ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชั่วโมงเรียนท้ามรณะ
No. 1047 Canine Fang พันธุ์โหดเขี้ยวอำมหิต
ตอนที่ 3 ชั่วโมงเรียนท้ามรณะ
    วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1993
    อาคารเรียนฝ่ายชาย ทุกคนเงียบสนิท ไม่มีใครคุยกับใครสายตาทุกคนมองไปรอบข้างอย่างระแวดระวังตลอดเวลา อย่างที่เจคพูด ที่นี่ไม่มีใครไว้ใจใคร เพราะฉะนั้นเรื่องมิตรภาพลืมมันไปได้เลย ที่นี่ไม่มีของพรรค์นั้น ที่แปลกไปกว่านั้นคือบอกว่าเป็นอาคารเรียน แต่ไม่มีอาจารย์สอน แล้วที่นี่เขาเรียนอะไรกันล่ะ
    จู่ๆก็มีเสียงจอแจไม่มีปี่มีขลุ่ย...ไม่มีใครคุยกับใครเหมือนเดิม... แค่ต่างคนต่างพูดกับตัวเอง เจคดึงไอล์ให้ไปนั่งที่โต๊ะข้างๆเขา แล้วเริ่มร้องเพลงที่ทำให้ทุกคนเงียบสนิท
   
“ฉันเดินบนถนนโชกเลือด ฝนตกลงมาเป็นหยดน้ำสีแดง
    แสงไฟนีออนกระทบมีดในมือวาววับจับเป็นสีรุ้ง จนฉันลืมไปว่าเดิมมันสีอะไร
    แต่ที่จำได้คือเจ้าเพื่อนซี้ของฉันนั้นเป็นสีแดง ในยามที่ฉันกรีดมันลงไปบนคอหอยของใครคนหนึ่ง
    เลือดกระฉอกออกมาท่วมคอ ปากขยับขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี
    พลเมืองดีนี่ชื่อใครกัน ไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งตอนฉันลงมือ
    เสียงไม่มีใครจะได้ยิน กล่องเสียงถูกเชือดเลือดนองเป็นสายน้ำหมดลมหายใจ
    โธ่ ตายเร็วจังยังไม่สาใจ งั้นคราวหน้าหาวิธีใหม่ให้ตายช้ากว่าเดิม เหยื่อรายต่อไปเริ่มจากใครดี”
    ...เพลง The Ripper of America
    “ไอล์มาด้วยกันหน่อย...” เลยเวลาเรียนไปมากแล้วเจคก็คิดว่าคงมีเหตุฉุกเฉินทำให้ผู้สอนมาไม่ได้
    “ไปไหนอ่ะ?”
    “หาคน”
    ไม่รู้ว่าทำไมต้องตามไปกับเจคด้วย แต่ไอล์ก็ไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมพิลึกพิลั่นแบบนี้โดยไม่มีเพื่อนสักคน และที่สำคัญสุด “ขอฉันแวะที่นึงก่อนนะ”
    “แวะ?”
    “อยากเข้าห้องน้ำอ่ะ” สวัสดิการดีไปหน่อย แอร์เย็นฉ่ำ จนปวด... “ฉันปวดฉี่”
    เจคหัวเราะ ไอล์ทำให้เขาหัวเราะได้บ่อยจริงๆ “งั้นก็ไปห้องน้ำก่อนก็ได้”
    เจคสอดส่องแล้วว่าไม่มีคนอื่น ก็ให้ไอล์เข้าห้องน้ำไปคนเดียว ส่วนตัวเองยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้า ไอล์ทำธุระเสร็จแล้วก็ไปที่อ่างล้างมือ เมื่อเปิดก๊อกน้ำล้างมือก็เห็นน้ำที่ไหลจากก๊อกเป็นสีแดง... สนิม?... แต่มีกลิ่นคาว... เลือด!!!
    “เจค!!! มานี่เร็ว!!!!!” ไอล์ตะโกนเรียกเพื่อน
    “มีอะไร?” เจคเห็นมือเพื่อนถูกย้อมด้วยน้ำสีแดงเข้มก็ส่งผ้าเช็ดมือที่อยู่ตรงฝาผนังให้ “เช็ดซะ”
    “ น้ำจากก๊อก” ไอล์เช็ดมือไปพูดไป
    “อือ... เห็นแล้ว” เจคปิดก๊อก แล้วชวนไอล์ขึ้นไปบนดาดฟ้า
    ประตูทางเข้าดาดฟ้าถูกคล้องไว้ด้วยแม่กุญแจทองเหลืองอันใหญ่มานับตั้งแต่วันที่ซาร่าห์ มอร์แกนตกลงไปเสียชีวิต เจคถีบเข้าโครมเดียว ทั้งประตู ทั้งแม่กุญแจ พังไม่มีชิ้นดี
    เจคปีนขึ้นเปิดฝาแท็งก์น้ำใช้ของอาคาร “ว่าแล้ว ไม่รู้จักรักษาทรัพย์สินสาธารณะบ้างเลยเจ้าพวกนี้”
    “บนนั้นมีอะไรเจค”
    “อยากให้โกหก หรือ อยากให้พูดความจริงล่ะ”
    “เอาเรื่องจริงสิ”
    “ศพ” เจคมองร่างอาจารย์ชายวัยกลางคนที่ควรจะเข้าสอนในเช้านี้ถูกนำมาทิ้งแช่น้ำ เนื้อตัวบวมอืด มีรอยถูกเฉือนที่ข้อมือทั้งสองข้างและลำคอ
    นึกว่าจะกลัว... ไอล์เฉยสนิท... ตายังใสแป๋วเหมือนไม่ได้ยินเสียงคำว่า ‘ศพ’ แหม ถ้าอยากมีเพื่อนเป็นสัปเหร่อต้องทำใจให้ชินกับศพไว้ก่อนสิ... ที่จริงก็ไม่อยากมีเพื่อนเป็นสัปเหร่อมากนักหรอกนะ แต่ในนี้จะหาเพื่อนดีกว่านี้คงลำบาก
    “รู้สึกว่านายด้านขึ้นนะ” วันแรกยังกลัวศพซาร่าห์เลย แค่วันที่สามหน้าตาชินชาขึ้นเยอะ
    ว่าด้านนี่ มันด่าหรือมันชม ไอล์เหลือบมองที่แขนขวา พอรู้จักกับความกลัวที่เป็นความกลัวสุดขีดแล้ว ความกลัวต่อเรื่องอื่นๆมันก็จิ๊บจ๊อยลงเป็นกอง
    เจคกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมไอล์ ตามคำสั่งหัวหน้าผู้คุมที่ว่า ‘ห้ามให้คลาดสายตา’
    “เฮ้ย!! พวกแกน่ะรับมาซะว่าใครเป็นฆ่าอาจารย์ที่เพิ่งเข้าใหม่”
    มาถามที่ห้องเรียนนี่? เจคคิดว่าฆาตกรเป็นคนในนี้?!!
