คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 8/1 ||50%||
KIM PART
ผมวางสายจากน้องสาวแล้วหยิบของที่เค้กเลือกแล้วไปจ่ายเงิน นานๆผมถึงจะกลับบ้านทีเลยจะต้องมีของฝากอย่างน้อยหนึ่งชิ้นไปให้ ทีจริงจากกรุงเทพกลับบ้านที่ชลบุรีก็ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงแต่ผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ่อยๆแบบที่เคยบอก
ส่งข้อความไปบอกไอ้เฟรมว่ารอที่ร้านอาหารแล้วผมก็เดินต่อ วันนี้นอกจากจะมาซื้อของแล้วก็ยังมีนัดกับไอ้เฟรมอีก เหลือกันอยู่สองคนเพราะไอ้วินที่มีแฟนไปแล้วก็ติดแฟนเหลือเกิน ส่วนไอ้กันต์ก็ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนกับพวกผมเหมือนเคยยิ่งเมื่อวันก่อนเพิ่งไปมีเรื่องกับไอ้วีที่เรียนเครื่องกลฯ แบบนั้นผมเลยได้รู้เรื่องราวทั้งหมดซักที ดูท่ามันก็คงจะมีแฟนเร็ๆนี่ละ
คนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าผมไปทำให้เท้าผมหยุดชะงัก จะบอกว่ารู้จักผมก็ไม่แน่ใจว่าใช้คำนั่นได้มั้ย ผมส่ายหน้าแล้วเดินตามไปไม่ได้ตั้งใจตามนะแต่ทางที่ผมกำลังไปเป็นทางเดียวกันเท่านั้นแหละ เดินไปซักพักสองคนที่เดินก่อนหน้าผมก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารไปก่อนเข้าไปผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาทางผมพอดีเราเลยได้สบตากันแปปเดียว สายตาผมก็โฟกัสไปที่ผู้หญิงอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ
คนละคนกับที่เจอครั้งที่แล้วนี่นา
ผมเดินผ่านไปแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมารับ เป็นไอ้เฟรมที่โทรมา
“ถึงแล้วเหรอ” ผมถามไปก่อน เพราะจำได้ว่าเพิ่งส่งข้อความไป
“เออ มึงอยู่ไหน ไหนว่ารอที่ร้าน”
“กูกำลังไป” ผมตอบแล้ววางสายรีบเดินไปหาไอ้เฟรม หลังเจอกันก็คุยเรื่องอื่นจนลืมเรื่องของผู้ชายคนนั้นไป
“กูรอตรงนั้นนะ” ผมบอกไอ้เฟรมหลังจากที่่ทานข้าวเสร็จไอ้เฟรมก็จำได้ว่าช่วงนี้มีหนังที่มันอยากดูพอดีเราเลยมาอยู่ที่โรงหนัง ระหว่างรอมันไปซื้อตั๋วผมก็นั่งรอ
โลกกลมเหรอหรือเวรกรรม คนที่นั่งโต๊ะถัดไปเป็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ผมหัวเราะกับตัวเองแล้วนั่งลง หันหน้าไปทางนั้นพอดีพอเห็นผมอีกครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว ผมยิ้มมุมปากแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
“ไง”
เสียงทักทำให้ผมเงยหน้าไปมอง เขาเดินเข้ามาคุยกับผมทำไมเขายืนอยู่คนเดียว ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“รู้ใช่มั้ยว่าไม่ใช่เรื่องของมึงที่จะพูดอะไร”
“...” ผมไม่ได้ตอบ กำลังประมวลผลอยู่ว่าคนตรงหน้ากำลังจะสื่ออะไร
“กูจะคุยกับใครก็เรื่องกู”
กลัวผมจะบอกเรื่องของเขาหรอกเหรอ ท่าท่างของผมมันเหมือนคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือชอบพูดเรื่องของคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ
“คิดว่ากูจะพูดเรื่องที่ไร้สาระขนาดนั้นเลยเหรอ” ไม่ได้รู้จักหรอกแต่เดินเข้ามาเหมือนหาเรื่องขนาดนี้ก็พูดเพราะกลับไปไม่ได้เหมือนกัน
“แล้วมึงยิ้มทำไม”
ผมยักไหล่ “ยิ้มปกติครับ” ไม่ได้สนิทกันมาขึ้นมึงขึ้นกูนี่ไม่น่าคบจริงๆ แต่ถึงผมจะไม่ชอบแต่การพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแบบนี้ของผมคงไปสะกิดต่อมอะไรซักอย่างละมั้งหน้าตาถึงเหมือนโกรธกว่าเดิมอีก
“มึงเป็นแฟนเบลล์นี่นา” เขาถามขึ้นมา
ผมหน้าตึงหลังจากได้ยินเขาพูด ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากจะมาคุยกับเขา
“เด็ดนะ” มันพูดแล้วขยับเข้ามากระซิบใกล้ผม “แต่กูเบื่อแล้ววะ”
ผมกำหมัดแน่นหลังได้ยินประโยคนั้น ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนกับเบลล์จริงๆแต่มาได้ยินแบบนี้มันก็สุดจะทนจากจะเป็นคนดีผมก็พุ่งเข้าไปกำคอเสื้อของเขาแน่น
“ปากอย่างมึงน่าจะโดนตีนกูซักที” ผมพูดเสียงเบา “เป็นโชคดีของเบลล์ที่มึงออกจากชีวิตเขา”
“มีอะไรกันวะ/พี่เอก”
ผมปล่อยคอเสื้อของมันแล้วถอยออกมาอยู่ที่เดิมหลังจากไอ้เฟรมกลับมาผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาเกาะแขนของมันทันทีแล้วถามด้วยเสียงเป็นห่วง
“รุ่นน้องน่ะ” มันตอบ
ผมเดินไปหาไอ้เฟรมแต่ก่อนจะเดินออกไปผมก็ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้
“ครับรุ่นน้อง แต่คนที่เดินด้วยเมื่อวานไม่ใช่คนนี้นี่ครับเป็นอีกคนนึงน่ะ”
ทีแรกผมแค่เดินผ่านมาเจอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำแต่หลังจากประโยคของมันเมื่อกี้ทำเอาผมอดไม่อยู่
“มึงรู้จักเขาเหรอ” หลังเราเดินออกมาแล้วจะเข้าโรงหนังไอ้เฟรมก็ถาม
“รู้จักชื่อแต่ไม่รู้จักว่าใคร”
“ยังไงวะ”
ผมรู้จักชื่อไงแต่ไม่ได้รู้จักว่าเรียนอะไร อายุเท่าไหร่หรือมีความเป็นมายังไง
“แล้วทำท่าเหมือนจะไปต่อยเขาทำไม”
“พูดไม่เข้าหู”
“เก่งเหลือเกินนะมึง” ไอ้เฟรมว่า
ไม่ได้เก่งหรอกแต่มือมันไปเอง
ความคิดเห็น