ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฝันร้าย
No.1047 Canine Fang พันธุ์โหดเขี้ยวอำมหิต
ตอนที่ 4 ฝันร้าย
ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทม์ พาดหัวตัวโตว่า ‘เออร์วิน ครอฟอร์ด นายแบบท็อปวันแห่งนิวยอร์คอำลาวงการ’ ข่าวนี้ไม่มีผลต่อสังคมเมืองในนิวยอร์คมากนัก แต่ในวงการบันเทิงมีผลเต็มๆ คนในวงการต่างก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้อำลาวงการโดยไม่ยอมบอกเหตุผล เออร์วินอ่านหนังสือพิมพ์จบแล้ววางไว้บนโต๊ะกระจกแล้วถอนหายใจ เขาไม่มีเวลามาทำงานด้านนี้แล้ว
“...ก่อนจะไป น่าจะเขมือบยัยโจลีนเข้าไปด้วยนะ จะได้หมดภาระไปทางนึง” เออร์วินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน แค่นั้นโจลีนไม่มีทางเลิก สิ่งที่เปิดเผยสันดานของมนุษย์ได้มากที่สุดพอๆกับความกลัวคือความโลภ
   
    ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ!
    คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คบนโต๊ะของอิริคมีเสียงดัง ไอล์จึงไปดูที่มอนิเตอร์ มีข้อความแจ้งเตือนว่ามีเมล์ส่งเข้ามา ในข้อความมีคำว่า ‘ด่วนที่สุด’ รวมอยู่ด้วย
    “คุณมาธีน่า มีเมล์ด่วนส่งมาถึงคุณอิริคครับ” ไอล์บอกกับผู้ดูแลประจำตัวเขา ระหว่างที่เจคยังโดนลงโทษเขาไม่ต้องไปเรียนเลยมานั่งเล่นกับเจนนิเฟอร์ที่ห้องทำงานของอิริคแทน
%
--------- 40% --------
ระบบผิดพลาดก็เลยทำให้ข้อความข้างบนหายไป
ต้องรอสักพักนะครับผมถึงจะเอามาลงใหม่
แต่ถ้าใครเซฟส่วนที่หายไปไว้ ช่วยส่งมาให้ผมที่ GreatWizard_ES@mybestmail.com ก็ขอบคุณมากครับ
คนที่อ่านถึง 40% แล้วอ่านต่อด้านล่างได้เลยครับ
-------------------------
    ไอล์ถูกขอให้กลับไปที่ห้องของมาธีน่าและให้พาเจนนิเฟอร์ไปด้วย เมื่อมีแค่เจ้าของห้องกับเพื่อนที่มาเค้นคอขอข้อมูลแล้ว คนเป็นเจ้าของห้องทำงานก็เปิดบราวเซอร์เฉพาะกิจชื่อ N.Y.P.D. ขึ้นมา ตอนแรกบราวเซอร์เป็นโทนสีเงิน แต่เมื่อพิมพ์คำว่า 1047 ที่แอดเดรสบาร์แล้วกดปุ่ม Enter ตัวบราวเซอร์ก็เปลี่ยนเป็นโทนสีดำแดง รายละเอียดส่วนอื่นๆเออร์วินไม่ได้สนใจมาก ที่เขาสนใจคือข้อความสีขาวที่แจ้งหมายเหตุและความคืบหน้าในการติดตามสิ่งที่หลบหนีไป
    ‘No.1047 วันที่หลบหนี วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 1993’
    ‘ขอบเขตการค้นหาปัจจุบัน : ทั่วเขตเซ็นทรัลพาร์ค’
    “เซลทรัลพาร์ค!” เออร์วินตกใจมาก “หมายความว่ามันขึ้นไปข้างบนแล้ว!”