    “กูเอง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบ แม้จะมีวัยไล่เลี่ยกัน แต่ฝ่ายยอมรับว่าตนเป็นฆาตกรก็ตัวใหญ่กว่าเป็นสองเท่าของเจค กล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดๆ... มวยคนละรุ่นกันเลย... คนมาใหม่ๆยังไม่รู้ฤทธิ์เจค แต่คนเก่ารู้ดีจึงหลบไปชิดกำแพงอย่างเร็วที่สุดกันโดนลูกหลง ขณะที่เด็กใหม่ยืนงงว่าทำไมต้องหลบกันด้วย
    ฉึก!!!! มีดในมือเจ้านิโกรล่ำบึ้กเฉี่ยวที่หน้าผากซ้ำรอยบากเดิม... เจคป้ายมือดูเลือดที่หน้าผากพลางคิด... ถ้ารอยนี่ทำให้มีแผลเป็นเพิ่มคงทุเร ศตาย... เพราะรอยแผลที่หน้าผากมันจะเป็นรูปดอกจัน ไม่น่าต่อให้เลย
    มีเสียงโห่ เสียงเชียร์ ลุ้นระทึกของเหล่าเด็กใหม่ที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในขณะบรรดารุ่นพี่หนีห่างจากศูนย์กลางการดวลให้มากที่สุดเท่าที่สถานที่จะอำนวย
    “เจค” ไอล์ตกใจกับแผลของเพื่อน จนลืมความปลอดภัยของตัวเอง
    “เรียกทำไม?” เจคหันไปถามไอล์ ขณะที่มีดในมืออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ถึงตัว นักเรียนรุ่นเก่าหลับตาปี๋ นักเรียนรุ่นใหม่เบิกตาค้าง กับภาพมีดที่ทิ่มลงไปในเบ้าตา... มีดของเจคที่ไม่มีใครได้ทันมองเห็นว่าถูกชักขึ้นมาตอนไหนถูกหมุนเป็นวงกลมจนลูกนัยน์ตาอีกฝ่ายถูกปั่นจนเหลวก่อนที่จะร่วงลงมาราวกับผลไม้ที่ถูกปั่น เจคไม่ได้ชักมีดออกแต่ลากยาวทางหางตาจนกระทั่งตัวมีดโผล่ออกมากจากด้านข้างศรีษะ
    “ไม่มีอาจารย์สอน ฉันก็จะเป็นคนสอนในคาบนี้เอง เข้าใจมั้ยเจ้าพวกเด็กใหม่ วิชาแรกที่ฉันจะสอนชื่อวิชา ‘รู้ไว้ซะว่าใครเป็นใคร’ ” เจคสั่งทุกคนด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม แต่ผ่อนสายตาลงเมื่อมองคนที่ถูกฝากฝังให้ดูแล “วิชานี้นายไม่เกี่ยวนะไอล์”
    คนถูกปั่นลูกตาและเฉือนออกทางขมับกุมแผลใหญ่ของตนแล้วร้องอย่างน่าเวทนา “...บัดซบ”
    เจคเบี่ยงตัวหลบมีดที่เล็งมาที่หน้าเขาแล้วจับข้อมืออีกฝ่ายบิดจนมีเสียงกร๊อบ “ใช้เป็นแต่กำลังน่ะวิวาทอาจจะชนะ แต่ถ้าจะฆ่ากันแค่นี้ไม่พอนะ” พลางบีบแผลที่เขาเป็นคนฝากไว้ให้จนเลือดที่เริ่มแห้งเพราะโดนความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไหลจ๊อกๆออกมาอีกครั้ง เจคบีบเศษเนื้อหยุ่นๆที่ติดมือแล้วดมกลิ่น กลิ่นนี้ล่ะที่เขาชอบนัก...กลิ่นเลือด... คนแกว่งเท้าหาเสี้ยนอย่างไม่ประเมินตนร้องของชีวิตอย่างน่าสมเพชเมื่อรู้ว่าไม่มีทางต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้
    “เจค หยุดเถอะ” ไอล์ขอร้องให้หยุดและจับมือที่เป็นเมือกมันสีแดงก่ำไว้
    “จบการเล็คเชอร์” เจคกล่าว แล้วมองหน้าไอล์ที่เหมือนอยากจะร้องไห้ ขี้แยแบบนี้ไม่เหมาะกับที่นี่เลย
    “ไอ้เวร มึงตาย!!” เจคทำพลาดที่ไม่ได้ริบมีดของอริ สู้ซึ่งหน้าไม่ได้ก็ใช้วิธีลอบกัด
    “ไม่เข็ดเลยนะแกเนี่ย” มือข้างที่ถือมีดถูกไอล์จับไว้ ถ้าจะขยับตอบโต้ให้เร็วพอคมของมีดอาจจะโดนมือไอล์ไปด้วย เจคจึงไม่ขยับ
    ไอล์เอาตัวเองเข้าไปบัง คิดว่าโดนแน่แต่ฝ่ายนั้นกลับชะงักราวกับว่าเวลาของมันหยุดนิ่ง “อะไร...?!” ข้างหลังมีอะไร ไอล์เอียงหน้าหันไปดูเจค แต่เพื่อนก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปสักนิด ข้างหลังก็ไม่มีใคร แล้วทำไมถึงได้ทำหน้ากลัวมากอย่างนั้น
    “เจ้านั่นมันอะไร!!! ตัวอะไร!!!” ดวงตาสีแดงของเงาดำที่อยู่ข้างหลังเจคทำให้เขาขนพองสยองเกล้า
    “เจ้านั่น?” ไอล์ทวน ก็ไม่เห็นมีอะไร หรือเสพยาเกินขนาดจนเห็นภาพหลอน
    “คิก คิก คิก คิก” เงานั้นส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็ก และเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขา มันมีรูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิง ความกลัวและความไม่เข้าใจทำให้เหงื่อไหล่โทรม ครู่เดียวเงานั้นก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นเด็กผู้หญิงตาสีฟ้า ผมสีทองยาวหยักศก ใส่ชุดกระโปรงดำแบบตุ๊กตาฝรั่งเศส ที่ผมมีกิ๊บอันใหญ่รูปหัวกะโหลก “เจนนี่เกลียด... เกลียดคนที่แกล้งเจค ”
    “...จะใช้กลอะไรฉันไม่สน” ตั้งสติได้แล้วก็เสียบมีดเข้าที่หน้าเด็กหญิงตัวน้อย แต่เด็กหญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘เจนนี่’ ไม่บาดเจ็บ เธอกัดมีดแหลกเป็นผงด้วยฟันซี่คม ฟันทุกซี่ในปากของเธอเป็นฟันเขี้ยว
    เธอหัวเราะเสียงแหลมแล้วกัดมือของคนที่เธอเห็นว่าเป็นศัตรูขาด มือที่ถูกกระชากไปจากแขนดิ้นตุบๆบนพื้น ข้อต่อที่ขาดมือไปมีเลือดพุ่งออกมาราวก๊อกน้ำที่เปิดไว้แรงสุด ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    “หึ หึ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลย” เจคหัวเราะชื่นชมเด็กสาวที่เขามองเห็นเพียงคนเดียว
    “เจค นายพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นที่นี่น่ะ?!” ไอล์เห็นคนอื่นมีท่าทีเหมือนเขา คือไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หมายความว่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นครั้งแรก
    “เจนนี่ รู้วิธีทำปลาทอดมั้ย?” ไอล์บอกให้เขาหยุด เขาก็หยุดแล้วนะ แต่เจนนี่ไม่ใช่เขานี่
    “ค่ะ” เธอตอบ เป็นเสียงที่เจคได้ยินคนเดียว
    เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!!! กระจกหน้าต่างแตกเป็นช่องพอให้เด็กใหม่ที่ตัวใหญ่ทีสุดในห้องเรียนลอดออกไปได้ เจนนี่ใช้มือทึ้งผมเด็กหนุ่มตัวใหญ่ลากลงไปทางหน้าต่าง แล้วลากไปอาคารฝึกงาน
    ขั้นตอนที่ 1 ตัดหัว... เอาไปตัดที่เครื่องตัดกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในอาคาร ใบมีดคมกรีบที่ใช้ตัดกระดาษเลื่อนขึ้นลง จังหวะที่มันเลื่อนลงใช้เป็นที่สับคอได้พอดี
    ขั้นตอนที่ 2 ล้วงไส้ใน... ล้วงยากแฮะ ดึงไม่ออก เจนนี่ใช้มีดทำครัวช่วยแซะ แต่ก็ติดส่วนกระดูก “ยากจัง หาวิธีอื่นดีกว่า”
    ขั้นตอนที่ 3 ทอดทีละด้าน... ขอเปลี่ยนวิธีการเล็กน้อยเนื่องจากคนทอดทำยากไป ทำแบบเดียวกับปลาหมึกบดล่ะกัน
    ขั้นตอนที่ 3 ฉบับบูรณะใหม่ ทิ้งลงไปในเครื่องรีดผ้าคลุมเตียง เจนนี่คอยฟังเสียงเอี๊ยดและรอดูที่ด้านส่งผ้าออก
    “รีดผ้าออกจะเรียบ ทำไมรีดคนมันเละจัง” เละตุ้มเป๊ะ ไม่เหลือสภาพความเป็นคนให้เห็น เอาไปวางรวมกับเนื้อหมูเนื้อวัวที่สับแล้วก็แยกความแตกต่างไม่ออก ร่างเจนนี่เลือนหายไป ทิ้งมือไว้ในห้องเรียน ทิ้งหัวไว้ในเครื่องตัดกระดาษ และทิ้งเนื้ออันสุดแสนจะเละไว้ที่เครื่องรีดผ้าคลุมเตียงให้เหล่าผู้คุมและผู้ดูแลมีงานเพิ่ม
    ไอล์ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน... เขารู้ว่าคนที่ฆ่าไม่ใช่เจค... และไม่ใช่ใครสักคนด้วยที่ฆ่าแต่เป็นอะไรบางอย่างต่างหาก...
