ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [E-Book] I Need You To The Moon And Back...

    ลำดับตอนที่ #15 : 8/1 ||50%||

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 63


    KIM PART 

     

    ผมวางสายจากน้องสาวแล้วหยิบของที่เค้กเลือกแล้วไปจ่ายเงิน นานๆผมถึงจะกลับบ้านทีเลยจะต้องมีของฝากอย่างน้อยหนึ่งชิ้นไปให้ ทีจริงจากกรุงเทพกลับบ้านที่ชลบุรีก็ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงแต่ผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ่อยๆแบบที่เคยบอก 

    ส่งข้อความไปบอกไอ้เฟรมว่ารอที่ร้านอาหารแล้วผมก็เดินต่อ วันนี้นอกจากจะมาซื้อของแล้วก็ยังมีนัดกับไอ้เฟรมอีก เหลือกันอยู่สองคนเพราะไอ้วินที่มีแฟนไปแล้วก็ติดแฟนเหลือเกิน ส่วนไอ้กันต์ก็ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนกับพวกผมเหมือนเคยยิ่งเมื่อวันก่อนเพิ่งไปมีเรื่องกับไอ้วีที่เรียนเครื่องกลฯ แบบนั้นผมเลยได้รู้เรื่องราวทั้งหมดซักที ดูท่ามันก็คงจะมีแฟนเร็ๆนี่ละ 

    คนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าผมไปทำให้เท้าผมหยุดชะงัก จะบอกว่ารู้จักผมก็ไม่แน่ใจว่าใช้คำนั่นได้มั้ย ผมส่ายหน้าแล้วเดินตามไปไม่ได้ตั้งใจตามนะแต่ทางที่ผมกำลังไปเป็นทางเดียวกันเท่านั้นแหละ เดินไปซักพักสองคนที่เดินก่อนหน้าผมก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารไปก่อนเข้าไปผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาทางผมพอดีเราเลยได้สบตากันแปปเดียว สายตาผมก็โฟกัสไปที่ผู้หญิงอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ 

    คนละคนกับที่เจอครั้งที่แล้วนี่นา 

    ผมเดินผ่านไปแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมารับ เป็นไอ้เฟรมที่โทรมา 

    ถึงแล้วเหรอ” ผมถามไปก่อน เพราะจำได้ว่าเพิ่งส่งข้อความไป 

    เออ มึงอยู่ไหน ไหนว่ารอที่ร้าน 

    กูกำลังไป” ผมตอบแล้ววางสายรีบเดินไปหาไอ้เฟรม หลังเจอกันก็คุยเรื่องอื่นจนลืมเรื่องของผู้ชายคนนั้นไป 

     

    กูรอตรงนั้นนะ” ผมบอกไอ้เฟรมหลังจากที่่ทานข้าวเสร็จไอ้เฟรมก็จำได้ว่าช่วงนี้มีหนังที่มันอยากดูพอดีเราเลยมาอยู่ที่โรงหนัง ระหว่างรอมันไปซื้อตั๋วผมก็นั่งรอ 

    โลกกลมเหรอหรือเวรกรรม คนที่นั่งโต๊ะถัดไปเป็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ผมหัวเราะกับตัวเองแล้วนั่งลง หันหน้าไปทางนั้นพอดีพอเห็นผมอีกครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว ผมยิ้มมุมปากแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น 

    ไง 

    เสียงทักทำให้ผมเงยหน้าไปมอง เขาเดินเข้ามาคุยกับผมทำไมเขายืนอยู่คนเดียว ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม 

    รู้ใช่มั้ยว่าไม่ใช่เรื่องของมึงที่จะพูดอะไร 

    “...” ผมไม่ได้ตอบ กำลังประมวลผลอยู่ว่าคนตรงหน้ากำลังจะสื่ออะไร 

    กูจะคุยกับใครก็เรื่องกู 

    กลัวผมจะบอกเรื่องของเขาหรอกเหรอ ท่าท่างของผมมันเหมือนคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือชอบพูดเรื่องของคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ 

    คิดว่ากูจะพูดเรื่องที่ไร้สาระขนาดนั้นเลยเหรอ” ไม่ได้รู้จักหรอกแต่เดินเข้ามาเหมือนหาเรื่องขนาดนี้ก็พูดเพราะกลับไปไม่ได้เหมือนกัน 

    แล้วมึงยิ้มทำไม 

    ผมยักไหล่ “ยิ้มปกติครับ” ไม่ได้สนิทกันมาขึ้นมึงขึ้นกูนี่ไม่น่าคบจริงๆ แต่ถึงผมจะไม่ชอบแต่การพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแบบนี้ของผมคงไปสะกิดต่อมอะไรซักอย่างละมั้งหน้าตาถึงเหมือนโกรธกว่าเดิมอีก 

    มึงเป็นแฟนเบลล์นี่นา” เขาถามขึ้นมา 

    ผมหน้าตึงหลังจากได้ยินเขาพูด ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากจะมาคุยกับเขา 

    เด็ดนะ” มันพูดแล้วขยับเข้ามากระซิบใกล้ผม “แต่กูเบื่อแล้ววะ 

    ผมกำหมัดแน่นหลังได้ยินประโยคนั้น ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนกับเบลล์จริงๆแต่มาได้ยินแบบนี้มันก็สุดจะทนจากจะเป็นคนดีผมก็พุ่งเข้าไปกำคอเสื้อของเขาแน่น 

    ปากอย่างมึงน่าจะโดนตีนกูซักที” ผมพูดเสียงเบา “เป็นโชคดีของเบลล์ที่มึงออกจากชีวิตเขา 

    มีอะไรกันวะ/พี่เอก 

    ผมปล่อยคอเสื้อของมันแล้วถอยออกมาอยู่ที่เดิมหลังจากไอ้เฟรมกลับมาผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาเกาะแขนของมันทันทีแล้วถามด้วยเสียงเป็นห่วง 

    รุ่นน้องน่ะ” มันตอบ 

    ผมเดินไปหาไอ้เฟรมแต่ก่อนจะเดินออกไปผมก็ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้ 

    ครับรุ่นน้อง แต่คนที่เดินด้วยเมื่อวานไม่ใช่คนนี้นี่ครับเป็นอีกคนนึงน่ะ”  

    ทีแรกผมแค่เดินผ่านมาเจอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจด้วยซ้ำแต่หลังจากประโยคของมันเมื่อกี้ทำเอาผมอดไม่อยู่ 

     

    มึงรู้จักเขาเหรอ” หลังเราเดินออกมาแล้วจะเข้าโรงหนังไอ้เฟรมก็ถาม 

    รู้จักชื่อแต่ไม่รู้จักว่าใคร 

    ยังไงวะ 

    ผมรู้จักชื่อไงแต่ไม่ได้รู้จักว่าเรียนอะไร อายุเท่าไหร่หรือมีความเป็นมายังไง 

    แล้วทำท่าเหมือนจะไปต่อยเขาทำไม 

    พูดไม่เข้าหู 

    เก่งเหลือเกินนะมึง” ไอ้เฟรมว่า  

    ไม่ได้เก่งหรอกแต่มือมันไปเอง  



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×