนไม่ได้ หลับคาพื้นห้อง มาธีน่าห่มผ้าให้เด็กทั้งสองคน... เห็นไอล์แล้วรู้สึกว่าเด็กคนนี้มาอยู่ผิดที่ผิดทาง เพราะดูแตกต่างจากเจ้าพวกเหลือขอในนี้ราวฟ้ากับเหว
    “...พ่อครับ... แม่ครับ...” ไอล์ละเมอคิดถึงคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต แต่คนหนึ่งจากเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ และคนหนึ่งทอดทิ้งเขาอย่างไม่ไยดี
    ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง มาธีน่าเดินไปเปิดก็เจอหน้าพ่อบุญธรรมของเด็กหนุ่มที่นอนหลับปุ๋ยในห้องเธอ
    “เบาๆหน่อยนะ ไอล์กับเจนนิเฟอร์กำลังหลับ” เธอจุ๊ปา กเสียงเบา
    เออร์วินเข้าไปดูหน้าของไอล์ เหมือนแม่มากขึ้นทุกวัน ไม่มีตรงไหนเหมือนโจนาธานเลย เออร์วินล้วงกระเป๋าเสื้อสูท นำกระดาษพับครึ่งคลี่ออกดูเนื้อความภายใน หลักฐานที่ว่า คนที่ไอล์คิดว่าเป็นพ่อมาตลอดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เรื่องนี้น่าจะเก็บเป็นความลับไปจนวันตาย เออร์วินจุดไฟแช็กเผากระดาษทิ้ง
    “เธอน่าจะจับเข่าคุยกับไอล์หน่อยนะ เขามีแค่นายนะน่าจะทำตัวสนิทสนมกับเขาหน่อย”
    “อยากจะสนิทด้วยนะ แต่ไอล์ยังไม่ยอมรับฉันเลยนี่” กับอิริคเรียกชื่อต้นได้ แต่ชื่อเขาไอล์ยังเรียกเป็นนามสกุล
    “ถ้าไอล์ตื่นแล้วจะให้ฉันบอกเขาไหมว่านายมา”
    “ตามใจ” เออร์วินตอบ มาธีน่าสะบัดหน้ามองไปทางไอล์แล้วหันกลับมามองคนโตแต่ตัว เด็กขี้น้อยใจ ผู้ใหญ่ก็ขี้ใจน้อย คู่นี้จะไปกันรอดเร้อ
    “ฉันกลับเลยแล้วกันนะ ส่วนเรื่องงานแต่งงานไว้เราคุยกันตอนฮอลิเดย์”
    ไอล์ได้ยินชัดแจ๋ว ‘งานแต่งงาน’ นี่เขามีคนงี่เง่ามาเป็นผู้ปกครอง แล้วยังต้องมีเพิ่มอีกคนเป็นเจ้าแม่ปืนโหดเรอะ! ไอล์แกล้งหลับต่อไป อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เขาไม่มีสิทธิ์ค้านนี่นา ตราบใดที่ยังต้องพึ่งพาคนอี่นก็คงทำได้แค่ยอมให้จูงจมูกไปทางโน้นทีทางนี้ที
    เซ็ง เซ็ง เซ็งมากๆ นึกถึงยัยอานิต้าแล้วเซ็ง แต่ลืมไม่ได้เพราะเจ้าหล่อนดันผ่ามาเป็นแม่ของเจนนี่กับเจนนิเฟอร์ และเป็นเหยื่อรายเดียวที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความสนุกเหมือนทุกครั้ง
    ไอล์เห็นเพื่อนทานยาแก้ไข้ด้วยหน้าเซ็งสุดชีวิตก็เปิดประเด็นสนทนาเผื่อจะแก้เซ็งให้เพื่อนได้ “นายรู้ไหมว่าคุณครอฟอร์ดเขามีโครงการจะแต่งงานกับคุณมาธีน่าน่ะ”
    “เหรอ?”