    “ไอล์ ทานอะไรสักหน่อยนะ” หญิงสาวผมสีน้ำเงินไว้เปียเดี่ยวส่งนมและขนมปังให้ไอล์ เขาต้องย้ายมาอยู่ในความดูแลของมาธีน่า กล็อก หัวหน้าผู้ดูแลหอพักที่ห้อง 606
    “ขอบคุณครับ” รับแล้วก็ทานอย่างฝืนๆ อีกหนึ่งอาทิตย์เจคถึงจะได้กลับมา เพราะไม่มีใครอื่นนอกจากเขายอมเป็นพยานให้ว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าเพื่อนร่วมสถานกักกันเลยต้องถูกทำโทษ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง... เจคก็พูดแปลกๆด้วย อย่างคำว่า ‘เจนนี่’ กับ ‘ปลาทอด’ ทำนองนั้น น่าเป็นห่วง “...ทำไมถึงให้คนที่ถูกส่งมาเหมือนผมพกอาวุธได้ล่ะครับ ถ้าห้ามคงจะไม่มีเรื่องร้ายๆแบบนี้เกิดขึ้นนะครับ”
    “ห้ามไปก็เหมือนเดิม เด็กพวกนี้ต่อให้มือเปล่าก็ฆ่าคนได้ ที่สั่งห้ามไว้มีแค่อาวุธปืนกับวัตถุระเบิด เพราะฉะนั้นจำไว้ว่าอย่าเข้าใกล้ใครเกินหนึ่งเมตรถ้าไม่จำเป็น”
    “แต่ถึงกับมีคนตาย แล้วคนทางบ้านพวกเขา...”
    “เอาเรื่อง... ฟ้องร้อง... หรือขายข่าวให้สื่อมวลชนน่ะเหรอ? ใครจะไปสนล่ะในเมื่อคนที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นพวกที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังคิดว่าน่าจะตายไปให้พ้นๆ”
    “แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำผิดล่ะ” อาจจะมีคนที่โดนยัดเยียดข้อหาเหมือนเขาปะปนด้วย
    “ไม่มีหรอกคนที่ไม่ได้ทำผิดน่ะ ที่นี่ไต่สวนละเอียดกว่าศาล มีทั้งพยานเหตุการณ์ หลักฐานวัตถุ เอกสารทุกย่างสมบูรณ์”
    “ไต่สวน?!” ตอนที่เขาถูกส่งมานี่ไม่เห็นจะมีการไต่สวน
    “ตายล่ะ ฉันพูดมากไปแล้ว อิริคต้องโกรธแน่เลย” มาธีน่าปิดปากเงียบไม่ว่าไอล์จะถามอะไรต่อ การบอกความจริงที่ว่าไอล์โดนแม่บังเกิดเกล้าจ้องฆ่านั้นเป็นสิ่งที่อิริคห้ามไว้
    “ผมไปหาเจคได้มั้ย?” อยู่ข้างๆเจคมีหลายครั้งที่ลำบากใจ แต่ยังไงก็รับได้กว่าที่โดนมาธีน่าตามติดทุกที่ แม้กระทั่งห้องสุขาชาย! กลับมาเร็วๆเถอะเจค ไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงที่ตามเขาเข้าไปในห้องน้ำชายหน้าตาเฉย
    “คงได้มั้ง” อิริคไม่ได้ห้ามไว้ มาธีน่าพาไอล์ไปป้อมผู้คุม
    “อือ... ลดเหลือสักห้าวันไม่ได้เหรอ?” เจคอ้อนวอน
    “ไม่ได้” หัวหน้าผู้คุมยึดถือคำสั่งเดิม ไม่มีการลดโทษ
    “ผมไม่ได้ฆ่านา” เจคทำเสียงอ้อน “แค่พูดกับเจนนี่เรื่องวิธีทอดปลาเอง”
    “นั่นแหละ เธอจงใจใช่มั้ยล่ะ?!” อิริคพันโซ่สำหรับล่ามนักโทษมัดเจคไว้กับเสาทรงกลม โซ่นั้นพาดผ่านลำคอ เอว และหน้าแข้ง โซ่อีกสามเส้นมีปลอกสำหรับล็อคแขนซ้าย แขนขวา และข้อเท้าทั้งสองข้าง ปลายโซ่มัดไว้กับเสาใกล้ๆกันต่างหาก “อยู่สงบสติอารมณ์สักอาทิตย์นึงแล้วกัน”
    “ใจร้าย ใจดำ ทำกับเด็กน่ารักอย่างผมได้ลงคอ” น่ารักตายล่ะ ยิ้มหน้าแป้นตลอดการพิจารณาคดี ทีตอนล่ามโซ่มาทำน้ำตาคลอ แกล้งบีบน้ำตาชัดๆ
    “ถ้าไม่อยากโดนล่ามก็อย่าฆ่าใครสิ” อิริคพูด
    “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นคนฆ่า” เจคยืนกราน
    “แต่เธอเป็นคนสั่งให้ฆ่า” ต่างกันตรงไหน “อย่าบอกนะว่าประโยค ‘ปลาทอด’ นั่นน่ะไม่ใช่คำสั่งฆ่า”
    “ฮะ ฮะ... แหม รู้ทันอีก” เจคเห็นเงาของสิ่งที่ตามติดเขาเสมอไปอยู่ข้างหลังอิริค “หยุดนะเจนนี่”
    “ฆ่าไม่ได้เหรอ?” เธอถามพลางทำหน้าเบ้
    “ไม่ได้” เจคสั่งเสียงแข็ง “ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธ อย่าให้สั่งซ้ำสอง” ใช้คำว่า ‘ถ้าไม่อยากให้โกรธ’ แต่ตอนนี้ก็กำลังโกรธ
    เจนนี่แผดเสียงร้องไห้ด้วยความน้อยใจ “ฮึก ฮึก ฮึก เจครักคนอื่นมากกว่าเจนนี่แล้วเหรอ?”
    “เจค ทำให้เด็กร้องไห้น่ะมันไม่ดีนะ” อิริคอุ้มเจนนี่แล้วปาดน้ำตาให้ “เดี๋ยวเจคเขาก็หายโกรธ”
    อ้าว นี่กลายเป็นผมผิดเรอะ เด็กที่ว่าน่ะเพิ่งคิดจะฆ่าคุณหยกๆนะครับ เจคปวดประสาท สงสัยสมองอิริคไม่ทำงานแหง “...เจนนิเฟอร์?”
    “เจนนิเฟอร์!” เจนนี่บอกให้อิริคปล่อยแล้ววิ่งไปหาเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับลอกแบบกันมา “พี่จ๋า”
    เจนนิเฟอร์ถือตุ๊กตาหมีนุ่นตรงคอทะลักเข้าไปหาเจค “โดนทำโทษอีกแล้วเหรอคะ?”
    “แหะ แหะ... ขอโทษที่ให้เห็นสารรูปดูไม่ได้” เจคมองตุ๊กตา “ถ้าเชือดตรงคอจะตายเร็วนะเจนนิเฟอร์ ไม่สนุกหรอก อุ๊บ”
    “เจนนิเฟอร์ไปเล่นกับเจนนี่ก่อนนะ แล้วอย่าไปฆ่าใครเข้าล่ะ” อิริคบอกขณะที่เอาผ้าอุดปากเจคแล้วมัดเชื่อมกับเสา เตรียมผ้าปิดปากมาโดยเฉพาะเลย ปากแบบนี้ชาติหน้าก็คงแก้ไม่หาย “การพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดน่ะเขาไม่เรียกว่าจริงใจนะ เขาเรียกว่าปากเปราะ”
    โธ่ ดูตาผมสิ ใสซื่อจะตาย... จริงใจนะเนี่ย... ปากพูดไม่ได้ใช้สายตาพูดต่อ
    มาธีน่าพาไอล์ไปที่ห้องของอิริคแต่ไม่พบเจ้าของห้อง ไม่อยากพาไอล์ไปที่ห้องนั้น แต่ไอล์ดึงดันจะพบเจคให้ได้ แล้วเธอก็ยอมใจอ่อนจนได้
    “สภาพแบบนี้เจคคงไม่อยากให้เธอเห็นเท่าไหร่” มาธีน่าเปิดประตูห้องซีกขวาชั้นบนสุดของป้อมผู้คุมให้
    “เจค!” สภาพนี้ไอล์ไม่คิดว่ามันน่าดูสักนิด เหมือนกับสัตว์ในสวนสัตว์ที่ถูกจับล่ามเพราะอาละวาดทำร้ายคน
    ตาสีฟ้ากลมแป๋วของเจนนิเฟอร์จ้องไอล์แล้วเกาะขาเขา อิริคยิ้ม “ทำบาปซะแล้วนะ รับผิดชอบไปเล่นกับเธอหน่อยล่ะ”
    ทำบาป? รับผิดชอบ? ไอล์งงเป็นไก่ตาแตก รับผิดชอบน่ะรับผิดชอบอะไร เด็กคนนี้เกาะไม่ปล่อยด้วย
    “หนูชื่อเจนนิเฟอร์ พี่ชื่ออะไร หนูชอบพี่แล้วล่ะ” ลูกใครหว่า ไม่ค่อยจะแก่แดดเลยนะ หรือจะเป็นลูกคุณอิริค แต่หน้าตาไม่เห็นคล้าย
    เจคพยักหน้าให้ไอล์ไปเล่นกับเจนนิเฟอร์ ทางนี้เขาสบายมาก ความรู้สึกตอนโดนล่ามมือ ล่ามเท้า มัดปากก็คิดซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ... ถ้าเป็นคนที่เจนนิเฟอร์ชอบ ถึงจะนอกสายตาเขาเจนนี่ก็จะไม่ฆ่าไอล์แน่...