    “มีผู้หญิงคนนึงให้ปากคำกับทางเราว่าคนรักของหล่อนโดนบางอย่างกระชากตัวเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วถูกโยนออกมาในสภาพ...” ให้ดูเองดีกว่า อิริคคลิ้กลิ้งค์ ‘คดีที่เกี่ยวข้อง’ ก็ปรากฏภาพ ศพชายคนหนึ่งคอห้อยร่องแร่งคล้ายจะหลุดมิหลุดแหล่ เลือดไหลท่วมหัว ส่วนลำตัวซีกซ้ายหายไปหมด “คดีนี้เกิดขึ้นที่เซ็นทรัลพาร์คตอนบนด้านตะวันออก ส่วนพยานตอนนี้ถูกกักตัวอยู่”
    เซ็นทรัลพาร์คตะวันออกตอนบน!... เออร์วินตะลึง เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื้อดึงจะพาไอล์กลับ ในเมื่อบ้านเขากลายเป็นเขตที่อันตรายกว่า 1047... บ้านเลขที่ 14 ถนนฟิฟธ์อเวนิว กับที่นั่นห่างกันแค่ใช้เวลาเดินไม่กี่นาที
    “เป็นไปได้มั้ยว่ามันออกจากเซ็นทรัลพาร์คแล้ว?” เออร์วินไม่คิดว่ามันจะซุ่มตัวในเซ็นทรัลพาร์คตลอด
    “เอ่อ... มีอีกคดีนึงที่น่าสงสัยและยังไม่ได้ลงข้อมูลในนี้... มีการแจ้งข่าวช่างภาพคนนึงหายตัวไปอย่างลึกลับบริเวณใกล้ๆกับที่เกิดเหตุในคดีแรก”
    เออร์วินสะอึก ก็ไอ้คดีช่างภาพน่ะเขามีเอี่ยวเต็มๆ “คดีนั้นน่ะข้ามๆมันไปเถอะ”
    อิริคจ้องหน้าเออร์วินนานมากๆแล้วก็หันกลับมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “...ฝีมือเพื่อนนายล่ะสิ”
    “ใช้เฮลิคอปเตอร์ลาดตะเวน กับกองทหารหาตัวมันไม่ได้เหรอ?” ทำอย่างนั้นจะหาได้เร็วกว่า
    “นั่นแหละปัญหา เราต้องหามันให้เจอโดยที่ไม่ให้คนภายนอกรู้ว่ามันมีตัวตน” ทำเอิกเกริกไม่ได้ จะสั่งปิดเซ็นทรัลพาร์คสื่อมวลชนคงรุมถามหรือตามสืบจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริง
    “ถ้าไม่รีบจะมีคนตายอีกตั้งเท่าไหร่?!” เออร์วินตะคอก ถึงจะโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าคำสั่งว่าต้องหาอย่างเป็นความลับน่ะคือใคร...รัฐบาล... “งั้นฉันจะใช้วิธีของฉันเอง” จะได้ตัดขาดฝันร้ายจากอดีตซะที
    “เบื้องบนสั่งให้จับเป็น” อิริคเปรย แต่เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าเพื่อนจะทำอะไร
    “งั้นนายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ” ก็ตั้งใจว่างั้น แต่อิริคไม่ต้องพูดอะไร ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างกำลังคิดอะไร เออร์วินหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบในปาก
    กำลังจะจุดไฟอิริคก็พูดแทรก “ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ”
    “ก็ทำเป็นไม่เห็นสิ” เออร์วินเถียง แต่โดนแย่งบุหรี่ไปก่อนได้จุดไฟ
    “ฉันเกลียดบุหรี่ นายเองก็น่าจะเลิกได้แล้ว” เดี๋ยวเด็กจะจำไปทำตาม
   
    “...มั่นใจแค่ไหนว่ามันยังอยู่ในเซ็นทรัลพาร์ค” ไม่สูบก็ไม่สูบ คุยเรื่องงานต่อ
    “ห้าสิบ ห้าสิบ” สั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูรอบนอกของเซ็นทรัลพาร์คไว้ตลอด ถ้ามีสิ่งผิดปกติสายจะรายงานให้ทราบทันที แต่ถ้าเป็นเจ้าตัวนั้นคงมีหลายวิธีที่จะออกมาจากที่นั่นโดยที่พวกเขาไม่รู้ อิริคเปิดดูข้อมูลสัตว์ทดลองหมายเลข 1047 ขึ้นดู มันเป็นรูปโครงสร้างสามมิติซึ่งมีรูปร่างเหมือนสุนัข “ไม่รู้ว่ามันพัฒนาความสามารถในระหว่างที่ถูกขังได้แค่ไหน”
    “ภาวนาอย่าให้เป็นความสามารถในการสืบพันธุ์ก็แล้วกัน” นรกเดินดินแน่ “นายก็ใช้พลังของนายตามหามันไม่ได้เหรอ?”
    “นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย ฉันไม่ใช่มนุษย์พลังจิตนะจะได้หามันเจอง่ายๆ” ถึงจะมีพลังที่คนธรรมดาไม่มี แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นทุกอย่าง
    “นึกว่าคล้ายๆ” เออร์วินหัวเราะแหยๆ
    “ขอแจงให้เข้าใจหน่อย... ฉันมองเห็นวิญญาณกับพวกวัตถุกึ่งพลังงานได้ในระยะนอกสายตา แต่สภาพวัตถุสมบูรณ์น่ะถ้าไม่ใช่ในระยะสายตาก็มองไม่เห็น”
    “เข้าใจแล้ว” หมายความว่าพลังของอิริคไม่สามารถนำมาใช้ในการค้นหามันได้
    “เรื่องเจ้านั่นเก็บไว้ก่อน เพราะยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมัน... ฉันมีเรื่องอยากถามนายน่ะ” อิริคทำหน้าปั้นยาก
    “ก็ถามมาสิ” ทำหน้าแปลกๆ สงสัยไม่ใช่เรื่องงาน
    “ตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ขนาดสองเมตรน่ะหาได้ที่ไหนเหรอ?” ที่เจคอยากได้ ตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่เคยเห็นมีขายตามร้าน
    “...ปราสาทดิสนี่ไง” เออร์วินตอบ “แต่เป็นของโชว์นะไม่ใช่ของขาย”
    อิริคเงียบไปอึดใจใหญ่ เจ้าเจคต้องรู้แน่เลยว่าไม่ใช่ของขาย ถ้าเงินซื้อได้คงซื้อเองไปแล้ว... ยังแสบไม่เปลี่ยน แล้วเขาจะเอามันมาได้ไงเนี่ย...