    “ตายจริง ไปได้ยินจากไหนจ๊ะ ขอแก้ข่าวหน่อยจ้ะ ฉันขอร้องให้เออร์วินเขาช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ต่างหาก” มาธีน่าพาเจนนิเฟอร์มาส่ง ไม่ได้ล็อคห้องเลยถือวิสาสะเข้ามาเลย
    เพื่อนเจ้าบ่าว?... เพื่อนของเออร์วินในนี้... มาทีไรส่วนมากคุยกันแค่สองคน... งั้นว่าที่เจ้าบ่าวก็อิริค
    “งั้นก็ยินดีด้วยนะครับ... ที่ไม่ขึ้นคาน” ประโยคหลังเจคบ่นอุบอิบ มาธีน่าได้ยินชัดเจนแต่ไม่ถือสาหาความ หญิงสาวในห้วงรักกำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงงานแต่งงาน
    มาธีน่าลาไปเดินตรวจอาคารตามหน้าที่ ปล่อยให้เจนนิเฟอร์เล่นที่ห้องของเจคกับไอล์ เจนนิเฟอร์เห็นหน้าเจื่อนๆของเจคก็สงสัยว่าเป็นอะไร
    “...เจค” ทำหน้าเหมือนไม่ดีใจสักนิดกับข่าวที่มาธีน่าจะแต่งงาน ไอล์คิด “...หรือว่านายจะชอบคุณมาธีน่า?”
    เจนนี่แยกเขี้ยว อย่ามาพูดว่าเจครักคนอื่นต่อหน้าเจนนี่นะ แต่เปล่าประโยชน์ที่จะขู่คนที่มองไม่เห็นตัวเธอ
    “.........” ไม่มีคำตอบ เขาจะชอบใครหรือไม่ชอบใครก็ช่างหัวเขาเถอะ เจคบ่นในใจ
    ไอล์รู้สึกผิดที่ลึกๆแล้วตัวเองโล่งใจที่คู่บ่าวของมาธีน่าไม่ใช่ผู้ปกครองของเขา “น่า ผู้หญิงมีอีกตั้งเยอะ อย่าเศร้าไปเลย”
    “ไม่ได้เศร้า แค่เซ็ง” เจคแก้ต่าง พลางกรอกยาแก้ไข้ลงไปในปากอีกเป็นกำโดยไม่ดื่มน้ำตาม
    “กินมากไปแล้ว เดี๋ยวก็ตายหรอก” ตั้งแต่ตื่นมาเขามีเจคคนเดียวที่เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ถ้าตายเขาจะหาเพื่อนใหม่ได้ที่ไหน “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น ใช้เวลาสักหน่อยแผลใจก็หายไปเองแหละ” ทีเรื่องอื่นละความรู้สึกทื่อ เรื่องความรักนี่คล่องเชียวนะ
    อกหักดีกว่ารักไม่เป็น... เจคย้ำคำนั้นลงในสมอง
    ก็เขานั่นแหละที่เป็นคนประเภทรักไม่เป็น แล้วจะเอาความรักที่ไหนมาหักอกตัวเอง... จำไม่ได้ว่าเคยรักใครสักคน ไอ้ความรักที่ว่าหน้าตายังไง เป็นความรู้สึกแบบไหนไม่เคยรู้ เจนนี่กับเจนนิเฟอร์ที่มีสายเลือดเดียวกับเขาความผูกพันก็ยังไม่ถึงระดับขั้นที่เรียกได้ว่ารัก... เฮ้อ เซ็งชีวิต ตอนนี้อยากฆ่าคนอีกแล้วล่ะ... เจคฟุบคาโต๊ะเพราะฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่มีส่วนผสมของยานอนหลับ... ทานยาเป็นกำจะได้หลับลึกไม่ต้องฝันถึงอานิต้า
    วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 1993 เวลา 16 นาฬิกา
    บ้านไบรอัน
    “ลูอิส เห็นแมวของฉันไหม?” ลิซ เด็กสาวเพื่อนข้างบ้านตะโกนถามข้ามรั้ว