    “แล้วจะเล่นอะไรดีล่ะ” ไอล์ตามเจนนิเฟอร์กลับไปที่ห้องอิริค ที่นี่จะมีของเล่นสำหรับเด็กรึ?!
    “วาดรูปเล่นกัน” เจนนิเฟอร์ค้นลิ้นชักโต๊ะของอิริค แล้วหยิบกระดาษวาดเขียนกับดินสอสีขึ้นมา
    ไอล์จับดินสอสีด้วยมือขวาตามความเคยชิน แต่พอจะลงมือวาดดินสอสีก็หลุดจากมือ...วาดไม่ได้...ไอ้แขนเฮงซวย ไอล์ได้แต่ดูเจนนิเฟอร์วาด ไอล์เห็นเจนนิเฟอร์วาดเป็นรูปหน้าของตัวเอง “วาดเก่งนี่ ไม่มีกระจกส่องยังวาดเหมือน”
    “กระจก? ทำไมต้องใช้กระจกด้วยล่ะคะ? แบบก็นั่งข้างหน้านั่นไง” เจนนิเฟอร์ชี้ด้วยแท่งดินสอสี เจนนี่นั่งเป็นแบบให้เธอ
    ข้างหน้า เขาไม่เห็นมีใคร ไอล์แปลกใจ แต่ที่แปลกใจกว่าสิ่งที่มองไม่เห็นคือ เจนนิเฟอร์เริ่มแรเงาภาพด้วยดินสอสีดำบนกระดาษขาว จนเหลือแค่ที่ว่างเป็นรูปหมาป่า... สีขาว?... เขาคงไม่ได้คิดไปเอง เด็กคนนี้อาจจะรู้อะไรบางอย่าง
    “เธอเคยเห็นเจ้าตัวนี้ด้วยเหรอ?” ไอล์ถามอย่างไม่คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวจากเด็กเล็กๆ
    “เห็นสิ... พวกเราเรียกมันว่า ‘ปีศาจสีขาว’ เธอตอบฉะฉานเกินเด็ก
    พวกเรา? หมายถึงยังมีคนอื่นที่เห็น... แต่คำพูดของเด็กเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
    “เจนนี่ก็เห็นเนอะ” เจนนิเฟอร์ถามคนที่เป็นแบบวาดภาพให้
    “ฮื่อ”
    ไอล์มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงของเจนนี่ เขาคิดว่าเจนนิเฟอร์อาจจะมีปัญหาทางสมองก็ได้ เจนนิเฟอร์เองก็รู้ว่าไอล์มองไม่เห็น เพราะถ้ามองเห็นเจนนี่ล่ะก็ตอนนี้คงไม่ได้นั่งคุยกับเธอแล้ว นอกจากเธอ เจค กับอิริค มีแต่คนชะตาขาดเท่านั้นแหละที่จะมองเห็นเจนนี่
   
    วันอังคารที่ 9 มีนาคม บ้านครอฟอร์ด เวลาสิบโมงเช้า
    “เออร์วิน ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอ” โจลีนเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนตามที่คาด
    เรื่องพินัยกรรมล่ะสิ... ยังไม่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่... ผู้หญิงอย่างโจลีนคิดเป็นเรื่องเดียว คือ เงิน! “ฉันว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ โจนาธานเป็นคนฝากฝังให้ฉันดูแลไอล์”
    “ไอล์ยังการต้องมีแม่คอยดูแลไม่ใช่เหรอ?”
    “อาจใช่ แต่แม่อย่างเธอไม่มีซะจะเป็นผลดีมากกว่า” เออร์วินรู้มาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแบบไหน ตอนที่โจนาธานแต่งงานกับหล่อนเขาถึงคัดค้านหัวชนฝา “ห้าหมื่นล้านมันล่อใจมากเลยสินะ”
    “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ฉันเป็นแม่ของไอล์นะ อยากดูแลลูกชายผิดด้วยเหรอ?”
    “พูดผิดแล้ว ที่เธออยากดูแลน่ะไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็น ‘เงินของลูกชาย’ ถ้ามีธุระแค่นี้ก็ไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงาน“
    โจลีนทำหน้านิ่ว เออร์วินรู้ไส้รู้พุงเธอหมด จะเล่นละครตบตาก็แสนยาก “...เธอก็เหมือนกันนั่นแหละอ้างว่าทำเพราะโจนาธานขอร้อง ที่จริงก็อยากได้เงินล่ะสิ ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด”
    “เพิ่งรู้นะว่าคนเลวๆนี่เขาชอบเหมาว่าคนอื่นจะเป็นพวกแบบเดียวกันหมด ไสหัวไป!” เออร์วินจ่อขมับโจลีนด้วยปืนพก
    แชะ! เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นหนึ่งครั้ง...ติดกับ... โจลีนตั้งใจถ่ายรูปตอนที่เขาขู่เธอด้วยอาวุธ “ช่างภาพที่ฉันจ้างน่ะถ่ายภาพได้เก่งนักล่ะ รูปนี้ถ้าฉันเอาไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ฉันเป็นผู้ดูแลไอล์ คิดว่าใครจะชนะ”
    โบร๋วววววววววววววววววววว!!!! เสียงสุนัขเพื่อนบ้านเห่าหอนไม่หยุดหย่อน โจลีนสะดุ้งกับเสียงแต่ก็เดินออกไปนอกบ้านของเออร์วินอย่างคิดว่าตนเป็นผู้ชนะแล้ว
    “...กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!” โจลีนร้องลั่น ช่างภาพที่เธอที่ว่าจ้างด้วยราคาแพงลิบลิ่วถูกสัตว์ทุกชนิดในย่านนั้นรุมขย้ำ ฉีกทึ้งเป็นอาหารจนเหลือแต่โครงกระดูกที่ไม่มีเนื้อติดแม้แต่น้อย
    โจลีนวิ่งหนีไป เออร์วินมองไปที่ศพ... ควรจะประหลาดใจ... หรือควรจะดีใจที่โจลีนไม่เหลือหลักฐานที่จะใช้ฟ้องต่อศาลเพื่อแย่งไอล์ สุนัขหลายตัวแย่งยื้อกระดูกไปคนละชิ้นแล้วแยกย้ายกันไป เหลือเพียงแค่หัวกะโหลกของคนตาย
    เออร์วินเดินไปเก็บกล้อง ดึงฟิล์มออกแล้วทุบกล้องทิ้ง เขาเห็นปากขนาดยักษ์งับหัวกะโหลก เคี้ยว และกลืนมันลงคอ ไม่เหลือหลักฐานว่าตรงนี้มีใครตาย “...ยังตามฉันอยู่อีกเหรอ?”