    “ไอล์...” มาธีน่าเห็นเด็กในความดูแลชั่วคราวเอาแต่นั่งเหม่อ
    “...” มาธีน่าเรียกซ้ำสอง “...ครับ”
    “เธอมีไข้รึเปล่า?” เหม่อๆพิกล เจคล้มไปคนแล้ว ถ้าล้มตามไปอีกคนคงแย่
    “พี่ไอล์เขากำลังน้อยใจน่ะค่ะ” เจนนิเฟอร์อธิบาย เห็นหน้าไอล์ก็รู้แล้วว่าคิดเรื่องอะไร ก็คุณผู้ปกครองมาถึงพูดกับเขาไม่กี่คำ แล้วไล่เขากลับมาที่ห้องมาธีน่าอีก
    เหมือนเจค! นึกมาตั้งนานว่าเจนนิเฟอร์เหมือนใคร... นิสัยคล้ายๆ หน้าตาก็คล้ายๆ ต่างกันก็แค่ตรงตาเท่านั้น แต่จะให้คิดว่าเป็นพี่น้องกันอายุก็ดูจะต่างกันเกินไป
    “ถ้าเป็นเรื่องอีตาเออร์วินน่ะเธอไม่ต้องน้อยใจหรอก ตานั่นคงไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอน่ะ เห็นแบบนั้นน่ะที่จริงขี้อายมากเลยนะ” มาธีน่าลูบศรีษะของไอล์
    ขี้อาย...? เหมือนขี้เก๊กมากกว่า... เจนนิเฟอร์คิด “พี่ไอล์ยังมีหนูทั้งคน” เกาะติดหนึบแยกไม่ออก
    “เจนนิเฟอร์อายุเท่าไหร่แล้ว” รู้สึกเหมือนเป็นพวกหลอกเด็กเลย ถึงเด็กจะมาติดเขาเองก็เถอะ
    “สี่ขวบค่ะ” เจนนิเฟอร์ตอบซื่อๆ ไอล์แข็งเป็นหิน สี่ขวบอภิมหาแก่แดด นึกว่าสักหก-เจ็ดขวบแล้วตัวเล็กเฉยๆ เขาไม่รู้มาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็กผู้หญิงนี่... แต่อายุขนาดนี้พูดจาคล่องปร๋อขนาดนี้... แล้วก็พูดจาเพี้ยนๆอย่าง ‘เจนนี่’ กับ ‘ปีศาจสีขาว’... อัจฉริยะปัญญานิ่ม
    “เป็นญาติของเจคเหรอ?”
    การประมวลผลในความคิดของเจนนิเฟอร์ ญาติ = เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด “ค่ะ”
    ลูกพี่ลูกน้องมั้ง ไอล์เลิกสงสัย “คุณครอฟอร์ดเป็นเพื่อนกับคุณอิริคหรือครับคุณมาธีน่า” หันไปถามผู้ดูแลสาว
    “เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ” มาธีน่าไม่รู้ลึกว่าสมัยเรียนเป็นเพื่อนกันได้ยังไง แต่เท่าที่เห็นก็ดูว่าจะสนิทกันมาก แต่ช่วงที่เออร์วินเข้าวงการบันเทิง ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้พบปะกัน
    “..อืม. ” เจคนอนกระสับกระส่าย แม้จะเป็นความฝันธรรมดาก็ยังเห็นภาพผู้หญิงคนนั้น
    เจนนิเฟอร์ชุบผ้าเช็ดน้ำเช็ดเหงื่อที่ออกให้ แล้วพูดพึมพัม “...ฝันถึงแม่ของหนูอีกแล้วสินะคะ”
    “.....อานิต้า.......” เจคละเมอเรียกชื่อของหญิงสาวที่เขาฝันถึง
    ดวงตาของเจนนี่เปลี่ยนเป็นสีแดงสด “เจนนี่เกลียดชื่อนี้! เจนนี่เกลียดแม่!!!”
   
    นาฬิกาหมุนในห้องหมุนทวนเข็มอย่างเร็วหลายรอบ เข็มสั้นและเข็มยาวหยุดที่เลข 12 กลับคืนสู่วันที่เสียงระฆังแห่งการเฉลิมฉลองดังเหง่งหง่างทั่วสารทิศ... คริสต์มาส...
    “วันนี้วันเกิดฉันนะมีของขวัญให้รึเปล่า?” หญิงสาวที่อายุมากกว่าเขาห้าปีนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้ไม้ผุๆ พลางถามถึงของขวัญวันเกิดที่ไม่เคยได้สักปี แล้วก็ไม่คิดว่าปีนี้จะได้ด้วย
    “แล้วอยากได้อะไรล่ะ?”