    “ไม่เห็นเลย” ลูอิสปด จะให้เขาเอาซากแมวตายไปให้เธอดูได้ไงล่ะ เพื่อนสาวของเขาเป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่เกิด ไม่อยากให้จิตใจได้รับความกระทบกระเทือน เจ้าแมวนั่นดันมาตายในสวนหลังบ้านเขา เจ้าเหมียวโดนแยกชิ้นส่วน ชิ้นเนื้อกระเด็นกระด อนไปคนละทาง ตามันเหลือกค้าง ปากยังอ้าหวอ เหมือนตื่นกลัวสุดขีด เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้โรคจิตที่ไหนเป็นคนทำ
    ลิซเป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก ดวงตาสีเขียวเป็นประกายสดชื่นราวกับหอบกลิ่นไอของฤดูใบไม้ผลิมา ผมสีบลอนด์ยาวตรงไม่ต้องแตะก็ดูรู้ว่ามันต้องนุ่มมือ ริมฝีปากเรียวเป็นสีชมพูระเรื่อ แก้มฝาดสีเปล่งปลั่งโดยไม่ต้องแต้มเครื่องสำอาง ให้ตายสิ เธอช่างเหมาะเป็นคู่ตุนาหงันของเขาเหลือเกิน เธอผู้แสนงดงามกับเขาผู้สุดแสนเพอร์เฟ็ค ไม่อยากโม้หรอกนะ แต่เขาน่ะหน้าตาก็สุดจะเลิศ สาวๆที่โรงเรียนติดกันเกรียวถึงขนาดจัดตั้งแฟนคลับให้ กีฬาก็สุดจะเด่น ได้เหรียญทองมาแล้วเกือบทุกประเภท ถึงเธอจะเจ็บออดๆแอดๆบ่อยไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เขามั่นใจว่าจะดูแลและเลี้ยงดูเธอได้ตลอดชีวิต ลูอิสเพ้อไปตามประสาคนรักเขาข้างเดียว
    “พี่ เห็นเจ้าบราวน์ไหมคะ?” ดู๊ดู ตั้งชื่อมักง่ายจริงน้องสาวเขา ให้ชื่อ ‘บราวน์’ เพราะเจ้าลูกหมามีขนสีน้ำตาล ถ้าสีขาวคงชื่อไวท์ สีดำคงคงชื่อแบล็ค
    “ไม่เห็น ไปหาเองสิ” ลูอิสพูดเสียงแดกดัน เห่อไอ้หมาบ้านั่นเข้าไป เขาไม่ชอบมันและมันก็ไม่ชอบเขา เขาเป็นคนเดียวในบ้านที่โดนมันกัดถ้าแตะตัวมัน
    “ฮึ ถ้าพี่มันเอามันไปทิ้งอีกหนูจะฟ้องแม่” เธอขู่ เพราะพี่ชายเคยเอาหมาของเธอไปทิ้งทีนึงแล้ว แต่คราวนั้นมันกลับมาบ้านเองได้
    “อยากฟ้องก็ฟ้องเลย” ลูอิสท้าให้ฟ้อง
    “ฟ้องแน่ไม่ต้องท้า” พ่อแม่ยังไม่กลับจากที่ทำงานดีน่าจึงไม่มีคนถือหาง
ดีน่าจ้ำอ้าวขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วเข้าไปในห้องของเธอ
    “เจ้าบราวน์ มานี่มะ” เธอเข้าไปอุ้มลูกหมาที่เธอเก็บมาเลี้ยงอย่างเอ็นดู ที่แท้มันก็มานอนขดตัวในผ้าห่มที่ห้องนอนของเธอ มันดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดเหมือนอึดอัด ดีน่าปล่อยมันวางลงบนพื้น แล้วเดินไปหยิบถุงนมสำหรับลูกสุนัขมาเทใส่ชามให้ มันเลียนมในชามอย่างกระหายจนหมดเกลี้ยงแต่ไม่รู้สึกอิ่ม
    สิ่งที่มันต้องการตอนนี้คือเนื้อสด!!