    หมาป่าสีขาวที่ตัวโตร่วมสามเท่าของหมีสบตากับเออร์วิน แล้วก็หันควับเดินหนีไป
    “ถึงจะใช้วิธีไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ขอบใจที่ช่วย” ไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ได้ยิน แต่ร่างของสัตว์ลึกลับนั้นก็จางหายไป
    “ระวังด้วยเออร์วิน” ระวัง? ระวังอะไร? “มันกำลังจะมา”
    เขากับหมาป่าเผือกตัวมหึมานั้นยังติดต่อกันได้ด้วยการสื่อสารทางจิต “อย่าบอกนะว่า... เจ้านั่นถูกปล่อยออกมาแล้ว”
    “ใช่” ยุ่งล่ะสิ ใครมือบอนไปปล่อยตัวที่รับมือยากที่สุดมาล่ะ ทั้งที่เขาพยายามเลือดตาแทบกระเซ็นเพื่อขังมัน
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
ขอบคุณทุกคนที่ให้คะแนนโหวตและคอมเม้นท์มากๆ ^_^
ตรงประโยคนี้มันทำให้ไม่เซนเซอร์ไม่ได้ จะแทรกคำจะเว้นวรรคมันก็ยังเซนเซอร์แต่คงรู้นะว่าเป็นคำว่าอะไร
>> เจคสั่งทุกคนด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม
ตอนที่ 3 ชั่วโมงเรียนท้ามรณะ
    วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1993
    อาคารเรียนฝ่ายชาย ทุกคนเงียบสนิท ไม่มีใครคุยกับใครสายตาทุกคนมองไปรอบข้างอย่างระแวดระวังตลอดเวลา อย่างที่เจคพูด ที่นี่ไม่มีใครไว้ใจใคร เพราะฉะนั้นเรื่องมิตรภาพลืมมันไปได้เลย ที่นี่ไม่มีของพรรค์นั้น ที่แปลกไปกว่านั้นคือบอกว่าเป็นอาคารเรียน แต่ไม่มีอาจารย์สอน แล้วที่นี่เขาเรียนอะไรกันล่ะ
    จู่ๆก็มีเสียงจอแจไม่มีปี่มีขลุ่ย...ไม่มีใครคุยกับใครเหมือนเดิม... แค่ต่างคนต่างพูดกับตัวเอง เจคดึงไอล์ให้ไปนั่งที่โต๊ะข้างๆเขา แล้วเริ่มร้องเพลงที่ทำให้ทุกคนเงียบสนิท
   
“ฉันเดินบนถนนโชกเลือด ฝนตกลงมาเป็นหยดน้ำสีแดง
    แสงไฟนีออนกระทบมีดในมือวาววับจับเป็นสีรุ้ง จนฉันลืมไปว่าเดิมมันสีอะไร
    แต่ที่จำได้คือเจ้าเพื่อนซี้ของฉันนั้นเป็นสีแดง ในยามที่ฉันกรีดมันลงไปบนคอหอยของใครคนหนึ่ง
    เลือดกระฉอกออกมาท่วมคอ ปากขยับขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี
    พลเมืองดีนี่ชื่อใครกัน ไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งตอนฉันลงมือ
    เสียงไม่มีใครจะได้ยิน กล่องเสียงถูกเชือดเลือดนองเป็นสายน้ำหมดลมหายใจ
    โธ่ ตายเร็วจังยังไม่สาใจ งั้นคราวหน้าหาวิธีใหม่ให้ตายช้ากว่าเดิม เหยื่อรายต่อไปเริ่มจากใครดี”
    ...เพลง The Ripper of America
    “ไอล์มาด้วยกันหน่อย...” เลยเวลาเรียนไปมากแล้วเจคก็คิดว่าคงมีเหตุฉุกเฉินทำให้ผู้สอนมาไม่ได้
    “ไปไหนอ่ะ?”
    “หาคน”
    ไม่รู้ว่าทำไมต้องตามไปกับเจคด้วย แต่ไอล์ก็ไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมพิลึกพิลั่นแบบนี้โดยไม่มีเพื่อนสักคน และที่สำคัญสุด “ขอฉันแวะที่นึงก่อนนะ”
    “แวะ?”
    “อยากเข้าห้องน้ำอ่ะ” สวัสดิการดีไปหน่อย แอร์เย็นฉ่ำ จนปวด... “ฉันปวดฉี่”
    เจคหัวเราะ ไอล์ทำให้เขาหัวเราะได้บ่อยจริงๆ “งั้นก็ไปห้องน้ำก่อนก็ได้”
    เจคสอดส่องแล้วว่าไม่มีคนอื่น ก็ให้ไอล์เข้าห้องน้ำไปคนเดียว ส่วนตัวเองยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้า ไอล์ทำธุระเสร็จแล้วก็ไปที่อ่างล้างมือ เมื่อเปิดก๊อกน้ำล้างมือก็เห็นน้ำที่ไหลจากก๊อกเป็นสีแดง... สนิม?... แต่มีกลิ่นคาว... เลือด!!!
    “เจค!!! มานี่เร็ว!!!!!” ไอล์ตะโกนเรียกเพื่อน
    “มีอะไร?” เจคเห็นมือเพื่อนถูกย้อมด้วยน้ำสีแดงเข้มก็ส่งผ้าเช็ดมือที่อยู่ตรงฝาผนังให้ “เช็ดซะ”
    “ น้ำจากก๊อก” ไอล์เช็ดมือไปพูดไป
    “อือ... เห็นแล้ว” เจคปิดก๊อก แล้วชวนไอล์ขึ้นไปบนดาดฟ้า
    ประตูทางเข้าดาดฟ้าถูกคล้องไว้ด้วยแม่กุญแจทองเหลืองอันใหญ่มานับตั้งแต่วันที่ซาร่าห์ มอร์แกนตกลงไปเสียชีวิต เจคถีบเข้าโครมเดียว ทั้งประตู ทั้งแม่กุญแจ พังไม่มีชิ้นดี
    เจคปีนขึ้นเปิดฝาแท็งก์น้ำใช้ของอาคาร “ว่าแล้ว ไม่รู้จักรักษาทรัพย์สินสาธารณะบ้างเลยเจ้าพวกนี้”
    “บนนั้นมีอะไรเจค”
    “อยากให้โกหก หรือ อยากให้พูดความจริงล่ะ”
    “เอาเรื่องจริงสิ”
    “ศพ” เจคมองร่างอาจารย์ชายวัยกลางคนที่ควรจะเข้าสอนในเช้านี้ถูกนำมาทิ้งแช่น้ำ เนื้อตัวบวมอืด มีรอยถูกเฉือนที่ข้อมือทั้งสองข้างและลำคอ
    นึกว่าจะกลัว... ไอล์เฉยสนิท... ตายังใสแป๋วเหมือนไม่ได้ยินเสียงคำว่า ‘ศพ’ แหม ถ้าอยากมีเพื่อนเป็นสัปเหร่อต้องทำใจให้ชินกับศพไว้ก่อนสิ... ที่จริงก็ไม่อยากมีเพื่อนเป็นสัปเหร่อมากนักหรอกนะ แต่ในนี้จะหาเพื่อนดีกว่านี้คงลำบาก
    “รู้สึกว่านายด้านขึ้นนะ” วันแรกยังกลัวศพซาร่าห์เลย แค่วันที่สามหน้าตาชินชาขึ้นเยอะ
    ว่าด้านนี่ มันด่าหรือมันชม ไอล์เหลือบมองที่แขนขวา พอรู้จักกับความกลัวที่เป็นความกลัวสุดขีดแล้ว ความกลัวต่อเรื่องอื่นๆมันก็จิ๊บจ๊อยลงเป็นกอง
    เจคกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมไอล์ ตามคำสั่งหัวหน้าผู้คุมที่ว่า ‘ห้ามให้คลาดสายตา’
    “เฮ้ย!! พวกแกน่ะรับมาซะว่าใครเป็นฆ่าอาจารย์ที่เพิ่งเข้าใหม่”
    มาถามที่ห้องเรียนนี่? เจคคิดว่าฆาตกรเป็นคนในนี้?!!