    ของขวัญ... ที่ฉันอยากได้น่ะ... เธอกระซิบ “เลิกฆ่าคนซะเถอะเจค”
    “...หืมม์” ฟังไม่ผิดนะ เลิกฆ่าคน คิดว่าตัวเองเป็นใครจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทั้งชีวิต เลิกฆ่าก็หมดอารมณ์สุนทรีย์พอดีกัน
    เจคในวัย 12 ปี เงียบไม่พูดตอบรับหรือพูดปฏิเสธ คืนนี้เขาเดินออกไปข้างนอกบ้าน... หรือที่ถูกควรจะเรียกว่าที่ซุกหัวนอน... เพราะสภาพมันย่ำแย่เกินกว่าจะเรียกว่าบ้านได้ หลังคามีแค่ไม่ถึงครึ่ง หน้าต่างเป็นแค่ช่องบนกำแพง
    “ยัยอานิต้าบ้า ขออะไรไม่ขอดันมาขอให้เลิกฆ่าคน” เจคคิดอย่างเซ็งๆขณะเดินผ่านร้านขายนาฬิกา มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงยืนร้องไห้อยู่หน้าร้าน “พ่อแม่หายหัวไปไหนล่ะนั่น”
    ร้องมากจนน่าเอาก้อนหินอุดปากให้ตายคามือ แต่พอได้ยินเสียงของอานิต้าแทรกเข้ามาในความคิด เจคหยุดนิ่ง ‘บ้าชิบ หมดอารมณ์ฆ่าเลย’
    เจคนึกภาพของอานิต้า ผมสีทองสว่าง ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่ดูใสบริสุทธ์นั่นราวกับพระแม่มาเรียทีเดียว หักหลังไม่ลง... ให้ตายสิ... เขาบ้าไปแล้วรึไง?! วูบนึงคิดไปว่าจะขุดสันดานตัวเองได้ เขาเป็นนักฆ่านะนักฆ่า แล้วการฆ่าคนคือสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจมากที่สุดในชีวิตด้วย
    “โทนี่” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเด็กชายด้วยความเป็นห่วง คงพลัดหลงกัน
    เออ รีบๆเอากลับบ้านไปซะ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ คริสต์มาสงดฆ่าคนสักวันก็ได้
    “ว้าย!!! ช่วยด้วย!!!! โจรวิ่งราวกระเป๋า!!!!!” เธอร้อง ชายฉกรรจ์ที่ฉกกระเป๋าเธอไปรีบวิ่งหนี
    ก็เจ๊เล่นใส่เสื้อเพริศแพร้ว มีขนมิ้งค์ กระเป๋าหนังจระเข้แท้มาเดินแถวนี้ ล่อโจรได้ดีมากนะนั่น
    เจคไม่สนใจเพราะเขาไม่ใช่พลเมืองดี ในตรอกเล็กๆซึ่งตอนเช้ายังดูสลัวเพราะถูกเงาของตึกบดบังมีชายกลุ่มหนึ่งสุมหัวกัน เจคเข้าไปดูใกล้ๆว่าทำอะไรกัน
    หนังสือโป๊... ของแค่นี้ต้องหลบๆซ่อนๆ หาที่ซ่อนเข้าท่ากว่านี้ก็ไม่ได้ เจคหยิบขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจคำด่ากราดของเจ้าของหนังสือ “ห่วยว่ะ ซิลิโคนทั้งดุ้น” แล้วก็โยนคืนให้ แล้วมันตรัสรู้ได้ไงว่าน้องนางเขาใส่ซิลิโคน... ทุกคนอึ้งกิมกี่...
    เจคเดินไปตามฟุตบาทเรื่อยๆโดยตั้งใจไว้ว่าถึงจะให้ของขวัญที่อานิต้าอยากได้ไม่ได้ แต่แค่วันนี้วันเดียวคงพอทำได้
    ตุ้บ!! กระเป๋าเงินหล่นลงมาจากมือไอ้หนุ่มนักล้วง มันส่งเสียงร้องอั่กเพราะถูกมีดพกเล่มเล็กกรีดที่ข้อนิ้ว... ตายโหงแล้วเผลอ...
    “...จะไปไหนก็ไป วันนี้ฉันไม่อยากฆ่าใคร?” อย่ามากระตุกอารมณ์ฆาตกรนะ แค่ล้วงกระเป๋าพอให้อภัย
    เจ้านักล้วงไม่เชื่อคำขู่ของเจค มันแค้นที่โดนทำร้ายจนเข้ามากระชากเสื้อของเจคแล้วเงื้อหมัด เจคสอดมีดเข้าเข้าไปในปากของคู่กรณี มีดนั้นคมจนทะลุฟัน เสียบเข้าไปถึงลิ้นไก่... ว่าแล้ว ว่าเลิกไม่ได้... แค่วันเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว...
    เจคลืมตาขึ้นมาจากความฝันเมื่อภาพที่เขาลงมีดแต่ละครั้งตัดฉากไปที่หนึ่งในเหยื่อของเขา...อานิต้า...