    มันจำได้ว่าแม่ของมันเคยสอนวิธีล่าอาหาร... อาหารที่แม่ล่าก็เป็นสัตว์สองขาพันธุ์เดียวกับตัวที่อยู่ในห้องของมัน... ใช่ ห้องของมัน... มันไม่มีสัญชาตญาณความจงรักภักดีต่อผู้เลี้ยงเหมือนสุนัขบ้าน... เพราะมนุษย์เป็นเหยื่อ มันพร้อมที่จะล่า
    ขนสีน้ำตาลของเจ้าลูกหมาน่าเอ็นดูหลุดร่วงเป็นกระจุกจนโกร๋น ตาปูดโปนและมีรอยเส้นเลือดฝอยแตกแขนงภายใน เล็บของมันยื่นยาวแหลมคมดุจมีด ฟันบนและฟันล่างโง้งยาวราวกับงาช้างเป็นคู่ประกบกัน หางของมันแยกเป็นแฉกสามทาง แต่ละหางต่อเป็นข้อสั้นๆจนถึงปลายหาง หางเหล่านั้นแข็งและคมราวกับกริช กล้ามเนื้อทุกส่วนพองตัวออก จากลูกหมาตัวเล็ก มันกลายเป็นปีศาจร้ายที่ตัวพอๆกับดีน่า... มันคือผู้ล่าและเธอคือเหยื่อ!
    “กรี๊ดดดดดด!!!” ดีน่าร้องเสียงดังลั่น เจ้าสุนัขปีศาจเล็งที่คอตามอย่างแม่ของมัน แต่ความที่ร่างกายยังขยับได้ไม่สมดุลทำให้มันพลาดกัดเข้าที่หัวไหล่ของเหยื่อ
    “ดีน่า!” ลูอิสตกใจกับเสียงน้องสาว เสียงร้องดังมาถึงชั้นล่าง เกิดอะไรขึ้นข้างบน
    มันเหวี่ยงร่างเด็กน้อยลองไปในอากาศ จนร่างนั้นตกลงมา มันอ้าปากรอ เมื่อเขี้ยวของมันสัมผัสกับเนื้อสดที่อยากทานก็กัดเต็มแรงเพื่อบดเนื้อและกระดูกของเหยื่อ
    ลูอิสเปิดประตูห้องของน้องสาว แล้วเข้าไปยื้อตัวน้องสาวโดยไม่หวาดกลัวหรือลังเล เขาพยายามง้างปากของมันเอาน้องสาวออกมาได้ ดีน่าครางฮือ เธอเจ็บมาก น้ำลายของของเจ้าหมาปีศาจเป็นกรด ไหล่ของเธอมีเลือดอาบ เอวสองด้านของเธอเหวอะหวะเป็นรอยเขี้ยว และหน้าท้องของเธอละลายให้ได้เห็นซี่โครงบางส่วน
    ลูอิสถอดเสื้อเชิ้ตของเขาห้ามเลือดให้น้องสาวอย่างเร่งรีบ มีความหวังเพียงน้อยนิดว่าจะเกิดปาฏิหารย์ให้น้องสาวเขารอดตาย
    เจ้าหมาปีศาจไม่ขยับเขยื้อน มันประเมินคนที่เข้ามาขวางการกิน แม้จะตัวใหญ่กว่ามันแต่มันก็รุ้ได้ด้วยสัญาตญาณของสัตว์กินเนื้อว่า... สิ่งมีชีวิตที่ไร้เขี้ยวเล็บคือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ... มันแยกเขี้ยวน้ำลายสอ
    “ไอ้หมานรก!!” ลูอิสคว้าเก้าอี้มาใช้ทุบหัวมัน มันร้องเอ๋งแต่ไม่สิ้นฤทธิ์ แฉกหางของมันยืดยาวออกมาจากข้อเดิมราวกับเสาอากาศรับสัญญาณวิทยุ แต่ต่างกันตรงที่หางของมันมีพลังในการสังหาร
   
    ด้วยความความคล่องแคล่วจากการหมั่นฝึกฝนทักษะด้านกีฬาชนิดต่างๆ ลูอิสหลบหางแรกและหางที่สองพ้น แต่โดนหางที่สามหวดเข้าตรงแก้มได้แผลเป็นรอยขีดจากใต้ตาซ้ายลงมาถึงคาง... ถ้ามันเล็งสูงกว่านี้อีกนิด ตาเขาบอดไปแล้ว... ไม่ใช่เวลาจะมาสู้กับมัน เขาต้องพาดีน่าไปโรงพยาบาล... ลูอิสอุ้มน้องสาวที่ยังร้องครวญแต่คำว่า ‘หนูเจ็บ’ อย่างน่าเวทนา แล้ววิ่งไปที่ประตูห้อง
    “ลูอิส” ลิซเห็นประตูหน้าบ้านเปิดไว้ มีเสียงโครมครามมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อนชาย เกิดเป็นห่วงก็เลยเข้ามาดู