    “กูเอง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบ แม้จะมีวัยไล่เลี่ยกัน แต่ฝ่ายยอมรับว่าตนเป็นฆาตกรก็ตัวใหญ่กว่าเป็นสองเท่าของเจค กล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดๆ... มวยคนละรุ่นกันเลย... คนมาใหม่ๆยังไม่รู้ฤทธิ์เจค แต่คนเก่ารู้ดีจึงหลบไปชิดกำแพงอย่างเร็วที่สุดกันโดนลูกหลง ขณะที่เด็กใหม่ยืนงงว่าทำไมต้องหลบกันด้วย
    ฉึก!!!! มีดในมือเจ้านิโกรล่ำบึ้กเฉี่ยวที่หน้าผากซ้ำรอยบากเดิม... เจคป้ายมือดูเลือดที่หน้าผากพลางคิด... ถ้ารอยนี่ทำให้มีแผลเป็นเพิ่มคงทุเร ศตาย... เพราะรอยแผลที่หน้าผากมันจะเป็นรูปดอกจัน ไม่น่าต่อให้เลย
    มีเสียงโห่ เสียงเชียร์ ลุ้นระทึกของเหล่าเด็กใหม่ที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในขณะบรรดารุ่นพี่หนีห่างจากศูนย์กลางการดวลให้มากที่สุดเท่าที่สถานที่จะอำนวย
    “เจค” ไอล์ตกใจกับแผลของเพื่อน จนลืมความปลอดภัยของตัวเอง
    “เรียกทำไม?” เจคหันไปถามไอล์ ขณะที่มีดในมืออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ถึงตัว นักเรียนรุ่นเก่าหลับตาปี๋ นักเรียนรุ่นใหม่เบิกตาค้าง กับภาพมีดที่ทิ่มลงไปในเบ้าตา... มีดของเจคที่ไม่มีใครได้ทันมองเห็นว่าถูกชักขึ้นมาตอนไหนถูกหมุนเป็นวงกลมจนลูกนัยน์ตาอีกฝ่ายถูกปั่นจนเหลวก่อนที่จะร่วงลงมาราวกับผลไม้ที่ถูกปั่น เจคไม่ได้ชักมีดออกแต่ลากยาวทางหางตาจนกระทั่งตัวมีดโผล่ออกมากจากด้านข้างศรีษะ
    “ไม่มีอาจารย์สอน ฉันก็จะเป็นคนสอนในคาบนี้เอง เข้าใจมั้ยเจ้าพวกเด็กใหม่ วิชาแรกที่ฉันจะสอนชื่อวิชา ‘รู้ไว้ซะว่าใครเป็นใคร’ ” เจคสั่งทุกคนด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม แต่ผ่อนสายตาลงเมื่อมองคนที่ถูกฝากฝังให้ดูแล “วิชานี้นายไม่เกี่ยวนะไอล์”
    คนถูกปั่นลูกตาและเฉือนออกทางขมับกุมแผลใหญ่ของตนแล้วร้องอย่างน่าเวทนา “...บัดซบ”
    เจคเบี่ยงตัวหลบมีดที่เล็งมาที่หน้าเขาแล้วจับข้อมืออีกฝ่ายบิดจนมีเสียงกร๊อบ “ใช้เป็นแต่กำลังน่ะวิวาทอาจจะชนะ แต่ถ้าจะฆ่ากันแค่นี้ไม่พอนะ” พลางบีบแผลที่เขาเป็นคนฝากไว้ให้จนเลือดที่เริ่มแห้งเพราะโดนความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไหลจ๊อกๆออกมาอีกครั้ง เจคบีบเศษเนื้อหยุ่นๆที่ติดมือแล้วดมกลิ่น กลิ่นนี้ล่ะที่เขาชอบนัก...กลิ่นเลือด... คนแกว่งเท้าหาเสี้ยนอย่างไม่ประเมินตนร้องของชีวิตอย่างน่าสมเพชเมื่อรู้ว่าไม่มีทางต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้
    “เจค หยุดเถอะ” ไอล์ขอร้องให้หยุดและจับมือที่เป็นเมือกมันสีแดงก่ำไว้
    “จบการเล็คเชอร์” เจคกล่าว แล้วมองหน้าไอล์ที่เหมือนอยากจะร้องไห้ ขี้แยแบบนี้ไม่เหมาะกับที่นี่เลย
    “ไอ้เวร มึงตาย!!” เจคทำพลาดที่ไม่ได้ริบมีดของอริ สู้ซึ่งหน้าไม่ได้ก็ใช้วิธีลอบกัด
    “ไม่เข็ดเลยนะแกเนี่ย” มือข้างที่ถือมีดถูกไอล์จับไว้ ถ้าจะขยับตอบโต้ให้เร็วพอคมของมีดอาจจะโดนมือไอล์ไปด้วย เจคจึงไม่ขยับ
    ไอล์เอาตัวเองเข้าไปบัง คิดว่าโดนแน่แต่ฝ่ายนั้นกลับชะงักราวกับว่าเวลาของมันหยุดนิ่ง “อะไร...?!” ข้างหลังมีอะไร ไอล์เอียงหน้าหันไปดูเจค แต่เพื่อนก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปสักนิด ข้างหลังก็ไม่มีใคร แล้วทำไมถึงได้ทำหน้ากลัวมากอย่างนั้น
    “เจ้านั่นมันอะไร!!! ตัวอะไร!!!” ดวงตาสีแดงของเงาดำที่อยู่ข้างหลังเจคทำให้เขาขนพองสยองเกล้า
    “เจ้านั่น?” ไอล์ทวน ก็ไม่เห็นมีอะไร หรือเสพยาเกินขนาดจนเห็นภาพหลอน
    “คิก คิก คิก คิก” เงานั้นส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็ก และเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขา มันมีรูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิง ความกลัวและความไม่เข้าใจทำให้เหงื่อไหล่โทรม ครู่เดียวเงานั้นก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นเด็กผู้หญิงตาสีฟ้า ผมสีทองยาวหยักศก ใส่ชุดกระโปรงดำแบบตุ๊กตาฝรั่งเศส ที่ผมมีกิ๊บอันใหญ่รูปหัวกะโหลก “เจนนี่เกลียด... เกลียดคนที่แกล้งเจค ”
    “...จะใช้กลอะไรฉันไม่สน” ตั้งสติได้แล้วก็เสียบมีดเข้าที่หน้าเด็กหญิงตัวน้อย แต่เด็กหญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘เจนนี่’ ไม่บาดเจ็บ เธอกัดมีดแหลกเป็นผงด้วยฟันซี่คม ฟันทุกซี่ในปากของเธอเป็นฟันเขี้ยว
    เธอหัวเราะเสียงแหลมแล้วกัดมือของคนที่เธอเห็นว่าเป็นศัตรูขาด มือที่ถูกกระชากไปจากแขนดิ้นตุบๆบนพื้น ข้อต่อที่ขาดมือไปมีเลือดพุ่งออกมาราวก๊อกน้ำที่เปิดไว้แรงสุด ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
    “หึ หึ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลย” เจคหัวเราะชื่นชมเด็กสาวที่เขามองเห็นเพียงคนเดียว
    “เจค นายพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นที่นี่น่ะ?!” ไอล์เห็นคนอื่นมีท่าทีเหมือนเขา คือไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หมายความว่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นครั้งแรก
    “เจนนี่ รู้วิธีทำปลาทอดมั้ย?” ไอล์บอกให้เขาหยุด เขาก็หยุดแล้วนะ แต่เจนนี่ไม่ใช่เขานี่
    “ค่ะ” เธอตอบ เป็นเสียงที่เจคได้ยินคนเดียว
    เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!!! กระจกหน้าต่างแตกเป็นช่องพอให้เด็กใหม่ที่ตัวใหญ่ทีสุดในห้องเรียนลอดออกไปได้ เจนนี่ใช้มือทึ้งผมเด็กหนุ่มตัวใหญ่ลากลงไปทางหน้าต่าง แล้วลากไปอาคารฝึกงาน
    ขั้นตอนที่ 1 ตัดหัว... เอาไปตัดที่เครื่องตัดกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในอาคาร ใบมีดคมกรีบที่ใช้ตัดกระดาษเลื่อนขึ้นลง จังหวะที่มันเลื่อนลงใช้เป็นที่สับคอได้พอดี
    ขั้นตอนที่ 2 ล้วงไส้ใน... ล้วงยากแฮะ ดึงไม่ออก เจนนี่ใช้มีดทำครัวช่วยแซะ แต่ก็ติดส่วนกระดูก “ยากจัง หาวิธีอื่นดีกว่า”
    ขั้นตอนที่ 3 ทอดทีละด้าน... ขอเปลี่ยนวิธีการเล็กน้อยเนื่องจากคนทอดทำยากไป ทำแบบเดียวกับปลาหมึกบดล่ะกัน
    ขั้นตอนที่ 3 ฉบับบูรณะใหม่ ทิ้งลงไปในเครื่องรีดผ้าคลุมเตียง เจนนี่คอยฟังเสียงเอี๊ยดและรอดูที่ด้านส่งผ้าออก
    “รีดผ้าออกจะเรียบ ทำไมรีดคนมันเละจัง” เละตุ้มเป๊ะ ไม่เหลือสภาพความเป็นคนให้เห็น เอาไปวางรวมกับเนื้อหมูเนื้อวัวที่สับแล้วก็แยกความแตกต่างไม่ออก ร่างเจนนี่เลือนหายไป ทิ้งมือไว้ในห้องเรียน ทิ้งหัวไว้ในเครื่องตัดกระดาษ และทิ้งเนื้ออันสุดแสนจะเละไว้ที่เครื่องรีดผ้าคลุมเตียงให้เหล่าผู้คุมและผู้ดูแลมีงานเพิ่ม
    ไอล์ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน... เขารู้ว่าคนที่ฆ่าไม่ใช่เจค... และไม่ใช่ใครสักคนด้วยที่ฆ่าแต่เป็นอะไรบางอย่างต่างหาก...