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
ตอนที่ 4 ฝันร้าย
ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์คไทม์ พาดหัวตัวโตว่า ‘เออร์วิน ครอฟอร์ด นายแบบท็อปวันแห่งนิวยอร์คอำลาวงการ’ ข่าวนี้ไม่มีผลต่อสังคมเมืองในนิวยอร์คมากนัก แต่ในวงการบันเทิงมีผลเต็มๆ คนในวงการต่างก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้อำลาวงการโดยไม่ยอมบอกเหตุผล เออร์วินอ่านหนังสือพิมพ์จบแล้ววางไว้บนโต๊ะกระจกแล้วถอนหายใจ เขาไม่มีเวลามาทำงานด้านนี้แล้ว
“...ก่อนจะไป น่าจะเขมือบยัยโจลีนเข้าไปด้วยนะ จะได้หมดภาระไปทางนึง” เออร์วินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน แค่นั้นโจลีนไม่มีทางเลิก สิ่งที่เปิดเผยสันดานของมนุษย์ได้มากที่สุดพอๆกับความกลัวคือความโลภ
   
    ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ!
    คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คบนโต๊ะของอิริคมีเสียงดัง ไอล์จึงไปดูที่มอนิเตอร์ มีข้อความแจ้งเตือนว่ามีเมล์ส่งเข้ามา ในข้อความมีคำว่า ‘ด่วนที่สุด’ รวมอยู่ด้วย
    “คุณมาธีน่า มีเมล์ด่วนส่งมาถึงคุณอิริคครับ” ไอล์บอกกับผู้ดูแลประจำตัวเขา ระหว่างที่เจคยังโดนลงโทษเขาไม่ต้องไปเรียนเลยมานั่งเล่นกับเจนนิเฟอร์ที่ห้องทำงานของอิริคแทน
%
--------- 40% --------
ระบบผิดพลาดก็เลยทำให้ข้อความข้างบนหายไป
ต้องรอสักพักนะครับผมถึงจะเอามาลงใหม่
แต่ถ้าใครเซฟส่วนที่หายไปไว้ ช่วยส่งมาให้ผมที่ GreatWizard_ES@mybestmail.com ก็ขอบคุณมากครับ
คนที่อ่านถึง 40% แล้วอ่านต่อด้านล่างได้เลยครับ
-------------------------
    ไอล์ถูกขอให้กลับไปที่ห้องของมาธีน่าและให้พาเจนนิเฟอร์ไปด้วย เมื่อมีแค่เจ้าของห้องกับเพื่อนที่มาเค้นคอขอข้อมูลแล้ว คนเป็นเจ้าของห้องทำงานก็เปิดบราวเซอร์เฉพาะกิจชื่อ N.Y.P.D. ขึ้นมา ตอนแรกบราวเซอร์เป็นโทนสีเงิน แต่เมื่อพิมพ์คำว่า 1047 ที่แอดเดรสบาร์แล้วกดปุ่ม Enter ตัวบราวเซอร์ก็เปลี่ยนเป็นโทนสีดำแดง รายละเอียดส่วนอื่นๆเออร์วินไม่ได้สนใจมาก ที่เขาสนใจคือข้อความสีขาวที่แจ้งหมายเหตุและความคืบหน้าในการติดตามสิ่งที่หลบหนีไป
    ‘No.1047 วันที่หลบหนี วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม 1993’
    ‘ขอบเขตการค้นหาปัจจุบัน : ทั่วเขตเซ็นทรัลพาร์ค’
    “เซลทรัลพาร์ค!” เออร์วินตกใจมาก “หมายความว่ามันขึ้นไปข้างบนแล้ว!”