    ฉัวะ! หางของสัตว์กินเนื้อหิวโซเล็งเหยื่อที่อ่อนแอกว่าก่อน มันฉวยโอกาสขณะที่ลูอิสตะลึงกับแขกที่จะไม่น่ามาเยือนในเวลานี้ ศรีษะของลิซถูกหางของมันเฉือนเป็นรูปกากบาท ใบหน้าที่ติดกับลำคอเหลือเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ส่วนที่กระเด็นหลุดไปสามส่วนกระจายไปคนละทาง
    “อะ! ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” ลูอิสตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ด้วยความกลัวแต่เป็นความโกรธเกรี้ยว
    “ไอ้หมาเวรตะไล มึงอย่าอยู่เลย!!”
    มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่มันสมควรกลัว... มันไม่รอให้ลูอิสเข้าไปหา ร่างของดีน่าหล่นผล็อยเพราะแรงพุ่งชน ตอนนี้มันสนใจแค่เขา ลูอิสใช้ตัวเองล่อมันไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาของเขา เขาจำได้ว่าเก็บดาบเซเบอร์ที่ใช้ในการแข่งขันฟันดาบตอนอยู่มัธยมต้นไว้เป็นที่ระลึก เขาเลิกเล่นกีฬาชนิดนั้นหลังจากที่พลั้งมือทำคู่แข่งบาดเจ็บ แต่ก็เก็บดาบที่ใช้ในการแข่งไว้เป็นที่ระลึก
    ลูอิสกระแทกตัวเปิดประตูเพราะไม่เหลือเวลาสำหรับหากุญแจห้อง ผู้ล่าไล่กระชั้นชิดเข้ามา ลูอิสพยายามเปิดกล่องอย่างร้อนรน เพราะเป็นของมีคมขนาดใหญ่ที่อันตรายจึงใส่ไว้ในกล่องเหล็กที่ต้องใช้รหัสผ่านจึงจะเปิดได้ เขาทำหลายครั้งถึงเปิดได้ ดาบอยู่ในมือเขา แต่เขี้ยวของมันก็ฝังที่ขาของเขาแล้วเช่นกัน เขี้ยวของมันยาวพอที่จะกัดขาของเขาได้ทั้งสองข้างในการกัดครั้งเดียว ลูอิสเสียบดาบทะลุจากคอด้านบนถึงแผงคอด้านล่าง มันตายสนิท เมื่อมันตายกรดในน้ำลายของมันก็เจือจางลง
    ลูอิสเดินกระเผลกขึ้นไปที่ชั้นสอง น้องสาวเขายังหายใจแม้จะรวยรินเต็มที... โทรศัพท์บ้านจำได้ว่าเสียยังมีช่างมาซ่อม เขามีโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง เขาล้วงมันขึ้นมาอย่างเร่งรีบและกดปุ่ม ไม่ได้! ผลพวงจากการสู้ ปุ่มที่จะใช้กดเบอร์ฉุกเฉินพังหมด ลูอิสตั้งสติกดเบอร์ที่พอจะกดได้ และเป็นเพียงเบอร์เดียวที่เขานึกได้ในเวลานี้ เป็นเบอร์พ่อของเขากับดีน่า
    “พ่อครับ ช่วยด้วย ดีน่ากำลังจะตาย!” ลูอิสพูดทันทีเมื่อมีคนรับสาย
    “ว่าอะไรนะ ดีน่าเป็นอะไร?!” คนเป็นพ่อถามด้วยอารามตกใจ และหันไปมองภรรยาที่เป็นผู้ช่วยงานในสำนักงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
    “ลูกหมาที่ดีน่าเอามาเลี้ยง มันเป็นปีศาจ!” ลูอิสอธิบายตามจริง
    “ลูอิส พ่อรู้ว่าลูกไม่ชอบเจ้าบราวน์ แต่เล่นมุขนี้แรงไปนะพ่อว่า พูดเรื่องตายน่ะมันไม่ดีกับน้องนะ”
    แบตเตอรี่หมด ที่ชาร์จอยู่ข้างล่างและขาเขาชาจนไม่มีแรงพอที่จะขยับแล้ว ลูอิสขว้างโทรศัพท์มือถือชนกำแพงเหล็กเป็นเสี่ยงๆ แล้วมองดูศพผู้หญิงที่เขารัก กับน้องสาวที่กำลังจะเป็นศพ ถึงที่เขาพูดมันจะไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อหน่อยสิวะ!!