    “ไอล์ ทานอะไรสักหน่อยนะ” หญิงสาวผมสีน้ำเงินไว้เปียเดี่ยวส่งนมและขนมปังให้ไอล์ เขาต้องย้ายมาอยู่ในความดูแลของมาธีน่า กล็อก หัวหน้าผู้ดูแลหอพักที่ห้อง 606
    “ขอบคุณครับ” รับแล้วก็ทานอย่างฝืนๆ อีกหนึ่งอาทิตย์เจคถึงจะได้กลับมา เพราะไม่มีใครอื่นนอกจากเขายอมเป็นพยานให้ว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าเพื่อนร่วมสถานกักกันเลยต้องถูกทำโทษ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง... เจคก็พูดแปลกๆด้วย อย่างคำว่า ‘เจนนี่’ กับ ‘ปลาทอด’ ทำนองนั้น น่าเป็นห่วง “...ทำไมถึงให้คนที่ถูกส่งมาเหมือนผมพกอาวุธได้ล่ะครับ ถ้าห้ามคงจะไม่มีเรื่องร้ายๆแบบนี้เกิดขึ้นนะครับ”
    “ห้ามไปก็เหมือนเดิม เด็กพวกนี้ต่อให้มือเปล่าก็ฆ่าคนได้ ที่สั่งห้ามไว้มีแค่อาวุธปืนกับวัตถุระเบิด เพราะฉะนั้นจำไว้ว่าอย่าเข้าใกล้ใครเกินหนึ่งเมตรถ้าไม่จำเป็น”
    “แต่ถึงกับมีคนตาย แล้วคนทางบ้านพวกเขา...”
    “เอาเรื่อง... ฟ้องร้อง... หรือขายข่าวให้สื่อมวลชนน่ะเหรอ? ใครจะไปสนล่ะในเมื่อคนที่ถูกส่งมาที่นี่เป็นพวกที่แม้แต่พ่อแม่ก็ยังคิดว่าน่าจะตายไปให้พ้นๆ”
    “แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำผิดล่ะ” อาจจะมีคนที่โดนยัดเยียดข้อหาเหมือนเขาปะปนด้วย
    “ไม่มีหรอกคนที่ไม่ได้ทำผิดน่ะ ที่นี่ไต่สวนละเอียดกว่าศาล มีทั้งพยานเหตุการณ์ หลักฐานวัตถุ เอกสารทุกย่างสมบูรณ์”
    “ไต่สวน?!” ตอนที่เขาถูกส่งมานี่ไม่เห็นจะมีการไต่สวน
    “ตายล่ะ ฉันพูดมากไปแล้ว อิริคต้องโกรธแน่เลย” มาธีน่าปิดปากเงียบไม่ว่าไอล์จะถามอะไรต่อ การบอกความจริงที่ว่าไอล์โดนแม่บังเกิดเกล้าจ้องฆ่านั้นเป็นสิ่งที่อิริคห้ามไว้
    “ผมไปหาเจคได้มั้ย?” อยู่ข้างๆเจคมีหลายครั้งที่ลำบากใจ แต่ยังไงก็รับได้กว่าที่โดนมาธีน่าตามติดทุกที่ แม้กระทั่งห้องสุขาชาย! กลับมาเร็วๆเถอะเจค ไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงที่ตามเขาเข้าไปในห้องน้ำชายหน้าตาเฉย
    “คงได้มั้ง” อิริคไม่ได้ห้ามไว้ มาธีน่าพาไอล์ไปป้อมผู้คุม
    “อือ... ลดเหลือสักห้าวันไม่ได้เหรอ?” เจคอ้อนวอน
    “ไม่ได้” หัวหน้าผู้คุมยึดถือคำสั่งเดิม ไม่มีการลดโทษ
    “ผมไม่ได้ฆ่านา” เจคทำเสียงอ้อน “แค่พูดกับเจนนี่เรื่องวิธีทอดปลาเอง”
    “นั่นแหละ เธอจงใจใช่มั้ยล่ะ?!” อิริคพันโซ่สำหรับล่ามนักโทษมัดเจคไว้กับเสาทรงกลม โซ่นั้นพาดผ่านลำคอ เอว และหน้าแข้ง โซ่อีกสามเส้นมีปลอกสำหรับล็อคแขนซ้าย แขนขวา และข้อเท้าทั้งสองข้าง ปลายโซ่มัดไว้กับเสาใกล้ๆกันต่างหาก “อยู่สงบสติอารมณ์สักอาทิตย์นึงแล้วกัน”
    “ใจร้าย ใจดำ ทำกับเด็กน่ารักอย่างผมได้ลงคอ” น่ารักตายล่ะ ยิ้มหน้าแป้นตลอดการพิจารณาคดี ทีตอนล่ามโซ่มาทำน้ำตาคลอ แกล้งบีบน้ำตาชัดๆ
    “ถ้าไม่อยากโดนล่ามก็อย่าฆ่าใครสิ” อิริคพูด
    “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นคนฆ่า” เจคยืนกราน
    “แต่เธอเป็นคนสั่งให้ฆ่า” ต่างกันตรงไหน “อย่าบอกนะว่าประโยค ‘ปลาทอด’ นั่นน่ะไม่ใช่คำสั่งฆ่า”
    “ฮะ ฮะ... แหม รู้ทันอีก” เจคเห็นเงาของสิ่งที่ตามติดเขาเสมอไปอยู่ข้างหลังอิริค “หยุดนะเจนนี่”
    “ฆ่าไม่ได้เหรอ?” เธอถามพลางทำหน้าเบ้
    “ไม่ได้” เจคสั่งเสียงแข็ง “ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธ อย่าให้สั่งซ้ำสอง” ใช้คำว่า ‘ถ้าไม่อยากให้โกรธ’ แต่ตอนนี้ก็กำลังโกรธ
    เจนนี่แผดเสียงร้องไห้ด้วยความน้อยใจ “ฮึก ฮึก ฮึก เจครักคนอื่นมากกว่าเจนนี่แล้วเหรอ?”
    “เจค ทำให้เด็กร้องไห้น่ะมันไม่ดีนะ” อิริคอุ้มเจนนี่แล้วปาดน้ำตาให้ “เดี๋ยวเจคเขาก็หายโกรธ”
    อ้าว นี่กลายเป็นผมผิดเรอะ เด็กที่ว่าน่ะเพิ่งคิดจะฆ่าคุณหยกๆนะครับ เจคปวดประสาท สงสัยสมองอิริคไม่ทำงานแหง “...เจนนิเฟอร์?”
    “เจนนิเฟอร์!” เจนนี่บอกให้อิริคปล่อยแล้ววิ่งไปหาเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับลอกแบบกันมา “พี่จ๋า”
    เจนนิเฟอร์ถือตุ๊กตาหมีนุ่นตรงคอทะลักเข้าไปหาเจค “โดนทำโทษอีกแล้วเหรอคะ?”
    “แหะ แหะ... ขอโทษที่ให้เห็นสารรูปดูไม่ได้” เจคมองตุ๊กตา “ถ้าเชือดตรงคอจะตายเร็วนะเจนนิเฟอร์ ไม่สนุกหรอก อุ๊บ”
    “เจนนิเฟอร์ไปเล่นกับเจนนี่ก่อนนะ แล้วอย่าไปฆ่าใครเข้าล่ะ” อิริคบอกขณะที่เอาผ้าอุดปากเจคแล้วมัดเชื่อมกับเสา เตรียมผ้าปิดปากมาโดยเฉพาะเลย ปากแบบนี้ชาติหน้าก็คงแก้ไม่หาย “การพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดน่ะเขาไม่เรียกว่าจริงใจนะ เขาเรียกว่าปากเปราะ”
    โธ่ ดูตาผมสิ ใสซื่อจะตาย... จริงใจนะเนี่ย... ปากพูดไม่ได้ใช้สายตาพูดต่อ
    มาธีน่าพาไอล์ไปที่ห้องของอิริคแต่ไม่พบเจ้าของห้อง ไม่อยากพาไอล์ไปที่ห้องนั้น แต่ไอล์ดึงดันจะพบเจคให้ได้ แล้วเธอก็ยอมใจอ่อนจนได้
    “สภาพแบบนี้เจคคงไม่อยากให้เธอเห็นเท่าไหร่” มาธีน่าเปิดประตูห้องซีกขวาชั้นบนสุดของป้อมผู้คุมให้
    “เจค!” สภาพนี้ไอล์ไม่คิดว่ามันน่าดูสักนิด เหมือนกับสัตว์ในสวนสัตว์ที่ถูกจับล่ามเพราะอาละวาดทำร้ายคน
    ตาสีฟ้ากลมแป๋วของเจนนิเฟอร์จ้องไอล์แล้วเกาะขาเขา อิริคยิ้ม “ทำบาปซะแล้วนะ รับผิดชอบไปเล่นกับเธอหน่อยล่ะ”
    ทำบาป? รับผิดชอบ? ไอล์งงเป็นไก่ตาแตก รับผิดชอบน่ะรับผิดชอบอะไร เด็กคนนี้เกาะไม่ปล่อยด้วย
    “หนูชื่อเจนนิเฟอร์ พี่ชื่ออะไร หนูชอบพี่แล้วล่ะ” ลูกใครหว่า ไม่ค่อยจะแก่แดดเลยนะ หรือจะเป็นลูกคุณอิริค แต่หน้าตาไม่เห็นคล้าย
    เจคพยักหน้าให้ไอล์ไปเล่นกับเจนนิเฟอร์ ทางนี้เขาสบายมาก ความรู้สึกตอนโดนล่ามมือ ล่ามเท้า มัดปากก็คิดซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ... ถ้าเป็นคนที่เจนนิเฟอร์ชอบ ถึงจะนอกสายตาเขาเจนนี่ก็จะไม่ฆ่าไอล์แน่...