    “มีผู้หญิงคนนึงให้ปากคำกับทางเราว่าคนรักของหล่อนโดนบางอย่างกระชากตัวเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วถูกโยนออกมาในสภาพ...” ให้ดูเองดีกว่า อิริคคลิ้กลิ้งค์ ‘คดีที่เกี่ยวข้อง’ ก็ปรากฏภาพ ศพชายคนหนึ่งคอห้อยร่องแร่งคล้ายจะหลุดมิหลุดแหล่ เลือดไหลท่วมหัว ส่วนลำตัวซีกซ้ายหายไปหมด “คดีนี้เกิดขึ้นที่เซ็นทรัลพาร์คตอนบนด้านตะวันออก ส่วนพยานตอนนี้ถูกกักตัวอยู่”
    เซ็นทรัลพาร์คตะวันออกตอนบน!... เออร์วินตะลึง เขาคิดถูกแล้วที่เลิกดื้อดึงจะพาไอล์กลับ ในเมื่อบ้านเขากลายเป็นเขตที่อันตรายกว่า 1047... บ้านเลขที่ 14 ถนนฟิฟธ์อเวนิว กับที่นั่นห่างกันแค่ใช้เวลาเดินไม่กี่นาที
    “เป็นไปได้มั้ยว่ามันออกจากเซ็นทรัลพาร์คแล้ว?” เออร์วินไม่คิดว่ามันจะซุ่มตัวในเซ็นทรัลพาร์คตลอด
    “เอ่อ... มีอีกคดีนึงที่น่าสงสัยและยังไม่ได้ลงข้อมูลในนี้... มีการแจ้งข่าวช่างภาพคนนึงหายตัวไปอย่างลึกลับบริเวณใกล้ๆกับที่เกิดเหตุในคดีแรก”
    เออร์วินสะอึก ก็ไอ้คดีช่างภาพน่ะเขามีเอี่ยวเต็มๆ “คดีนั้นน่ะข้ามๆมันไปเถอะ”
    อิริคจ้องหน้าเออร์วินนานมากๆแล้วก็หันกลับมามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “...ฝีมือเพื่อนนายล่ะสิ”
    “ใช้เฮลิคอปเตอร์ลาดตะเวน กับกองทหารหาตัวมันไม่ได้เหรอ?” ทำอย่างนั้นจะหาได้เร็วกว่า
    “นั่นแหละปัญหา เราต้องหามันให้เจอโดยที่ไม่ให้คนภายนอกรู้ว่ามันมีตัวตน” ทำเอิกเกริกไม่ได้ จะสั่งปิดเซ็นทรัลพาร์คสื่อมวลชนคงรุมถามหรือตามสืบจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริง
    “ถ้าไม่รีบจะมีคนตายอีกตั้งเท่าไหร่?!” เออร์วินตะคอก ถึงจะโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ว่าคำสั่งว่าต้องหาอย่างเป็นความลับน่ะคือใคร...รัฐบาล... “งั้นฉันจะใช้วิธีของฉันเอง” จะได้ตัดขาดฝันร้ายจากอดีตซะที
    “เบื้องบนสั่งให้จับเป็น” อิริคเปรย แต่เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าเพื่อนจะทำอะไร
    “งั้นนายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ” ก็ตั้งใจว่างั้น แต่อิริคไม่ต้องพูดอะไร ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างกำลังคิดอะไร เออร์วินหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบในปาก
    กำลังจะจุดไฟอิริคก็พูดแทรก “ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ”
    “ก็ทำเป็นไม่เห็นสิ” เออร์วินเถียง แต่โดนแย่งบุหรี่ไปก่อนได้จุดไฟ
    “ฉันเกลียดบุหรี่ นายเองก็น่าจะเลิกได้แล้ว” เดี๋ยวเด็กจะจำไปทำตาม
   
    “...มั่นใจแค่ไหนว่ามันยังอยู่ในเซ็นทรัลพาร์ค” ไม่สูบก็ไม่สูบ คุยเรื่องงานต่อ
    “ห้าสิบ ห้าสิบ” สั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูรอบนอกของเซ็นทรัลพาร์คไว้ตลอด ถ้ามีสิ่งผิดปกติสายจะรายงานให้ทราบทันที แต่ถ้าเป็นเจ้าตัวนั้นคงมีหลายวิธีที่จะออกมาจากที่นั่นโดยที่พวกเขาไม่รู้ อิริคเปิดดูข้อมูลสัตว์ทดลองหมายเลข 1047 ขึ้นดู มันเป็นรูปโครงสร้างสามมิติซึ่งมีรูปร่างเหมือนสุนัข “ไม่รู้ว่ามันพัฒนาความสามารถในระหว่างที่ถูกขังได้แค่ไหน”
    “ภาวนาอย่าให้เป็นความสามารถในการสืบพันธุ์ก็แล้วกัน” นรกเดินดินแน่ “นายก็ใช้พลังของนายตามหามันไม่ได้เหรอ?”
    “นายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย ฉันไม่ใช่มนุษย์พลังจิตนะจะได้หามันเจอง่ายๆ” ถึงจะมีพลังที่คนธรรมดาไม่มี แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นทุกอย่าง
    “นึกว่าคล้ายๆ” เออร์วินหัวเราะแหยๆ
    “ขอแจงให้เข้าใจหน่อย... ฉันมองเห็นวิญญาณกับพวกวัตถุกึ่งพลังงานได้ในระยะนอกสายตา แต่สภาพวัตถุสมบูรณ์น่ะถ้าไม่ใช่ในระยะสายตาก็มองไม่เห็น”
    “เข้าใจแล้ว” หมายความว่าพลังของอิริคไม่สามารถนำมาใช้ในการค้นหามันได้
    “เรื่องเจ้านั่นเก็บไว้ก่อน เพราะยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมัน... ฉันมีเรื่องอยากถามนายน่ะ” อิริคทำหน้าปั้นยาก
    “ก็ถามมาสิ” ทำหน้าแปลกๆ สงสัยไม่ใช่เรื่องงาน
    “ตุ๊กตามิกกี้เม้าส์ขนาดสองเมตรน่ะหาได้ที่ไหนเหรอ?” ที่เจคอยากได้ ตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่เคยเห็นมีขายตามร้าน
    “...ปราสาทดิสนี่ไง” เออร์วินตอบ “แต่เป็นของโชว์นะไม่ใช่ของขาย”
    อิริคเงียบไปอึดใจใหญ่ เจ้าเจคต้องรู้แน่เลยว่าไม่ใช่ของขาย ถ้าเงินซื้อได้คงซื้อเองไปแล้ว... ยังแสบไม่เปลี่ยน แล้วเขาจะเอามันมาได้ไงเนี่ย...