    ลูอิสมองดูน้องสาวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
    ถ้าเพียงเขาไม่เปิดประตูหน้าบ้านทิ้งไว้... ลิซจะไม่ได้ยินเสียงเจ้าหมาเวรนั่น และไม่ต้องมาตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
    ถ้าเพียงเขาจะมีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินสักนิด... ดีน่าอาจมีโอกาสรอด
    ชาร์ลและลูซี่กลับมาจากที่ทำงาน เห็นประตูบ้านเปิดทิ้งไว้ และมีกลิ่นเหม็นคาวโชยมา ห้องเก็บอุปกรณ์ของลูกชายเปิดอ้าซ่า เมื่อเข้าไปดูก็พบสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวถูกดาบเสียบคอปักคาไว้กับพื้น ลูซี่กรีดร้องราวกับคนเสียสติ ชาร์ลตบหน้าภรรยาให้คืนสติ แล้วเดินหาลูกๆ
    “ลิซกับดีน่าตายแล้ว ” ลูอิสพูดพึมพัมในความมืด แววตาที่เคยมีความเชื่อมั่นในตนเองล้นเปี่ยมกลายเป็นแววเศร้าซึม “ น่าจะรอให้ผมตายด้วยก่อนนะค่อยกลับมาน่ะ”
    อาคารฝึกงาน เป็นอาคารที่กว้างและลึกมาก จำนวนชั้นรวมทั้งหมดสิบสองชั้น เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดใน 1047
    ห้าชั้นแรกแบ่งครึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ชั้นหนึ่งและสองเป็นตำแหน่งวางเครื่องจักรหนัก ชั้นสามถึงห้าใช้เก็บเครื่องมือผลิตและอุปกรณ์ที่มีขนาดปานกลางถึงขนาดเล็ก ตั้งแต่ชั้นหกขึ้นไปเป็นห้างสรรพสินค้าครบวงจร
    เจคดูสบายดี ได้ข่าวว่าป่วยกะจะมายำเสียหน่อย หลายคนด้อมๆมองๆดูการช็อปปิ้งของเจคกับไอล์... ทำได้แค่มอง ไม่กล้าสู้ ดั่งภาษิตเขาว่า หมาในทั้งฝูงไม่กล้าลองดีกับสิงโตที่แข็งแรงตัวเดียว
    “บอกแล้วว่าเวลาป่วยน่ะกินยามากๆไม่ดี ภูมิต้านทานมันหายหมด” ไอล์พูดฉอดๆ “ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีสุขภาพ แล้วก็ออกกำลังกายให้พอเพียง”
    “อือ” เจคให้เสียงที่ไม่รู้ว่าค้านหรือเห็นด้วย
    ไอล์เคยพูดว่าเขาชอบจู้จี้ทำตัวเหมือนเป็นพ่อ รู้ตัวบ้างมั้ยว่าตัวเองน่ะชักทำตัวเหมือนแม่เขาเข้าไปทุกวัน พับผ่าสิ!!
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น