    “แล้วจะเล่นอะไรดีล่ะ” ไอล์ตามเจนนิเฟอร์กลับไปที่ห้องอิริค ที่นี่จะมีของเล่นสำหรับเด็กรึ?!
    “วาดรูปเล่นกัน” เจนนิเฟอร์ค้นลิ้นชักโต๊ะของอิริค แล้วหยิบกระดาษวาดเขียนกับดินสอสีขึ้นมา
    ไอล์จับดินสอสีด้วยมือขวาตามความเคยชิน แต่พอจะลงมือวาดดินสอสีก็หลุดจากมือ...วาดไม่ได้...ไอ้แขนเฮงซวย ไอล์ได้แต่ดูเจนนิเฟอร์วาด ไอล์เห็นเจนนิเฟอร์วาดเป็นรูปหน้าของตัวเอง “วาดเก่งนี่ ไม่มีกระจกส่องยังวาดเหมือน”
    “กระจก? ทำไมต้องใช้กระจกด้วยล่ะคะ? แบบก็นั่งข้างหน้านั่นไง” เจนนิเฟอร์ชี้ด้วยแท่งดินสอสี เจนนี่นั่งเป็นแบบให้เธอ
    ข้างหน้า เขาไม่เห็นมีใคร ไอล์แปลกใจ แต่ที่แปลกใจกว่าสิ่งที่มองไม่เห็นคือ เจนนิเฟอร์เริ่มแรเงาภาพด้วยดินสอสีดำบนกระดาษขาว จนเหลือแค่ที่ว่างเป็นรูปหมาป่า... สีขาว?... เขาคงไม่ได้คิดไปเอง เด็กคนนี้อาจจะรู้อะไรบางอย่าง
    “เธอเคยเห็นเจ้าตัวนี้ด้วยเหรอ?” ไอล์ถามอย่างไม่คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวจากเด็กเล็กๆ
    “เห็นสิ... พวกเราเรียกมันว่า ‘ปีศาจสีขาว’ เธอตอบฉะฉานเกินเด็ก
    พวกเรา? หมายถึงยังมีคนอื่นที่เห็น... แต่คำพูดของเด็กเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
    “เจนนี่ก็เห็นเนอะ” เจนนิเฟอร์ถามคนที่เป็นแบบวาดภาพให้
    “ฮื่อ”
    ไอล์มองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงของเจนนี่ เขาคิดว่าเจนนิเฟอร์อาจจะมีปัญหาทางสมองก็ได้ เจนนิเฟอร์เองก็รู้ว่าไอล์มองไม่เห็น เพราะถ้ามองเห็นเจนนี่ล่ะก็ตอนนี้คงไม่ได้นั่งคุยกับเธอแล้ว นอกจากเธอ เจค กับอิริค มีแต่คนชะตาขาดเท่านั้นแหละที่จะมองเห็นเจนนี่
   
    วันอังคารที่ 9 มีนาคม บ้านครอฟอร์ด เวลาสิบโมงเช้า
    “เออร์วิน ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอ” โจลีนเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนตามที่คาด
    เรื่องพินัยกรรมล่ะสิ... ยังไม่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่... ผู้หญิงอย่างโจลีนคิดเป็นเรื่องเดียว คือ เงิน! “ฉันว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ โจนาธานเป็นคนฝากฝังให้ฉันดูแลไอล์”
    “ไอล์ยังการต้องมีแม่คอยดูแลไม่ใช่เหรอ?”
    “อาจใช่ แต่แม่อย่างเธอไม่มีซะจะเป็นผลดีมากกว่า” เออร์วินรู้มาตลอดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแบบไหน ตอนที่โจนาธานแต่งงานกับหล่อนเขาถึงคัดค้านหัวชนฝา “ห้าหมื่นล้านมันล่อใจมากเลยสินะ”
    “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ฉันเป็นแม่ของไอล์นะ อยากดูแลลูกชายผิดด้วยเหรอ?”
    “พูดผิดแล้ว ที่เธออยากดูแลน่ะไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็น ‘เงินของลูกชาย’ ถ้ามีธุระแค่นี้ก็ไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงาน“
    โจลีนทำหน้านิ่ว เออร์วินรู้ไส้รู้พุงเธอหมด จะเล่นละครตบตาก็แสนยาก “...เธอก็เหมือนกันนั่นแหละอ้างว่าทำเพราะโจนาธานขอร้อง ที่จริงก็อยากได้เงินล่ะสิ ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด”
    “เพิ่งรู้นะว่าคนเลวๆนี่เขาชอบเหมาว่าคนอื่นจะเป็นพวกแบบเดียวกันหมด ไสหัวไป!” เออร์วินจ่อขมับโจลีนด้วยปืนพก
    แชะ! เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นหนึ่งครั้ง...ติดกับ... โจลีนตั้งใจถ่ายรูปตอนที่เขาขู่เธอด้วยอาวุธ “ช่างภาพที่ฉันจ้างน่ะถ่ายภาพได้เก่งนักล่ะ รูปนี้ถ้าฉันเอาไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ฉันเป็นผู้ดูแลไอล์ คิดว่าใครจะชนะ”
    โบร๋วววววววววววววววววววว!!!! เสียงสุนัขเพื่อนบ้านเห่าหอนไม่หยุดหย่อน โจลีนสะดุ้งกับเสียงแต่ก็เดินออกไปนอกบ้านของเออร์วินอย่างคิดว่าตนเป็นผู้ชนะแล้ว
    “...กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!” โจลีนร้องลั่น ช่างภาพที่เธอที่ว่าจ้างด้วยราคาแพงลิบลิ่วถูกสัตว์ทุกชนิดในย่านนั้นรุมขย้ำ ฉีกทึ้งเป็นอาหารจนเหลือแต่โครงกระดูกที่ไม่มีเนื้อติดแม้แต่น้อย
    โจลีนวิ่งหนีไป เออร์วินมองไปที่ศพ... ควรจะประหลาดใจ... หรือควรจะดีใจที่โจลีนไม่เหลือหลักฐานที่จะใช้ฟ้องต่อศาลเพื่อแย่งไอล์ สุนัขหลายตัวแย่งยื้อกระดูกไปคนละชิ้นแล้วแยกย้ายกันไป เหลือเพียงแค่หัวกะโหลกของคนตาย
    เออร์วินเดินไปเก็บกล้อง ดึงฟิล์มออกแล้วทุบกล้องทิ้ง เขาเห็นปากขนาดยักษ์งับหัวกะโหลก เคี้ยว และกลืนมันลงคอ ไม่เหลือหลักฐานว่าตรงนี้มีใครตาย “...ยังตามฉันอยู่อีกเหรอ?”
    หมาป่าสีขาวที่ตัวโตร่วมสามเท่าของหมีสบตากับเออร์วิน แล้วก็หันควับเดินหนีไป
    “ถึงจะใช้วิธีไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ขอบใจที่ช่วย” ไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ได้ยิน แต่ร่างของสัตว์ลึกลับนั้นก็จางหายไป
    “ระวังด้วยเออร์วิน” ระวัง? ระวังอะไร? “มันกำลังจะมา”
    เขากับหมาป่าเผือกตัวมหึมานั้นยังติดต่อกันได้ด้วยการสื่อสารทางจิต “อย่าบอกนะว่า... เจ้านั่นถูกปล่อยออกมาแล้ว”
    “ใช่” ยุ่งล่ะสิ ใครมือบอนไปปล่อยตัวที่รับมือยากที่สุดมาล่ะ ทั้งที่เขาพยายามเลือดตาแทบกระเซ็นเพื่อขังมัน
- โปรดติดตามตอนต่อไป -
ขอบคุณทุกคนที่ให้คะแนนโหวตและคอมเม้นท์มากๆ ^_^
ตรงประโยคนี้มันทำให้ไม่เซนเซอร์ไม่ได้ จะแทรกคำจะเว้นวรรคมันก็ยังเซนเซอร์แต่คงรู้นะว่าเป็นคำว่าอะไร
>> เจคสั่งทุกคนด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น