    “ไอล์...” มาธีน่าเห็นเด็กในความดูแลชั่วคราวเอาแต่นั่งเหม่อ
    “...” มาธีน่าเรียกซ้ำสอง “...ครับ”
    “เธอมีไข้รึเปล่า?” เหม่อๆพิกล เจคล้มไปคนแล้ว ถ้าล้มตามไปอีกคนคงแย่
    “พี่ไอล์เขากำลังน้อยใจน่ะค่ะ” เจนนิเฟอร์อธิบาย เห็นหน้าไอล์ก็รู้แล้วว่าคิดเรื่องอะไร ก็คุณผู้ปกครองมาถึงพูดกับเขาไม่กี่คำ แล้วไล่เขากลับมาที่ห้องมาธีน่าอีก
    เหมือนเจค! นึกมาตั้งนานว่าเจนนิเฟอร์เหมือนใคร... นิสัยคล้ายๆ หน้าตาก็คล้ายๆ ต่างกันก็แค่ตรงตาเท่านั้น แต่จะให้คิดว่าเป็นพี่น้องกันอายุก็ดูจะต่างกันเกินไป
    “ถ้าเป็นเรื่องอีตาเออร์วินน่ะเธอไม่ต้องน้อยใจหรอก ตานั่นคงไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอน่ะ เห็นแบบนั้นน่ะที่จริงขี้อายมากเลยนะ” มาธีน่าลูบศรีษะของไอล์
    ขี้อาย...? เหมือนขี้เก๊กมากกว่า... เจนนิเฟอร์คิด “พี่ไอล์ยังมีหนูทั้งคน” เกาะติดหนึบแยกไม่ออก
    “เจนนิเฟอร์อายุเท่าไหร่แล้ว” รู้สึกเหมือนเป็นพวกหลอกเด็กเลย ถึงเด็กจะมาติดเขาเองก็เถอะ
    “สี่ขวบค่ะ” เจนนิเฟอร์ตอบซื่อๆ ไอล์แข็งเป็นหิน สี่ขวบอภิมหาแก่แดด นึกว่าสักหก-เจ็ดขวบแล้วตัวเล็กเฉยๆ เขาไม่รู้มาตรฐานการเจริญเติบโตของเด็กผู้หญิงนี่... แต่อายุขนาดนี้พูดจาคล่องปร๋อขนาดนี้... แล้วก็พูดจาเพี้ยนๆอย่าง ‘เจนนี่’ กับ ‘ปีศาจสีขาว’... อัจฉริยะปัญญานิ่ม
    “เป็นญาติของเจคเหรอ?”
    การประมวลผลในความคิดของเจนนิเฟอร์ ญาติ = เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด “ค่ะ”
    ลูกพี่ลูกน้องมั้ง ไอล์เลิกสงสัย “คุณครอฟอร์ดเป็นเพื่อนกับคุณอิริคหรือครับคุณมาธีน่า” หันไปถามผู้ดูแลสาว
    “เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ” มาธีน่าไม่รู้ลึกว่าสมัยเรียนเป็นเพื่อนกันได้ยังไง แต่เท่าที่เห็นก็ดูว่าจะสนิทกันมาก แต่ช่วงที่เออร์วินเข้าวงการบันเทิง ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้พบปะกัน
    “..อืม. ” เจคนอนกระสับกระส่าย แม้จะเป็นความฝันธรรมดาก็ยังเห็นภาพผู้หญิงคนนั้น
    เจนนิเฟอร์ชุบผ้าเช็ดน้ำเช็ดเหงื่อที่ออกให้ แล้วพูดพึมพัม “...ฝันถึงแม่ของหนูอีกแล้วสินะคะ”
    “.....อานิต้า.......” เจคละเมอเรียกชื่อของหญิงสาวที่เขาฝันถึง
    ดวงตาของเจนนี่เปลี่ยนเป็นสีแดงสด “เจนนี่เกลียดชื่อนี้! เจนนี่เกลียดแม่!!!”
   
    นาฬิกาหมุนในห้องหมุนทวนเข็มอย่างเร็วหลายรอบ เข็มสั้นและเข็มยาวหยุดที่เลข 12 กลับคืนสู่วันที่เสียงระฆังแห่งการเฉลิมฉลองดังเหง่งหง่างทั่วสารทิศ... คริสต์มาส...
    “วันนี้วันเกิดฉันนะมีของขวัญให้รึเปล่า?” หญิงสาวที่อายุมากกว่าเขาห้าปีนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้ไม้ผุๆ พลางถามถึงของขวัญวันเกิดที่ไม่เคยได้สักปี แล้วก็ไม่คิดว่าปีนี้จะได้ด้วย
    “แล้วอยากได้อะไรล่ะ?”
    ของขวัญ... ที่ฉันอยากได้น่ะ... เธอกระซิบ “เลิกฆ่าคนซะเถอะเจค”
    “...หืมม์” ฟังไม่ผิดนะ เลิกฆ่าคน คิดว่าตัวเองเป็นใครจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทั้งชีวิต เลิกฆ่าก็หมดอารมณ์สุนทรีย์พอดีกัน
    เจคในวัย 12 ปี เงียบไม่พูดตอบรับหรือพูดปฏิเสธ คืนนี้เขาเดินออกไปข้างนอกบ้าน... หรือที่ถูกควรจะเรียกว่าที่ซุกหัวนอน... เพราะสภาพมันย่ำแย่เกินกว่าจะเรียกว่าบ้านได้ หลังคามีแค่ไม่ถึงครึ่ง หน้าต่างเป็นแค่ช่องบนกำแพง
    “ยัยอานิต้าบ้า ขออะไรไม่ขอดันมาขอให้เลิกฆ่าคน” เจคคิดอย่างเซ็งๆขณะเดินผ่านร้านขายนาฬิกา มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงยืนร้องไห้อยู่หน้าร้าน “พ่อแม่หายหัวไปไหนล่ะนั่น”
    ร้องมากจนน่าเอาก้อนหินอุดปากให้ตายคามือ แต่พอได้ยินเสียงของอานิต้าแทรกเข้ามาในความคิด เจคหยุดนิ่ง ‘บ้าชิบ หมดอารมณ์ฆ่าเลย’
    เจคนึกภาพของอานิต้า ผมสีทองสว่าง ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่ดูใสบริสุทธ์นั่นราวกับพระแม่มาเรียทีเดียว หักหลังไม่ลง... ให้ตายสิ... เขาบ้าไปแล้วรึไง?! วูบนึงคิดไปว่าจะขุดสันดานตัวเองได้ เขาเป็นนักฆ่านะนักฆ่า แล้วการฆ่าคนคือสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจมากที่สุดในชีวิตด้วย
    “โทนี่” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเด็กชายด้วยความเป็นห่วง คงพลัดหลงกัน
    เออ รีบๆเอากลับบ้านไปซะ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ คริสต์มาสงดฆ่าคนสักวันก็ได้
    “ว้าย!!! ช่วยด้วย!!!! โจรวิ่งราวกระเป๋า!!!!!” เธอร้อง ชายฉกรรจ์ที่ฉกกระเป๋าเธอไปรีบวิ่งหนี
    ก็เจ๊เล่นใส่เสื้อเพริศแพร้ว มีขนมิ้งค์ กระเป๋าหนังจระเข้แท้มาเดินแถวนี้ ล่อโจรได้ดีมากนะนั่น
    เจคไม่สนใจเพราะเขาไม่ใช่พลเมืองดี ในตรอกเล็กๆซึ่งตอนเช้ายังดูสลัวเพราะถูกเงาของตึกบดบังมีชายกลุ่มหนึ่งสุมหัวกัน เจคเข้าไปดูใกล้ๆว่าทำอะไรกัน
    หนังสือโป๊... ของแค่นี้ต้องหลบๆซ่อนๆ หาที่ซ่อนเข้าท่ากว่านี้ก็ไม่ได้ เจคหยิบขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจคำด่ากราดของเจ้าของหนังสือ “ห่วยว่ะ ซิลิโคนทั้งดุ้น” แล้วก็โยนคืนให้ แล้วมันตรัสรู้ได้ไงว่าน้องนางเขาใส่ซิลิโคน... ทุกคนอึ้งกิมกี่...
    เจคเดินไปตามฟุตบาทเรื่อยๆโดยตั้งใจไว้ว่าถึงจะให้ของขวัญที่อานิต้าอยากได้ไม่ได้ แต่แค่วันนี้วันเดียวคงพอทำได้
    ตุ้บ!! กระเป๋าเงินหล่นลงมาจากมือไอ้หนุ่มนักล้วง มันส่งเสียงร้องอั่กเพราะถูกมีดพกเล่มเล็กกรีดที่ข้อนิ้ว... ตายโหงแล้วเผลอ...
    “...จะไปไหนก็ไป วันนี้ฉันไม่อยากฆ่าใคร?” อย่ามากระตุกอารมณ์ฆาตกรนะ แค่ล้วงกระเป๋าพอให้อภัย
    เจ้านักล้วงไม่เชื่อคำขู่ของเจค มันแค้นที่โดนทำร้ายจนเข้ามากระชากเสื้อของเจคแล้วเงื้อหมัด เจคสอดมีดเข้าเข้าไปในปากของคู่กรณี มีดนั้นคมจนทะลุฟัน เสียบเข้าไปถึงลิ้นไก่... ว่าแล้ว ว่าเลิกไม่ได้... แค่วันเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว...
    เจคลืมตาขึ้นมาจากความฝันเมื่อภาพที่เขาลงมีดแต่ละครั้งตัดฉากไปที่หนึ่งในเหยื่อของเขา...อานิต้า...
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น